เงียบ จน เครียด กับภาวะเศรษฐกิจ

ผมไม่รู้ว่าเป็นที่ผมคนเดียวรึเปล่า
แต่ปัจจุบัน งานที่ติดต่อเข้ามาน้อยลงไปมากๆ จนต้องพึ่งบุญเก่า

แต่บุญเก่าก็อาจจะอยู่ไม่ได้นาน ถ้าเกินจาก 2 เดือนนี้ มีปัญหาหนักแน่ๆ
ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน

เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้
แต่ปัจจุบันเท่าที่สังเกตจากตัวเอง
1.เสียงลูกค้าโทรศัพท์มาติดต่องานน้อยลงไปมาก ถึงขั้นเรียกว่าเงียบเลย
2.เก็บเงินจากลูกค้ายากมาก
3.ราคาทองถูก แต่คนซื้อทองไม่เยอะ ผมเองก็ไม่มีกำลังซื้อ (แต่ก่อนก็ชอบซื้อเก็บไว้)
4.เงินไม่มีเก็บเพิ่ม มีแต่ต้องควักของเก่ามาใช้

สถานะของผมตอนนี้ต้องเรียกว่า "เงียบ จน เครียด"  
ตอนนี้ก็หาทางแก้ไข พึ่งพาตนเอง เล็งๆหาธุรกิจอื่นๆทำอยู่ ที่ไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจมากนัก
ใช้เงินสำรองที่มีอยู่แก้ไขไปก่อน แต่ไม่รู้จะไปได้กี่น้ำ

แต่ก็ฝากรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างเร็วด้วยเถิดครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
ผมคนนึ่งที่ผ่านมากับหลายยุคที่มีพวกยามบริหารประเทศ
บอกได้เลยว่าเเย่ทุกยุคที่ยามมาบริหาร  พวกนี้หัวการค้าก็ไม่มี
จะไปเจรจาการค้ากับต่างชาติก็ไม่กล้าไปเพราะชนักปักหลังที่มา
เก่งเเต่หากินในบ้าน(ภาษี) เเละเก็บของมีค่าในบ้านไปขาย
ความคิดเห็นที่ 17
มันเป็นวิบากกรรมของประเทศไทย ทั้งๆที่ศักยภาพพื้นฐานของเรานั้นดีกว่าใคร

ยุคชาติชายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้ากำลังไปได้สวย ก็เกิดช็อตเอาดื้อๆ

ยุคทักกี้ ประเทศไทยเริ่มจากติดลบเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ พลิกกลับมาเป็นบวกปล่อยให้พม่ากู้ได้ ทำงบประมาณสมดุลได้. ท้ายสุดก็แป๊ก

นั่นแปลว่า หากการเมืองนิ่ง ศักยภาพพื้นฐานเราดีกว่าใคร. พร้อมที่จะทะยานไปได้เสมอ ขอเพียงแต่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เท่านั้น

ส่วนจะแป๊กเพราะอะไร. คนไทยต้องหัดคิดให้เป็นกันได้แล้ว อย่าพยายามโทษคนอื่นเพื่อหนีความจริงอีกเลยนะฮ้า
ความคิดเห็นที่ 3
เด๋วต้องมีรถคันแรกเลี้ยวเข้ามาจอดแน่ๆ
ความคิดเห็นที่ 27
เมื่อตอนปลายปี48 มั๊ง หรือ 49 ไม่แน่ใจ ตอนนั้นกำลังปิดสนามบิน พี่ที่ทำงานด้วยกันบอกว่า รัฐบาลไม่รอดแน่ เตรียมเก็บเงินฝากแบงค์ไว้เลย
พอรัฐบาลล้ม เศรษฐกิจเราจะฝืดเคืองทันที พอถึงตอนั้น ใครสายป่านยาวจะได้เปรียบ คนรวยเอาเงินมาซื้อของถูก
คนชั้นกลางจะลำบาก ส่วนรากญ้าไม่ต้องพูดถึง ลำบากกว่าแน่ๆ ตอนนั้นก็ได้แต่เฉยๆ แต่ก็เริ่มออมมากขึ้น ปี49 (9/49) โป๊ะเชะ
เศรษฐกิจบ้านเราเริ่มทิ้งดิ่ง และเริ่มดีขึ้นบ้างในปี51 ตอนนั้นเริ่มฟุ่มเฟื่อยนิดหน่อย ไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง
ปี53 เกิดอีกอีกแระ ควันโขมงทั่วกรุงเลย ช่วงนี้ออมอย่างเดียว ไม่ใช้จ่ายเท่าไหร่ ปี54 นํ้าท่วมใหญ่ แต่ก็ใช้เงินเยอะพอสมควร ปี56นี่ถือเป็นปีแห่งการท่องเที่ยว+ใช้เงินของผมเลย เป็นปีที่มีความสุข(สำหรับผมนะ) ปี57-58 สัญญาณที่การเมืองบ้านเราเริ่มไม่ดีแล้ว พอมีการปิดกรุงเทพ ผมก็เริ่มหยุดใช้เงิน เก็บอย่างเดียว ชำระค่าผ่อนบ้านให้มากขึ้น เพราะเดี๋ยว Dajavu มันจะกลับมาแน่ๆ และปีนี้ 2558 ผมว่ามันกลับมาแล้ว เศรษฐกิจบ้านเราเริ่มทิ้งดิ่งอีกแล้ว รู้สึกจะแรงกว่ากว่าด้วย เพราะเงินเฟ้อของเราไม่เคยติดลบเลย แต่ปีนี้ติดลบฉลองปีใหม่เลย มค.-กพ. ลบติดกันเลย คาดว่า มี.ค. น่าจะลบอีก
แล้วแบบนี้มันจะไม่แย่ได้ยังไง วงล้อเศรษฐกิจของเรามันหมุนช้าลงๆ...

ตอนนี้ที่ทำได้คือ "ออมให้มาก ใช้ให้น้อย" แต่พอเพียงครับ ประคองตัวดูสถาณการณ์ ส่วนท่านเจ้าของกระทู้ ขอให้มีกำลังใจดีๆนะครับ เพราะคุณต้องสู้กับมันอีกพักใหญ่ๆเลยแหล่ะ ประคองให้ครอบครัวคุณมีกิน ให้คนงานหรือลูกน้องคุณมีกิน ก็พอ... ถ้าคุณผ่านมันไปได้ คุณจะได้อะไรหลายๆอย่างในวิกฤตแบบนี้ จริงๆแล้วในทุกๆวิกฤตที่เกิดขึ้น มันมักจะซ่อนโอกาสไว้ข้างในเสมอ.... ขอให้เจ้าของกระทู้ผ่านมันไปให้ได้นะครับ
ความคิดเห็นที่ 10
วิดน้ำไปมาอยู่ในบ่ ฝนฟ้าก็ไม่ตกลงมาเพิ่ม ดินมันก็ดูดน้ำลดลงไปเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่