สวัสดีเพื่อนชาวพันทิปทุกๆคนนะคะ หลังจากที่เราได้มาแอบตักตวงหาข้อมูลการเที่ยวจากกระทู้ท่องเที่ยวจากห้อง Blue Planet มานานหลายปี จนตอนนี้เรียกได้ว่าเที่ยวมาอย่างโชกโชนพอสมควรเลยหละค่ะ เลยคิดว่าถึงเวลาละที่ต้องคืนกำไรกลับสู่สังคมบ้าง 55 อีกเหตุผลสำคัญที่อยากจะช่วยแชร์ข้อมูลเพราะยังมีคนรีวิวเกี่ยวกับที่เที่ยวเมือง Perth และ Western Australia ไว้ค่อนข้างน้อย รีวิวครั้งแรกผิดพลาดอะไรต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ
เกริ่นก่อนนะคะ Perth ไม่ใช่เมืองแรกๆในใจที่เราอยากไปเที่ยว แต่เพราะเพื่อนรักเราต้องไปทำงานอยู่ที่ Perth เราเลยอยากไปเยี่ยมนาง จนสุดท้ายฤกษ์งามยามดี จองตั๋วเรียบร้อยหวยออกเป็น วันที่ 6-16 เมษายน 2019 ได้ตั๋วเสร็จปุ๊บ เราก็จัดการเรื่องวีซ่าต่อปั๊บ ซึ่งจากประสบการณ์การยื่นวีซ่าด้วยตัวเองมาหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา เชงเก้น ส่วนตัวคิดว่า ยื่นวีซ่าออสเตรเลียโดยเฉพาะยื่นแบบออนไลน์ ง่ายและสะดวกมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยค่ะ ตอนนั้นเรายื่นไปวันที่ 10 กพ. ไปเก็บไบโอเมตริกวันที่ 12 กพ. วันที่ 18 กพ. วีซ่าก็ได้เรียบร้อยแล้วค่ะ เป็นใบ A4 ส่งให้ในอีเมล์ แล้วที่สำคัญ คือ
VISA เป็นแบบ Multi-entry เข้าออกกี่รอบก็ได้ และ มีอายุตั้ง 3 ปีอีกค่ะ
ตั๋วพร้อม วีซ่าพร้อมแล้วก้อเริ่มเดินทางกันได้เลยค่ะ
เราเดินทางด้วยการบินไทย ไฟล์ท TG483 BKK-Perth เช็คอินคืนวันที่ 5 เม.ย. ออกเดินทาง 00.01 ถึง Perth International Airport เช้า 07.45 ของวันที่ 6 เมษาค่ะ (จริงๆแล้วเราอยู่ Perth 7 วัน อีก 3 วันแอบดอดไป Sydney ค่ะ จะขอรีวิวแค่ 7 วันที่อยู่ Perth นะคะ) สำหรับเส้นทางนี้ การบินไทยเขาใช้เครื่อง A330 บินแต่!!!!
ที่นั่งใหม่มาก นั่งสบายขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆก็ใหม่หมด ที่ประทับใจ คือ หน้าจอ TV เป็นแบบ touch screen ไม่มี Remoteและไวมากแบบไม่ต้องกดแช่เลย แถมอัพเดทหนังใหม่มาเพียบเลยค่ะ ไฟล์ทบินยาวๆ 6 ชั่วโมง แบบนี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
ข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับ Perth นะคะ : Perth เป็นเมืองหลวงของรัฐ Western Australia ในประเทศออสเตรเลีย มีประชากรอาศัยอยู่ ราวๆ 1.5 ล้านคน ทำให้เพิร์ทเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (WA)
จริงๆเราไป Sydney ด้วย 3 วัน แต่น่าจะมีคนรีวิวเยอะแล้ว เราไม่ขอกล่าวถึงที่ Sydney ละกันนะคะ สำหรับโปรแกรมเที่ยว Perth ของเราทั้ง 7 วันเป็นแบบนี้คะ
Day 1 : Swan Valley / City Tour
Day 2 : เช้า Blue Boat House + Botanic Garden / บ่ายไป เมือง Fremantle
Day 3 : Rottnest Island
Day 4 : Activity ว่ายน้ำกับปลาโลมา ที่ Rockingham
Day 5-6 : ตะลอนชิมไวน์ที่ Margaret River City
Day 7 : ขับรถเที่ยวแวะตามเส้น Indian Ocean Road
เกริ่นมาเยอะแล้วขอเริ่มรีวิวแรกในชีวิตเลยนะคะ
Day 1: Guildford Post Office/ แวะซื้อผลไม้ที่ The Grape Place/ Swan Valley และ ทัวร์ไร่ไวน์ / London Court / St. George’s Anglican Cathedral / Bell Tower / นั่งเรือข้ามไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ South Perth /Bell Tower/ Elizabeth Quay
ออกจากสนามบินเราก้อตรงไปที่พักก่อนเลย เพราะกระเป๋าเดินทางนั้นมีความเยอะรุงรังมากค่ะ เราพักกับเพื่อนตลอดทั้งทริป อยู่ที่อพาร์ทเมนต์ Queen Riverside แถว Adelaide Terrace ฝั่ง Perth ตะวันออกค่ะ เราเดินทางหลายแบบทั้งนั่งรถเมล์ ขับรถเองบ้าง ซึ่งจะยึดตามที่สะดวกเหมาะสมกับแผนการเที่ยวในแต่ละวันค่ะ วันนี้เพื่อนสาวเราว่างนางจึงอาสาขับรถให้ทั้งวัน ซึ่งใน วันแรกเราจะไปเที่ยวที่ Swan Valley กันค่ะ ซึ่งอยู่ห่างจาก Perth โดยการขับรถประมาณ 30 นาที หรือถ้าใครไปเอง สามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานณี Guildford แล้ว ซื้อ Bus Hop in Hop off ตาม Website นี้ได้เลยค่ะ เขาจะพาเราไปยังสถานที่ต่างๆ
https://www.swanvalley.com.au/Events/Swan-Valley-Explorer-Hop-On-Hop-Off-Bus
โดยจุดหมายแรกของ Swan Velley ที่เพื่อนสาวเราพาไปคือที่
1. Guildford Post Office ที่ทำการไปรษณีย์ ประจำเมือง Guildford ที่ถือเป็น 1 ใน landmark ที่เก่าแก่กว่า 120 ปีและที่สำคัญยังใช้งานอยู่จนปัจจุบัน สร้างในปี 1898 เพื่อให้ศูนย์กลางในการให้บริการแถบบริเวณแม่น้ำ Swan
2. หลังจากถ่ายรูปจนพอแล้ว เราไปแวะซื้อผลไม้ที่ The Grape Place ต้องบอกว่า ผลไม้ที่นี่มีหลายชนิดที่มีคล้ายบ้านเรา แต่รสชาตินี่ต้องบอกว่าดีมากกกกกกกกก (ก ล้านตัว) โดยเฉพาะองุ่นที่เป็นลูกสีเขียวแบบนี้ รสชาดหวานมากแต่เป็นความหวานแบบสดชื่นไม่ใช่หวานแสบคอเหมือนใส่สารอะค่ะข้อมูลจากเพื่อนสาวกูรูของเราบอกว่า เป็นพันธุ์ที่มีเฉพาะที่นี่และมีกฎหมายห้ามไม่ให้ส่งออกไปขายนอกประเทศเพื่อสงวนให้เฉพาะคนออสเตรเลียทานเท่านั้นค่ะรสชาติไม่ต้องพูดถึง หวานกรอบเย็นชื่นใจ อร่อยดีงามมากชนิดที่ติดใจต้องซื้อกลับไทยไป 2 กิโลเลยค่ะ ราคาแค่กิโลละ 7 AUD ก็เท่ากับ 160 บาทเท่านั้นค่ะ
3. จากนั้นเราไปต่อที่ Swan Valley ค่ะ ซึ่ง Swan Valley เป็นพื้นที่ที่อยู่บนต้นน้ำลำธารของแม่น้ำ Swan ระหว่าง Guildford และ Bells Rapids รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ไร่ไวน์เยอะมากค่ะแถวนี้ เราเลือกทานอาหารกลางวันที่ไร่ไวน์ชื่อ Sandalford เพราะดูในเวปแล้วร้านสวย อาหารน่าทานแล้วไร่ไวน์ก็ใหญ่มากเว่อร์ จริงๆแล้วไร่นี้เค้าจะมีที่แรกอยู่ที่เมือง Margaret River ใหญ่มากกว่าที่นี่ไปอีกกกค่ะ อะๆบอกก่อนว่า กรุณาจองไปล่วงหน้านะคะถ้าอยากได้ที่นั่งด้านนอกเพื่อชิวดื่มด่ำจิบไวน์ชมวิวค่ะ (ร้านดังๆที่ Perth จองไปก่อนล่วงหน้าทุกร้านเลยค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา และเสียอารมณ์) ลองดูตาม website นะคะ
เราไปกัน 4 คน สั่งจานกลางเป็นเนื้อจิงโจ้มาแชร์กัน ไม่เคยทานเลยอยากลองทานดูค่ะ สรุปอร่อยดีค่ะไม่เหม็น เนื้อก้อไม่เหนียวมาก ส่วนจานหลักก้อจะมีเนื้อ 2 ที่ ปลาแซลมอน 1 ที่ แล้วก้อเนื้อกวาง 1 ที่ ก้ออร่อยทุกจานค่ะ
อาหารดีๆ ต้องทานคู่กับไวน์...จริงป่ะคะ
ไหนๆมาไร่ไวน์ทั้งทีแล้วไม่จิบไวน์นี่คงถือว่าพลาดน่าดู ระหว่างที่เราสั่งอาหารเรียบร้อยเราก็เดินไปห้องอีกฝั่งเป็นห้อง wine testing ค่ะ สามารถมาลองเพื่อสั่งไปทานในร้านหรือจะมาซื้อกลับไปก็ได้ค่ะ สุดท้ายเราเลือกตัวนี้ค่ะ Cabernet Merlot 2017 หลังจากทานเสร็จเราก็เดินชมไร่ไวน์ที่นี่ต่ออีกนิดหน่อยค่ะ และขับรถไปเที่ยวตามแผนต่อ
4. หลังจากจบของคาวไปแล้ว เราไม่รอช้าขอต่อด้วยของหวานกันเลยค่ะ เราแวะที่ Margaret River Chocolate Company สาขา Swan Valley ต้องบอกว่าโรงงานชอคโกแลตชื่อดังแห่งนี้มีสาขาแรก สาขาใหญ่ที่ Margaret River ค่ะ แต่วันนี้เรามาแวะที่สาขานี้กันค่ะเพราะเป็นทางผ่านพอดี ที่นี่มีความพิเศษคือจะมีชอคโกแลตให้ชิมฟรี สามารถต่อแถวทานเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ ซึ่งจะเป็น 3 รสหลักของที่นี่ค่ะ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่อกันคนละหลายรอบเลยหละค่ะ ช่วงที่เราไปจะใกล้ช่วงเทศกาล Easter เลยจะเต็มไปด้วยช็อกโกแลตรูปกระต่ายและไข่ค่ะ ที่นี่ใหญ่มากกกกค่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ Chocolate น่ารักน่าทานไปหมดเลยค่ะ
นอกจากจะมี Chocolate แล้ว อีกร้านที่อยู่บริเวณเดียวกันจะเป็นร้านชื่อ Providore โดยร้านนี้จะมีสินค้าที่ดังหลายตัวเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นไวน์หรือพวกผักผลไม้สด เพราะเค้าปลูกเอง แล้วยังนำผลผลิตมาแปรรูป โดยเฉพาะแยมสดของที่นี่ดังมากค่ะ มีหลากหลายรสชาติมากๆค่ะ และแน่นอนที่นี่มีให้ชิมฟรีเช่นกันค่ะ เข้าร้านแล้วหยิบช้อนไปชิมกันได้เลย ชิมและช๊อปกันเต็มที่แล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับเข้ามาในตัวเมือง Perth ค่ะ
5. เที่ยวในเมืองด้วยที่แรก ที่นี่ค่ะ London Court ตรอกเล็กๆ ที่สะดุดตาโดดเด่นด้วยการตกแต่งที่สไตล์อังกฤษเหมือนเมืองแบบในหนังอัศวินย้อนยุคเลยค่ะ ร้านแถวนี้ก้อจะเป็นพวกร้านขายของฝากค่ะ
6. St. George’s Anglican Cathedral เดินจากหน้า London Court มาแป๊ปเดียวก็เจอ วิหารเซนต์จอร์จซึ่งเป็นโบสถ์แองกลิกันที่สำคัญในเมืองเพิร์ทรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียค่ะ ข้าง ๆ จะเป็น โรงแรม Como ที่แพงที่สุด และมุมโรงแรมนั้นเอง จะเป็นจุดวันหลักกิโลเมตร ที่ 0 ของ Perth ค่ะ เพื่อนบอกว่าช่วง Christmas เขาจะยิงแสงสีเสียงไปที่โบสถ์นี้ด้วยค่ะ (เพื่อนให้รูปมา)
7. เดินจากวิหารเซนต์จอร์จมาไม่ถึง 10 นาทีก็จะพบกับ Bell Tower เป็นชุดระฆังจำนวน 18 ชิ้นที่แขวนอยู่ในหอระฆังทองแดงและแก้วที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในเมือง Perth หอคอยนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นหอระฆังหรือ Swan Bell Tower ค่ะ
8. ใกล้ๆกับเราสามารถนั่งเรือไปฝั่ง South Perth ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน โดยขึ้นเรือตรง Elizabeth Quay สังเกตป้าย Transperth ค่ะ ราคา 2 AUD เท่านั้น
[CR] รีวิวเที่ยว 7 Days in Perth......7 วันในสรรค์เมืองเพิร์ท ที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรัก
เกริ่นก่อนนะคะ Perth ไม่ใช่เมืองแรกๆในใจที่เราอยากไปเที่ยว แต่เพราะเพื่อนรักเราต้องไปทำงานอยู่ที่ Perth เราเลยอยากไปเยี่ยมนาง จนสุดท้ายฤกษ์งามยามดี จองตั๋วเรียบร้อยหวยออกเป็น วันที่ 6-16 เมษายน 2019 ได้ตั๋วเสร็จปุ๊บ เราก็จัดการเรื่องวีซ่าต่อปั๊บ ซึ่งจากประสบการณ์การยื่นวีซ่าด้วยตัวเองมาหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา เชงเก้น ส่วนตัวคิดว่า ยื่นวีซ่าออสเตรเลียโดยเฉพาะยื่นแบบออนไลน์ ง่ายและสะดวกมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยค่ะ ตอนนั้นเรายื่นไปวันที่ 10 กพ. ไปเก็บไบโอเมตริกวันที่ 12 กพ. วันที่ 18 กพ. วีซ่าก็ได้เรียบร้อยแล้วค่ะ เป็นใบ A4 ส่งให้ในอีเมล์ แล้วที่สำคัญ คือ VISA เป็นแบบ Multi-entry เข้าออกกี่รอบก็ได้ และ มีอายุตั้ง 3 ปีอีกค่ะ
ตั๋วพร้อม วีซ่าพร้อมแล้วก้อเริ่มเดินทางกันได้เลยค่ะ
เราเดินทางด้วยการบินไทย ไฟล์ท TG483 BKK-Perth เช็คอินคืนวันที่ 5 เม.ย. ออกเดินทาง 00.01 ถึง Perth International Airport เช้า 07.45 ของวันที่ 6 เมษาค่ะ (จริงๆแล้วเราอยู่ Perth 7 วัน อีก 3 วันแอบดอดไป Sydney ค่ะ จะขอรีวิวแค่ 7 วันที่อยู่ Perth นะคะ) สำหรับเส้นทางนี้ การบินไทยเขาใช้เครื่อง A330 บินแต่!!!! ที่นั่งใหม่มาก นั่งสบายขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆก็ใหม่หมด ที่ประทับใจ คือ หน้าจอ TV เป็นแบบ touch screen ไม่มี Remoteและไวมากแบบไม่ต้องกดแช่เลย แถมอัพเดทหนังใหม่มาเพียบเลยค่ะ ไฟล์ทบินยาวๆ 6 ชั่วโมง แบบนี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
ข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับ Perth นะคะ : Perth เป็นเมืองหลวงของรัฐ Western Australia ในประเทศออสเตรเลีย มีประชากรอาศัยอยู่ ราวๆ 1.5 ล้านคน ทำให้เพิร์ทเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (WA)
จริงๆเราไป Sydney ด้วย 3 วัน แต่น่าจะมีคนรีวิวเยอะแล้ว เราไม่ขอกล่าวถึงที่ Sydney ละกันนะคะ สำหรับโปรแกรมเที่ยว Perth ของเราทั้ง 7 วันเป็นแบบนี้คะ
Day 1 : Swan Valley / City Tour
Day 2 : เช้า Blue Boat House + Botanic Garden / บ่ายไป เมือง Fremantle
Day 3 : Rottnest Island
Day 4 : Activity ว่ายน้ำกับปลาโลมา ที่ Rockingham
Day 5-6 : ตะลอนชิมไวน์ที่ Margaret River City
Day 7 : ขับรถเที่ยวแวะตามเส้น Indian Ocean Road
เกริ่นมาเยอะแล้วขอเริ่มรีวิวแรกในชีวิตเลยนะคะ
Day 1: Guildford Post Office/ แวะซื้อผลไม้ที่ The Grape Place/ Swan Valley และ ทัวร์ไร่ไวน์ / London Court / St. George’s Anglican Cathedral / Bell Tower / นั่งเรือข้ามไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ South Perth /Bell Tower/ Elizabeth Quay
ออกจากสนามบินเราก้อตรงไปที่พักก่อนเลย เพราะกระเป๋าเดินทางนั้นมีความเยอะรุงรังมากค่ะ เราพักกับเพื่อนตลอดทั้งทริป อยู่ที่อพาร์ทเมนต์ Queen Riverside แถว Adelaide Terrace ฝั่ง Perth ตะวันออกค่ะ เราเดินทางหลายแบบทั้งนั่งรถเมล์ ขับรถเองบ้าง ซึ่งจะยึดตามที่สะดวกเหมาะสมกับแผนการเที่ยวในแต่ละวันค่ะ วันนี้เพื่อนสาวเราว่างนางจึงอาสาขับรถให้ทั้งวัน ซึ่งใน วันแรกเราจะไปเที่ยวที่ Swan Valley กันค่ะ ซึ่งอยู่ห่างจาก Perth โดยการขับรถประมาณ 30 นาที หรือถ้าใครไปเอง สามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานณี Guildford แล้ว ซื้อ Bus Hop in Hop off ตาม Website นี้ได้เลยค่ะ เขาจะพาเราไปยังสถานที่ต่างๆ https://www.swanvalley.com.au/Events/Swan-Valley-Explorer-Hop-On-Hop-Off-Bus
โดยจุดหมายแรกของ Swan Velley ที่เพื่อนสาวเราพาไปคือที่
1. Guildford Post Office ที่ทำการไปรษณีย์ ประจำเมือง Guildford ที่ถือเป็น 1 ใน landmark ที่เก่าแก่กว่า 120 ปีและที่สำคัญยังใช้งานอยู่จนปัจจุบัน สร้างในปี 1898 เพื่อให้ศูนย์กลางในการให้บริการแถบบริเวณแม่น้ำ Swan
2. หลังจากถ่ายรูปจนพอแล้ว เราไปแวะซื้อผลไม้ที่ The Grape Place ต้องบอกว่า ผลไม้ที่นี่มีหลายชนิดที่มีคล้ายบ้านเรา แต่รสชาตินี่ต้องบอกว่าดีมากกกกกกกกก (ก ล้านตัว) โดยเฉพาะองุ่นที่เป็นลูกสีเขียวแบบนี้ รสชาดหวานมากแต่เป็นความหวานแบบสดชื่นไม่ใช่หวานแสบคอเหมือนใส่สารอะค่ะข้อมูลจากเพื่อนสาวกูรูของเราบอกว่า เป็นพันธุ์ที่มีเฉพาะที่นี่และมีกฎหมายห้ามไม่ให้ส่งออกไปขายนอกประเทศเพื่อสงวนให้เฉพาะคนออสเตรเลียทานเท่านั้นค่ะรสชาติไม่ต้องพูดถึง หวานกรอบเย็นชื่นใจ อร่อยดีงามมากชนิดที่ติดใจต้องซื้อกลับไทยไป 2 กิโลเลยค่ะ ราคาแค่กิโลละ 7 AUD ก็เท่ากับ 160 บาทเท่านั้นค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้