ตอนเก่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนแรก http://ppantip.com/topic/33309892
ตอน 2 http://ppantip.com/topic/33315124
ตอน 3 http://ppantip.com/topic/33320887
4
สีเป็นเหตุ(แบบเล่นๆ)
หลังจากหน่วยมูลนิธิเข้ามาจัดการกับสิ่งที่พวกเนียร์เห็นเรียบร้อยแล้ว เนียร์ตัดสินใจว่าจะกลับบ้านเลยเพื่อย่อยข้อมูลที่รู้มา
แต่ดูเหมือนว่า คนคิดแบบนั้นจะมีแค่เธอคนเดียว
“จะรีบกลับทำไม มาถึงนี่ทั้งทีไปเที่ยวกันดีกว่า” คำเชิญชวนพร้อมรอยยิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์ของหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกคล้อยตามเลยสักนิด
หากไม่ใช่พี่น้องที่รู้ไส้รู้พุงมาก่อนละก็ เธอคงจะตอบตกลงทันทีด้วยความเต็มใจ แต่เพราะมันเป็นพี่นี่ละถึงได้รู้สึกสยองยิ่งกว่าตอนเห็นหัวคนเสียบอยู่บนเสานั่นซะอีก
“ถ้านายอยากเที่ยวก็ไปคนเดียวเถอะ ฉันขอกลับก่อน” ยังไม่ทันจะได้ชิ่งหนี เด็กหนุ่มก็เข้ามาล็อกคอเธอจากทางด้านหลังซะก่อน ทินก้มลงมาพูดเบาๆ ที่ข้างหู ชนิดที่ฟังแล้วเหงื่อตกหน้าซีดได้
“คิดจะหนีรึไงไอ้น้องรัก มาดวลกันสักตั้งก่อนสิ” ทินยิ้มกว้างดูอบอุ่นแบบหญิงอื่นมาเห็นเข้ารับรองใจละลาย แต่สำหรับเนียร์แล้ว มันไม่ต่างจากรอยยิ้มพญามาร ที่เตรียมส่งเธอลงนรกรวดเร็วทันใจเหมือนติดไฮสปีดเลย
ไอ้พี่ชายเฮงซวยนั่น!
เนียร์สบถในใจอย่างอาฆาตแค้นชายข้างตัวที่พาเธอมายังสนามบาสเล็กๆ ในเมือง ถ้าถามว่าทำไมพามาที่แบบนี้แล้วถึงโกรธน่ะเหรอ ก็มันใช่เวลาไหมล่ะ ทั้งที่ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องไปทำอีกแท้ๆ หากทินไปที่ที่จำเป็นกว่านี้ เธอจะไม่ว่าอะไรสักคำ
แต่ถึงจะบ่นไปอย่างนั้น เนียร์ก็แอบสนใจเหมือนกันในฐานะคนที่เล่นบาสอยู่ สนามบาสที่ใช้แข่งสตรีทบาส ซึ่งปกติจะมีผู้เล่นเพียงทีมละสามคน แต่อาจเป็นจำนวนอื่นก็ได้ไม่มีใครเคร่ง อย่างตอนนี้เองที่กำลังแข่งกันอยู่ในสนามคือทีมละสองคน เพียงแต่จำนวนที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ นั้นคือสามคน
พื้นสนามที่ใช้มีสีเขียวตุ่น ทั้งสองฟากมีแป้นบาสเล็กๆ ตั้งอยู่ ทั้งสนามถูกล้อมรอบด้วยตาข่ายป้องกันไม่ให้ลูกบาสออกนอกเขต
บัดนี้มีกลุ่มผู้ชายอยู่สี่คนกำลังเล่นกันอย่างดุเดือด มีเสียงเชียร์จากพวกข้างสนาม ซึ่งดูจากจำนวนคนแล้ว กลุ่มที่กำลังแข่งกันอยู่คงจะดังไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็มีเยอะพอๆ กัน
ไอ้การที่ทินคิดจะไปร่วมเล่นด้วยน่ะ เนียร์ไม่ลำบากใจนักหรอก แต่เนื่องจากรู้นิสัยพี่ตัวเองดี จึงรู้ดีว่าชายคนนี้คงไม่ทำอะไรที่ธรรมดาทั่วไปแน่นอน
พอเห็นรอยยิ้มนึกสนุกนั่นแล้ว ยิ่งทำให้เธอมั่นใจเต็มเปี่ยมว่ามันต้องคิดอะไรที่...บ้าเกินร้อยชัวร์
เมื่อพวกเธอเข้าไปตรงแหวกกลุ่มคนไปอยู่ข้างสนามได้สำเร็จ <ถูกอีกฝ่ายลากไปแกมบังคับ> ก็ทันเห็นผู้ชายตัวใหญ่กระโดดขึ้นดังค์ลูกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ถึงแม้แป้นจะเตี้ยกว่ามาตรฐานเล็กน้อยก็ตาม ก็ยังหาคนที่จะดังค์ได้ยากนัก เพราะการจะกระโดดไปให้ถึงแป้นเพื่อที่จะได้เอาลูกลงห่วงด้วยมือตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เนียร์รู้แบบนั้นจึงอดทึ่งไม่ได้ เผลอตบมือเหมือนคนอื่นๆ ที่ร้องเฮไปด้วย ในขณะที่ทินยังยืนเฉย มีเพียงรอยยิ้มพรายเต็มใบหน้าเท่านั้น
และโดยไม่ทันตั้งตัว ทินก็เรียกเสียงดังดึงความสนใจของพวกที่อยู่ทั้งในสนามและนอกสนามไปหมด
“เฮ้! พวกฉันขอร่วมเล่นด้วยสิ”
แน่นอนว่าประโยคนั้นประโยคเดียว ทำเอาทั้งสนามเงียบกริบ เกิดความสนใจให้ทินกลายเป็นจุดรวมสายตาในบัดดล
ส่วนคนที่มาด้วยกันน่ะหรือ
บัดนี้อ้าปากค้าง หันขวับจ้องอีกฝ่ายอย่างตะลึง เมื่อมันพูดว่า ‘พวก’ ฉัน
ซึ่งนั่นหมายถึง มันไม่ได้จะไปตายคนเดียว แต่ยังลากเธอไปตายด้วยอีกคน เพราะดูก็รู้ว่าพวกที่กำลังเล่นอยู่นั้น คงไม่ใช่นักกีฬาที่ดีเต็มไปด้วยคุณธรรมมีน้ำใจนักกีฬาแน่นอน
ผู้ชายหนึ่งในคนที่กำลังเล่นอยู่มีรูปร่างสันทัดที่สุดในกลุ่มเดินมาทางทินพร้อมหนีบลูกบาสไว้ตรงเอว ท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋พร้อมหาเรื่องชัดๆ
“นาย...จะมาเล่นกับพวกเรา” เขาทวนสิ่งที่ทินพูดไปเมื่อกี้ ราวกับจะบอกว่า คิดผิดคิดใหม่ได้นะไอ้กร๊วก โดยมีทุกคนรอฟังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อ
“เปล่า” คำตอบของทินทำเอาเนียร์โล่งใจ ว่ามันคงเพิ่งสำนึกได้ว่าไม่ควรไปแหย็มกับคนพวกนี้ แต่ประโยคถัดมาทำเอาเธอคิดผิดถนัด
“พวกฉันสองคนต่างหาก” ว่าแล้วก็พยักหน้าไปทางเนียร์ที่ยืนอยู่เคียงกัน
อีกฝ่ายหันมามองเนียร์อยู่ชั่วอึดใจเดียว ก่อนไปหยุดตรงผู้ชายอีกคนซึ่งอยู่ถัดจากเนียร์ไป
“นายงั้นเหรอ”
คนถูกจ้องส่ายหน้าแรงจนหัวแทบหลุดเมื่อถูกเข้าใจผิด ทำเอาคนถูกมองข้ามถึงกับฉุนขาด ทั้งๆ ที่ก็ยืนหัวโด่อยู่ข้างคนพูดแท้ๆ ยังมองข้ามไปได้นะ
“ฉันต่างหากล่ะ” เนียร์เอ่ยเสียงแข็งกระด้างไม่พอใจ ทำให้สายตาคนตรงหน้าเลื่อนกลับมามองอีกครั้งด้วยความแปลกใจ
ทินได้ยินแบบนั้นแล้วยิ้มมุมปาก รับรู้ได้ว่าคนที่มาด้วยเริ่มของขึ้นแล้ว เป็นไปตามที่เขาคิดไว้เป๊ะ
ส่วนคนที่เหลือพอได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงดัง เริ่มจากคนตรงหน้าเนียร์กับทิน ก่อนจะเผื่อแผ่ไปถึงอีกสามคนที่เล่นด้วยเมื่อกี้และลามไปทั่วทั้งสนามอย่างรวดเร็ว สร้างความขุ่นเคืองให้กับเด็กสาวไม่น้อย
ทั้งสองคนรอจนเสียงหัวเราะเงียบไปอย่างใจเย็น
“จะให้ผู้หญิงมาเล่นสตรีทบาสเนี่ยนะ นายบ้าไปแล้วรึไงหา!” เขาหันไปพูดกับทินที่ยังยิ้มให้ ก่อนจะหันมาตะคอกใส่เนียร์ใกล้ๆ จนถึงกับเห็นน้ำลายกระเด็นออกมา
“ที่นี่ไม่ได้เล่นกันตุ้งติ้งหน่อมแหน้มแบบในโรงเรียนนะยัยหนู กลับไปเล่นแบบพวกผู้หญิงโน่นไป” คำดูถูกอย่างเปิดเผยทำให้ความอดทนของเนียร์เริ่มถึงขีดสุดหากยังทนไหว ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะอยู่เฉยๆ เป็นฝ่ายถูกโจมตีอย่างเดียว แต่ก่อนหน้าจะได่ทำอย่างนั้น ทินก็ชิงพูดตัดหน้าไปซะก่อน
“ฉันแค่ชวนยัยนี่มาหาอะไรทำแก้เซ็งก็เท่านั้นเองแหละ บังเอิญได้ยินมาว่ากลุ่มบาสแถวนี้เก่งสุดของเมือง เลยว่าจะมาแก้ความเข้าใจผิดสักหน่อย ว่าใครกันแน่...ที่เก่งสุด” คำท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวของทิน ยั่วโมโหอีกฝ่ายได้เช่นกัน
“นี่แกรู้มั้ยว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” อีกฝ่ายยิ้มเหี้ยม
“ไม่รู้สิ” ทินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “เอาไว้ตอนนายแพ้ ค่อยบอกฉันละกัน จะได้รู้ว่าฉันเอาชนะใครได้ อ้อ...ไม่สิ” ทินทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะยิ้มด้วยสายตาชั่วร้าย “ถ้าฉันชนะ คงไม่สนใจไอ้พวกขี้แพ้หรอก”
เนียร์ไม่รู้หรอกว่าพี่ชายตัวเองไปรู้เรื่องคนกลุ่มนี้มาจากไหน แต่ที่แน่ๆ คือ ตอนนี้พวกเธอกำลังได้มีเรื่องแก้เซ็งสมใจอยากแล้ว
แต่เนียร์กลับตื่นเต้นมากกว่าจะกลัว ที่จะได้เล่นสตรีทบาสกับคนอื่นนอกเหนือไปจากทิน และด้วยความอยากจะลบคำที่บังอาจมาดูถูกเธอไว้
คนที่ดูถูกเนียร์ส่งเสียงหึออกมา ใช้สายตามองทินตั้งแต่หัวจรดเท้า และหยุดลงที่หัวทินอีกที
“ตอนแรกฉันกะว่าจะไม่เอาเรื่องกับคำพูดสั่วๆ ของแกนะ แต่พอเห็นสีผมประหลาดของแกแล้วมันชวนให้น่าหงุดหงิดพิลึก เอาเป็นว่า...หลังจากฉันกระทืบแกในเกมแล้ว จะจัดการโกร๋นผมของแกให้เกรียนไปเลย” เขามองผมสีดำแซมทองนั้นที่แปลกไม่เหมือนใคร สำหรับผู้หญิงนั้นเรียกว่าเท่ แต่ผู้ชายด้วยกันกลับมองแล้วน่าหมั่นไส้
สรุปแล้ว ถือว่านั่นเป็นการเปิดการแข่งระหว่างทินกับเนียร์ และ พวกเจ้าถิ่นอีกสองคนไปโดยปริยาย
“เป็นไง ได้เปลี่ยนบรรยากาศแบบนี้ดีมั้ย” ทินหันมาถามคนข้างตัว
เนียร์หยิบยางรัดผมในกางเกงที่พกติดตัวไว้ขึ้นมารัดผมสีดำยาวเพื่อไม่ให้เกะกะ ในขณะที่ดวงตาสีดำสนิทจ้องคู่ต่อสู้ด้วยแววตาเป็นประกาย
“ไหนๆ ก็มาหาเรื่องถึงที่แล้วนี่” เธอยิ้มมุมปาก “มาอาละวาดให้เต็มที่ไปเลย”
ทินยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว และโดยไม่ต้องนัดหมาย ทั้งคู่ก็ยกหมัดขึ้นชนกัน ก่อนจะเดินไปหาคู่แข่งตรงกลางสนามบาสท่ามกลางเสียงเชียร์ที่เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง
“ใครได้ 10 ลูกก่อน ชนะ” ผู้ชายที่เหมือนเป็นหัวหน้าของที่นี่ชื่อว่าเจร็อคพูด “สตรีทบาสเป็นไง ฉันคงไม่ต้องอธิบาย... ให้มือใหม่เปิดสนามก่อนละกัน” ว่าแล้วเขาก็ส่งลูกบาสสีดำพ่นสเปรย์สีขาวเป็นรูปกะโหลกไขว้ไปให้ทิน
กฎกติกาการเล่นของสตรีทบาสก็คือ ไม่มีกฎ!
ไม่ว่าจะกระแทกหรือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายก็สามารถทำได้โดยไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด จึงทำให้ถูกเรียกว่าเป็นเกมที่อันตรายไม่เหมาะจะเอามาเล่นกัน แต่เพราะว่ามันอันตรายนี่แหละ ที่ทำให้สนุก
ทินส่งลูกให้เนียร์เป็นคนเปิด ก่อนจะไปยืนอยู่แถวๆ ใต้แป้นของฝั่งตรงข้าม โดยมีชายร่างใหญ่ที่ชื่อว่าบิ๊ก สมรูปร่างคอยกันไว้
“เริ่ม”
เนียร์ส่งลูกให้เจร็อคและถูกส่งกลับคืนมาเป็นการบอกเวลาเริ่มการแข่ง
ทันทีที่เริ่ม เนียร์เลี้ยงลูกเบี่ยงหลบคนตรงหน้าอย่างง่ายดาย ทว่า...ขณะที่เธอกำลังจะผ่านตัวเขาไปนั่นเอง
เปรี้ยง!
เด็กสาวถึงกับหงายหลังล้มไปบนพื้น พร้อมกับเสียงเฮดังลั่นของคนดูที่ชอบใจกัน คนโดนขาเหวี่ยงเข้าท้องเต็มรักก้มตัวงอด้วยความจุก
เมื่อลูกบาสหลุดจากมืออีกฝ่าย เจร็อคก็ชิงมาเป็นของตัวเองแล้วตรงไปยังแป้นฝั่งตรงข้าม โดยมีทินรีบวิ่งตามไปติดๆ ไม่ปล่อยให้ทำแต้มได้
เจร็อคส่งลูกให้บิ๊กที่กระโดดขึ้นชู้ต ส่วนทินก็โดดตามเพื่อบล็อกไว้ แต่คนตัวใหญ่กว่าใช้ศอกกระแทกเข้าหน้าทินแล้วยัดลูกบาสลงห่วงอย่างง่ายดาย
“ 1 – 0 ” เจร็อคว่าพลางเดินผ่านตัวทินที่ลงไปนั่งชันเข่ากุมจมูกตัวเอง “ไม่เห็นจะเก่งเท่าปากว่าเลยนี่หว่า”
ไม่มีเสียงโต้ตอบใดๆ จากสองคนนั้น เห็นแต่เพียงทั้งคู่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา
ทินใช้มือถูจมูกตัวเองไปมา มีรอยแดงเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับเลือดกำเดาไหล ส่วนเนียร์ก็ยังจับท้องตัวเองอยู่ แม้จะยังจุก แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
“...ระดับความรุนแรงที่พวกนายเล่นกัน คือไม่ถึงตาย กับ ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลก็พอสินะ” ทินยังคงยิ้มได้ในเวลาแบบนี้
“จะได้กะแรงถูก” เนียร์พูดบ้าง
เจร็อคได้ยินแบบนั้นแล้วไม่สบอารมณ์ เหมือนกับเจ้าพวกนี้มันไม่ได้ปอดแหกขึ้นมาเลยสักนิด
พวกเนียร์เป็นฝ่ายเริ่มอีกครั้ง และยังคงเลี้ยงลูกเบี่ยงตัวหลบเจร็อคแบบเดิมอีกครั้ง
“อยากจะโดนอีกรอบรึไง” เจร็อคว่าอย่างดูแคลน พอจะยกขาขึ้นเตรียมฟาดเท่านั้นแหละ บางอย่างสีดำก็ปะทะเข้าหน้าอย่างจัง
มือที่ถือลูกบาสอยู่เลิกจับเลี้ยง แต่ยกขึ้นมาอัดหน้าของเจร็อคอย่างแรงแทน จนหน้าหงายล้มไปกองกับพื้นอย่างหมดท่า ส่วนเนียร์ก็ขว้างลูกส่งต่อไปให้ทินที่อยู่ตรงใต้แป้น
(ต่อ)
Be Careful!! เด็กอันตราย ตอนที่4+5
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สีเป็นเหตุ(แบบเล่นๆ)
หลังจากหน่วยมูลนิธิเข้ามาจัดการกับสิ่งที่พวกเนียร์เห็นเรียบร้อยแล้ว เนียร์ตัดสินใจว่าจะกลับบ้านเลยเพื่อย่อยข้อมูลที่รู้มา
แต่ดูเหมือนว่า คนคิดแบบนั้นจะมีแค่เธอคนเดียว
“จะรีบกลับทำไม มาถึงนี่ทั้งทีไปเที่ยวกันดีกว่า” คำเชิญชวนพร้อมรอยยิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์ของหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกคล้อยตามเลยสักนิด
หากไม่ใช่พี่น้องที่รู้ไส้รู้พุงมาก่อนละก็ เธอคงจะตอบตกลงทันทีด้วยความเต็มใจ แต่เพราะมันเป็นพี่นี่ละถึงได้รู้สึกสยองยิ่งกว่าตอนเห็นหัวคนเสียบอยู่บนเสานั่นซะอีก
“ถ้านายอยากเที่ยวก็ไปคนเดียวเถอะ ฉันขอกลับก่อน” ยังไม่ทันจะได้ชิ่งหนี เด็กหนุ่มก็เข้ามาล็อกคอเธอจากทางด้านหลังซะก่อน ทินก้มลงมาพูดเบาๆ ที่ข้างหู ชนิดที่ฟังแล้วเหงื่อตกหน้าซีดได้
“คิดจะหนีรึไงไอ้น้องรัก มาดวลกันสักตั้งก่อนสิ” ทินยิ้มกว้างดูอบอุ่นแบบหญิงอื่นมาเห็นเข้ารับรองใจละลาย แต่สำหรับเนียร์แล้ว มันไม่ต่างจากรอยยิ้มพญามาร ที่เตรียมส่งเธอลงนรกรวดเร็วทันใจเหมือนติดไฮสปีดเลย
ไอ้พี่ชายเฮงซวยนั่น!
เนียร์สบถในใจอย่างอาฆาตแค้นชายข้างตัวที่พาเธอมายังสนามบาสเล็กๆ ในเมือง ถ้าถามว่าทำไมพามาที่แบบนี้แล้วถึงโกรธน่ะเหรอ ก็มันใช่เวลาไหมล่ะ ทั้งที่ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องไปทำอีกแท้ๆ หากทินไปที่ที่จำเป็นกว่านี้ เธอจะไม่ว่าอะไรสักคำ
แต่ถึงจะบ่นไปอย่างนั้น เนียร์ก็แอบสนใจเหมือนกันในฐานะคนที่เล่นบาสอยู่ สนามบาสที่ใช้แข่งสตรีทบาส ซึ่งปกติจะมีผู้เล่นเพียงทีมละสามคน แต่อาจเป็นจำนวนอื่นก็ได้ไม่มีใครเคร่ง อย่างตอนนี้เองที่กำลังแข่งกันอยู่ในสนามคือทีมละสองคน เพียงแต่จำนวนที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ นั้นคือสามคน
พื้นสนามที่ใช้มีสีเขียวตุ่น ทั้งสองฟากมีแป้นบาสเล็กๆ ตั้งอยู่ ทั้งสนามถูกล้อมรอบด้วยตาข่ายป้องกันไม่ให้ลูกบาสออกนอกเขต
บัดนี้มีกลุ่มผู้ชายอยู่สี่คนกำลังเล่นกันอย่างดุเดือด มีเสียงเชียร์จากพวกข้างสนาม ซึ่งดูจากจำนวนคนแล้ว กลุ่มที่กำลังแข่งกันอยู่คงจะดังไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็มีเยอะพอๆ กัน
ไอ้การที่ทินคิดจะไปร่วมเล่นด้วยน่ะ เนียร์ไม่ลำบากใจนักหรอก แต่เนื่องจากรู้นิสัยพี่ตัวเองดี จึงรู้ดีว่าชายคนนี้คงไม่ทำอะไรที่ธรรมดาทั่วไปแน่นอน
พอเห็นรอยยิ้มนึกสนุกนั่นแล้ว ยิ่งทำให้เธอมั่นใจเต็มเปี่ยมว่ามันต้องคิดอะไรที่...บ้าเกินร้อยชัวร์
เมื่อพวกเธอเข้าไปตรงแหวกกลุ่มคนไปอยู่ข้างสนามได้สำเร็จ <ถูกอีกฝ่ายลากไปแกมบังคับ> ก็ทันเห็นผู้ชายตัวใหญ่กระโดดขึ้นดังค์ลูกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ถึงแม้แป้นจะเตี้ยกว่ามาตรฐานเล็กน้อยก็ตาม ก็ยังหาคนที่จะดังค์ได้ยากนัก เพราะการจะกระโดดไปให้ถึงแป้นเพื่อที่จะได้เอาลูกลงห่วงด้วยมือตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เนียร์รู้แบบนั้นจึงอดทึ่งไม่ได้ เผลอตบมือเหมือนคนอื่นๆ ที่ร้องเฮไปด้วย ในขณะที่ทินยังยืนเฉย มีเพียงรอยยิ้มพรายเต็มใบหน้าเท่านั้น
และโดยไม่ทันตั้งตัว ทินก็เรียกเสียงดังดึงความสนใจของพวกที่อยู่ทั้งในสนามและนอกสนามไปหมด
“เฮ้! พวกฉันขอร่วมเล่นด้วยสิ”
แน่นอนว่าประโยคนั้นประโยคเดียว ทำเอาทั้งสนามเงียบกริบ เกิดความสนใจให้ทินกลายเป็นจุดรวมสายตาในบัดดล
ส่วนคนที่มาด้วยกันน่ะหรือ
บัดนี้อ้าปากค้าง หันขวับจ้องอีกฝ่ายอย่างตะลึง เมื่อมันพูดว่า ‘พวก’ ฉัน
ซึ่งนั่นหมายถึง มันไม่ได้จะไปตายคนเดียว แต่ยังลากเธอไปตายด้วยอีกคน เพราะดูก็รู้ว่าพวกที่กำลังเล่นอยู่นั้น คงไม่ใช่นักกีฬาที่ดีเต็มไปด้วยคุณธรรมมีน้ำใจนักกีฬาแน่นอน
ผู้ชายหนึ่งในคนที่กำลังเล่นอยู่มีรูปร่างสันทัดที่สุดในกลุ่มเดินมาทางทินพร้อมหนีบลูกบาสไว้ตรงเอว ท่าทางเหมือนจิ๊กโก๋พร้อมหาเรื่องชัดๆ
“นาย...จะมาเล่นกับพวกเรา” เขาทวนสิ่งที่ทินพูดไปเมื่อกี้ ราวกับจะบอกว่า คิดผิดคิดใหม่ได้นะไอ้กร๊วก โดยมีทุกคนรอฟังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อ
“เปล่า” คำตอบของทินทำเอาเนียร์โล่งใจ ว่ามันคงเพิ่งสำนึกได้ว่าไม่ควรไปแหย็มกับคนพวกนี้ แต่ประโยคถัดมาทำเอาเธอคิดผิดถนัด
“พวกฉันสองคนต่างหาก” ว่าแล้วก็พยักหน้าไปทางเนียร์ที่ยืนอยู่เคียงกัน
อีกฝ่ายหันมามองเนียร์อยู่ชั่วอึดใจเดียว ก่อนไปหยุดตรงผู้ชายอีกคนซึ่งอยู่ถัดจากเนียร์ไป
“นายงั้นเหรอ”
คนถูกจ้องส่ายหน้าแรงจนหัวแทบหลุดเมื่อถูกเข้าใจผิด ทำเอาคนถูกมองข้ามถึงกับฉุนขาด ทั้งๆ ที่ก็ยืนหัวโด่อยู่ข้างคนพูดแท้ๆ ยังมองข้ามไปได้นะ
“ฉันต่างหากล่ะ” เนียร์เอ่ยเสียงแข็งกระด้างไม่พอใจ ทำให้สายตาคนตรงหน้าเลื่อนกลับมามองอีกครั้งด้วยความแปลกใจ
ทินได้ยินแบบนั้นแล้วยิ้มมุมปาก รับรู้ได้ว่าคนที่มาด้วยเริ่มของขึ้นแล้ว เป็นไปตามที่เขาคิดไว้เป๊ะ
ส่วนคนที่เหลือพอได้ยินแล้วก็หัวเราะเสียงดัง เริ่มจากคนตรงหน้าเนียร์กับทิน ก่อนจะเผื่อแผ่ไปถึงอีกสามคนที่เล่นด้วยเมื่อกี้และลามไปทั่วทั้งสนามอย่างรวดเร็ว สร้างความขุ่นเคืองให้กับเด็กสาวไม่น้อย
ทั้งสองคนรอจนเสียงหัวเราะเงียบไปอย่างใจเย็น
“จะให้ผู้หญิงมาเล่นสตรีทบาสเนี่ยนะ นายบ้าไปแล้วรึไงหา!” เขาหันไปพูดกับทินที่ยังยิ้มให้ ก่อนจะหันมาตะคอกใส่เนียร์ใกล้ๆ จนถึงกับเห็นน้ำลายกระเด็นออกมา
“ที่นี่ไม่ได้เล่นกันตุ้งติ้งหน่อมแหน้มแบบในโรงเรียนนะยัยหนู กลับไปเล่นแบบพวกผู้หญิงโน่นไป” คำดูถูกอย่างเปิดเผยทำให้ความอดทนของเนียร์เริ่มถึงขีดสุดหากยังทนไหว ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะอยู่เฉยๆ เป็นฝ่ายถูกโจมตีอย่างเดียว แต่ก่อนหน้าจะได่ทำอย่างนั้น ทินก็ชิงพูดตัดหน้าไปซะก่อน
“ฉันแค่ชวนยัยนี่มาหาอะไรทำแก้เซ็งก็เท่านั้นเองแหละ บังเอิญได้ยินมาว่ากลุ่มบาสแถวนี้เก่งสุดของเมือง เลยว่าจะมาแก้ความเข้าใจผิดสักหน่อย ว่าใครกันแน่...ที่เก่งสุด” คำท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวของทิน ยั่วโมโหอีกฝ่ายได้เช่นกัน
“นี่แกรู้มั้ยว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” อีกฝ่ายยิ้มเหี้ยม
“ไม่รู้สิ” ทินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “เอาไว้ตอนนายแพ้ ค่อยบอกฉันละกัน จะได้รู้ว่าฉันเอาชนะใครได้ อ้อ...ไม่สิ” ทินทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะยิ้มด้วยสายตาชั่วร้าย “ถ้าฉันชนะ คงไม่สนใจไอ้พวกขี้แพ้หรอก”
เนียร์ไม่รู้หรอกว่าพี่ชายตัวเองไปรู้เรื่องคนกลุ่มนี้มาจากไหน แต่ที่แน่ๆ คือ ตอนนี้พวกเธอกำลังได้มีเรื่องแก้เซ็งสมใจอยากแล้ว
แต่เนียร์กลับตื่นเต้นมากกว่าจะกลัว ที่จะได้เล่นสตรีทบาสกับคนอื่นนอกเหนือไปจากทิน และด้วยความอยากจะลบคำที่บังอาจมาดูถูกเธอไว้
คนที่ดูถูกเนียร์ส่งเสียงหึออกมา ใช้สายตามองทินตั้งแต่หัวจรดเท้า และหยุดลงที่หัวทินอีกที
“ตอนแรกฉันกะว่าจะไม่เอาเรื่องกับคำพูดสั่วๆ ของแกนะ แต่พอเห็นสีผมประหลาดของแกแล้วมันชวนให้น่าหงุดหงิดพิลึก เอาเป็นว่า...หลังจากฉันกระทืบแกในเกมแล้ว จะจัดการโกร๋นผมของแกให้เกรียนไปเลย” เขามองผมสีดำแซมทองนั้นที่แปลกไม่เหมือนใคร สำหรับผู้หญิงนั้นเรียกว่าเท่ แต่ผู้ชายด้วยกันกลับมองแล้วน่าหมั่นไส้
สรุปแล้ว ถือว่านั่นเป็นการเปิดการแข่งระหว่างทินกับเนียร์ และ พวกเจ้าถิ่นอีกสองคนไปโดยปริยาย
“เป็นไง ได้เปลี่ยนบรรยากาศแบบนี้ดีมั้ย” ทินหันมาถามคนข้างตัว
เนียร์หยิบยางรัดผมในกางเกงที่พกติดตัวไว้ขึ้นมารัดผมสีดำยาวเพื่อไม่ให้เกะกะ ในขณะที่ดวงตาสีดำสนิทจ้องคู่ต่อสู้ด้วยแววตาเป็นประกาย
“ไหนๆ ก็มาหาเรื่องถึงที่แล้วนี่” เธอยิ้มมุมปาก “มาอาละวาดให้เต็มที่ไปเลย”
ทินยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว และโดยไม่ต้องนัดหมาย ทั้งคู่ก็ยกหมัดขึ้นชนกัน ก่อนจะเดินไปหาคู่แข่งตรงกลางสนามบาสท่ามกลางเสียงเชียร์ที่เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง
“ใครได้ 10 ลูกก่อน ชนะ” ผู้ชายที่เหมือนเป็นหัวหน้าของที่นี่ชื่อว่าเจร็อคพูด “สตรีทบาสเป็นไง ฉันคงไม่ต้องอธิบาย... ให้มือใหม่เปิดสนามก่อนละกัน” ว่าแล้วเขาก็ส่งลูกบาสสีดำพ่นสเปรย์สีขาวเป็นรูปกะโหลกไขว้ไปให้ทิน
กฎกติกาการเล่นของสตรีทบาสก็คือ ไม่มีกฎ!
ไม่ว่าจะกระแทกหรือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายก็สามารถทำได้โดยไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด จึงทำให้ถูกเรียกว่าเป็นเกมที่อันตรายไม่เหมาะจะเอามาเล่นกัน แต่เพราะว่ามันอันตรายนี่แหละ ที่ทำให้สนุก
ทินส่งลูกให้เนียร์เป็นคนเปิด ก่อนจะไปยืนอยู่แถวๆ ใต้แป้นของฝั่งตรงข้าม โดยมีชายร่างใหญ่ที่ชื่อว่าบิ๊ก สมรูปร่างคอยกันไว้
“เริ่ม”
เนียร์ส่งลูกให้เจร็อคและถูกส่งกลับคืนมาเป็นการบอกเวลาเริ่มการแข่ง
ทันทีที่เริ่ม เนียร์เลี้ยงลูกเบี่ยงหลบคนตรงหน้าอย่างง่ายดาย ทว่า...ขณะที่เธอกำลังจะผ่านตัวเขาไปนั่นเอง
เปรี้ยง!
เด็กสาวถึงกับหงายหลังล้มไปบนพื้น พร้อมกับเสียงเฮดังลั่นของคนดูที่ชอบใจกัน คนโดนขาเหวี่ยงเข้าท้องเต็มรักก้มตัวงอด้วยความจุก
เมื่อลูกบาสหลุดจากมืออีกฝ่าย เจร็อคก็ชิงมาเป็นของตัวเองแล้วตรงไปยังแป้นฝั่งตรงข้าม โดยมีทินรีบวิ่งตามไปติดๆ ไม่ปล่อยให้ทำแต้มได้
เจร็อคส่งลูกให้บิ๊กที่กระโดดขึ้นชู้ต ส่วนทินก็โดดตามเพื่อบล็อกไว้ แต่คนตัวใหญ่กว่าใช้ศอกกระแทกเข้าหน้าทินแล้วยัดลูกบาสลงห่วงอย่างง่ายดาย
“ 1 – 0 ” เจร็อคว่าพลางเดินผ่านตัวทินที่ลงไปนั่งชันเข่ากุมจมูกตัวเอง “ไม่เห็นจะเก่งเท่าปากว่าเลยนี่หว่า”
ไม่มีเสียงโต้ตอบใดๆ จากสองคนนั้น เห็นแต่เพียงทั้งคู่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา
ทินใช้มือถูจมูกตัวเองไปมา มีรอยแดงเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับเลือดกำเดาไหล ส่วนเนียร์ก็ยังจับท้องตัวเองอยู่ แม้จะยังจุก แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
“...ระดับความรุนแรงที่พวกนายเล่นกัน คือไม่ถึงตาย กับ ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลก็พอสินะ” ทินยังคงยิ้มได้ในเวลาแบบนี้
“จะได้กะแรงถูก” เนียร์พูดบ้าง
เจร็อคได้ยินแบบนั้นแล้วไม่สบอารมณ์ เหมือนกับเจ้าพวกนี้มันไม่ได้ปอดแหกขึ้นมาเลยสักนิด
พวกเนียร์เป็นฝ่ายเริ่มอีกครั้ง และยังคงเลี้ยงลูกเบี่ยงตัวหลบเจร็อคแบบเดิมอีกครั้ง
“อยากจะโดนอีกรอบรึไง” เจร็อคว่าอย่างดูแคลน พอจะยกขาขึ้นเตรียมฟาดเท่านั้นแหละ บางอย่างสีดำก็ปะทะเข้าหน้าอย่างจัง
มือที่ถือลูกบาสอยู่เลิกจับเลี้ยง แต่ยกขึ้นมาอัดหน้าของเจร็อคอย่างแรงแทน จนหน้าหงายล้มไปกองกับพื้นอย่างหมดท่า ส่วนเนียร์ก็ขว้างลูกส่งต่อไปให้ทินที่อยู่ตรงใต้แป้น