สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
มันเป็นวิบากกรรมของประเทศไทย ทั้งๆที่ศักยภาพพื้นฐานของเรานั้นดีกว่าใคร
ยุคชาติชายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้ากำลังไปได้สวย ก็เกิดช็อตเอาดื้อๆ
ยุคทักกี้ ประเทศไทยเริ่มจากติดลบเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ พลิกกลับมาเป็นบวกปล่อยให้พม่ากู้ได้ ทำงบประมาณสมดุลได้. ท้ายสุดก็แป๊ก
นั่นแปลว่า หากการเมืองนิ่ง ศักยภาพพื้นฐานเราดีกว่าใคร. พร้อมที่จะทะยานไปได้เสมอ ขอเพียงแต่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เท่านั้น
ส่วนจะแป๊กเพราะอะไร. คนไทยต้องหัดคิดให้เป็นกันได้แล้ว อย่าพยายามโทษคนอื่นเพื่อหนีความจริงอีกเลยนะฮ้า
ยุคชาติชายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้ากำลังไปได้สวย ก็เกิดช็อตเอาดื้อๆ
ยุคทักกี้ ประเทศไทยเริ่มจากติดลบเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ พลิกกลับมาเป็นบวกปล่อยให้พม่ากู้ได้ ทำงบประมาณสมดุลได้. ท้ายสุดก็แป๊ก
นั่นแปลว่า หากการเมืองนิ่ง ศักยภาพพื้นฐานเราดีกว่าใคร. พร้อมที่จะทะยานไปได้เสมอ ขอเพียงแต่มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เท่านั้น
ส่วนจะแป๊กเพราะอะไร. คนไทยต้องหัดคิดให้เป็นกันได้แล้ว อย่าพยายามโทษคนอื่นเพื่อหนีความจริงอีกเลยนะฮ้า
ความคิดเห็นที่ 27
เมื่อตอนปลายปี48 มั๊ง หรือ 49 ไม่แน่ใจ ตอนนั้นกำลังปิดสนามบิน พี่ที่ทำงานด้วยกันบอกว่า รัฐบาลไม่รอดแน่ เตรียมเก็บเงินฝากแบงค์ไว้เลย
พอรัฐบาลล้ม เศรษฐกิจเราจะฝืดเคืองทันที พอถึงตอนั้น ใครสายป่านยาวจะได้เปรียบ คนรวยเอาเงินมาซื้อของถูก
คนชั้นกลางจะลำบาก ส่วนรากญ้าไม่ต้องพูดถึง ลำบากกว่าแน่ๆ ตอนนั้นก็ได้แต่เฉยๆ แต่ก็เริ่มออมมากขึ้น ปี49 (9/49) โป๊ะเชะ
เศรษฐกิจบ้านเราเริ่มทิ้งดิ่ง และเริ่มดีขึ้นบ้างในปี51 ตอนนั้นเริ่มฟุ่มเฟื่อยนิดหน่อย ไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง
ปี53 เกิดอีกอีกแระ ควันโขมงทั่วกรุงเลย ช่วงนี้ออมอย่างเดียว ไม่ใช้จ่ายเท่าไหร่ ปี54 นํ้าท่วมใหญ่ แต่ก็ใช้เงินเยอะพอสมควร ปี56นี่ถือเป็นปีแห่งการท่องเที่ยว+ใช้เงินของผมเลย เป็นปีที่มีความสุข(สำหรับผมนะ) ปี57-58 สัญญาณที่การเมืองบ้านเราเริ่มไม่ดีแล้ว พอมีการปิดกรุงเทพ ผมก็เริ่มหยุดใช้เงิน เก็บอย่างเดียว ชำระค่าผ่อนบ้านให้มากขึ้น เพราะเดี๋ยว Dajavu มันจะกลับมาแน่ๆ และปีนี้ 2558 ผมว่ามันกลับมาแล้ว เศรษฐกิจบ้านเราเริ่มทิ้งดิ่งอีกแล้ว รู้สึกจะแรงกว่ากว่าด้วย เพราะเงินเฟ้อของเราไม่เคยติดลบเลย แต่ปีนี้ติดลบฉลองปีใหม่เลย มค.-กพ. ลบติดกันเลย คาดว่า มี.ค. น่าจะลบอีก
แล้วแบบนี้มันจะไม่แย่ได้ยังไง วงล้อเศรษฐกิจของเรามันหมุนช้าลงๆ...
ตอนนี้ที่ทำได้คือ "ออมให้มาก ใช้ให้น้อย" แต่พอเพียงครับ ประคองตัวดูสถาณการณ์ ส่วนท่านเจ้าของกระทู้ ขอให้มีกำลังใจดีๆนะครับ เพราะคุณต้องสู้กับมันอีกพักใหญ่ๆเลยแหล่ะ ประคองให้ครอบครัวคุณมีกิน ให้คนงานหรือลูกน้องคุณมีกิน ก็พอ... ถ้าคุณผ่านมันไปได้ คุณจะได้อะไรหลายๆอย่างในวิกฤตแบบนี้ จริงๆแล้วในทุกๆวิกฤตที่เกิดขึ้น มันมักจะซ่อนโอกาสไว้ข้างในเสมอ.... ขอให้เจ้าของกระทู้ผ่านมันไปให้ได้นะครับ
พอรัฐบาลล้ม เศรษฐกิจเราจะฝืดเคืองทันที พอถึงตอนั้น ใครสายป่านยาวจะได้เปรียบ คนรวยเอาเงินมาซื้อของถูก
คนชั้นกลางจะลำบาก ส่วนรากญ้าไม่ต้องพูดถึง ลำบากกว่าแน่ๆ ตอนนั้นก็ได้แต่เฉยๆ แต่ก็เริ่มออมมากขึ้น ปี49 (9/49) โป๊ะเชะ
เศรษฐกิจบ้านเราเริ่มทิ้งดิ่ง และเริ่มดีขึ้นบ้างในปี51 ตอนนั้นเริ่มฟุ่มเฟื่อยนิดหน่อย ไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง
ปี53 เกิดอีกอีกแระ ควันโขมงทั่วกรุงเลย ช่วงนี้ออมอย่างเดียว ไม่ใช้จ่ายเท่าไหร่ ปี54 นํ้าท่วมใหญ่ แต่ก็ใช้เงินเยอะพอสมควร ปี56นี่ถือเป็นปีแห่งการท่องเที่ยว+ใช้เงินของผมเลย เป็นปีที่มีความสุข(สำหรับผมนะ) ปี57-58 สัญญาณที่การเมืองบ้านเราเริ่มไม่ดีแล้ว พอมีการปิดกรุงเทพ ผมก็เริ่มหยุดใช้เงิน เก็บอย่างเดียว ชำระค่าผ่อนบ้านให้มากขึ้น เพราะเดี๋ยว Dajavu มันจะกลับมาแน่ๆ และปีนี้ 2558 ผมว่ามันกลับมาแล้ว เศรษฐกิจบ้านเราเริ่มทิ้งดิ่งอีกแล้ว รู้สึกจะแรงกว่ากว่าด้วย เพราะเงินเฟ้อของเราไม่เคยติดลบเลย แต่ปีนี้ติดลบฉลองปีใหม่เลย มค.-กพ. ลบติดกันเลย คาดว่า มี.ค. น่าจะลบอีก
แล้วแบบนี้มันจะไม่แย่ได้ยังไง วงล้อเศรษฐกิจของเรามันหมุนช้าลงๆ...
ตอนนี้ที่ทำได้คือ "ออมให้มาก ใช้ให้น้อย" แต่พอเพียงครับ ประคองตัวดูสถาณการณ์ ส่วนท่านเจ้าของกระทู้ ขอให้มีกำลังใจดีๆนะครับ เพราะคุณต้องสู้กับมันอีกพักใหญ่ๆเลยแหล่ะ ประคองให้ครอบครัวคุณมีกิน ให้คนงานหรือลูกน้องคุณมีกิน ก็พอ... ถ้าคุณผ่านมันไปได้ คุณจะได้อะไรหลายๆอย่างในวิกฤตแบบนี้ จริงๆแล้วในทุกๆวิกฤตที่เกิดขึ้น มันมักจะซ่อนโอกาสไว้ข้างในเสมอ.... ขอให้เจ้าของกระทู้ผ่านมันไปให้ได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
เงียบ จน เครียด กับภาวะเศรษฐกิจ
แต่ปัจจุบัน งานที่ติดต่อเข้ามาน้อยลงไปมากๆ จนต้องพึ่งบุญเก่า
แต่บุญเก่าก็อาจจะอยู่ไม่ได้นาน ถ้าเกินจาก 2 เดือนนี้ มีปัญหาหนักแน่ๆ
ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน
เมื่อก่อนก็ไม่เคยเป็นแบบนี้
แต่ปัจจุบันเท่าที่สังเกตจากตัวเอง
1.เสียงลูกค้าโทรศัพท์มาติดต่องานน้อยลงไปมาก ถึงขั้นเรียกว่าเงียบเลย
2.เก็บเงินจากลูกค้ายากมาก
3.ราคาทองถูก แต่คนซื้อทองไม่เยอะ ผมเองก็ไม่มีกำลังซื้อ (แต่ก่อนก็ชอบซื้อเก็บไว้)
4.เงินไม่มีเก็บเพิ่ม มีแต่ต้องควักของเก่ามาใช้
สถานะของผมตอนนี้ต้องเรียกว่า "เงียบ จน เครียด"
ตอนนี้ก็หาทางแก้ไข พึ่งพาตนเอง เล็งๆหาธุรกิจอื่นๆทำอยู่ ที่ไม่ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจมากนัก
ใช้เงินสำรองที่มีอยู่แก้ไขไปก่อน แต่ไม่รู้จะไปได้กี่น้ำ
แต่ก็ฝากรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างเร็วด้วยเถิดครับ