ปรกติตัวผมไม่ค่อยจะอ่าน TimeLine ในมือถือซักเท่าไหร่..เพราะ คนไม่รู้จักเยอะเหลือเกิน
แต่ วันนี้ หลังจากทานข้าวเสร็จมีเวลาพักอยู่หน่อย ก็เลยคุย Line กับ แฟน เสร็จแล้วก็เลยอ่าน TimeLine ต่อเพลินๆ
จนมาสดุด TimeLine ของคนที่ไม่รู้จักคนหนึ่งเข้า..อ่านจบผมรู้สึกดี กับ ข้อคิดอันนี้มากเลย เลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ อ่านต่อครับ..
ข้อคิดดีๆ ในการดำเนินชีวิต วันนี้
เสนอตอน "อย่าร้างกัน"
**********************
เขาเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ธุรกิจเติบโตขึ้นมาก
ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เขามีภรรยาแล้ว
เขาและเธอแต่งงานกันมา ประมาณ 10 ปี
เขารู้ตัวว่ายิ่งนาน ก็ยิ่งหมดความเสน่หาในตัวเธอ
สิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือ เธอคือของตายและน่าเบื่อ
และยิ่งตอนนี้ที่บริษัทรับพนักงานสาวสวยคนหนึ่ง
เข้ามาทำงาน ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกบ้า
เธอทำให้เขารู้สึกกลับไปเป็นชายหนุ่มอายุ 16 อีกครั้ง
เมื่อเขาใคร่ครวญจนถี่ถ้วนแล้ว
เขาจึงตัดสินใจขอหย่ากับภรรยา
เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นสามีบอก
เธอถึงกับยืนตัวชาไปนานสองนาน
แต่สุดท้ายเธอก็ตอบตกลง
ยินยอมที่จะหย่าให้กับสามี
บ่ายวันต่อมา เขาและเธอ
จึงพากันไปที่อำเภอเพื่อทำการหย่า
ขั้นตอนทุกอย่างผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไรติดขัด
หลังจากหย่ากันเสร็จแล้ว
เขาขับรถพาเธอกลับบ้าน หลังจากนี้ต่างคนต่างอยู่
เขารู้สึกโหวงๆในใจพิลึก จึงเอ่ยบอกกับภรรยาว่า
“นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ไปทานข้าวเย็นส่งท้ายด้วยกันสักมื้อนะ”
เธอมองเขาครู่หนึ่ง
“ก็ดีเหมือนกัน รู้สึกแถวนี้จะมีร้านอาหารเปิดใหม่
ชื่อร้านว่า “อย่าร้างกัน” เป็นร้านที่เปิดเพื่อคู่สามีภรรยาที่เพิ่งหย่ากัน
ได้ทานอาหารด้วยกันเป็นมื้อสุดท้าย
ถ้างั้น เราไปทานที่ร้านนี้ดีไหม?”
เขาพยักหน้ารับ
เมื่อถึงร้าน“อย่าร้างกัน” ต่างคนก็ต่างเดินก้มหน้าเข้าร้านไปอย่างเงียบๆ
ในร้านจัดแต่งเป็นห้องๆ ให้เลือกเพื่อเป็นการส่วนตัว เขาเลือกห้องที่อยู่มุมในสุดของร้าน
“สวัสดีค่ะ” พนักงานบริการเข้ามาทักทาย
“คุณทั้งสองต้องการรับอาหารและเครื่องดื่มอะไรดีคะ?”
เขามองผู้กำลังจะเป็นอดีตภรรยา
“คุณเลือกก็แล้วกัน” เขาบอกออกไป
เธอส่ายหน้าไปมา
“ฉันไม่ค่อยได้ออกมาทานข้าวนอกบ้าน คุณก็รู้ คุณเลือกเถอะค่ะ”
“ขออภัยค่ะ ร้าน “อย่าร้างกัน”ของเรามีเงื่อนไขอยู่ว่า ให้คุณผู้หญิงเป็นคนเลือกอาหารให้คุณผู้ชาย
ซึ่งเป็นอาหารที่คุณผู้ชายชอบทานที่สุด และให้คุณผู้ชายเป็นคนเลือกอาหารให้คุณผู้หญิง
ซึ่งเป็นอาหารที่คุณผู้หญิงชอบที่สุด เมนูนี้เรียกว่า
“ความทรงจำครั้งสุดท้าย”ค่ะ”
“ก็ดีคะ!” เธอทำการรวบผมและหยิบเมนู
“ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย เห็ดหอมน้ำมันหอย
และก็ยำเห็ดหูหนูดำค่ะ เอ่อ!
รบกวนบอกพ่อครัวด้วยนะคะว่าไม่ใส่ต้นหอมเลย เพราะว่าสามี..เอ่อ...คุณผู้ชายท่านนี้เขาไม่ทานนะคะ”
“คุณผู้ชายล่ะคะ?” บริกรสาวหันไปทางเขา
เขานิ่งไปนาน แต่งงานกันมา 10 ปี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าภรรยาของเขาชอบทานอะไร เขาเม้มปากกัดริมฝีปากของตัวเอง
“เอาแค่นี้แหละค่ะ เพราะว่าเราชอบทานเหมือนกัน” เธอรีบตอบแทนว่าที่อดีตสามี
บริกรสาวยิ้มให้ทั้งสองคนและกล่าวว่า
“บอกตามตรงนะคะ ไม่ว่าคู่ใดที่มาทานข้าวที่ร้านของเรา ส่วนมากจะทานไม่ลงกันทั้งนั้นแหละค่ะ เราก็เลยเรียกเมนูนี้ว่าความทรงจำครั้งสุดท้าย เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ทางเรามีเมนูเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นเมนูสำหรับคู่ที่เพิ่งหย่ากันมา
เป็นเครื่องดื่มเย็นๆ นะค่ะ ส่วนมากทุกคู่จะไม่ปฏิเสธค่ะ”
เขาและเธอพยักหน้าพร้อมกัน
“ก็ดีเหมือนกัน ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ดีกว่านะคะ” เธอพูดขึ้น
ครู่เดียว บริกรสาวก็ยกเครื่องดื่มมาเสริฟ
แก้วหนึ่งเป็นน้ำแข็งใสสีฟ้าอ่อนๆ อีกแก้วหนึ่งเป็นน้ำสีแดงร้อนๆ มีไอระอุออกมา
“เมนูนี้เรียกว่า “ภูเขาไฟกับน้ำทะเล”ค่ะ เชิญทั้งสองท่านตามสบายนะคะ” พูดเสร็จเธอก็เดินออกจากห้องไป
ในห้องตอนนี้เงียบสงัด
เขาและเธอนั่งมองหน้ากันไปมา ต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น บริกรสาวถือถาดที่มีดอกกุหลาบสีแดงสดหนึ่งดอกเดินเข้ามา
“คุณผู้ชายคะ คุณยังจำความรู้สึกแรก
ที่ให้ดอกไม้แก่คุณผู้หญิงได้ไหมคะ
ตอนนี้คุณทั้ง 2 ไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว แต่กำลังจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เราเตรียมดอกไม้ให้คุณ
มอบแด่คุณผู้หญิงเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ”
เธอมองดอกกุหลาบดอกนั้น
อยู่ๆ ภาพที่เขามอบดอกไม้ให้แก่เธอครั้งแรกก็ผุดขึ้น
ตอนนั้น เธอและเขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ
เรียกว่าเริ่มนับศูนย์ก็ว่าได้
ตอนกลางวันเธอและเขาทำงานที่ร้านขายเสื้อผ้า
พอตกตอนค่ำ เธอออกไปตั้งแผงขายของที่ตลาดนัด
ส่วนเขาก็รับจ้างล้างชาม สี่ห้าทุ่มถึงจะกลับ
ห้องเช่าที่แคบแสนแคบด้วยกัน เธอผ่านทุกข์ผ่านสุขร่วมกับเขามาโดยไม่เคยปริปากบ่น
วันวาเลนไทน์ในปีแรกที่มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน
เขาซื้อดอกกุหลาบสีแดงมอบให้เธอหนึ่งดอก
วันนั้นเธอจำได้ดีว่าเธอดีใจจนร้องไห้ออกมา
10 ปีแล้วสินะ 10 ปีที่อะไรๆ ก็กำลังจะดีขึ้นมา
แต่สองเรากำลังจะแยกทาง เมื่อเธอนึกถึงตรงนี้
เธอก็ร้องไห้ออกมา จากนั้นก็โบกมือบอกบริกรสาวว่า
“ไมต้องหรอกค่ะ คุณเก็บกลับไปเถอะ”
เขาเองก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลังเมื่อ10ปีที่แล้ว นานเกือบ 7-8 ปีแล้วสินะ
ที่เขาเองก็ไม่ได้ซื้อกุหลาบให้เธอ
จากนั้นเขาก็โบกมือร้องห้าม
“เดี๋ยวครับ ผมขอซื้อกุหลาบดอกนี้ครับ”
บริกรสาวหยิบดอกกุหลาบขึ้นมา
แล้วฉีกกลีบดอกกุหลาบออกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
จากนั้นก็ใส่ลงไปในแก้วเครื่องดื่มของเขาทั้งคู่
แล้วกลีบกุหลาบก็ค่อยๆละลาย
“นี่เป็นดอกกุหลาบที่เราทำขึ้นมาเป็นพิเศษ
เพื่อมอบให้แก่คุณทั้ง 2 ซึ่งเป็นเมนูที่ 3 เรียกว่า
“ความทรงจำอันสวยงาม”ค่ะ
มีอะไรเรียกใช้ดิฉันได้นะคะ”
พูดเสร็จเธอก็โค้งคำนับแล้วเดินออกจากห้องไป
“คุณ..ผม..เอ่อ..” เขาได้แต่ตะกุกตะกัก
แล้วก็เอื้อมมือไปจับมืออดีตภรรยาไว้
เธอรีบดึงมือกลับ แต่เขาก็ยิ่งกำไว้แน่นกว่าเก่า
เธอจึงปล่อยเลยตามเลย สองคนได้แต่กุมมือและมองตากันไปมา
โดยไม่รู้ว่า ควรจะพูดอะไร
“พรึ๊บ!” จู่ๆไฟก็ดับลง
จากนั้นก็มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น
แล้วก็มีกลิ่นควันลอยเข้ามาในห้อง
“เกิดอะไรขึ้น?” ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นยืนพร้อมๆกัน
“ไฟไหม้ค่ะ ทุกคนรีบเดินออกมาทางหนีไฟคะ เร็วๆ”
เสียงของคนที่อยู่ข้างนอกตะโกนดังขึ้นมา
“คุณคะ” เธอรีบเดินไปสู่อ้อมกอดของเขา
“ฉันกลัวค่ะ”
“ไม่ต้องกลัว” เขากอดเธอไว้แน่นเช่นกัน
“ที่รัก คุณไม่ต้องกลัว คุณยังมีผมอยู่ทั้งคน
ไป เรารีบออกไปจากห้องนี้เถอะ”
เขากอดเธอและเปิดประตูหมายจะพาวิ่งออกไปข้างนอก
เมื่อเปิดประตูออกไป แสงไฟสว่างจ้า
ด้านนอกเงียบสงบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บริกรหญิงคนเดิมเดินมาหาเขาและเธอ
“ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณทั้ง 2 ตกใจ ไฟไม่ได้ไหม้ร้านหรอกค่ะ กลิ่นและควันที่คุณได้กลิ่นเมื่อครู่นี้ เป็นสิ่งที่ทางร้านของเราเตรียมไว้
นี่เป็นอาหารเมนูที่ 4 ค่ะ เรียกว่า
“เสียงเรียกจากหัวใจ”
ตอนนี้เชิญกลับห้องได้ค่ะ”
เขากุมมือของเธอเดินเข้าห้องไปอย่างว่าง่าย
“ที่รัก น้องผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้พูดถูก
เมื่อสักครู่นี้ คุณและผมต่างก็เผยสิ่งที่อยู่ในหัวใจออกมา
ที่จริง คุณและผมเราแยกจากกันไม่ได้หรอก
เพราะคุณยังรักผม และผมก็ยังรักคุณอยู่
พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนกันใหม่นะ!”
เธอเม้มปากพูดเสียงออกมาจากไรฟัน
“คุณยินดีที่จะทำอย่างนั้นเหรอค่ะ?”
“ผมยินดีที่สุดเลย ผมเข้าใจหัวใจของผมเองแล้ว
ว่าผมต้องการอะไร พรุ่งนี้
เราจะไปจดทะเบียนสมรสกันใหม่นะ”
“น้องๆ เช็คบิล” เขาตะโกนเรียกบริกรสาว
บริกรสาวเดินเข้าห้องมา
พร้อมกับยื่นโฟลเดอร์บิล 2 โฟลเดอร์
ให้แก่เขาและเธอ แยกกัน
“นี่คือบิลของคุณทั้ง 2 ค่ะและเป็นของที่ระลึก
ชิ้นสุดท้ายของทางร้าน เรียกว่า “บัญชีคู่ชีวิต”
ขอให้คุณทั้ง 2 เก็บไว้ให้ดีที่สุดนะคะ”
เมื่อเขาเปิดอ่าน เขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
“คุณเป็นอะไรไปคะ?” เธอรีบถามขึ้น
เขายื่นโฟลเดอร์บิลให้แก่ภรรยา
“ที่รัก ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ”
เมื่อเธอเปิดดู ในโฟลเดอร์บิลมีบิลเขียนว่า
“หนึ่งครอบครัว ที่อบอุ่น
สองมือ ที่ตรากตรำร่วมกันมา
สามทุ่มแล้ว ยังคอยให้คุณกลับบ้าน
สี่ฤดู ฝนตกหนาวร้อนห่วงใยสุขภาพคุณ
ห้าฮ่า เสียงหัวเราะเอาใจใส่อยู่เคียงข้างกัน
หกวัน ทำงานก็เพื่อครอบครัว
เจ็ดโมง อาหารเสร็จพร้อมให้ลูกสามีทาน
แปดตลบ คิดคำนึงปกป้องสามี
เก้าเท้าเข้าครัว ปรุงอาหารที่คุณชอบ
สิบปีทำเพื่อคุณ เธอสูญวัยเยาว์ นี่คือภรรยาของคุณ”
เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอก็เอ่ยพูดกับสามีว่า
“คุณก็ลำบากและเหนื่อยมาเพื่อฉันเหมือนกัน หลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่ได้ใส่ใจดูแลคุณให้ดีพอ ”
จากนั้น เธอก็หยิบบิลของเธอขึ้นมาอ่านบ้าง
“หนึ่งภาระ ของผู้ชาย
สองบ่า แบกหน้าที่ไว้แสนหนักอึ้ง
สามทุ่ม ยังตรากตรำทำงานเหน็ดเหนื่อย
สิ่ทิศ ท่องไปเหมือนคนไร้บ้านพเนจร
ห้าฮ่า หัวเราะกลบเกลื่อนความเหนื่อยล้า
หกริ้วรอย บนใบหน้า ซ่อนไม่ไหว
เจ็ดโมง ออกจากบ้าน จนค่ำมืด จึงคืนรังใจ
แปดภัยใดๆ มิให้กล้ำกลายลูกเมีย
ก้าวหน้าการงาน ก็เพื่อครอบครัว
สิบปี เพื่อคุณเพื่อลูกเพื่อครอบครัว นี่คือสามีของคุณ”
อ่านจบ ทั้งสองคนต่างก็โผเข้ากอดกัน
หลังจากชำระเงินเสร็จ เขาและเธอต่างก็ขอบคุณผู้จัดการร้าน
และบริกรหญิงอย่างสุดหัวใจ
จากนั้นก็ขอตัวลากลับ
ผู้จัดการและบริกรหญิงต่างก็หันมายิ้มให้กัน ผู้จัดการถอนหายใจและพูดขึ้นว่า
“ร้าน "อย่าร้างกัน" ของเรา
ช่วยให้คู่ชีวิตอีกคู่หนึ่งไม่ต้อง “หย่าร้างกัน” ได้อีกคู่หนึ่งแล้ว”
Credit : แฟนเพจ คู่บุญคู่บารมี
***************************
ปล.ยาวหน่อยนะครับ ขอบคุณที่อ่านครับผม..
ปล.2"อย่าร้างกัน มันเป็นชื่อร้านในข้อคิดครับ..ขอบคุณครับ
"อย่าร้างกัน"
แต่ วันนี้ หลังจากทานข้าวเสร็จมีเวลาพักอยู่หน่อย ก็เลยคุย Line กับ แฟน เสร็จแล้วก็เลยอ่าน TimeLine ต่อเพลินๆ
จนมาสดุด TimeLine ของคนที่ไม่รู้จักคนหนึ่งเข้า..อ่านจบผมรู้สึกดี กับ ข้อคิดอันนี้มากเลย เลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ อ่านต่อครับ..
ข้อคิดดีๆ ในการดำเนินชีวิต วันนี้
เสนอตอน "อย่าร้างกัน"
**********************
เขาเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ธุรกิจเติบโตขึ้นมาก
ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เขามีภรรยาแล้ว
เขาและเธอแต่งงานกันมา ประมาณ 10 ปี
เขารู้ตัวว่ายิ่งนาน ก็ยิ่งหมดความเสน่หาในตัวเธอ
สิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือ เธอคือของตายและน่าเบื่อ
และยิ่งตอนนี้ที่บริษัทรับพนักงานสาวสวยคนหนึ่ง
เข้ามาทำงาน ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกบ้า
เธอทำให้เขารู้สึกกลับไปเป็นชายหนุ่มอายุ 16 อีกครั้ง
เมื่อเขาใคร่ครวญจนถี่ถ้วนแล้ว
เขาจึงตัดสินใจขอหย่ากับภรรยา
เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นสามีบอก
เธอถึงกับยืนตัวชาไปนานสองนาน
แต่สุดท้ายเธอก็ตอบตกลง
ยินยอมที่จะหย่าให้กับสามี
บ่ายวันต่อมา เขาและเธอ
จึงพากันไปที่อำเภอเพื่อทำการหย่า
ขั้นตอนทุกอย่างผ่านไปด้วยดีไม่มีอะไรติดขัด
หลังจากหย่ากันเสร็จแล้ว
เขาขับรถพาเธอกลับบ้าน หลังจากนี้ต่างคนต่างอยู่
เขารู้สึกโหวงๆในใจพิลึก จึงเอ่ยบอกกับภรรยาว่า
“นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ไปทานข้าวเย็นส่งท้ายด้วยกันสักมื้อนะ”
เธอมองเขาครู่หนึ่ง
“ก็ดีเหมือนกัน รู้สึกแถวนี้จะมีร้านอาหารเปิดใหม่
ชื่อร้านว่า “อย่าร้างกัน” เป็นร้านที่เปิดเพื่อคู่สามีภรรยาที่เพิ่งหย่ากัน
ได้ทานอาหารด้วยกันเป็นมื้อสุดท้าย
ถ้างั้น เราไปทานที่ร้านนี้ดีไหม?”
เขาพยักหน้ารับ
เมื่อถึงร้าน“อย่าร้างกัน” ต่างคนก็ต่างเดินก้มหน้าเข้าร้านไปอย่างเงียบๆ
ในร้านจัดแต่งเป็นห้องๆ ให้เลือกเพื่อเป็นการส่วนตัว เขาเลือกห้องที่อยู่มุมในสุดของร้าน
“สวัสดีค่ะ” พนักงานบริการเข้ามาทักทาย
“คุณทั้งสองต้องการรับอาหารและเครื่องดื่มอะไรดีคะ?”
เขามองผู้กำลังจะเป็นอดีตภรรยา
“คุณเลือกก็แล้วกัน” เขาบอกออกไป
เธอส่ายหน้าไปมา
“ฉันไม่ค่อยได้ออกมาทานข้าวนอกบ้าน คุณก็รู้ คุณเลือกเถอะค่ะ”
“ขออภัยค่ะ ร้าน “อย่าร้างกัน”ของเรามีเงื่อนไขอยู่ว่า ให้คุณผู้หญิงเป็นคนเลือกอาหารให้คุณผู้ชาย
ซึ่งเป็นอาหารที่คุณผู้ชายชอบทานที่สุด และให้คุณผู้ชายเป็นคนเลือกอาหารให้คุณผู้หญิง
ซึ่งเป็นอาหารที่คุณผู้หญิงชอบที่สุด เมนูนี้เรียกว่า
“ความทรงจำครั้งสุดท้าย”ค่ะ”
“ก็ดีคะ!” เธอทำการรวบผมและหยิบเมนู
“ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย เห็ดหอมน้ำมันหอย
และก็ยำเห็ดหูหนูดำค่ะ เอ่อ!
รบกวนบอกพ่อครัวด้วยนะคะว่าไม่ใส่ต้นหอมเลย เพราะว่าสามี..เอ่อ...คุณผู้ชายท่านนี้เขาไม่ทานนะคะ”
“คุณผู้ชายล่ะคะ?” บริกรสาวหันไปทางเขา
เขานิ่งไปนาน แต่งงานกันมา 10 ปี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าภรรยาของเขาชอบทานอะไร เขาเม้มปากกัดริมฝีปากของตัวเอง
“เอาแค่นี้แหละค่ะ เพราะว่าเราชอบทานเหมือนกัน” เธอรีบตอบแทนว่าที่อดีตสามี
บริกรสาวยิ้มให้ทั้งสองคนและกล่าวว่า
“บอกตามตรงนะคะ ไม่ว่าคู่ใดที่มาทานข้าวที่ร้านของเรา ส่วนมากจะทานไม่ลงกันทั้งนั้นแหละค่ะ เราก็เลยเรียกเมนูนี้ว่าความทรงจำครั้งสุดท้าย เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ทางเรามีเมนูเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นเมนูสำหรับคู่ที่เพิ่งหย่ากันมา
เป็นเครื่องดื่มเย็นๆ นะค่ะ ส่วนมากทุกคู่จะไม่ปฏิเสธค่ะ”
เขาและเธอพยักหน้าพร้อมกัน
“ก็ดีเหมือนกัน ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ดีกว่านะคะ” เธอพูดขึ้น
ครู่เดียว บริกรสาวก็ยกเครื่องดื่มมาเสริฟ
แก้วหนึ่งเป็นน้ำแข็งใสสีฟ้าอ่อนๆ อีกแก้วหนึ่งเป็นน้ำสีแดงร้อนๆ มีไอระอุออกมา
“เมนูนี้เรียกว่า “ภูเขาไฟกับน้ำทะเล”ค่ะ เชิญทั้งสองท่านตามสบายนะคะ” พูดเสร็จเธอก็เดินออกจากห้องไป
ในห้องตอนนี้เงียบสงัด
เขาและเธอนั่งมองหน้ากันไปมา ต่างก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น บริกรสาวถือถาดที่มีดอกกุหลาบสีแดงสดหนึ่งดอกเดินเข้ามา
“คุณผู้ชายคะ คุณยังจำความรู้สึกแรก
ที่ให้ดอกไม้แก่คุณผู้หญิงได้ไหมคะ
ตอนนี้คุณทั้ง 2 ไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว แต่กำลังจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เราเตรียมดอกไม้ให้คุณ
มอบแด่คุณผู้หญิงเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ”
เธอมองดอกกุหลาบดอกนั้น
อยู่ๆ ภาพที่เขามอบดอกไม้ให้แก่เธอครั้งแรกก็ผุดขึ้น
ตอนนั้น เธอและเขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ
เรียกว่าเริ่มนับศูนย์ก็ว่าได้
ตอนกลางวันเธอและเขาทำงานที่ร้านขายเสื้อผ้า
พอตกตอนค่ำ เธอออกไปตั้งแผงขายของที่ตลาดนัด
ส่วนเขาก็รับจ้างล้างชาม สี่ห้าทุ่มถึงจะกลับ
ห้องเช่าที่แคบแสนแคบด้วยกัน เธอผ่านทุกข์ผ่านสุขร่วมกับเขามาโดยไม่เคยปริปากบ่น
วันวาเลนไทน์ในปีแรกที่มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน
เขาซื้อดอกกุหลาบสีแดงมอบให้เธอหนึ่งดอก
วันนั้นเธอจำได้ดีว่าเธอดีใจจนร้องไห้ออกมา
10 ปีแล้วสินะ 10 ปีที่อะไรๆ ก็กำลังจะดีขึ้นมา
แต่สองเรากำลังจะแยกทาง เมื่อเธอนึกถึงตรงนี้
เธอก็ร้องไห้ออกมา จากนั้นก็โบกมือบอกบริกรสาวว่า
“ไมต้องหรอกค่ะ คุณเก็บกลับไปเถอะ”
เขาเองก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลังเมื่อ10ปีที่แล้ว นานเกือบ 7-8 ปีแล้วสินะ
ที่เขาเองก็ไม่ได้ซื้อกุหลาบให้เธอ
จากนั้นเขาก็โบกมือร้องห้าม
“เดี๋ยวครับ ผมขอซื้อกุหลาบดอกนี้ครับ”
บริกรสาวหยิบดอกกุหลาบขึ้นมา
แล้วฉีกกลีบดอกกุหลาบออกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
จากนั้นก็ใส่ลงไปในแก้วเครื่องดื่มของเขาทั้งคู่
แล้วกลีบกุหลาบก็ค่อยๆละลาย
“นี่เป็นดอกกุหลาบที่เราทำขึ้นมาเป็นพิเศษ
เพื่อมอบให้แก่คุณทั้ง 2 ซึ่งเป็นเมนูที่ 3 เรียกว่า
“ความทรงจำอันสวยงาม”ค่ะ
มีอะไรเรียกใช้ดิฉันได้นะคะ”
พูดเสร็จเธอก็โค้งคำนับแล้วเดินออกจากห้องไป
“คุณ..ผม..เอ่อ..” เขาได้แต่ตะกุกตะกัก
แล้วก็เอื้อมมือไปจับมืออดีตภรรยาไว้
เธอรีบดึงมือกลับ แต่เขาก็ยิ่งกำไว้แน่นกว่าเก่า
เธอจึงปล่อยเลยตามเลย สองคนได้แต่กุมมือและมองตากันไปมา
โดยไม่รู้ว่า ควรจะพูดอะไร
“พรึ๊บ!” จู่ๆไฟก็ดับลง
จากนั้นก็มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น
แล้วก็มีกลิ่นควันลอยเข้ามาในห้อง
“เกิดอะไรขึ้น?” ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นยืนพร้อมๆกัน
“ไฟไหม้ค่ะ ทุกคนรีบเดินออกมาทางหนีไฟคะ เร็วๆ”
เสียงของคนที่อยู่ข้างนอกตะโกนดังขึ้นมา
“คุณคะ” เธอรีบเดินไปสู่อ้อมกอดของเขา
“ฉันกลัวค่ะ”
“ไม่ต้องกลัว” เขากอดเธอไว้แน่นเช่นกัน
“ที่รัก คุณไม่ต้องกลัว คุณยังมีผมอยู่ทั้งคน
ไป เรารีบออกไปจากห้องนี้เถอะ”
เขากอดเธอและเปิดประตูหมายจะพาวิ่งออกไปข้างนอก
เมื่อเปิดประตูออกไป แสงไฟสว่างจ้า
ด้านนอกเงียบสงบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บริกรหญิงคนเดิมเดินมาหาเขาและเธอ
“ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณทั้ง 2 ตกใจ ไฟไม่ได้ไหม้ร้านหรอกค่ะ กลิ่นและควันที่คุณได้กลิ่นเมื่อครู่นี้ เป็นสิ่งที่ทางร้านของเราเตรียมไว้
นี่เป็นอาหารเมนูที่ 4 ค่ะ เรียกว่า
“เสียงเรียกจากหัวใจ”
ตอนนี้เชิญกลับห้องได้ค่ะ”
เขากุมมือของเธอเดินเข้าห้องไปอย่างว่าง่าย
“ที่รัก น้องผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้พูดถูก
เมื่อสักครู่นี้ คุณและผมต่างก็เผยสิ่งที่อยู่ในหัวใจออกมา
ที่จริง คุณและผมเราแยกจากกันไม่ได้หรอก
เพราะคุณยังรักผม และผมก็ยังรักคุณอยู่
พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนกันใหม่นะ!”
เธอเม้มปากพูดเสียงออกมาจากไรฟัน
“คุณยินดีที่จะทำอย่างนั้นเหรอค่ะ?”
“ผมยินดีที่สุดเลย ผมเข้าใจหัวใจของผมเองแล้ว
ว่าผมต้องการอะไร พรุ่งนี้
เราจะไปจดทะเบียนสมรสกันใหม่นะ”
“น้องๆ เช็คบิล” เขาตะโกนเรียกบริกรสาว
บริกรสาวเดินเข้าห้องมา
พร้อมกับยื่นโฟลเดอร์บิล 2 โฟลเดอร์
ให้แก่เขาและเธอ แยกกัน
“นี่คือบิลของคุณทั้ง 2 ค่ะและเป็นของที่ระลึก
ชิ้นสุดท้ายของทางร้าน เรียกว่า “บัญชีคู่ชีวิต”
ขอให้คุณทั้ง 2 เก็บไว้ให้ดีที่สุดนะคะ”
เมื่อเขาเปิดอ่าน เขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
“คุณเป็นอะไรไปคะ?” เธอรีบถามขึ้น
เขายื่นโฟลเดอร์บิลให้แก่ภรรยา
“ที่รัก ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ”
เมื่อเธอเปิดดู ในโฟลเดอร์บิลมีบิลเขียนว่า
“หนึ่งครอบครัว ที่อบอุ่น
สองมือ ที่ตรากตรำร่วมกันมา
สามทุ่มแล้ว ยังคอยให้คุณกลับบ้าน
สี่ฤดู ฝนตกหนาวร้อนห่วงใยสุขภาพคุณ
ห้าฮ่า เสียงหัวเราะเอาใจใส่อยู่เคียงข้างกัน
หกวัน ทำงานก็เพื่อครอบครัว
เจ็ดโมง อาหารเสร็จพร้อมให้ลูกสามีทาน
แปดตลบ คิดคำนึงปกป้องสามี
เก้าเท้าเข้าครัว ปรุงอาหารที่คุณชอบ
สิบปีทำเพื่อคุณ เธอสูญวัยเยาว์ นี่คือภรรยาของคุณ”
เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอก็เอ่ยพูดกับสามีว่า
“คุณก็ลำบากและเหนื่อยมาเพื่อฉันเหมือนกัน หลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่ได้ใส่ใจดูแลคุณให้ดีพอ ”
จากนั้น เธอก็หยิบบิลของเธอขึ้นมาอ่านบ้าง
“หนึ่งภาระ ของผู้ชาย
สองบ่า แบกหน้าที่ไว้แสนหนักอึ้ง
สามทุ่ม ยังตรากตรำทำงานเหน็ดเหนื่อย
สิ่ทิศ ท่องไปเหมือนคนไร้บ้านพเนจร
ห้าฮ่า หัวเราะกลบเกลื่อนความเหนื่อยล้า
หกริ้วรอย บนใบหน้า ซ่อนไม่ไหว
เจ็ดโมง ออกจากบ้าน จนค่ำมืด จึงคืนรังใจ
แปดภัยใดๆ มิให้กล้ำกลายลูกเมีย
ก้าวหน้าการงาน ก็เพื่อครอบครัว
สิบปี เพื่อคุณเพื่อลูกเพื่อครอบครัว นี่คือสามีของคุณ”
อ่านจบ ทั้งสองคนต่างก็โผเข้ากอดกัน
หลังจากชำระเงินเสร็จ เขาและเธอต่างก็ขอบคุณผู้จัดการร้าน
และบริกรหญิงอย่างสุดหัวใจ
จากนั้นก็ขอตัวลากลับ
ผู้จัดการและบริกรหญิงต่างก็หันมายิ้มให้กัน ผู้จัดการถอนหายใจและพูดขึ้นว่า
“ร้าน "อย่าร้างกัน" ของเรา
ช่วยให้คู่ชีวิตอีกคู่หนึ่งไม่ต้อง “หย่าร้างกัน” ได้อีกคู่หนึ่งแล้ว”
Credit : แฟนเพจ คู่บุญคู่บารมี
***************************
ปล.ยาวหน่อยนะครับ ขอบคุณที่อ่านครับผม..
ปล.2"อย่าร้างกัน มันเป็นชื่อร้านในข้อคิดครับ..ขอบคุณครับ