จากมติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอล
สำหรับผลการประชุม ทางคณะอนุกรรมการได้มีการพิจารณาบทลงโทษ ในเกมคู่ระหว่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี ปรากฎว่า ได้มีการลงโทษ โอบาโตล่า กาเบรียล โอจิจิ ผู้เล่นของทีมโอสถสภา หลังเจ้าตัวแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้วยการหยิบรองเท้าสตั๊ดของ สรรวัชญ์ เดชมิตร ผู้เล่นทีมแบงค็อก ปาออกไปนอกสนาม ในจังหวะที่สรรวัชญ์นอนเจ็บอยู่ โดยเกมนัดนั้น ผู้ตัดสินก็ไม่ได้มีการคาดโทษ หรือ ตักเตือนโอบาโตล่า แต่อย่างใด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ทางสโมสรแบงค็อก ไม่สามารถยอมรับได้ ก่อนจะทำหนังสือมาร้องเรียน
ขณะที่บทลงโทษนั้น ทางคณะอนุกรรมการชี้แจงว่า โอบาโตล่ามีความผิดตามข้อบังคับฯ ผนวกที่ 7 หมวดที่ 2 ข้อ 1.8) แสดงกริยาหรือแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สังคมทั่วไปเห็นว่าไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน นักฟุตบอล เจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์ หรือเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน เช่น กระทำการยั่วยุอันอาจเป็นเหตุนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยในสนามแข่งขันได้ เป็นต้น และมิได้ถูกผู้ตัดสินคาดโทษ พิจารณาปรับเงิน 30,000 บาท
ขณะที่ เกมคู่ระหว่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พบกับ ศรีสะเกษ เอฟซี ก็มีการพิจารณาบทลงโทษเช่นกัน หลังทราบจากรายงานของผู้ตัดสินว่า เอกพันธ์ จันดากรณ์ ผู้เล่นของศรีสะเกษ เดินชนผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 โดยใช้อกกระแทก และ นายสมเกียรติ ฟองเพชร ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของศรีสะเกษ เข้ามาด่าผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย โดยตะโกนด่าเป็นระยะ หลายครั้ง จนคณะผู้ตัดสินเดินเข้าห้องพัก
ดังนั้น คณะอนุกรรมการได้พิจารณาบทลงโทษให้ เอกพันธ์ จันดากรณ์ มีความผิดข้อ 1.13) ทำร้ายร่างกาย ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย พิจารณาห้ามลงแข่งขันครั้งต่อไป และห้ามเข้าสนาม 2 นัด และปรับเงิน 30,000 บาท ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน โทษจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า จึงพิจารณาลงโทษห้ามลงแข่งขันครั้งต่อไป และห้ามเข้าสนาม 4 นัด และ ปรับเงิน 60,000 บาท
ส่วน สมเกียรติ ฟองเพชร มีความผิดข้อ 2.7) ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม ต่อเจ้าหน้าที่ทีม หรือเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน หรือบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ห้ามทำหน้าที่ครั้งต่อไป และห้ามเข้าสนามแข่งขัน 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท
ส่วนในยามาฮ่าลีกวัน มีการพิจาณาในคู่ของ พีทีที ระยอง กับ เชียงใหม่ เอฟซี ปรากฎว่า คณะอนุกรรมการได้ลงโทษ นะเรศ กาพย์ไกรแก้ว ผู้เล่นของพีทีที ระยอง ด้วยการปรับเงิน 30,000 บาท และแบน 1 นัด หลังทำผิดตามข้อบังคับฯ ผนวกที่ 7 หมวดที่ 2 ข้อ 1.9) ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม ต่อเจ้าหน้าที่ทีม หรือเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน หรือบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง
"กูปรี"งานเข้า! "เอกพันธ์"โดนแบน4นัดฐานเดินชนเปา
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอล
สำหรับผลการประชุม ทางคณะอนุกรรมการได้มีการพิจารณาบทลงโทษ ในเกมคู่ระหว่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี ปรากฎว่า ได้มีการลงโทษ โอบาโตล่า กาเบรียล โอจิจิ ผู้เล่นของทีมโอสถสภา หลังเจ้าตัวแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้วยการหยิบรองเท้าสตั๊ดของ สรรวัชญ์ เดชมิตร ผู้เล่นทีมแบงค็อก ปาออกไปนอกสนาม ในจังหวะที่สรรวัชญ์นอนเจ็บอยู่ โดยเกมนัดนั้น ผู้ตัดสินก็ไม่ได้มีการคาดโทษ หรือ ตักเตือนโอบาโตล่า แต่อย่างใด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ทางสโมสรแบงค็อก ไม่สามารถยอมรับได้ ก่อนจะทำหนังสือมาร้องเรียน
ขณะที่บทลงโทษนั้น ทางคณะอนุกรรมการชี้แจงว่า โอบาโตล่ามีความผิดตามข้อบังคับฯ ผนวกที่ 7 หมวดที่ 2 ข้อ 1.8) แสดงกริยาหรือแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สังคมทั่วไปเห็นว่าไม่เหมาะสมต่อหน้าสาธารณชน นักฟุตบอล เจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์ หรือเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน เช่น กระทำการยั่วยุอันอาจเป็นเหตุนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยในสนามแข่งขันได้ เป็นต้น และมิได้ถูกผู้ตัดสินคาดโทษ พิจารณาปรับเงิน 30,000 บาท
ขณะที่ เกมคู่ระหว่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พบกับ ศรีสะเกษ เอฟซี ก็มีการพิจารณาบทลงโทษเช่นกัน หลังทราบจากรายงานของผู้ตัดสินว่า เอกพันธ์ จันดากรณ์ ผู้เล่นของศรีสะเกษ เดินชนผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 โดยใช้อกกระแทก และ นายสมเกียรติ ฟองเพชร ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของศรีสะเกษ เข้ามาด่าผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย โดยตะโกนด่าเป็นระยะ หลายครั้ง จนคณะผู้ตัดสินเดินเข้าห้องพัก
ดังนั้น คณะอนุกรรมการได้พิจารณาบทลงโทษให้ เอกพันธ์ จันดากรณ์ มีความผิดข้อ 1.13) ทำร้ายร่างกาย ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย พิจารณาห้ามลงแข่งขันครั้งต่อไป และห้ามเข้าสนาม 2 นัด และปรับเงิน 30,000 บาท ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน โทษจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า จึงพิจารณาลงโทษห้ามลงแข่งขันครั้งต่อไป และห้ามเข้าสนาม 4 นัด และ ปรับเงิน 60,000 บาท
ส่วน สมเกียรติ ฟองเพชร มีความผิดข้อ 2.7) ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม ต่อเจ้าหน้าที่ทีม หรือเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน หรือบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง ห้ามทำหน้าที่ครั้งต่อไป และห้ามเข้าสนามแข่งขัน 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท
ส่วนในยามาฮ่าลีกวัน มีการพิจาณาในคู่ของ พีทีที ระยอง กับ เชียงใหม่ เอฟซี ปรากฎว่า คณะอนุกรรมการได้ลงโทษ นะเรศ กาพย์ไกรแก้ว ผู้เล่นของพีทีที ระยอง ด้วยการปรับเงิน 30,000 บาท และแบน 1 นัด หลังทำผิดตามข้อบังคับฯ ผนวกที่ 7 หมวดที่ 2 ข้อ 1.9) ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หรือเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยาม ต่อเจ้าหน้าที่ทีม หรือเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน หรือบุคคลใดด้วยพฤติกรรมที่ชัดแจ้ง