ตอนเก่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนแรก http://ppantip.com/topic/33309892
ตอน 2 http://ppantip.com/topic/33315124
ตอน 3 http://ppantip.com/topic/33320887
ตอน 4+5 http://ppantip.com/topic/33374190
6
สัตว์ประหลาดออกอาละวาด!!
หลังจากสันกลับมาถึงบ้านและได้รับรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับลูกตัวเองจากภรรยาแล้ว ก็ถึงกับหน้าถอดสี เพราะการเห็นสีดำ-แดงแล้วเกิดอารมณ์อยากฆ่านั้น เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
เพราะนั่นหมายความว่า ต่อให้ตัวเองไม่ต้องการ แต่หากไปเจอสองสีนั้นเข้าก็จำเป็นต้องฆ่าใครสักคนอย่างห้ามไม่ได้ และนั่น...ลูกของเขาทั้งคนเชียวนะที่กำลังเผชิญเรื่องนี้อยู่
สองสามีภรรยาจึงหันหน้าเข้าหากัน คิดวิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เนียร์เจอสองสีนั้น
“ให้ตายเถอะ ถึงเราจะจัดการให้ในบ้านไม่มีสองสีนี้คู่กันยังไง แต่ออกไปข้างนอกก็ต้องเจออยู่ดี” สันถอนหายใจ กุมขมับอย่างหมดปัญญาจะแก้
“จะให้เดินไปปิดตาไปก็ไม่ได้ซะด้วย” กุลกุมหัวบ้าง
แล้วสองสามีภรรยาก็เข้าสู่ภาวะคิดหนัก
“อืม...............”
ตุ้บ!
เสียงบางสิ่งหล่นลงมากลางโต๊ะ ทำให้ทั้งคู่ที่กำลังเครียดๆ กันอยู่ลืมตาขึ้นมามอง
และ...
“ว้ากกกกกกกกก!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!”
“พ่อ! แม่!” ทั้งทินและเนียร์ที่ได้ยินเสียงร้องรีบวิ่งมาที่ห้องอาหารทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น และได้เห็นสภาพพ่อแม่ของตนกำลังกอดกันแน่นบนพื้น และพยายามถอยห่างออกจากโต๊ะให้มากที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ทินถาม
กุลชี้นิ้วสั่นๆ ไปตรงโต๊ะกินข้าวให้ทั้งคู่ที่มาใหม่หันมองตามด้วยความสงสัย ว่าทำไมถึงได้ทำท่ากลัวซะขนาดนั้น
ทันทีที่หันไปมอง ยังไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร สิ่งแปลกประหลาดก็เข้ากระโจนหาเนียร์โดยไม่ทันให้ตั้งตัว
“เหวอ!” มันเกาะเข้าไปที่หน้าของเธอเต็มๆ บดบังภาพทั้งหมดให้เห็นแต่เพียงกลุ่มขนสีฟ้าเท่านั้น “ทิน! เอามันออกไปที! เอามันออกไป!!” เธอตะโกนและพยายามจะแกะมันออก
“งั้นก็อยู่เฉยๆ สิ ฉันแกะออกไม่ได้” เขาเอ็ดใส่น้องสาว
“โอ...พระเจ้า มันช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้” สองสามีภรรยากอดกันกลมอยู่ตรงมุมห้องด้วยความหวาดกลัว
สับสนอลเวงกันพอดูกว่าจะจับเจ้าตัวประหลาดนั้นได้ เพราะพอหลุดจากหน้าเนียร์ก็ไปติดที่หัวของทิน บางทีก็แกล้งเข้าไปแหย่สันกับกุลให้กลัวเล่น กว่าจะจับตัวได้เล่นเอาหอบหนัก
สองพี่น้องต้อนมันจนจับตัวได้แล้ววางลงบนโต๊ะกินข้าว สั่งให้มันอยู่เฉยๆ น่าแปลก...ตรงที่มันยอมทำตามแต่โดยดี
“ทิน” เนียร์ยืนกอดอกเรียกชื่อคนข้างๆ
คนยืนกอดอกมองไปที่บนโต๊ะเหมือนกัน ถามกลับ “อะไร”
“มันใช่ตัวเดียวกันกับเมื่อคืนนี้แน่เหรอ รู้สึกว่ามัน...จะตัวเล็กลงไปนิดนะ” ตอนนี้คิ้วทั้งสองข้างของเธอขมวดเข้าหากันจนแทบจะชิดติดกันอยู่แล้ว
“ฉันว่ามันไม่นิดล่ะ มันโคตรจะเล็กลงเลยล่ะ”
เนียร์พยักหน้าเห็นด้วยเป็นที่สุด
ตอนนี้เจ้าสัตว์ประหลาดที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวมีขนาดเพียงฝ่ามือเธอเท่านั้น รูปร่างคล้ายสุนัขหมาป่าที่ยืนสองขา มีขนสีฟ้าสดรุงรังเต็มตัว หางฟูฟ่องสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งนั้นไม่ได้ทำให้มันน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นสักนิด เพราะฟันที่แหลมคมเต็มปากนั่นคอยเบรกไว้
พวกเขาขอสาบานเลยว่าจะไม่เอามือไปแหย่ตรงปากมันเด็ดขาด ยิ่งเล็บนี่แทบไม่ต้องพูดถึง ยังดีที่มันสามารถเก็บเล็บได้ ไม่งั้นตอนกระโดดเกาะหัวคนเมื่อครู่คงทิ้งรอยสักสองสามแผลแน่
เนียร์เพิ่งนึกออกว่าขนสีฟ้าของมันเป็นสีฟ้าเดียวกับสีฟ้าของโดราเอมอน แต่มันต่างกันตรงที่ตัวหนึ่งน่ารักน่ากอด ส่วนอีกตัวก็น่าชังน่าถีบไปไกลๆ
“เราเลี้ยงเจ้าตัวนี้ไว้ได้มั้ยฮะแม่” ทินหันไปถามกุลที่ตอนนี้ไปหลบอยู่ตรงหลังราวบันไดซะแล้ว แต่เสียงที่ตอบมากลับเป็นอีกคน
“จะให้เลี้ยงไอ้ตัวนี้ไว้เนี่ยนะ!” สันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แม้แต่กุลกับเนียร์ยังเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ส่วนทินก็พยักหน้าให้แทนคำตอบ และรีบพูดต่อเมื่อเจอสายตาห้ามปรามของสัน
“น่า...พ่อ เลี้ยงมันไว้เถอะ ดูสิมันเชื่องจะตายไป” เขาจับให้มันวิ่งไต่ไปตามตัวเขาแล้วกลับมาอยู่ตรงมือที่แบออกอย่างรู้งาน
“จะเลี้ยงอะไรก็เลี้ยงไปเถอะ แต่อย่าให้มันมายุ่งกับพ่อกับแม่ก็แล้วกัน” กุลพูดทั้งๆ ที่ยังตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของสามี
“เยส!” ทินชักมือตรงเอวแสดงถึงชัยชนะ
“ดะ...เดี๋ยวสิ!” เนียร์ยังตะลึงไม่หาย “พี่คงไม่คิดจะเลี้ยงมันไว้จริงๆ หรอกนะ” เนียร์ถามเสียงสูง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะใจกล้าเลี้ยงสัตว์ประหลาดแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่ฉีกร่างคนเป็นชิ้นๆ เมื่อคืนก่อนอีกด้วย
“ก็จริงน่ะสิ ถามได้ แต่คนที่เป็นเจ้าของมันจริงๆ น่ะคือเธอ”
“ฉัน?” เนียร์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เมื่อคืนมีหลักฐานบอกอยู่ไม่ใช่รึไง เธอก็น่าจะรู้ดี”
“มันก็ใช่นะ แต่...” เนียร์หาคำที่จะปฏิเสธไม่ออก ในเมื่อมันเป็นความจริงที่หนีไม่พ้น
“แต่อะไรอีกล่ะ เห็นมั้ย มันชอบเธอจะตาย” ทินมองมันไต่ขึ้นหัวเธออย่างสนุกสนาน แต่เนียร์ไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับมันเลยสักนิด ออกจะหวาดๆ ซะด้วยซ้ำ
“ก็มันฆ่าคนตาย จะให้ฉันเลี้ยงไว้รึไง” ประโยคนี้ทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดตัวสีฟ้าหยุดปีนไต่แล้วโดดลงไปบนโต๊ะทันที
“ไม่เอาน่าเนียร์ ถ้าเธอที่เป็นเจ้าของยังไม่ยอมรับมัน แล้วใครที่ไหนมันจะไปยอมรับ” ทินพยายามเกลี้ยกล่อมสุดชีวิต
เนียร์มองมันที่กำลังทำหน้าน่าสงสารอย่างสุดชีวิตเหมือนกัน แถมยังครางหงิงๆ เหมือนเวลาสุนัขอ้อนเจ้าของอีกต่างหาก
“เห็นมั้ย น่าสงสารออก” คนคิดอยากเลี้ยงพยายามเชียร์เต็มที่
เนียร์คิดหนัก ให้เธอตัดสินใจว่าจะเลี้ยงจระเข้ดีไม่ดียังจะง่ายกว่าอีก...เธอถอนหายใจ รู้ว่ายังไงทินก็จะเลี้ยงมันให้ได้ แต่จะให้เธอทำใจยอมรับเลยเนี่ยนะ ถึงตอนนี้จะดูไร้พิษสงแล้วก็เถอะ หากพอลองดูไปดูมาแล้วก็พบว่ามันก็ดู...เชื่องดี?
“...ก็ได้ ฉันเลี้ยงมันไว้ก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอตอบออกไปแบบนั้นกันแน่ แต่เจ้าสัตว์ประหลาดที่ฟังคนพูดรู้เรื่องนั้นกระโดดใส่ทันทีจนเด็กสาวเสียหลักล้ม พร้อมกับเลียไปทั่วหน้าของเธอ
“โอเค พอได้แล้วน่ามันจั๊กจี้” เนียร์ดึงตัวมันออกห่างก่อนจะลุกขึ้นมาพบใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้างจนน่าหาอะไรมายัดของทิน
“รู้สึกจะอารมณ์ดีจังนะ” เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์
สองกลัว
อีกสองดีใจ
อีกหนึ่งไม่สบอารมณ์
..............................
....มันจะไปด้วยกันได้มั้ยล่ะนี่
จบตอน 6
7
ประสาทกิน
หากเมื่อวานนี้ลองสังเกตเข้าไปในห้องพักผ่อนของบ้านวงศ์รัตนากุล ก็จะเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งตรงโซฟาทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แต่ถ้าวันนี้ลองดูอีกครั้ง ก็จะได้เห็นผู้หญิงคนเดิม แต่กลับทำหน้าเหมือนอยากฆ่าใครสักคนผิดจากเมื่อวานลิบลับ แถมคราวนี้ เธอยังมีเพื่อนร่วมก๊วนหนึ่งคนและหนึ่งตัวเพิ่มมาเพื่อร่วมปั่นหัวด้วย
“เนียร์ มาช่วยตั้งชื่อมันหน่อยสิ” ทินที่นั่งอยู่ตรงพื้นหน้าโซฟาพูด มือก็เล่นกับสัตว์ประหลาดไร้ชื่อเรียกไปด้วย
“นายอยากตั้งว่าอะไรก็ตั้งไปสิ ฉันอนุญาต” เธอพยายามไม่สนใจโดยเอาหนังสือการ์ตูนมาอ่านบังหน้า แต่ไร้ประโยชน์เมื่อทินเอื้อมมือมาดึงหนังสือออกไป ทำเอาคนตั้งใจเมินมองตาขวาง
“ไม่เอาน่า เธอเป็นเจ้าของก็ควรตั้งเองสิ” ทินพูดด้วยเสียงที่ฟังแล้วรู้ทันทีว่าต้องการยั่วอารมณ์คนตรงหน้า
“แล้วจะให้ฉันตั้งว่าอะไรล่ะ” เนียร์ทำเสียงดุ ส่วนทินก็ยักไหล่เป็นเชิงบอกว่า ‘ก็แล้วแต่เธอสิ’
พอรู้ว่าถึงทำเมินไปก็ไร้ความหมาย เด็กสาวเลยถอนหายใจอย่างนึกปลง มองดูเจ้าตัวประหลาดที่ต้องตั้งชื่อให้ ซึ่งตอนนี้โดดมาอยู่บนตักพร้อมทำลิ้นห้อยเหมือนหมาไม่มีผิด
“อืม...ตั้งว่าอะไรดีล่ะ” เธอขมวดคิ้วหลับตาลง พยายามนึกหาชื่อเหมาะๆ
ถึงสีฟ้าเหมือนกัน แต่เธอไม่ขอตั้งว่า ‘โดราเอมอน’ เด็ดขาด
“ชอบทำท่าเหมือนหมาแบบนี้ เอาเป็น... บ๊อก ละกัน”
ชื่อที่ตั้งมาทำเอาทินอ้าปากค้าง ในขณะที่ตัวที่เพิ่งได้รับชื่อก็กระโดดไปมาอย่างดีใจ
“นี่เธอนึกชื่ออื่นไม่ออกแล้วรึไง”
“อ้าว ไหนบอกว่าให้ตั้งว่าอะไรก็ได้ไง ฉันก็จะเอาชื่อนี้แหละ เห็นมั้ย มันก็ชอบ” เนียร์ที่ถูกบ๊อกเลียหน้าอยู่พูด ก่อนจะเกาหัวอย่างเอ็นดูเป็นครั้งแรกโดยไม่สนใจทินที่กำลังช็อก “ไง เจ้าบ๊อก”
นี่แหละ เขาเรียกว่าเอาคืนละ
“จะว่าไป...พอเห็นมันเชื่องๆ แบบนี้ก็น่ารักดีนะ” กุลพูดขณะจัดอาหารกลางวันอยู่ โดยมีบ๊อกเกาะอยู่บนบ่า
มีเสียงหัวเราะเหอะๆ ของเนียร์ดังมาจากข้างหลัง กับเสียงใช่ๆ จากทินผู้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“แล้วได้ตั้งชื่อให้มันแล้วรึยังล่ะ” เธอหันมาถาม
“ชื่อ บ๊อก ค่ะ” คราวนี้เนียร์ตอบอย่างชัดเจนและรวดเร็ว ในขณะที่ทินหันไปบ่นอุบอิบกับตัวเอง
“คิดจะเอาไปโรงเรียนด้วยมั้ยจ๊ะ” กุลถามเป็นจังหวะเดียวกับที่บ๊อกกระโดดไปหาเนียร์
เนียร์สั่งให้เจ้าตัวสีฟ้าหันมาเกาะตรงไหล่แทน แล้วหันมาตอบแม่ “คงไม่หรอกค่ะ ถ้าเกิดโดนเจอตัวขึ้นมาได้เกิดเรื่องใหญ่แน่” เนียร์นั่งลงเท้าคาง
กุลวางหม้อต้มจืดลงบนกลางโต๊ะ โดยมีบ๊อกยืนนิ่งๆ อยู่ใกล้เจ้าของไม่คิดเข้าไปวุ่นวายกับอาหาร เพราะเมื่อวานนี้พวกเนียร์ทดสอบแล้วว่ามันกินอะไร ซึ่งผลปรากฏว่ามันแค่เข้าไปดมกลิ่นเท่านั้น แต่ไม่แตะอะไรเลย
“ยิ่งอยู่ไม่สุขแบบนี้ เห็นทีคงจะเอาไปด้วยยาก” เนียร์พูดต่อพลางตักน้ำแกง แล้วพยักเพยิดไปที่บ๊อก ซึ่งตอนนี้เริ่มโดดไปที่หัวของคนโน้นทีคนนี้ที ยังดีที่กุลสามารถทำใจได้แล้ว ไม่เช่นนั้นอาหารมื้อนี้คงเกิดโกลาหลแน่
ยิ่งเป็นแบบนี้ เนียร์ยิ่งนึกภาพตอนเอามันไปโรงเรียนไม่ออกเลยสักนิด
คงแปลกดีพิลึก เนียร์ลองนึกภาพเพื่อนในกลุ่มเห็นสัตว์ประหลาดตัวสีฟ้าตัวนี้ ไม่ช็อกรับประทาน ก็คงร้องกรี๊ดลั่นโลกวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง
“อืม...เนียร์” กุลทำท่าคิดก่อนจะถาม “โรงเรียนลูกเปิดวันไหนนะ”
“สัปดาห์หน้าค่ะ” เธอตอบแล้วหันไปบอกให้บ๊อกอยู่เฉยๆ พลางตักข้าวใส่ปาก
(ต่อ)
Be Careful!! เด็กอันตราย ตอนที่ 6+7
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สัตว์ประหลาดออกอาละวาด!!
หลังจากสันกลับมาถึงบ้านและได้รับรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับลูกตัวเองจากภรรยาแล้ว ก็ถึงกับหน้าถอดสี เพราะการเห็นสีดำ-แดงแล้วเกิดอารมณ์อยากฆ่านั้น เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
เพราะนั่นหมายความว่า ต่อให้ตัวเองไม่ต้องการ แต่หากไปเจอสองสีนั้นเข้าก็จำเป็นต้องฆ่าใครสักคนอย่างห้ามไม่ได้ และนั่น...ลูกของเขาทั้งคนเชียวนะที่กำลังเผชิญเรื่องนี้อยู่
สองสามีภรรยาจึงหันหน้าเข้าหากัน คิดวิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เนียร์เจอสองสีนั้น
“ให้ตายเถอะ ถึงเราจะจัดการให้ในบ้านไม่มีสองสีนี้คู่กันยังไง แต่ออกไปข้างนอกก็ต้องเจออยู่ดี” สันถอนหายใจ กุมขมับอย่างหมดปัญญาจะแก้
“จะให้เดินไปปิดตาไปก็ไม่ได้ซะด้วย” กุลกุมหัวบ้าง
แล้วสองสามีภรรยาก็เข้าสู่ภาวะคิดหนัก
“อืม...............”
ตุ้บ!
เสียงบางสิ่งหล่นลงมากลางโต๊ะ ทำให้ทั้งคู่ที่กำลังเครียดๆ กันอยู่ลืมตาขึ้นมามอง
และ...
“ว้ากกกกกกกกก!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!”
“พ่อ! แม่!” ทั้งทินและเนียร์ที่ได้ยินเสียงร้องรีบวิ่งมาที่ห้องอาหารทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น และได้เห็นสภาพพ่อแม่ของตนกำลังกอดกันแน่นบนพื้น และพยายามถอยห่างออกจากโต๊ะให้มากที่สุด
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ทินถาม
กุลชี้นิ้วสั่นๆ ไปตรงโต๊ะกินข้าวให้ทั้งคู่ที่มาใหม่หันมองตามด้วยความสงสัย ว่าทำไมถึงได้ทำท่ากลัวซะขนาดนั้น
ทันทีที่หันไปมอง ยังไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร สิ่งแปลกประหลาดก็เข้ากระโจนหาเนียร์โดยไม่ทันให้ตั้งตัว
“เหวอ!” มันเกาะเข้าไปที่หน้าของเธอเต็มๆ บดบังภาพทั้งหมดให้เห็นแต่เพียงกลุ่มขนสีฟ้าเท่านั้น “ทิน! เอามันออกไปที! เอามันออกไป!!” เธอตะโกนและพยายามจะแกะมันออก
“งั้นก็อยู่เฉยๆ สิ ฉันแกะออกไม่ได้” เขาเอ็ดใส่น้องสาว
“โอ...พระเจ้า มันช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้” สองสามีภรรยากอดกันกลมอยู่ตรงมุมห้องด้วยความหวาดกลัว
สับสนอลเวงกันพอดูกว่าจะจับเจ้าตัวประหลาดนั้นได้ เพราะพอหลุดจากหน้าเนียร์ก็ไปติดที่หัวของทิน บางทีก็แกล้งเข้าไปแหย่สันกับกุลให้กลัวเล่น กว่าจะจับตัวได้เล่นเอาหอบหนัก
สองพี่น้องต้อนมันจนจับตัวได้แล้ววางลงบนโต๊ะกินข้าว สั่งให้มันอยู่เฉยๆ น่าแปลก...ตรงที่มันยอมทำตามแต่โดยดี
“ทิน” เนียร์ยืนกอดอกเรียกชื่อคนข้างๆ
คนยืนกอดอกมองไปที่บนโต๊ะเหมือนกัน ถามกลับ “อะไร”
“มันใช่ตัวเดียวกันกับเมื่อคืนนี้แน่เหรอ รู้สึกว่ามัน...จะตัวเล็กลงไปนิดนะ” ตอนนี้คิ้วทั้งสองข้างของเธอขมวดเข้าหากันจนแทบจะชิดติดกันอยู่แล้ว
“ฉันว่ามันไม่นิดล่ะ มันโคตรจะเล็กลงเลยล่ะ”
เนียร์พยักหน้าเห็นด้วยเป็นที่สุด
ตอนนี้เจ้าสัตว์ประหลาดที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวมีขนาดเพียงฝ่ามือเธอเท่านั้น รูปร่างคล้ายสุนัขหมาป่าที่ยืนสองขา มีขนสีฟ้าสดรุงรังเต็มตัว หางฟูฟ่องสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งนั้นไม่ได้ทำให้มันน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นสักนิด เพราะฟันที่แหลมคมเต็มปากนั่นคอยเบรกไว้
พวกเขาขอสาบานเลยว่าจะไม่เอามือไปแหย่ตรงปากมันเด็ดขาด ยิ่งเล็บนี่แทบไม่ต้องพูดถึง ยังดีที่มันสามารถเก็บเล็บได้ ไม่งั้นตอนกระโดดเกาะหัวคนเมื่อครู่คงทิ้งรอยสักสองสามแผลแน่
เนียร์เพิ่งนึกออกว่าขนสีฟ้าของมันเป็นสีฟ้าเดียวกับสีฟ้าของโดราเอมอน แต่มันต่างกันตรงที่ตัวหนึ่งน่ารักน่ากอด ส่วนอีกตัวก็น่าชังน่าถีบไปไกลๆ
“เราเลี้ยงเจ้าตัวนี้ไว้ได้มั้ยฮะแม่” ทินหันไปถามกุลที่ตอนนี้ไปหลบอยู่ตรงหลังราวบันไดซะแล้ว แต่เสียงที่ตอบมากลับเป็นอีกคน
“จะให้เลี้ยงไอ้ตัวนี้ไว้เนี่ยนะ!” สันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แม้แต่กุลกับเนียร์ยังเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ส่วนทินก็พยักหน้าให้แทนคำตอบ และรีบพูดต่อเมื่อเจอสายตาห้ามปรามของสัน
“น่า...พ่อ เลี้ยงมันไว้เถอะ ดูสิมันเชื่องจะตายไป” เขาจับให้มันวิ่งไต่ไปตามตัวเขาแล้วกลับมาอยู่ตรงมือที่แบออกอย่างรู้งาน
“จะเลี้ยงอะไรก็เลี้ยงไปเถอะ แต่อย่าให้มันมายุ่งกับพ่อกับแม่ก็แล้วกัน” กุลพูดทั้งๆ ที่ยังตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของสามี
“เยส!” ทินชักมือตรงเอวแสดงถึงชัยชนะ
“ดะ...เดี๋ยวสิ!” เนียร์ยังตะลึงไม่หาย “พี่คงไม่คิดจะเลี้ยงมันไว้จริงๆ หรอกนะ” เนียร์ถามเสียงสูง ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะใจกล้าเลี้ยงสัตว์ประหลาดแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่ฉีกร่างคนเป็นชิ้นๆ เมื่อคืนก่อนอีกด้วย
“ก็จริงน่ะสิ ถามได้ แต่คนที่เป็นเจ้าของมันจริงๆ น่ะคือเธอ”
“ฉัน?” เนียร์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เมื่อคืนมีหลักฐานบอกอยู่ไม่ใช่รึไง เธอก็น่าจะรู้ดี”
“มันก็ใช่นะ แต่...” เนียร์หาคำที่จะปฏิเสธไม่ออก ในเมื่อมันเป็นความจริงที่หนีไม่พ้น
“แต่อะไรอีกล่ะ เห็นมั้ย มันชอบเธอจะตาย” ทินมองมันไต่ขึ้นหัวเธออย่างสนุกสนาน แต่เนียร์ไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับมันเลยสักนิด ออกจะหวาดๆ ซะด้วยซ้ำ
“ก็มันฆ่าคนตาย จะให้ฉันเลี้ยงไว้รึไง” ประโยคนี้ทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดตัวสีฟ้าหยุดปีนไต่แล้วโดดลงไปบนโต๊ะทันที
“ไม่เอาน่าเนียร์ ถ้าเธอที่เป็นเจ้าของยังไม่ยอมรับมัน แล้วใครที่ไหนมันจะไปยอมรับ” ทินพยายามเกลี้ยกล่อมสุดชีวิต
เนียร์มองมันที่กำลังทำหน้าน่าสงสารอย่างสุดชีวิตเหมือนกัน แถมยังครางหงิงๆ เหมือนเวลาสุนัขอ้อนเจ้าของอีกต่างหาก
“เห็นมั้ย น่าสงสารออก” คนคิดอยากเลี้ยงพยายามเชียร์เต็มที่
เนียร์คิดหนัก ให้เธอตัดสินใจว่าจะเลี้ยงจระเข้ดีไม่ดียังจะง่ายกว่าอีก...เธอถอนหายใจ รู้ว่ายังไงทินก็จะเลี้ยงมันให้ได้ แต่จะให้เธอทำใจยอมรับเลยเนี่ยนะ ถึงตอนนี้จะดูไร้พิษสงแล้วก็เถอะ หากพอลองดูไปดูมาแล้วก็พบว่ามันก็ดู...เชื่องดี?
“...ก็ได้ ฉันเลี้ยงมันไว้ก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอตอบออกไปแบบนั้นกันแน่ แต่เจ้าสัตว์ประหลาดที่ฟังคนพูดรู้เรื่องนั้นกระโดดใส่ทันทีจนเด็กสาวเสียหลักล้ม พร้อมกับเลียไปทั่วหน้าของเธอ
“โอเค พอได้แล้วน่ามันจั๊กจี้” เนียร์ดึงตัวมันออกห่างก่อนจะลุกขึ้นมาพบใบหน้าประดับรอยยิ้มกว้างจนน่าหาอะไรมายัดของทิน
“รู้สึกจะอารมณ์ดีจังนะ” เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์
สองกลัว
อีกสองดีใจ
อีกหนึ่งไม่สบอารมณ์
..............................
....มันจะไปด้วยกันได้มั้ยล่ะนี่
ประสาทกิน
หากเมื่อวานนี้ลองสังเกตเข้าไปในห้องพักผ่อนของบ้านวงศ์รัตนากุล ก็จะเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งตรงโซฟาทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แต่ถ้าวันนี้ลองดูอีกครั้ง ก็จะได้เห็นผู้หญิงคนเดิม แต่กลับทำหน้าเหมือนอยากฆ่าใครสักคนผิดจากเมื่อวานลิบลับ แถมคราวนี้ เธอยังมีเพื่อนร่วมก๊วนหนึ่งคนและหนึ่งตัวเพิ่มมาเพื่อร่วมปั่นหัวด้วย
“เนียร์ มาช่วยตั้งชื่อมันหน่อยสิ” ทินที่นั่งอยู่ตรงพื้นหน้าโซฟาพูด มือก็เล่นกับสัตว์ประหลาดไร้ชื่อเรียกไปด้วย
“นายอยากตั้งว่าอะไรก็ตั้งไปสิ ฉันอนุญาต” เธอพยายามไม่สนใจโดยเอาหนังสือการ์ตูนมาอ่านบังหน้า แต่ไร้ประโยชน์เมื่อทินเอื้อมมือมาดึงหนังสือออกไป ทำเอาคนตั้งใจเมินมองตาขวาง
“ไม่เอาน่า เธอเป็นเจ้าของก็ควรตั้งเองสิ” ทินพูดด้วยเสียงที่ฟังแล้วรู้ทันทีว่าต้องการยั่วอารมณ์คนตรงหน้า
“แล้วจะให้ฉันตั้งว่าอะไรล่ะ” เนียร์ทำเสียงดุ ส่วนทินก็ยักไหล่เป็นเชิงบอกว่า ‘ก็แล้วแต่เธอสิ’
พอรู้ว่าถึงทำเมินไปก็ไร้ความหมาย เด็กสาวเลยถอนหายใจอย่างนึกปลง มองดูเจ้าตัวประหลาดที่ต้องตั้งชื่อให้ ซึ่งตอนนี้โดดมาอยู่บนตักพร้อมทำลิ้นห้อยเหมือนหมาไม่มีผิด
“อืม...ตั้งว่าอะไรดีล่ะ” เธอขมวดคิ้วหลับตาลง พยายามนึกหาชื่อเหมาะๆ
ถึงสีฟ้าเหมือนกัน แต่เธอไม่ขอตั้งว่า ‘โดราเอมอน’ เด็ดขาด
“ชอบทำท่าเหมือนหมาแบบนี้ เอาเป็น... บ๊อก ละกัน”
ชื่อที่ตั้งมาทำเอาทินอ้าปากค้าง ในขณะที่ตัวที่เพิ่งได้รับชื่อก็กระโดดไปมาอย่างดีใจ
“นี่เธอนึกชื่ออื่นไม่ออกแล้วรึไง”
“อ้าว ไหนบอกว่าให้ตั้งว่าอะไรก็ได้ไง ฉันก็จะเอาชื่อนี้แหละ เห็นมั้ย มันก็ชอบ” เนียร์ที่ถูกบ๊อกเลียหน้าอยู่พูด ก่อนจะเกาหัวอย่างเอ็นดูเป็นครั้งแรกโดยไม่สนใจทินที่กำลังช็อก “ไง เจ้าบ๊อก”
นี่แหละ เขาเรียกว่าเอาคืนละ
“จะว่าไป...พอเห็นมันเชื่องๆ แบบนี้ก็น่ารักดีนะ” กุลพูดขณะจัดอาหารกลางวันอยู่ โดยมีบ๊อกเกาะอยู่บนบ่า
มีเสียงหัวเราะเหอะๆ ของเนียร์ดังมาจากข้างหลัง กับเสียงใช่ๆ จากทินผู้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“แล้วได้ตั้งชื่อให้มันแล้วรึยังล่ะ” เธอหันมาถาม
“ชื่อ บ๊อก ค่ะ” คราวนี้เนียร์ตอบอย่างชัดเจนและรวดเร็ว ในขณะที่ทินหันไปบ่นอุบอิบกับตัวเอง
“คิดจะเอาไปโรงเรียนด้วยมั้ยจ๊ะ” กุลถามเป็นจังหวะเดียวกับที่บ๊อกกระโดดไปหาเนียร์
เนียร์สั่งให้เจ้าตัวสีฟ้าหันมาเกาะตรงไหล่แทน แล้วหันมาตอบแม่ “คงไม่หรอกค่ะ ถ้าเกิดโดนเจอตัวขึ้นมาได้เกิดเรื่องใหญ่แน่” เนียร์นั่งลงเท้าคาง
กุลวางหม้อต้มจืดลงบนกลางโต๊ะ โดยมีบ๊อกยืนนิ่งๆ อยู่ใกล้เจ้าของไม่คิดเข้าไปวุ่นวายกับอาหาร เพราะเมื่อวานนี้พวกเนียร์ทดสอบแล้วว่ามันกินอะไร ซึ่งผลปรากฏว่ามันแค่เข้าไปดมกลิ่นเท่านั้น แต่ไม่แตะอะไรเลย
“ยิ่งอยู่ไม่สุขแบบนี้ เห็นทีคงจะเอาไปด้วยยาก” เนียร์พูดต่อพลางตักน้ำแกง แล้วพยักเพยิดไปที่บ๊อก ซึ่งตอนนี้เริ่มโดดไปที่หัวของคนโน้นทีคนนี้ที ยังดีที่กุลสามารถทำใจได้แล้ว ไม่เช่นนั้นอาหารมื้อนี้คงเกิดโกลาหลแน่
ยิ่งเป็นแบบนี้ เนียร์ยิ่งนึกภาพตอนเอามันไปโรงเรียนไม่ออกเลยสักนิด
คงแปลกดีพิลึก เนียร์ลองนึกภาพเพื่อนในกลุ่มเห็นสัตว์ประหลาดตัวสีฟ้าตัวนี้ ไม่ช็อกรับประทาน ก็คงร้องกรี๊ดลั่นโลกวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง
“อืม...เนียร์” กุลทำท่าคิดก่อนจะถาม “โรงเรียนลูกเปิดวันไหนนะ”
“สัปดาห์หน้าค่ะ” เธอตอบแล้วหันไปบอกให้บ๊อกอยู่เฉยๆ พลางตักข้าวใส่ปาก