เมื่อ "สดุด" เราพยุงตัวเองลุกขึ้น
เมื่อ "หกล้ม" จนเป็นแผลเรารักษาด้วยยาหัวใจ
เมื่อ "โศรกเศร้า" ใช้มือเช็ดหยาดน้ำตาเหล่านั้น...พร้อมพูดถ้อยคำที่แห่งความจริงใจออกมา
เมื่อ "เหน็บหนาว" สองแขนโอบกอดเพื่อบรรเทา
เมื่อ "ทุกข์ใจ" ร้องตะโกนให้ตัวเองได้ยินว่าไม่ยอมแพ้
เมื่อ "ได้ยินในสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจ" หยุดพูด หยุดคิด หยุดกระทำ ใจสงบ
เมื่อ "สายตาพล่ามัวด้วยฤทบาดแผล" ใช้สัญชาติญาณเป็นผู้กระทำ
เมื่อ "หลงทาง" ให้ใช้ความเชื่อมั่นนำทางต่อ
เมื่อ "ความอ้างว้างเข้าครอบงำ" ก็มองตัวเองที่ในกระจกแล้วพูดในสิ่งทีอัดอั้นในใจออกมา
เมื่อ "ความหดหู่" เริ่มทำให้หัวใจเหี่ยวเฉาก็มองรอบกาย แล้วเริ่มทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เมื่อ "ความอบอุ่น" มันเริ่มจางหายก็หลับตาสักพัก ตั้งสติ นึกถึงเรื่องแห่งรอยยิ้ม และความทรงจำที่งดงาม
เมื่อ "ท้อ..และเหนื่อย" ..หลับตาลงบนที่นอนและปล่อยให้เข้าสู่ห้วงนิทรา..เพื่อให้กาลเวลามอบพลังให้แก่เรา
เมื่อ "ความเหงา" ห่อหุ้มหัวใจเรา...ฟังเพลงที่เคยฟังกับคนที่เรารักเมื่อก่อนที่เคยฟังด้วยกัน...
ดูรูปที่เคยอยู่ด้วยกันทั้งเคลื่อนไหวและนิ่ง...แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเพื่อระบาย...
แล้วคิดว่าความเหงา น้ำตา เงา คือเพื่อนเรา..ใช้ชีวิตร่วมกับมันให้ได้
เมื่อ "หัวใจมันเริ่มเซ็ง"...หยิบดนตรีขึ้นมาเล่น..หยิบหนังมาดู..หยิบเพลงมาฟัง..ทำให้หัวใจเบิกบานอย่าปล่อยให้มันเซ็ง
เมื่อ"ต้องการใครสักคน" ที่ข้างกาย...ให้คิดไว้เสมอว่า มีพบ ต้องมีพราก มีจาก ต้องยอมรับในสิ่งนี้
เมื่อสุดท้ายไม่ว่าชีวิตจะเป็นแบบใด....
ก็ใช้จิตเป็นแรงผลักดันเพื่อผ่านพ้นไปสู่ฝั่งที่ต้องการจะขึ้น...แม้รู้สึกสูญเสีย...ทอดทิ้ง...เหงา...อ้างว้าง..หดหู่...เซ็ง...เศร้าโศก...เจ็บปวด...ทรมาน...การหักหลัง....ท้อ.....เหนื่อย...แต่มันก็คือภาพวาดที่จิตใจเราได้สร้างสรรค์มันขึ้นมา...ชีวิตเราเป็นเพียงกระดาษใบใหญ่ที่กว้างเกินที่จะมองถึงจุดสิ้นสุด...ซึ่งการที่เราจะมองเห็นได้นั้นมันก็มีแต่จิตใจเราจะเป็นคนนำพาและคอยนำหลากหลายสีสรรค์มาคอยร่ายรำเพื่อให้เกิดภาพลงบนกระดาษใบใหญ่ใบนี้...สีใดจะมากกว่ากัน..สีไหนจะสวยมากกว่า...สีไหนมืดมล..หรืองดงาม..ขึ้นอยู่กับจิตใจเราเป้นคนร่ายมันขึ้นมา...แล้วจิตใจก็อาจเป็นการบอกจุดจบของกระดาษใบนี้ได้เช่นกัน
ฝากติชมด้วยน้าค่ะมือใหม่หัดแต่ง เป็นบทความที่เขียนขึ้นเอง เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้คน ^^
เมื่อเราต้องผ่านไป....ให้ได้ {มีบทความดีๆมาให้อ่านกันค่า^^}
เมื่อ "หกล้ม" จนเป็นแผลเรารักษาด้วยยาหัวใจ
เมื่อ "โศรกเศร้า" ใช้มือเช็ดหยาดน้ำตาเหล่านั้น...พร้อมพูดถ้อยคำที่แห่งความจริงใจออกมา
เมื่อ "เหน็บหนาว" สองแขนโอบกอดเพื่อบรรเทา
เมื่อ "ทุกข์ใจ" ร้องตะโกนให้ตัวเองได้ยินว่าไม่ยอมแพ้
เมื่อ "ได้ยินในสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจ" หยุดพูด หยุดคิด หยุดกระทำ ใจสงบ
เมื่อ "สายตาพล่ามัวด้วยฤทบาดแผล" ใช้สัญชาติญาณเป็นผู้กระทำ
เมื่อ "หลงทาง" ให้ใช้ความเชื่อมั่นนำทางต่อ
เมื่อ "ความอ้างว้างเข้าครอบงำ" ก็มองตัวเองที่ในกระจกแล้วพูดในสิ่งทีอัดอั้นในใจออกมา
เมื่อ "ความหดหู่" เริ่มทำให้หัวใจเหี่ยวเฉาก็มองรอบกาย แล้วเริ่มทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เมื่อ "ความอบอุ่น" มันเริ่มจางหายก็หลับตาสักพัก ตั้งสติ นึกถึงเรื่องแห่งรอยยิ้ม และความทรงจำที่งดงาม
เมื่อ "ท้อ..และเหนื่อย" ..หลับตาลงบนที่นอนและปล่อยให้เข้าสู่ห้วงนิทรา..เพื่อให้กาลเวลามอบพลังให้แก่เรา
เมื่อ "ความเหงา" ห่อหุ้มหัวใจเรา...ฟังเพลงที่เคยฟังกับคนที่เรารักเมื่อก่อนที่เคยฟังด้วยกัน...
ดูรูปที่เคยอยู่ด้วยกันทั้งเคลื่อนไหวและนิ่ง...แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเพื่อระบาย...
แล้วคิดว่าความเหงา น้ำตา เงา คือเพื่อนเรา..ใช้ชีวิตร่วมกับมันให้ได้
เมื่อ "หัวใจมันเริ่มเซ็ง"...หยิบดนตรีขึ้นมาเล่น..หยิบหนังมาดู..หยิบเพลงมาฟัง..ทำให้หัวใจเบิกบานอย่าปล่อยให้มันเซ็ง
เมื่อ"ต้องการใครสักคน" ที่ข้างกาย...ให้คิดไว้เสมอว่า มีพบ ต้องมีพราก มีจาก ต้องยอมรับในสิ่งนี้
เมื่อสุดท้ายไม่ว่าชีวิตจะเป็นแบบใด....
ก็ใช้จิตเป็นแรงผลักดันเพื่อผ่านพ้นไปสู่ฝั่งที่ต้องการจะขึ้น...แม้รู้สึกสูญเสีย...ทอดทิ้ง...เหงา...อ้างว้าง..หดหู่...เซ็ง...เศร้าโศก...เจ็บปวด...ทรมาน...การหักหลัง....ท้อ.....เหนื่อย...แต่มันก็คือภาพวาดที่จิตใจเราได้สร้างสรรค์มันขึ้นมา...ชีวิตเราเป็นเพียงกระดาษใบใหญ่ที่กว้างเกินที่จะมองถึงจุดสิ้นสุด...ซึ่งการที่เราจะมองเห็นได้นั้นมันก็มีแต่จิตใจเราจะเป็นคนนำพาและคอยนำหลากหลายสีสรรค์มาคอยร่ายรำเพื่อให้เกิดภาพลงบนกระดาษใบใหญ่ใบนี้...สีใดจะมากกว่ากัน..สีไหนจะสวยมากกว่า...สีไหนมืดมล..หรืองดงาม..ขึ้นอยู่กับจิตใจเราเป้นคนร่ายมันขึ้นมา...แล้วจิตใจก็อาจเป็นการบอกจุดจบของกระดาษใบนี้ได้เช่นกัน
ฝากติชมด้วยน้าค่ะมือใหม่หัดแต่ง เป็นบทความที่เขียนขึ้นเอง เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้คน ^^