สวัสดีค่ะ เพิ่งกลับจาก Perth อาทิตย์ที่แล้ว แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ไป แต่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสไปเที่ยงนอกตัว perth ค่ะ

เราใช้บริการสายการบินประจำชาติของเรา เวลาไฟลท์ดีเลิศ ออกจากไทย 23.55 น. และไปถึงที่เพิร์ธเวลา 7.50 น. ตอนเช้าค่ะ ใช้เวลาบินทั้งหมดประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง แต่สุวรรณภูมิคนเยอะมากกกกกกกกกกกกก เจอคนไทยด้วยกันจะมาแซงคิว เลยผายมือออกไปทางนางแล้วถามว่า เดี๋ยวก่อน จะไปไหน 5555 ตอนนั้นถ้ายังแซงนี่มีด่าประจานแน่ๆ เพราะเรากลัวไม่ทันเหมือนกัน 555 ใครไปไฟลท์ดึกก็อย่าลืมเผื่อเวลาไว้เยอะๆ เลยนะคะ

แอร์และสจว๊ตบริการดีมากๆ ค่ะ มีอายุแล้วแต่บางคนมีชวนเราคุย ถามไถ่นิดหน่อย น้ำเสียงโทนเสียงแลดูตั้งใจบริการ

มาถึง Perth แล้วใครอยากซื้อซิมการ์ด ก็แวะซื้อได้ที่ร้าน Vodaphone ติดกับประตูทางออกสนามบินเลย แพคเกจที่จำได้คือมี 20 ดอลล่าห์ได้อินเตอร์เนต 1 GB และ 30 ดอลล่าห์ ได้ 2 GB รวม SMS และค่าโทรแล้ว โดยมีอายุ 1 เดือน แอบเห็นสามารถซื้อตัวปล่อยสัญญาณไวไฟด้วย แต่ไม่ได้สนใจราคาค่ะ ที่นี่ 4G จริงจัง เร็วดีค่ะ


เราแวะมาอาบน้ำที่บ้าน (บ้านคุณยายค่ะ) และเริ่มออกเดินทางไปทางใต้ตรงพื้นที่ที่เรียกว่า Denmark and Walpole ซึ่งใช้เวลาขับรถประมาณ 5-6 ชั่วโมงจากตัวเมืองเพิร์ธ แต่ของเราจบที่ 8 ชั่วโมง เพราะหลงทางค่ะ คิดสภาพว่าเพิ่งมาจากไฟล์ท 6 ชั่วโมงแล้วมาต่อด้วยนั่งรถอีก 8 ชั่วโมง ทรหดมากๆ

Perth อยู่ในฝั่ง Western ของออสเตรเลีย (ซึ่งใกล้ไทยมากที่สุดในบรรดาทุกเมือง) และมีพื้นที่ใหญ่มว๊ากกกกกก การที่จะขับรถออกมาหลายชั่วโมง คือไปไกลมากๆ สองข้างทางมีแต่ทุ่งหญ้าและป่า พร้อมสัตว์ฟาร์มนานาชนิด ตอนที่รู้ว่าหลงแต่ยังไม่มืดก็ยังไม่เครียดค่ะ แต่พอมันมืดแล้ว และมาถึงจุดนึงที่ขับไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาก็กลับมาที่เดิมอย่าสามสี่รอบ สร้างความตึงเครียดในรถเข้าไปใหญ่ อย่าถามว่าทำไมไม่ใช้แผนที่ คือเพื่อนแม่และสามีที่เป็นคนขับเค้าเป็นคนที่ออส และเค้าจัดทริปนี้ เราไม่ได้เตรียมอะไรไปเลยค่ะ พยายามหาสัญญาณอินเตอร์ก็แทบไม่มี แต่พอจะจับจุดได้ว่า ไม่ไกลจากที่พักแล้ว สุดท้ายโทรหาทางที่พัก โชคดีที่เค้าพอรู้ว่าพวกเราอยู่ตรงไหน จึงบอกทางให้คร่าวๆค่ะ


ผ่านไปอีก 20 นาทีก็ถึงจุดหมาย เรามาพักแบบ Lodge ชื่อ Nutkin Lodge ค่ะ ใครอยากมาเที่ยวแถบนี้แนะนำให้เตรียมอาหารมาด้วย เพราะไกลจากทุกสิ่ง มีแต่ป่ากับทุ่งหญ้าของแท้ พอลงจากรถปุ๊บก็เจอเจ้าตัวนี้อยู่หน้าที่พักเลยค่ะ (คิดดูว่ามาไกลแค่ไหน)



ในหัวนี่ไม่ได้ตื่นเต้นด้วยความน่ารักของมัน แต่ตัวมันใหญ่มาก เราเคยเจอแต่ตามสวนสัตว์ แต่มาเจอแบบนี้ยังไม่เคยค่ะ ตื่นเต้น แต่ก็กลัวโดนกระโดดถีบ 555 เพราะเคยมีข่าวมันเตะคนตายมาแล้วค่ะ

ที่พักของเราเป็นแบบ family ค่ะ ในที่พักมีอุปกรณ์ให้ครบ สะอาด หลังใหญ่มาก เตียงนุ่ม มาถึงเหนื่อยมากก็เลยนอนเลยค่ะ




มีเค้าท์เตอร์โบรชัวร์ ข้อมูลท่องเที่ยวทางใต้ค่ะ

พอตื่นเช้ามา ตกใจมากค่ะ เพราะวิวสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา จิงโจ้เพียบบบบบบ ถ่ายรูปแล้วมันดูไกลนะคะ แต่ของจริงเห็นใกล้กว่านี้ คุ้มมากับการขับรถมาหลายชั่วโมง ที่พักเราอยู่ในเขต Denmark ค่ะ


อีกมุมของที่พักค่ะ

ออกเดินทางแวะตรงนี้ที่แรก คล้ายๆเป็นที่เก็บน้ำ สวยดีค่ะ ถ่ายรูปสวยมากๆ ฟ้าแจ่มใสแต่ไม่ร้อน ลมเย็น ลมแรงมากค่ะ





หลังจากนั้น ไปดู Giant Trees หรือต้นไม้ยักษ์ที่เขต Walpole ค่ะ เดินไม่ไกลค่ะ คนแก่ถ้าเดินไหวก็มาได้นะคะ หน้าตาป่าไม้ที่นี่จะรู้สึกโปร่งๆ มีกลิ่นยูคาลิปตัสตลอดเลย หอมดีค่ะ





ปิดหน้าเล็กน้อย 55

และต่อด้วยน้ำตก แต่น้ำเหือดแห้ง กลายเป็นลานหินกว้างๆ ที่เดินถ่ายรูปได้ค่ะ




จากนั้นไปเดิน Tree Top Walk มาค่ะ เป็นสะพานเดินชมป่าที่สูงมากๆ เป็นทางเดินที่ทำให้เดินตรงได้คนเดียว และมีจุดพักถ่ายรูป แต่จำกัดคนนะคะ ไม่ใช่จะมายืนบนสะพานเดียวกันได้หลายสิบ มันอาจจะพังได้ค่ะ ตอนเดินสะพานมันจะสั่นตลอดค่ะ กลัวตอนสั่นเนี่ยแหละ ไม่ค่อยได้มองลงไปเลย แม่เราก็อยู่ด้านหลัง เรียกว่าเดินๆๆ ให้จบไวๆ ปกติบ้าถ่ายรูป แต่ส่วนนี้ถ่ายรูปมานิดเดียวเท่านั้น 555


สูงมากๆ ค่ะ ขาสั่นเลย

จากนั้นก็แวะกิน Fish and Chips ตรง Peachful Bay ติดชายหาดค่ะ เค้าไม่ได้ให้เลือกปลาไหนก็ได้นะคะ แต่จะบอกก่อนว่าวันนี้มีปลาอะไรบ้าง จานใหญ่มากค่ะ ทุกมื้อที่เรากินไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม เราแบ่งกับแม่ตลอด คืออาหารแพงจริงแต่ชามใหญ่จริงๆ



จากนั้นขับไปดู Greens Pool กับ Elephant Rock ค่ะ

ของจริงสวยมากๆ เป็นทะเลสีเขียว เงียบสงบ สะอาด มีหินที่เราไต่ขึ้นไปถ่ายรูปได้ แต่วันที่เราไปมันไม่เขียวมาก เพราะฟ้าไม่แจ่ม คล้ายฝนจะตก แต่ก็สวยอยู่ดี บรรยากาศต่างกับทะเลไทยของเรา และทุกคนในขณะนั้นใส่เสื้อกันหนาวค่ะ 555 หนาวสุดๆ ลมเย็นมากๆ ค่ะ



เหมือนช้างไหมคะ