10 ห้องสมุดอเมริกา!! สุดเลอค่า-น่านั่งอ่าน



     หากพูดถึงบรรยากาศและการตกแต่งภายในของห้องสมุดในรั้วมหาวิทยาลัยบ้านเรา บรรยากาศส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยตำหรับตำรา ชั้นหนังสือเก่าแก่ และความเงียบงันคล้ายว่าชวนให้ง่วงนอน คงมีนักเรียนนักศึกษาหลายคนที่ตั้งใจเข้าไปอ่านหนังสือ แต่ก็แพ้ความง่วงเหงาหาวนอนเสียจนได้ วันนี้ Life on Campus จึงพาชมห้องสมุดของประเทศอเมริกา ที่เรียกได้ว่าทันสมัยสุดๆ อีกทั้งการตกแต่งก็สวยงามอลังการด้วย เผื่อจะได้เป็นไอเดียดีๆ ในการปรับแต่งห้องสมุดไทยในอนาคตกันด้วยก็ไม่ว่ากัน

  “Joe and Rika Mansueto Library” ห้องสมุดทรงไข่-ได้ใจนักอ่าน





    อีกหนึ่งห้องสมุดที่ได้รับฉายาว่าโดมแก้วทรง “ไข่” เหตุที่เรียกเช่นนี้เป็นเพราะรูปทรงของห้องสมุดมีลักษณะเหมือนไข่นั้นเอง ห้องสมุดแห่งนี้อยู่ในมหาวิทยาลัยชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดให้เข้าใช้งานในปี 2011 ซึ่งการออกแบบที่มีสไตล์เช่นนี้ถูกออกแบบโดย Helmut Jahn ถือเป็นอีกหนึ่งห้องสมุดที่มีโครงสร้างเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่นๆ ส่วนเรื่องชื่อเสียงการออกแบบของ Helmut Jahn นั้นถือว่าได้รับการการันตีด้วยรางวัลจำนวนนับไม่ถ้วน
       
        นอกจากนี้ตัวหลังคาของห้องสมุดยังมีการใช้แผ่นแก้วโซลาเซลล์ในการใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์อีกด้วย โดยภายในห้องสมุดแห่งนี้มีการเก็บรวบรวมหนังสือในชั้นใต้ดินไว้กว่า 3.5 ล้านเล่ม ผ่านการจัดเก็บข้อมูลแบบอัตโนมัติ สิ่งที่น่าสนใจของห้องสมุดแห่งนี้คือระบบการดึงหนังสือโดยการใช้เครื่องยนต์ เพียงแค่นักศึกษาค้นหาหนังสือที่ต้องการผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นตัวหุ่นยนต์จะทำการดึงหนังสือออกมาจากชั้นใต้ดิน เรียกได้ว่าเป็นห้องสมุดที่ล้ำสุดๆ แถมผู้ใช้งานก็ไม่ต้องหาหนังสือเองให้เสียเวลา
       
        ห้องสมุดสุดล้ำ-ไฮเทคโนโลยี “James B. Hunt Library”





      เรียกได้ว่าเป็นห้องสมุดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้เทคโนยีและการมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยห้องสมุดแห่งนี้ถือเป็นห้องสมุดแห่งที่สองของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้งบประมาณสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสิ้นถึง 115 ล้านเหรียญสหรัฐ เปิดให้เข้าใช้งานในปี 2013 จุดเด่นของห้องสมุดแห่งนี้คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่านระบบการจัดเก็บ-เรียกยืมหนังสือด้วยหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ห้องสมุดที่นี่ยังเป็นศูนย์การวิจัยที่อนุญาตให้ยืมหนังสือกับมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาที่อื่นๆ อีกด้วย
       
        ภายในห้องสมุดแห่งนี้จะเน้นหนังสือด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ อีกทั้งมีห้องการศึกษาแบบกลุ่มกว่า 100 ห้องไว้ให้นักศึกษาเข้าไปทำงานปรึกษาหารือกัน รวมถึงมีพื้นที่เทคโนโลยีการติดตั้งและเปิดใช้งานสนับสนุนการเรียนรู้การวิจัยซึ่งการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
       
       “Bapst Library” สาวกพ่อมดกับห้องสมุดสุดคลาสสิค





      หากใครชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องแฮรี่พอตเตอร์แล้วล่ะก็ คงอยากเข้าไปนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ ในห้องสมุดแห่งนี้ Bapst Library ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยภายในห้องสมุดมีการออกแบบและตกแต่งที่คล้ายคลึงกับบางฉากในภาพยนตร์พ่อมด ทั้งเก้าอี้ โต๊ะอ่านหนังสือ ฉากประตู หรือลายหน้าต่าง มีความเป็นเอกลักษณ์และคงความเก่าแก่สุด โดยเปิดให้เข้าใช้เฉพาะนักศึกษาบอสตันเท่านั้น มีหนังสือมากกว่า 51000 เล่ม และยังมีที่นั่งกว่า 400 ที่นั่งสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบในการอ่านหนังสือ รวมถึงห้องโถงชั้นสองของห้องสมุดยังมีการเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงตลอดภาคการศึกษาอีกด้วย

       “Cook Legal Research Library” รวบรวมงานวิจัยระดับโลกมากที่สุด





      เมื่อพูดถึงความเก่าแก่ต้องยกให้กับห้องสมุด Cook Legal Research Library เพราะเปิดให้ใช้งานในปี 1931 โดยตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นห้องสมุดที่มีการเก็บรวบรวมงานวิจัยและหนังสือเก่าแก่จำนวนมากถึง 350,000 เล่ม นอกจากนี้ภายในห้องสมุดยังมีสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ ประดับด้วยหน้าต่างกระจกสี และงานโลหะศิลปะอย่างอลังการ โดยงานโลหะศิลปะนี้ถูกสร้างสรรค์โดย Samuel Yellin นอกจากห้องสมุดแห่งนี้จะมีห้องไว้สำหรับอ่านหนังสือแล้ว ยังมีห้องประชุมขนาดใหญ่สำหรับรองรับนักศึกษาจำนวนมากถึง 100 ที่นั่งด้วยกัน และยังเป็นห้องสมุดที่เก็บรวบรวมงานวิจัยระดับโลกไว้มากที่สุดอีกด้วย
       
       “Suzzallo Library” ห้องสมุดสไตล์โกธิค





  ต่อกันที่ห้องสมุด Suzzallo Library มหาวิทยาลัยวอชิงตัน มีจุดเด่นในเรื่องการตกแต่งภายในและสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค ถือเป็นห้องอ่านหนังสือที่ออกแบบให้มีความรู้สึกเงียบสงบ ออกแบบโดย Carl F. Gould,Sr. และ Charles H. Bebb นักสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น สำหรับพื้นที่ในห้องสมุดกว้างถึง 350,000 ตารางฟุต ส่วนภายในห้องสมุดนั้น มีหนังสือมากกว่า 2 ล้านเล่มในทุกสาขาวิชา สิ่งที่น่าสนใจคือจะมีทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญประจำในห้องสมุดไว้ช่วยสำหรับปรึกษาด้านงานวิจัยของนักศึกษาโดยเฉพาะ
       
       ศูนย์การเรียนรู้สุดคลาสสิค “Linderman Library”





      หากดูภายนอกห้องสมุดแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเก่าแก่ และการออกแบบในสมัยเก่าสุดคลาสสิค ห้องสมุด Linderman ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยลีไฮ ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดให้ใช้ในปี 1878 และได้รับการปรับปรุงใหม่ในปี 2005 นอกเหนือจากความเก่าแก่มีความขลังแล้ว ยังเป็นห้องสมุดที่รวบรวมวัสดุสิ่งพิมพ์มากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยมีหนังสือประเภทวารสาร สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งภาพและเสียงในทุกสาขาวิชา เช่น สาขาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม คณิตศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมถึงด้านธุรกิจและการศึกษาด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือห้องสมุดแห่งนี้มีการเก็บรวบรวมหนังสือหายากไว้มากกว่า 40,000 เล่ม ทั้งวรรณคดีอังกฤษและอเมริกัน ถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์การเรียนรู้ที่น่าใจมาก

       ห้องสมุดสวยที่สุดในโลก “George Peabody Libary”





    เรียกได้ว่าเป็นห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ สำหรับห้องสมุด George Peabody ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการออกแบบโดย Edmund G. Lind สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ โดยภายในห้องสมุดมีหนังสือมากกว่า 300,000 เล่ม มีการเก็บรวบรวมหนังสือที่ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าศึกษาหาข้อมูลได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับพื้นที่ในการใช้ประโยชน์ในห้องสมุดนั้น มีที่นั่งไว้สำหรับรองรับผู้เข้าใช้จำนวน 200 คน ส่วนพื้นที่สำหรับการยืนนั้นรองรับได้ถึง 400 คน และสำหรับฟลอร์เต้นรำรองรับได้ทั้งสิ้น 170 คน เรียกได้ว่าไม่เพียงแต่เป็นห้องสมุดเพื่อการค้นคว้าหาข้อมูลเท่านั้น ยังเป็นสถานที่สำหรับงานจัดเลี้ยง งานรื่นเริงต่างๆ อีกด้วย
       
       “Firestone Library” ห้องสมุดที่มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด





        สำหรับห้องสมุดไฟร์สโตน ถือได้ว่าเป็นห้องสมุดมหาวิทยาลัยอเมริกันขนาดใหญ่อีกแห่งเลยก็ว่าได้ รวมถึงมีความเก่าแก่มากที่สุด ห้องสมุดแห่งนี้เปิดในปี 1948 สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมามีการขยายพื้นที่ในปี 1971 และในปี 1988 จึงกลายเป็นห้องสมุดที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา โดยนับตั้งแต่การก่อตั้งกว่า 260 ปีที่ผ่านมาระบบห้องสมุดที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันได้มีการเก็บรวบรวมหนังสือไว้ถึง 474 เล่มต่อหนึ่งห้อง รวมแล้วกว่า 7 ล้านเล่มด้วยกัน สำหรับการตกแต่งภายในมีการประดับด้วยโคมไฟสีสันสวยงาม และเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นแบบทันสมัย
       
       ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Beinecke Rare Book and Manuscript Library”





      อีกหนึ่งในห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก Beinecke Rare Book and Manuscript Library ซึ่งเป็นสถานที่ในการเก็บรวบรวมหนังสือหายาก และต้นฉบับสำคัญ รวมถึงยังเป็นแหล่งเก็บวรรณกรรมต้นฉบับและหนังสือหายากของมหาวิทยาลัยเยล และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และการวิจัยสำหรับนักศึกษา คณาจารย์ และนักวิชาการต่างๆ อีกด้วยภายในห้องสมุดแห่งนี้มีห้องส่วนกลางที่รวบรวมหนังสือไว้มากถึง 180,000 เล่ม และในชั้นใต้ดินมีการเก็บรวบรวมหนังสือมากกว่าล้านเล่ม มีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าวัสดุและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ จะคงสภาพไว้สู่รุ่นต่อๆ ไปนั่นเอง
       
       “Powell Library” คลับพาวเวล 24 ชั่วโมง





     สำหรับใครที่คิดว่าห้องสมุดนั้นน่าเบื่อหน่าย มีแต่หนังสือเต็มไปหมด คงต้องเปลี่ยนใจหากได้รู้จักห้องสมุดแห่งนี้ Powell Library เป็นห้องสมุดในระดับระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส เปิดให้บริการในปี 1929 โดยสถาปัตยกรรมของห้องสมุดที่นี้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบของโรงเรียน Maine East High School ในรัฐอิลลินอยส์อีกด้วย
       
        จุดเด่นของห้องสมุดแห่งนี้คือไม่เพียงแต่เป็นห้องสมุดไว้หาเพื่ออ่านหนังสือเท่านั้น มันยังเป็นสถานที่เพื่อความบันเทิงอีกด้วย โดยนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เรียกมันว่า “คลับพาวเวล” มากกว่าเรียกว่าห้องสมุดเสียอีก ทั้งนี้ก็เพราะห้องสมุดมีห้องพักที่เรียกว่าไนท์เวลล์ ซึ่งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ไว้บริการเพื่อให้นักศึกษาได้จิบดื่มกันคลายเครียดระหว่างอ่านหนังสือสอบ รวมถึงมีการจัดงานมหกรรมหนังสือ เทศกาลดนตรี คอนเสิร์ต งานเต้นรำ หรือนิทรรศการต่างๆ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนและส่งเสริมให้มีความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง

ที่มา : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปล. ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านและสะสมหนังสือไว้เป็นจํานวนมากครับ เคยคิดเหมือนกันว่าถ้ามีเงิน+สถานที่ ก็อยากจะสร้างห้องสมุดดีๆไว้เป็นสาธารณะประโยชน์เหมือนกันเข้ามาดู

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่