หลายๆคนคงรู้จัก และได้ยินคำว่า 'อัลเทอร์เนทีฟ' ผ่านหูกันมาบ้าง และความหมายที่หลายคนเข้าใจในคำว่า 'อัลเทอร์เนทีฟ' คือแนวเพลงในยุคสมัยหนึ่งที่เพลงร็อคเริ่มถึงทางตัน ไม่มีการสร้างสรรค์อะไรออกมาใหม่ จนมีคนหัวก้าวหน้ากลุ่มหนึ่งเอาเพลงร็อคไปผสมผสานกับแนวเพลงอื่นๆ หรือทำเพลงให้ออกมาฉีกจากความซ้ำซากจำเจแบบเดิมๆ จนกลายมาเป็นจังหวะ และท่วงทำนองที่แตกต่างออกไป แต่ลงตัวและโดนใจคนฟังเข้าอย่างจัง! จนทำให้ 'อัลเทอร์เนทีฟ' มีตัวตนขึ้นมาแบบสง่าผ่าเผย จากเป็นทางเลือกของนักฟังเพลง จนก้าวมาเป็นกระแสหลักของวงการดนตรีในยุครุ่งเรือง
2538 อัลเทอร์มาจีบ เป็นเรื่องราวของ ก้อง เด็กวัยรุ่นใน พ.ศ. 2558 ที่ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดชวนเหลือเชื่อ เมื่อตนเองได้บังเอิญย้อนไปในยุค พ.ศ. 2538 ยุคที่พ่อและแม่ของเขายังคงเป็นวัยรุ่น ก้องจึงอยากใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงอนาคตของครอบครัวตัวเองที่พ่อกับแม่มักทะเลาะกันบ่อยครั้ง โดยมีชื่อของ ส้ม หญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นข้อโต้เถียงของพ่อและแม่ของเขามาโดยตลอด แต่เรื่องราวกับตาลปัตรเมื่อ ก้อง ได้พบกับ ส้ม แล้วดันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง เรื่องราวรักผิดยุค และปัญหาครอบครัวที่ร้าวฉานจะลงเอยเช่นไรต้องไปติดตามกันต่อในโรงภาพยนตร์
อย่างที่ทราบ ภาพยนตร์ 2538 อัลเทอร์มาจีบ เป็นภาพยนตร์ที่ย้อนไปในยุค พ.ศ.2538 ยุคที่ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟในประเทศไทยกำลังเป็นที่นิยม ทำให้พื้นหลังของหนังเรื่องนี้หนีไม่พ้นที่จะอบอวลไปด้วยกลิ่นเพลงอัลเทอร์เนทีฟจากวงดังในช่วงนั้นทั้ง พราว, อรอรีย์, The Must, Smile Buffalo, Modern Dog และอื่นๆ นอกจากเพลงแล้วสิ่งของประจำวันต่างๆในยุคนั้นล้วนขนมาให้ได้รำลึกความหลังกันอย่างพร้อมเพรียงทั้ง เพจเจอร์ ซาวน์เบาท์ ตู้สติกเกอร์ และอีกมากมาย เพียงเท่านี้หนังก็ทำให้คนในยุค 2538 ได้เพลิดเพลินจำเริญใจแล้ว แต่ยังไม่พอ เพราะนี่แค่ฉากหน้าในการเรียกแขกของหนังเรื่องนี้เท่านั้น
ในด้านความบันเทิงสนุกสนาน หนังเรื่องนี้ถือว่าสอบผ่านเลยกับมุกตลกระหว่างยุคสมัยที่จับออกมาเล่นได้อย่างลงตัว และลื่นไหล คือหนังไม่ได้เน้นแต่เฉพาะกลุ่มคนที่ทันยุค 2538 เท่านั้นในการยิงมุก แต่ยังเข้าถึงคนทุกวัยได้อย่างพอดี เรียกเสียงหัวเราะร่วนได้อย่างรื่นเริงทีเดียว ที่ชอบที่สุดคือหนังไม่มีมุกตลกหยาบโลนน่ารังเกียจแต่อย่างใด ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ดีของหนังไทยที่ชอบเอาความหยาบโลนมาใช้เป็นเครื่องทำมาหากิน
ทางด้านสาระก็บอกเลยว่าดีมากๆ ในประเด็นเรื่องของปัญหาวัยรุ่น และปัญหาครอบครัวที่หนังหยิบยกมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมและอยู่หมัด โดยที่ไม่ต้องมีฉากเซ็กส์ ยาเสพติด และความรุนแรงมาเป็นจุดขาย แต่หนังเลือกที่จะดึงเอาปัญหาที่มีอยู่ในทุกบ้านอย่างเรื่องความไม่เข้าใจกันในครอบครัวมาใช้เป็นแกนหลักของเรื่อง และทำได้ดีด้วยถึงตอนพีคนี่มีน้ำตาซึมกันได้เลย โดยเรื่องราวสาระต่างๆล้วนไม่ได้นำมายัดเยียดใส่คนดู หรือมาชี้นิ้วสั่งสอนแบบการ์ตูนเด็ก หนังได้นำเสนอเรื่องราวในจุดนี้อย่างกลมกลืน และลงตัวกับเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิง และทำให้เราอินไปกับเรื่องราวนั้นๆได้
ถึงแม้จะมีจุดแข็งอยู่หลายจุด แต่โดยรวมแล้วหนังยังมีรอยรั่วเล็กๆอยู่มากมาย ทั้งเรื่องราวในปี พ.ศ. 2538 ที่ข้อมูลยังไม่แน่นพอ, การถ่ายภาพที่บางทีก็โฟกัสที่หน้าตัวละครมากจนเกินไป, บทพูดที่ดูตลก และประดักประเดิดในบางช่วง, เรื่องราวการย้อนเวลาที่ไม่ได้อธิบาย, การแต่งตัวและฉากหลังของยุคนั้นที่ยังไม่เป๊ะพอ จะว่ามันเป็นจุดอ่อนของหนังก็คงใช่ หรือจะว่าเป็นเอกลักษณ์ของอัลเทอร์เนทีฟก็ไม่เชิง ถ้าคนที่ฟังเพลงอัลเทอร์เนทีฟจะรู้เลยว่าเพลงไม่ได้เนียบ ทฤษฎีเพลงไม่ได้แน่น ว่ากันตรงๆไม่มีอะไรซับซ้อน เล่นสดมีหลุดบ้างเพี้ยนบ้าง แต่เรื่องความสร้างสรรค์และอารมณ์มันถึงจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับหนังเรื่องนี้ที่ไม่ได้ทำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบในเชิงทฤษฎีภาพยนตร์ แต่ในทางอารมณ์ และเชิงสร้างสรรค์บอกได้เลยว่ามันจ๊าบมาก และไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะโดนนักวิจารณ์ที่ชื่นชอบหนังรางวัลจะรุมสาบแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบก็คงไม่ต่างนักวิจารณ์เพลงคลาสสิค ที่จะเมินใส่เพลงอัลเทอร์เนทีฟอย่างไม่ใยดี แต่เพลงคลาสสิคทฤษฎีแม่น กับอัลเทอร์เนทีฟก็ไม่ได้จะมีวิถีเดินเป็นเส้นขนานเสมอไป เพราะไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เห็น ป๊อด โมเดิร์นด็อก เจ้าพ่อยุคอัลเทอร์เนทีฟ จัดคอนเสิร์ตร่วมกับ ทฤษฎี ณ พัทลุง วาทยากรผู้มีชื่อเสียงระดับโลก ขึ้นมาได้ (Twogether Pod & The Orchestra)
สุดท้ายผมคิดว่าการที่ใครหลายๆคนรู้สึกชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ มันช่างเหมือนกับการได้รักใครสักคน แม้ว่าเธอจะมีข้อบกพร่อง และไม่สมบูรณ์แบบ แต่เธอมีความจริงใจ ความตั้งใจที่จะมอบความสุข และความรักให้แก่กัน ทำให้สุดท้ายเราก็ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง จนมองข้ามสิ่งไม่ดีเล็กๆน้อยไปได้อย่างหมดสิ้น
'ขอเป็นกำลังใจให้กับ 2538 อัลเทอร์มาจีบ ด้วยคนครับ'
#คุยเรื่องหนัง #2538อัลเทอร์มาจีบ
"2538 อัลเทอร์มาจีบ" ภาพยนตร์รักสไตล์ Alternative!! (ไม่สปอย)
หลายๆคนคงรู้จัก และได้ยินคำว่า 'อัลเทอร์เนทีฟ' ผ่านหูกันมาบ้าง และความหมายที่หลายคนเข้าใจในคำว่า 'อัลเทอร์เนทีฟ' คือแนวเพลงในยุคสมัยหนึ่งที่เพลงร็อคเริ่มถึงทางตัน ไม่มีการสร้างสรรค์อะไรออกมาใหม่ จนมีคนหัวก้าวหน้ากลุ่มหนึ่งเอาเพลงร็อคไปผสมผสานกับแนวเพลงอื่นๆ หรือทำเพลงให้ออกมาฉีกจากความซ้ำซากจำเจแบบเดิมๆ จนกลายมาเป็นจังหวะ และท่วงทำนองที่แตกต่างออกไป แต่ลงตัวและโดนใจคนฟังเข้าอย่างจัง! จนทำให้ 'อัลเทอร์เนทีฟ' มีตัวตนขึ้นมาแบบสง่าผ่าเผย จากเป็นทางเลือกของนักฟังเพลง จนก้าวมาเป็นกระแสหลักของวงการดนตรีในยุครุ่งเรือง
2538 อัลเทอร์มาจีบ เป็นเรื่องราวของ ก้อง เด็กวัยรุ่นใน พ.ศ. 2558 ที่ได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดชวนเหลือเชื่อ เมื่อตนเองได้บังเอิญย้อนไปในยุค พ.ศ. 2538 ยุคที่พ่อและแม่ของเขายังคงเป็นวัยรุ่น ก้องจึงอยากใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงอนาคตของครอบครัวตัวเองที่พ่อกับแม่มักทะเลาะกันบ่อยครั้ง โดยมีชื่อของ ส้ม หญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นข้อโต้เถียงของพ่อและแม่ของเขามาโดยตลอด แต่เรื่องราวกับตาลปัตรเมื่อ ก้อง ได้พบกับ ส้ม แล้วดันตกหลุมรักเข้าอย่างจัง เรื่องราวรักผิดยุค และปัญหาครอบครัวที่ร้าวฉานจะลงเอยเช่นไรต้องไปติดตามกันต่อในโรงภาพยนตร์
อย่างที่ทราบ ภาพยนตร์ 2538 อัลเทอร์มาจีบ เป็นภาพยนตร์ที่ย้อนไปในยุค พ.ศ.2538 ยุคที่ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟในประเทศไทยกำลังเป็นที่นิยม ทำให้พื้นหลังของหนังเรื่องนี้หนีไม่พ้นที่จะอบอวลไปด้วยกลิ่นเพลงอัลเทอร์เนทีฟจากวงดังในช่วงนั้นทั้ง พราว, อรอรีย์, The Must, Smile Buffalo, Modern Dog และอื่นๆ นอกจากเพลงแล้วสิ่งของประจำวันต่างๆในยุคนั้นล้วนขนมาให้ได้รำลึกความหลังกันอย่างพร้อมเพรียงทั้ง เพจเจอร์ ซาวน์เบาท์ ตู้สติกเกอร์ และอีกมากมาย เพียงเท่านี้หนังก็ทำให้คนในยุค 2538 ได้เพลิดเพลินจำเริญใจแล้ว แต่ยังไม่พอ เพราะนี่แค่ฉากหน้าในการเรียกแขกของหนังเรื่องนี้เท่านั้น
ในด้านความบันเทิงสนุกสนาน หนังเรื่องนี้ถือว่าสอบผ่านเลยกับมุกตลกระหว่างยุคสมัยที่จับออกมาเล่นได้อย่างลงตัว และลื่นไหล คือหนังไม่ได้เน้นแต่เฉพาะกลุ่มคนที่ทันยุค 2538 เท่านั้นในการยิงมุก แต่ยังเข้าถึงคนทุกวัยได้อย่างพอดี เรียกเสียงหัวเราะร่วนได้อย่างรื่นเริงทีเดียว ที่ชอบที่สุดคือหนังไม่มีมุกตลกหยาบโลนน่ารังเกียจแต่อย่างใด ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ดีของหนังไทยที่ชอบเอาความหยาบโลนมาใช้เป็นเครื่องทำมาหากิน
ทางด้านสาระก็บอกเลยว่าดีมากๆ ในประเด็นเรื่องของปัญหาวัยรุ่น และปัญหาครอบครัวที่หนังหยิบยกมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยมและอยู่หมัด โดยที่ไม่ต้องมีฉากเซ็กส์ ยาเสพติด และความรุนแรงมาเป็นจุดขาย แต่หนังเลือกที่จะดึงเอาปัญหาที่มีอยู่ในทุกบ้านอย่างเรื่องความไม่เข้าใจกันในครอบครัวมาใช้เป็นแกนหลักของเรื่อง และทำได้ดีด้วยถึงตอนพีคนี่มีน้ำตาซึมกันได้เลย โดยเรื่องราวสาระต่างๆล้วนไม่ได้นำมายัดเยียดใส่คนดู หรือมาชี้นิ้วสั่งสอนแบบการ์ตูนเด็ก หนังได้นำเสนอเรื่องราวในจุดนี้อย่างกลมกลืน และลงตัวกับเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิง และทำให้เราอินไปกับเรื่องราวนั้นๆได้
ถึงแม้จะมีจุดแข็งอยู่หลายจุด แต่โดยรวมแล้วหนังยังมีรอยรั่วเล็กๆอยู่มากมาย ทั้งเรื่องราวในปี พ.ศ. 2538 ที่ข้อมูลยังไม่แน่นพอ, การถ่ายภาพที่บางทีก็โฟกัสที่หน้าตัวละครมากจนเกินไป, บทพูดที่ดูตลก และประดักประเดิดในบางช่วง, เรื่องราวการย้อนเวลาที่ไม่ได้อธิบาย, การแต่งตัวและฉากหลังของยุคนั้นที่ยังไม่เป๊ะพอ จะว่ามันเป็นจุดอ่อนของหนังก็คงใช่ หรือจะว่าเป็นเอกลักษณ์ของอัลเทอร์เนทีฟก็ไม่เชิง ถ้าคนที่ฟังเพลงอัลเทอร์เนทีฟจะรู้เลยว่าเพลงไม่ได้เนียบ ทฤษฎีเพลงไม่ได้แน่น ว่ากันตรงๆไม่มีอะไรซับซ้อน เล่นสดมีหลุดบ้างเพี้ยนบ้าง แต่เรื่องความสร้างสรรค์และอารมณ์มันถึงจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับหนังเรื่องนี้ที่ไม่ได้ทำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบในเชิงทฤษฎีภาพยนตร์ แต่ในทางอารมณ์ และเชิงสร้างสรรค์บอกได้เลยว่ามันจ๊าบมาก และไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะโดนนักวิจารณ์ที่ชื่นชอบหนังรางวัลจะรุมสาบแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบก็คงไม่ต่างนักวิจารณ์เพลงคลาสสิค ที่จะเมินใส่เพลงอัลเทอร์เนทีฟอย่างไม่ใยดี แต่เพลงคลาสสิคทฤษฎีแม่น กับอัลเทอร์เนทีฟก็ไม่ได้จะมีวิถีเดินเป็นเส้นขนานเสมอไป เพราะไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เห็น ป๊อด โมเดิร์นด็อก เจ้าพ่อยุคอัลเทอร์เนทีฟ จัดคอนเสิร์ตร่วมกับ ทฤษฎี ณ พัทลุง วาทยากรผู้มีชื่อเสียงระดับโลก ขึ้นมาได้ (Twogether Pod & The Orchestra)
สุดท้ายผมคิดว่าการที่ใครหลายๆคนรู้สึกชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ มันช่างเหมือนกับการได้รักใครสักคน แม้ว่าเธอจะมีข้อบกพร่อง และไม่สมบูรณ์แบบ แต่เธอมีความจริงใจ ความตั้งใจที่จะมอบความสุข และความรักให้แก่กัน ทำให้สุดท้ายเราก็ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง จนมองข้ามสิ่งไม่ดีเล็กๆน้อยไปได้อย่างหมดสิ้น
'ขอเป็นกำลังใจให้กับ 2538 อัลเทอร์มาจีบ ด้วยคนครับ'
#คุยเรื่องหนัง #2538อัลเทอร์มาจีบ