หลัก 4 ใจของการสร้างแรงจูงใจให้คนในองค์กร
ผมได้มีโอกาสอ่านบทความดีๆ ของ คุณวิเศษ วิศิษฎ์วิญญู (รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีค้าปลีกและการตลาดจำกัด) เกี่ยวกับเรื่องการบริหารทรัพยกรมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อ “การสื่อสารเพื่อความเข้าใจในองค์กร” และเป็นหลักการที่จะทำให้องค์กรพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว ผมเห็นว่าหลักการง่ายๆ 4 ข้อของท่านน่าสนใจและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับองค์กร์ทุกองค์กร์ ไม่ว่าจะป็น SMEs, startups หรือไม่กระทั่งองค์กรใหญ่ๆ วันนี้ผมเลยรวบรวมหลักการทั้ง 4 ข้อมาฝากกันครับ
คุณวิเศษ กล่าวว่า ท่านได้ใช้หลักการ 4 นี้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยหลักการดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากหลักการธรรมชาติ คือ การเรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์เรานั่นเองครับ เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความต้องการแตกต่างกันและมีเป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เราก็จะบริหารพนักงานได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นถ้าหากพนักงานของเราพบว่าสิ่งที่ตนต้องการเป็นเส้นทางงเดียวกันกับสิ่งที่จะนำพาเขาไปสู่ความต้องการและเป้าหมายชีวิตนั้น (ก็คือเป็นเส้นทางเดียวกันกับเป้าหมายขององค์กร) ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ด้วย “ใจ” ที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง
1. เข้าใจ
เพราะทุกๆคนมีความแตกต่างกันทั้งทางด้สน สรีระ สติปัญญา และ จิตใจ ดังนั้น hr หรือผู้บริหารที่ดีจะต้องเข้าใจ จุดเด่น จุดด้อย เป้าหมาย ความคิดของพนักงานแต่ละคนและมอบหมายงานให้ตรงกับความสามารถของแต่ละคน หรือที่ผมเรียกว่า “put the right man to the right job” ครับ หากเรามีความเข้าใจและมอบหมายงานได้ตรงกับความสามารถของพนักงานแล้ว พนักงานแต่ละครก็จะสามารถแสดงความรู้ความสามารถ ของตนได้อย่างเต็มที่ คุณควรจะเลี่ยงที่จะมอบหมายงานให้กับคนที่ไม่สามารถทำงานนั้นได้นะครับ เพราะผลลัพท์อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหวังครับ อย่าลืม! ว่าเมื่อเราได้ทำงานสิ่งที่เรารัก เราถนัด เราย่อมจะทำงานนั้นๆได้อย่างมีความสุขและจะได้ผลงานที่มีคุณภาพครับ
2. จูงใจ
Hr หรือผู้บริหารจะต้องรู้จักวิธีการจูงใจพนักงานแต่ละคน อย่างที่ผมพูดไปแล้วในเรื่อง”เข้าใจ” ว่าแต่ละคนมีความอบความต้องการไม่เป็นกัน ดังนั้น แต่ละคนก็ย่อมีความสะดวกใจในการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่เท่ากันด้วยเช่นกันครับ คำวึความสะดวกใจนี้ คุณวิเศษเรียกว่า “ขอบเขตของความสะดวกใจ หรือ comfort zone” ครับ หากผู้บริหารหรือ hr สามารถสร้างcomfort zone ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆให้แก่พนักงานแล้ว ศักยภาพในการทำงานก็จะมากขึ้นด้วยครับ การจูงใจ ประกอบไปด้วย 5ความกล้า กล่าวคือ (1) กล้าเรียนรู้ (2) กล้าคิด (3)ก ล้านำเสนอ (4) กล้าทำ และ (5) กล้ารับผิดชอบ การที่เราสามารถจูงใจให้พนักงานกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด จะทำให้สักวันหนึ่งสิ่งนั้นกลายเป็นสิ่งที่รู้และถนัดขึ้นมาได้ และ comfort zone ก็จะใหญ่ขึ้นและพัฒนาเป็นความกล้าคิด กล้านำเสนอ และนำไปสู่ความกล้าทำและกล้ารับผิดชอบในที่สุด
3. สานใจ
เนื่องจากแต่ละองค์กรก็ประอบไปด้วยคนจำนวนมาก ที่มีหน้าที่แตกต่างกัน หากเราสามารถเอาความรู้ความสามารถของแต่ละคนมาเกื้อกูลกันได้ก็จะเกิดพลังขึ้นอย่างมาก ซึ่งตรงนี้ หมายความว่า hr หรือ ผู้บริหารควรจะส่งเสริมการทำงานเป็นทีม โดยการจัดการทีมงานข้ามสายงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน นอกจากการทำงานเป็นทีม ที่มี “งาน” เป็นตัวสานใจแล้ว คุณยังสามารถใช้ “ความชอบ” เป็นตัวสานใจได้อีกด้วย เพราะคนคนหนึ่งอาจจะมีความขอบหลายอย่างก็จะสามารถเข้ากับบุคคลได้หลายกลุ่ม (เข้ากิจกรรมได้หลายกลุ่ม) และนี่คือส่วนสำคัญในการสานใจให้กว้างขึ้น นอกจากนั้น การทำกิจกรรมร่วมกันยังช่วยเสริมให้เกิดการ “เข้าใจ” และการ “จูงใจ” ให้กับพนักงานคนอื่นๆต่อไปด้วยครับ
4. ได้ใจ
ในเรื่องนี้ คุณวิเศษ นะนำว่า องค์กร์ที่จะมีความยั่งยืนจะต้องเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และแน่นอนว่าทุกช่วงเวลาย่อมมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่สิ่งที่จะยึดเหนี่ยวให้ทุกคนในองค์กรร่วมแรงร่วมใจในการฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ ก็คือใจที่ “รักและผูกพัน” ต่อองค์กรเสมือนครอบครัวเดียวกัน ผู้อาวุโสจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อาวุโสน้อยกว่า (Role model) สิ่งเหล่านี้จะทำให้ พนักงานทุกคนฟันผ่าอุปสรรคไปอย่างมีทุกข์ร่วมต้าน มีสุขร่วมเสพครับ
เป็นไงครับ หลัก 4 ใจ ที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับคนในองค์กรของคุณ ผมหวังว่าบทความข้างต้นนี้จะมีประโยชน์ต่อองค์กรของคุณไม่มากก็น้อยนะครับ ผมคิดว่าไม่ว่างค์กร์ไหนๆก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ และควรจะใช้ตั้งแต่แม้ว่าบริษัทคุณยังเป็น startup ที่มีพนักงานอยู่เพียง 3 -5 คนครับ
AEC Job Listing Team
หลัก 4 ใจของการสร้างแรงจูงใจให้คนในองค์กร
ผมได้มีโอกาสอ่านบทความดีๆ ของ คุณวิเศษ วิศิษฎ์วิญญู (รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีค้าปลีกและการตลาดจำกัด) เกี่ยวกับเรื่องการบริหารทรัพยกรมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อ “การสื่อสารเพื่อความเข้าใจในองค์กร” และเป็นหลักการที่จะทำให้องค์กรพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว ผมเห็นว่าหลักการง่ายๆ 4 ข้อของท่านน่าสนใจและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับองค์กร์ทุกองค์กร์ ไม่ว่าจะป็น SMEs, startups หรือไม่กระทั่งองค์กรใหญ่ๆ วันนี้ผมเลยรวบรวมหลักการทั้ง 4 ข้อมาฝากกันครับ
คุณวิเศษ กล่าวว่า ท่านได้ใช้หลักการ 4 นี้ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยหลักการดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากหลักการธรรมชาติ คือ การเรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์เรานั่นเองครับ เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความต้องการแตกต่างกันและมีเป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เราก็จะบริหารพนักงานได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นถ้าหากพนักงานของเราพบว่าสิ่งที่ตนต้องการเป็นเส้นทางงเดียวกันกับสิ่งที่จะนำพาเขาไปสู่ความต้องการและเป้าหมายชีวิตนั้น (ก็คือเป็นเส้นทางเดียวกันกับเป้าหมายขององค์กร) ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ด้วย “ใจ” ที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง
1. เข้าใจ
เพราะทุกๆคนมีความแตกต่างกันทั้งทางด้สน สรีระ สติปัญญา และ จิตใจ ดังนั้น hr หรือผู้บริหารที่ดีจะต้องเข้าใจ จุดเด่น จุดด้อย เป้าหมาย ความคิดของพนักงานแต่ละคนและมอบหมายงานให้ตรงกับความสามารถของแต่ละคน หรือที่ผมเรียกว่า “put the right man to the right job” ครับ หากเรามีความเข้าใจและมอบหมายงานได้ตรงกับความสามารถของพนักงานแล้ว พนักงานแต่ละครก็จะสามารถแสดงความรู้ความสามารถ ของตนได้อย่างเต็มที่ คุณควรจะเลี่ยงที่จะมอบหมายงานให้กับคนที่ไม่สามารถทำงานนั้นได้นะครับ เพราะผลลัพท์อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหวังครับ อย่าลืม! ว่าเมื่อเราได้ทำงานสิ่งที่เรารัก เราถนัด เราย่อมจะทำงานนั้นๆได้อย่างมีความสุขและจะได้ผลงานที่มีคุณภาพครับ
2. จูงใจ
Hr หรือผู้บริหารจะต้องรู้จักวิธีการจูงใจพนักงานแต่ละคน อย่างที่ผมพูดไปแล้วในเรื่อง”เข้าใจ” ว่าแต่ละคนมีความอบความต้องการไม่เป็นกัน ดังนั้น แต่ละคนก็ย่อมีความสะดวกใจในการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่เท่ากันด้วยเช่นกันครับ คำวึความสะดวกใจนี้ คุณวิเศษเรียกว่า “ขอบเขตของความสะดวกใจ หรือ comfort zone” ครับ หากผู้บริหารหรือ hr สามารถสร้างcomfort zone ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆให้แก่พนักงานแล้ว ศักยภาพในการทำงานก็จะมากขึ้นด้วยครับ การจูงใจ ประกอบไปด้วย 5ความกล้า กล่าวคือ (1) กล้าเรียนรู้ (2) กล้าคิด (3)ก ล้านำเสนอ (4) กล้าทำ และ (5) กล้ารับผิดชอบ การที่เราสามารถจูงใจให้พนักงานกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด จะทำให้สักวันหนึ่งสิ่งนั้นกลายเป็นสิ่งที่รู้และถนัดขึ้นมาได้ และ comfort zone ก็จะใหญ่ขึ้นและพัฒนาเป็นความกล้าคิด กล้านำเสนอ และนำไปสู่ความกล้าทำและกล้ารับผิดชอบในที่สุด
3. สานใจ
เนื่องจากแต่ละองค์กรก็ประอบไปด้วยคนจำนวนมาก ที่มีหน้าที่แตกต่างกัน หากเราสามารถเอาความรู้ความสามารถของแต่ละคนมาเกื้อกูลกันได้ก็จะเกิดพลังขึ้นอย่างมาก ซึ่งตรงนี้ หมายความว่า hr หรือ ผู้บริหารควรจะส่งเสริมการทำงานเป็นทีม โดยการจัดการทีมงานข้ามสายงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน นอกจากการทำงานเป็นทีม ที่มี “งาน” เป็นตัวสานใจแล้ว คุณยังสามารถใช้ “ความชอบ” เป็นตัวสานใจได้อีกด้วย เพราะคนคนหนึ่งอาจจะมีความขอบหลายอย่างก็จะสามารถเข้ากับบุคคลได้หลายกลุ่ม (เข้ากิจกรรมได้หลายกลุ่ม) และนี่คือส่วนสำคัญในการสานใจให้กว้างขึ้น นอกจากนั้น การทำกิจกรรมร่วมกันยังช่วยเสริมให้เกิดการ “เข้าใจ” และการ “จูงใจ” ให้กับพนักงานคนอื่นๆต่อไปด้วยครับ
4. ได้ใจ
ในเรื่องนี้ คุณวิเศษ นะนำว่า องค์กร์ที่จะมีความยั่งยืนจะต้องเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และแน่นอนว่าทุกช่วงเวลาย่อมมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่สิ่งที่จะยึดเหนี่ยวให้ทุกคนในองค์กรร่วมแรงร่วมใจในการฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ ก็คือใจที่ “รักและผูกพัน” ต่อองค์กรเสมือนครอบครัวเดียวกัน ผู้อาวุโสจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อาวุโสน้อยกว่า (Role model) สิ่งเหล่านี้จะทำให้ พนักงานทุกคนฟันผ่าอุปสรรคไปอย่างมีทุกข์ร่วมต้าน มีสุขร่วมเสพครับ
เป็นไงครับ หลัก 4 ใจ ที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับคนในองค์กรของคุณ ผมหวังว่าบทความข้างต้นนี้จะมีประโยชน์ต่อองค์กรของคุณไม่มากก็น้อยนะครับ ผมคิดว่าไม่ว่างค์กร์ไหนๆก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ และควรจะใช้ตั้งแต่แม้ว่าบริษัทคุณยังเป็น startup ที่มีพนักงานอยู่เพียง 3 -5 คนครับ
AEC Job Listing Team