ทริปนี้เน้นว่าให้ภาพเล่าเรื่องเป็นหลักจะดีกว่า เนื่องจากดิฉันไม่มีเวลาได้ศึกษาข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้า พอถึงเวลาเดินทางจริงๆก็เก็บเสื้อผ้าใส่เป้แล้วก็ไปเลย หากข้อมูลผิดเพี้ยนประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะค่ะ

เราซื้อโปร Air Asia ได้ราคา 3,120 บาท (รวมภาษีสนามบิน ภาษีน้ำมัน ไม่ซื้อกระเป๋าโหลดเพราะแบกเป้ไป 1 ใบ) ก็ถือว่าราคารับได้เลยทีเดียว ส่วนประกันการเดินทางเราซื้อ online ของ Cigna ราคาไม่แพง 161 บาท

สิ่งที่ควรเตรียมมีอะไรบ้าง?
1. พาสปอร์ต - คนไทย : ลงเครื่องเดินถือพาสปอร์ตไปเข้าแถวที่ ต.ม. รอสแกนนิ้ว เดินผ่านโลด ไม่ต้องขอวีซ่าอยู่ได้ 14 วัน
                   - ต่างชาติ : ต้องทำวีซ่า จะทำออนไลน์ล่วงหน้าก็ได้หรือทำที่ ตม. ขาเข้าที่สนามบินเสียมราฐก็ได้ ราคา 30$ อย่าลืม!!! เอารูปถ่าย 2 นิ้วติดตัวไปด้วย 1 รูป มิฉนั้นแล้วคุณจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 2$ เพราะไม่มีรูปถ่าย และที่งงกว่าคือถึงจ่ายค่ารูปถ่ายไป วีซ่าที่เค้าแปะมาให้ในพาสปอร์ตก็ไม่ได้มีรูปหน้าคุณเลย 555... ซึ่งคนที่โดนก็เดินออกมาแบบงงๆ ว่าแล้วจะจ่ายไปเพื่อ???
2. ผ้าปิดจมูกหรืออะไรก็แล้วแต่ที่กันฝุ่น (ฝุ่นเยอะจริงๆ)
3. แว่นตา -  กันฝุ่นผงระหว่างนั่งรถ(ตุ๊กๆ) หรือจะเดินเที่ยวก็ดีเพราะแดดร้อนม๊าก!
4. หมวก - เอาไปเลยจ้ะ ไม่ใส่หน้าดำแน่ๆ
5. เสื้อมีแขนและกางเกงขายาวหรือกระโปรงยาวๆ - อันนี้สำคัญทั้งเรื่องแดดที่ร้อนช่วงกลางวัน และการเข้าเยี่ยมชมโบราณสถานที่นี่เค้าถือมาก มีฝรั่งหลายๆคนมาเสื้อกล้ามและกางขาเกงสั้น พอจะขึ้นดูวัดดูโบสถ์ เจ้าหน้าที่เค้าไม่ให้เข้านะค่ะ ถึงจะเอาผ้าคลุมให้มาพันปิดก็ไม่ได้ ที่นี่ไม่เหมือนวัดพระแก้ว เค้าไม่มีเสื้อหรือผ้าแถบให้ยืมค่ะ
6. แลกเงินดอลล่าร์ - ถ้าขึ้นกรุงเทพก่อนแนะนำให้ไปแลกที่ Super Rich สาขาใหญ่ หรือบนทางเชื่อม BTS พญาไทกับ Airport Link จะมีบูทตั้งอยู่ค่ะ ไม่ต้องไปแลกเงินเรียลที่เขมร เรทจะต่ำ ถึงยังไงถ้าเราซื้อของให้เงินดอลล่าร์ไปเค้าก็จะถอนให้เป็นเงินเรียลอยู่ดี

เริ่มต้นการเดินทางจาก กรุงเทพ - เสียมราฐ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง บนเครื่องพนักงานต้อนรับจะแจกไป ตม. ขาเข้า ขาออกให้ เราก็กรอกรายละเอียดให้เรียบร้อย ลงเครื่องเดินผ่าน ตม. ได้ตราประทับบนพาสปอร์ตแล้วก็เดินออกไปหาคนขับรถตุ๊กๆที่เรานัดไว้ คนขับของเราคุณ Sok Paul เป็นคนใจดีและเป็นมิตรมาก วันที่ไปถึงเค้าติดธุระเนื่องจากที่บ้านจัดงานขึ้นบ้านใหม่พอดี จึงให้น้องชาย(ไม่แน่ใจน้องชายแท้ๆรึเปล่า) ชื่อคุณสุวรรณ รับเราไปส่งที่โรงแรมและทำทัวร์วันแรกแทน ส่วนวันที่ 2 คุณพอลจะมารับเราเอง ก่อนออกรถแกยังตื้อชวนเราไปกินเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่อีก มีน้ำใจจริงๆ
ดิฉันเห็นหลายๆคนเคยมารีวิวและแนะนำคุณพอล เลยลองติดต่อทาง facebook ดู ให้รายละเอียดการเดินทางของเราและขอความคิดเห็นให้เค้าช่วยจัดทริปให้เนื่องจากเรามีเวลาเต็มๆ 2 วันที่จะเที่ยวชมนครวัด นครธม เค้าให้ราคาโอเคมากๆ 65$ คือมี รับจากสนามบิน-โรงแรมและส่งกลับด้วย รวมพาเที่ยวแบบเต็มวัน 2 วัน
ปล. ใครอยากติดต่อคุณ Sok Paul ขอรายละเอียดเพิ่มในอินบ๊อกซ์ได้ค่ะ ไม่ได้เป็นหน้าม้าแต่พี่เค้าบริการดีจริงๆ

Day 1:

รูปนี้นั่งตุ๊กๆของคุณสุวรรณ มารับเช้าวันต่อมา บอกแกไว้ว่าออกสายๆนะพี่ขี้เกียจตื่นเช้า เลยมารับไปตอน 9 โมง
ปล. คุณสุววรณแกอังกฤษไม่ถนัด แกเลยบอกว่าพูดไทยกับผมก็ได้นะ พูดได้นิดหน่อย แต่จริงๆแกพูดได้พอสมควรเลย


วันแรกพี่สุวรรณแกก็พาไปซื้อตั๋วเข้าชม
ค่าเข้าชมมีแบบ 1 วัน = 20$ , 3 วัน = 40$ และ 7 วัน = 60$


ได้บัตรมาแล้วหน้าตาแบบนี้ มีวันที่ระบุเรียบร้อย เก็บไว้กับตัวอย่าให้หายจะมีเจ้าหน้าที่คอยเรียกดูเกือบทุกๆปราสาท ไม่งั้นต้องทำใหม่นะค่ะ


1. ประสาทบายน (Bayon Temple)
ผ่านประตูเมืองเข้ามาที่แรกของวันนี้คือปราสาทบายน (Bayon Temple)
วิวรอบๆแบบนี้


เดินตรงเข้ามาด้านใน แหงนหน้าขึ้นไปเห็นก็ตะลึงแล้ว


บริเวณลานรอบๆชั้นใน


เดินมุดๆเข้าไปข้างในตัวปราสาท


อีกมุม


ทางเดินมุมนี้เก๋ดี ดูเป็นประตูซ้อนๆกันๆ


ซ้ายมือรูปทางขึ้นไปยังชั้นบน ขวามือคือทางลง (ขึ้น-ลง คนละที่กัน)


แอบฟังไกด์ของชาวบ้านเขาบรรยาย
เขาบอกว่ารุปแกะสลักเหล่านี้ แกะสลักตามหน้าตาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (กษัตริย์ในสมัยนั้น) ซึ่งนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน เหตุที่มีรูปหน้าของท้านแกะสลักไว้ 4 ด้านและมีเรียงรายกันเต็มไปหมดนั่นก็เพื่อความเชื่อที่ว่าบุญบารมีของท่านจะได้แผ่ไพศาลไปทั่วผืนแผ่นดิน...ไกด์เขาว่างั้น


เดินไปรอบๆ


มีนางรำ(นางอัปสร) แต่งตัวสวยงาม นั่งรอนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปด้วย แต่เราแอบถ่ายเค้าตะโกนขอเงินมาแต่ไกลเลย 555...

เดินไป กดชัตเตอร์รัวๆไปไม่รู้กี่รูป ออกจากปราสาทนี้แล้ว ใช้เวลาไปราวๆ 1.30 ชั่วโมง

2. ปราสาทบาปวน (Baphuon Temple)
เดินออกมาจากปราสาทบายน มุ่งหน้าไปทางลานช้าง กางแผนที่ออก (แผนที่ขอจากออฟฟิตที่ซื้อตั๋ว) ก็ไปต่อกันที่ปราสาทบาปวน มีต้นไม่ใหญ่ๆรอบๆ อากาศร่มรื่ม


ตัวเป็นปราสาททรงปีระมิด บริเวณด้านหน้ามีสระน้ำ และมีสะพานเชื่อมเดินไปยังตัวปราสาท


ขอหนึ่งแชะ




วิวถ่ายจากมุมบน


ขากลับใช้ทางเดินด้านซ้ายมือ หันหน้าออกจากปราสาท


3. ลานช้าง (The Terrace of the Elephants)
เดินออกมาจนสุดทางเลี้ยวซ้าย ด้านหน้าจะเป็นลานกว้างๆแบบนี้ ถามคนขับเขาบอกว่ากษัตริย์สมัยนั้นใช้ที่ตรงนี้ไว้เวลาตั้งทัพทหารหรือทัพช้าง ส่วนมองไปฝั่งตรงข้ามไกลๆโน้น ก็จะมีเหมือนแท่งเสา เรียงๆกัน ก็จะไว้เวลาที่มีรำถวาย(ระบำอัปสรา) ซึ่งกษัตริย์ก็จะขึ้นไปนั่งชมจากตรงลานพระเจ้าขี้เรื้อน (Terrace of the Leper King)


4. ลานพระเจ้าขี้เรื้อน (Terrace of the Leper King)


หลังจาก 3 ชั่วโมงเดินชมปราสาทต่างๆในนครธม เรานัดคุณสุวรรณให้เจอกันที่จุดพักรถ ที่นั่นมีห้องน้ำ(เข้าฟรีถ้ามีตั๋ว Day pass)และร้านอาหารตามสั่งอยู่หลายร้าน แต่เราเตรียมเบอร์เกอร์กันมาแล้ว (ให้โรงแรมช่วยโทรสั่ง KFC ให้ มาเป็น Set พกมาแบบนี้ประหยัดกว่า + งก) จึงเตรียมไว้นั่งกินใต้ต้นไม้ที่ไหนสักแห่งในช่วงบ่าย คุณสุวรรณจึงขับพาเราออกจากกำแพงเมืองนครธมมาทางฝั่งตะวันออกเพื่อจะไปยังสถานที่ต่อไป

ระหว่างทางขับออกจากกำแพงเมือง เจอรูปปั้นยักษ์โอบสะพาน


5. ปราสาทเชื้อสายเทวดา ( Chau Say Thevada Temple)
ข้ามสะพานออกมาได้สักพักก็ถึงที่นี่ ชื่อปราสาทไทยมากๆ  


มุมนี้นั่งหลบแดด พักกินเบอร์เกอร์ที่ห่อมา


กินเสร็จกระโดดขึ้นตุ๊กๆ พี่สุวรรณยื่นน้ำเย็นๆให้เราอีกคนละขวด แกบอกเชิญๆ ตามสบาย... อากาศช่วงบ่ายเริ่มร้อน อ่อนแรง เริ่มไม่อยากเดิน นั่งกินลมชมวิวระหว่างทางไปสถานที่ต่อไป นั่งตากเสื้อเปียกเหงื่อไปได้สักแป๊บก็ถึงที่นี่...

6.ปราสาทตาแก้ว (Ta Keo) - สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 และเป็นครั้งแรกที่เริ่มมีการนำหินสรายมาสร้างปราสาท ข้างบนจะมีปราสาททั้งหมด 5 หลัง ลักษณะจะคล้ายๆกับปราสาทแปรรูป (มีรีวิวในตอนที่ 2)


ลักษณะปราสาทข้างบนนี้เป็นหิ้นซ้อนๆกันสวยทีเดียว แต่ตามมุกๆตัวปราสาทกลิ่นไม่พึงประสงค์เยอะมาก...


เรามุ่งหน้าไปยังสถานทีสุดท้ายของวันนี้และยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทริป ที่ๆเคยเป็นฉากถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Tomb Raider เมื่อปี 2001 นำแสดงโดย Angelina Jolie กับฉากสวยๆที่มีรากต้นไม้ใหญ่ปกคลุมตัวปราสาท

7.ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm)
ทางเดินเข้าตัวปราสาทร่มรื่น บังแดดร้อนๆได้ดี


ดิฉันว่ามันร้อนจริงๆ สงสารพระสงฆ์ที่มาเยี่ยมชม ท่านคงจะร้อนกว่าเราแน่นอน


ข้างในบริเวณรอบๆปราสาท


รากต้นไม้คลุมตัวปราสาทไปเลย


รูปนี้ไม่รู้ต้นไม้เดียวกับที่ถ่ายในหนังรึเปล่า?



Credit ภาพจาก google

ต้นนี้ถ่ายใกล้ๆทางออกแล้ว น่าจะเป็นพระเอกของที่นี่ คนรอถ่ายเพียบ


ออกมายืนสูดอากาศรอบๆก่อนเดินออกจากปราสาท


วันนี้ขอจบทริปที่ปราสาทตาพรหมค่ะ


มาดูที่พักและอาหารสำหรับทริปนี้

เราพักที่ Karavansara อยู่ห่างจาก pub street เดินชิลๆประมาณ 5 - 10 นาที จากถนนเข้ามาในซอยนิดเดียว
ห้องพักสะอาด สบาย มีสระว่ายน้ำเล็กๆชั้นบน บรรยากาศร่มรื่นปลอดภัยดีค่ะ


มื้อเที่ยงแนะนำร้านอาหารอิตาเลี่ยน Il Forno ย่าน Pub street - พิซซ่าและลาซาญญ่ามะเขือม่วงอร่อยมาก


มื้อเย็น แนะนำร้าน Haven อยู่ย่าน Pub street โซนนอก เราเลือกชิมอาหารเขมร
(ซ้าย) Loklak Chicken คล้ายๆผัดพริกแต่มันเปรี่ยวๆหวานๆ และ (ขวา) Amok fish (คลายๆแกงเขียวหวานปลา)รสชาติคล้ายๆอาหารไทย


อีกอย่างที่ถูก+อร่อย+ต้องชิม คือน้ำผลไม้ปั่นข้างทาง $1 เท่านั้น
เราลองอโวคาโดปั่นและมะม่วงปั่นค่ะ


ภาคต่อตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/33425202

- Little Miss Dahlia -