[Spoil] เพลงรักสองหัวใจ (Shigatsu wa Kimi no Uso) ตอนสุดท้าย - สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ


ตอนอวสาน - สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ


เพราะเป็นนักดนตรีโคเซย์จึงต้องบรรเลงออกไป
เพื่อทุก ๆ คนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของเขา
เพื่อทุก ๆ คนที่ลากเขากลับขึ้นมาบนเวที
เพื่อทุก ๆ คนที่กำลังดูการแสดงของเขา
โคเซย์จึงไม่อาจทำให้ผู้คนเหล่านั้นต้องมาผิดหวังในตัวเขาได้

เสียงที่คุณแม่มอบมันให้แก่ผม
เสียงที่วาตาริทำให้ผมรู้สึกตัว
เสียงที่ซึบากิช่วยผมตามหา
เสียงที่เกิดขึ้นได้จากการประชันกับไอสะและอิกาวะ
เสียงที่ผมกับไอสะซังร่วมกันบรรเลงมันออกมา
เสียงที่คุณฮิโรโกะทำให้ผมจดจำมันขึ้นได้อีกครั้ง


แค่ลองตั้งใจฟังดูสักหน่อยก็รู้แล้วว่าภายในตัวของผมนั้นเต็มไปด้วยเสียงที่หลากหลาย
ผมนั้นไม่ได้ตัวคนเดียว
เพียงแค่ได้พบกับใครสักคนผมก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
พวกเราทุกคนนั้นเชื่อมโยงถึงกันอยู่


ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวเลยนะ

ยัยบ้า ผมก็อยู่ตรงนี้นี่ไง
ข้างในตัวผมน่ะ ยังมีเธออยู่นะ
ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังได้อยู่แล้ว
ได้โปรดส่งไปให้ถึงที
ทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างของผม
ขอให้ส่งไปถึงเธอด้วยเถิด


รีบ ๆ เตะอาการป่วยของเธอทิ้งไปสักทีสิ
แล้วหลังจากนั้น...
อีกครั้งหนึ่ง...
พวกเราสองคน...


เดี๋ยวก่อนสิ...
อย่าไปนะ...
มาทวงคาเนเล่กับผมอีกสิ...
โทรหาผมฆ่าเวลาอีกหน่อยสิ...
เป็นแค่เพื่อน A ก็ได้...
ได้โปรดอย่าไปไหนนะ...
อย่าทิ้งผมไปไหนนะ...


โคเซย์จบการบรรเลงของเขาลงทั้งน้ำตา

ลาก่อนนะ...


หลังการแข่งขัน พ่อแม่ของคาโอริก็มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้กับโคเซย์
จ่าหัวโดยคาโอริถึงโคเซย์
พร้อมทั้งขอบคุณโคเซย์ที่ทำให้ชีวิตของคาโอริมีสีสัน


สิบากิปรึกษาคาชิวากิเรื่องของโคเซย์ที่ตัวเองไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง
คาชิวากิเลยตอบกลับไปว่าคนโง่แบบสึบากิต่อให้คิดให้ตายยังไงก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาอยู่ดี ให้ทำตามหัวใจไปเลยดีกว่า


ถึงคุณอาริมะ โคเซย์
การเขียนจดหมายหาคนที่เพิ่งจะเจอหน้ากันไปหมาด ๆ นี่มันรู้สึกแปลกดีนะ


นายนี่ใจร้ายมากเลยนะ
อืดอาด เอื่อยเฉื่อย เจ้าทึ่ม
ฉันได้เจอนายครั้งแรกตอนอายุห้าขวบล่ะ
ตอนนั้นฉันไปแสดงให้กับโรงเรียนสอนเปียโนที่ฉันเรียนอยู่น่ะ


มีเด็กผู้ชายทำตัวเงอะ ๆ งะ ๆ เดินขึ้นมาบนเวทีแล้วเอาก้นชนเก้าอี้อย่างน่าขัน
เขานั่งลงตรงหน้าเปียโนที่ดูใหญ่เกินตัว
ทันทีที่โน้ตตัวแรกดังขึ้นเท่านั้นแหละ
เขาก็กลายไปเป็นความใฝ่ฝันของฉัน


การบรรเลงตัวโน้ตที่สีสันสดใสราวกับพาเลท 24 สี ท่วงทำนองที่ราวกับกำลังเต้นรำ
ตอนที่เด็กที่นั่งข้าง ๆ ฉันก็แหกปากร้องไห้ออกมา ฉันตกใจมากเลยล่ะ


แต่แล้วเธอกลับเลิกเล่นเปียโนหลังจากที่เป็นคนพาฉันให้เดินตามมาบนเส้นทางสายนี้
ใจร้ายมากเลยใช่ไหมล่ะ
ฉันจึงได้เปลี่ยนมาเล่นไวโอลินแทน หวังว่าเธอจะมาบรรเลงเปียโนให้ฉันไงล่ะ
แย่ที่สุด เอื่อยเฉื่อย เจ้าทึ่ม


พอได้รู้ว่าเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะ
จะต้องทำยังไงถึงจะเข้าไปหาเธอได้กันนะ
ลองไปซื้อแซนด์วิซทุกวันบ้างดีไหมนะ


แต่ท้ายที่สุดฉันก็ได้แต่มองเท่านั้นเอง
ก็ทุกคนน่ะ สนิทกันซะขนาดนั้นนี่นา
ไม่มีที่ว่างให้ฉันแทรกตัวเข้าไปได้เลย


ฉันได้รับการผ่าตัดมาตั้งแต่เด็ก
แล้วก็ต้องเข้าไปรับการรักษาแบบคนไข้นอกอยู่เป็นระยะ
แต่หลังจากที่ฉันล้มพับลงเมื่อตอน ม.1 ฉันก็เริ่มเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยขึ้น
จนกระทั่งอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าอยู่ข้างนอกเลยก็ว่าได้
ฉันเลยแทบจะไม่ได้ไปโรงเรียนเลยล่ะนะ


เรื่องที่สภาพร่างกายไม่ค่อยดีน่ะ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ
พอได้เห็นคุณพ่อคุณแม่ร้องไห้อยู่ที่ห้องรับรองในคืนนั้น ก็เลยรู้ทันทีว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว


ตอนนั้นแหละ ที่ฉันเริ่มออกวิ่ง
ฉันเริ่มทำในสิ่งที่ฉันอยากจะทำ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานึกเสียดายบนสวรรค์เอาทีหลัง
ใส่คอนแทกเลนส์ที่เคยกลัวนักกลัวหนา
กินเค้กเป็นก้อน ๆ โดยที่ไม่ต้องกลัวอ้วน
แม้แต่บทประพันธ์ที่เคยยึดถือมาโดยตลอดนั้น ฉันก็เปลี่ยนมาบรรเลงมันตามอำเภอใจ


แล้วฉันก็พูดโกหกออกไปเรื่องนึง
เรื่องที่ มิยาโซโนะ คาโอริ ชอบ วาตาริ เรียวตะ นั้น...
ฉันโกหกน่ะ


แล้วคำโกหกนั้นเอง ที่ชักนำให้เธอ...
ชักนำให้อาริมะ โคเซย์ได้มาพบกับฉัน


ฝากขอโทษวาตาริด้วยนะ
คิดว่าถ้าเป็นเขาล่ะก็ น่าจะสามารถลืมฉันได้ในเวลาไม่นานนัก
ในฐานะเพื่อนก็เป็นคนที่เฮฮาดีอยู่หรอก แต่ถ้าจะคบเป็นแฟนฉันก็อยากได้คนจริงจังกว่านี้หน่อยน่ะ


แล้วก็ฝากขอโทษสีบากิด้วยนะ
ฉันกะจะเป็นแค่คนคนหนึ่งที่เดินผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป
เพราะไม่อยากจะทิ้งความรู้สึกแย่ ๆ เอาไว้ก็เลยไม่ได้ขอร้องสึบากิออกไปตรง ๆ น่ะ
อันที่จริง ถึงจะขอให้เธอแนะนำอาริมะ โคเซย์ให้รู้จักหน่อยไปตรง ๆ สึบากิก็คงไม่ยอมอยู่ดีล่ะนะ
ก็สึบากิเขาชอบเธออยู่นี่นา
ใคร ๆ เขาก็รู้กันหมดแล้ว มีแต่เธอกับสิบากิเท่านั้นแหละที่ไม่รู้


แต่เธอที่ฉันได้เจอจากคำโกหกของฉันนั้นต่างไปจากที่ฉันคิดเยอะเลย
ทั้งมืดมน หัวดื้อ ดันทุรัง แถมยังเป็นพวกแอบถ่าย
เสียงของเธอทุ้มกว่าที่คิด เป็นสุภาพบุรุษกว่าที่คิด แล้วก็ใจดีอย่างที่คิด

แม่น้ำที่พวกเรากระโดดลงไปเล่นกันตอนนั้น มันเย็นสดชื่นมากเลยเนอะ
พระจันทร์กลมโตที่พวกเรามองเห็นจากห้องดนตรีนั้น ดูเหมือนกับมันจูน่าอร่อยมากเลยล่ะ
ตอนที่วิ่งแข่งกับรถไฟนั้น คิดว่าน่าจะชนะได้จริง ๆ นะ
ที่ได้ร้องเพลง Twinkle Twinkle Little Star ไปด้วยกันน่ะ สนุกมากเลยนะ
โรงเรียนตอนกลางคืนมันต้องมีอะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ เลยเนอะ
หิมะมันดูคล้ายกับกลีบดอกซากุระจังเลยนะ
ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่การแสดง แต่หัวใจของนักดนตรีอย่างฉันกลับถูกดึงดูดไปด้วยเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ มันน่าแปลกจังเลยนะ


ทิวทัศน์ที่ฉันไม่อาจลืมมันลงได้กลับมีแต่เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ น่าขันจังเลยนะ

ไม่ใช่แบบนั้นหรอก
แล้วเธอล่ะว่าไง...
ฉันนั้นสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของใครสักคนได้บ้างไหมนะ

ได้อยู่แล้วล่ะ
แล้วฉันสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอได้รึเปล่านะ
ฝ่าเข้ามาแบบไม่ยอมถอดรองเท้าเลยล่ะ
จะยังจดจำเรื่องของฉันได้บ้างไหมนะ เพียงสักนิดก็ยังดี
ขึนลืมขึ้นมาก็ถูกเธอตามมาหลอกกันพอดีสิ
ห้ามกดปุ่ม reset เชียวนะ
ไม่ทำหรอก
ห้ามลืมเด็ดขาดนะ
อืม
สัญญาแล้วนะ
อืม


ว่าแล้วเชียว ดีจังเลยที่เป็นนาย
จะส่งไปถึงไหมนะ...
ถ้าส่งไปถึงได้ก็ดีนะ...
อาริมะ โคเซย์...
ชอบนายนะ...
ชอบนะ...


ขอโทษนะ ที่กินคาเนเล่ไม่หมด
ขอโทษนะ ที่ทุบตีนายไป
ขอโทษนะ ที่เอาแต่ใจ
สำหรับเรื่องราวทั้งหลายที่ผ่านมา ขอโทษนะ


ขอบคุณมาก

เธอนี่เห็นแก่ตัวจริง ๆ
ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ


ปล. ฉันแนบของสำคัญของฉันไว้ให้ด้วย ถ้าไม่ต้องการก็ฉีกทิ้งได้เลยนะ


แล้วสึบากิก็เดินเข้ามาเตะขาโคเซย์
ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย

ห้ามคิดว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียวอีกเด็ดขาดเชียวนะ
เพราะจากนี้ไปฉันจะคอยอยู่เคียงข้างนายไม่ไปไหน
เตรียมใจไว้ได้เลย!



ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึง
ฤดูใบไม้ผลิที่ฉันได้พบกับเธอกำลังจะมาถึง


ฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีเธอ... กำลังจะมาถึง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่