เกริ่นก่อน
ผมมีบ้านอยู่ชนบทครับ อยู่ห่างตัวเมืองพอควร เห็นน้ำ เห็นภูเขา บรรยากาศดี อากาศก็ดีมาก หายใจโล่งกว่าในเมืองเยอะ เรียกว่าอยู่ที่นี่ชีวิตดี ถึงกลางวันแดดจะร้อนบ้างก็ยังมีลมพัดเย็น ไม่ต้องมีแอร์ก็อยู่ได้สบาย
ชาวบ้านที่นี่ยังนิยมใช้เตาถ่านประกอบอาหารกันอยู่มากครับ ถ้าออกไปเดินตอนเช้าจะเห็นควันของบ้านแต่ละหลังตอนที่เขาจุดเตา ได้กลิ่นควันจางๆ อันนี้เป็นเสน่ห์ของชนบท ผมเข้าใจและรับได้ครับ
แต่ที่มีปัญหาจนผมต้องมาตั้งกระทู้คือ
1. ชาวบ้านที่นี่ไม่รู้จักวิธีกำจัดขยะวิธีอื่นเลยนอกจากการเผา คือกวาดใบไม้แห้ง เศษขยะ ถุงพลาสติก ฯลฯ มากองสุมกันได้ก็จุดไฟ เผากันทุกหลัง เผาแล้วก็ไม่ได้สนใจะเฝ้าดูว่ามันจะลุกลาม หรือควันจะลอยไปทางบ้านใคร จะเรียกว่ามักง่ายก็ได้ แต่ผมว่าไม่ได้คิดอะไรเลยมากกว่า คือก็เคยทำมาแบบนี้ ทำมานานแล้ว และจะทำต่อไป เคยไปคุยกับผู้นำชุมชนเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะเขามองว่าเรื่องแค่นี้เอง มันไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
2. ถัดไปหลังบ้านผมมีที่นาและไร่ของลุงคนหนึ่ง นอกจากทำไร่แล้วแกยังเผาถ่านด้วย แล้วไอ้ควันจากการเผาถ่านนี่แหละที่ลอยเข้ามาทางบ้านผมเต็มๆ เล่นเอาแสบคอแสบจมูก นอนไม่ได้ ต้องปิดประตูหน้าต่าง เป็นมาจะครบสัปดาห์หนึ่งแล้ว อธิบายให้ทราบเผาถ่านนี่ไม่ใช่การเอาท่อนไม้มากองแล้วจุดไฟเผาสองสามชั่วโมงก็มอดนะครับ แต่คือการขุดหลุมเป็นเตาดินใหญ่ๆ จากนั้นเอาท่อนไม้ไปใส่ให้เต็มหลุม จุดไฟกองเล็กๆ เอาแกลบกับขี้เลื่อยใส่ทับลงไปให้เต็ม แล้วทำดินปิดปากหลุมเหลือช่องระบายควันหน่อยนึง ทีนี้ก็ไหม้ได้ทั้งคืน ควันนี่ตลบอบอวล ผมไปดูมาแล้วมี 3-4 หลุมเลย กับกองท่อนไม้อีกเป็นพะเนินที่ลุงแกยังไม่ได้เผา ถ้าปล่อยให้เผาต่อไปคงอีกหลายอาทิตย์กว่ากองนี้จะหมด
เมื่อวานตอนค่ำผมเลยไปบอกแกว่าหยุดเผาได้ไหม ควันเข้าบ้านผม ผมนอนไม่ได้ ใส่หน้ากากที่ปิดจมูกก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่เลย แกก็ตีหน้ามึนๆ บอกแต่ว่า 'แล้วจะให้ทำไงล่ะ แล้วจะให้ทำไงล่ะ ก็ต้องเผาถ่าน' ใช่สิก็บ้านลุงไม่ได้อยู่ตรงนี้ไง อยู่ห่างออกไปอีกฟากของหมู่บ้านเลย ผมก็เลยทำเสียงดุๆไป 'งั้นทำไมไม่เอาไปเผาแถวบ้านลุงล่ะ?' แล้วก็ 'ดับเลยนะ ถ้าไม่ดับผมจะดับเอง' (พูดเฉยๆไม่ได้ทำจริง) สรุปคือคุยไม่รู้เรื่อง ต้องไปหาผู้นำชุมชน(อีกแล้ว) แต่ก็อีกนั่นแหละ ผู้นำชุมชนไม่กล้าไปบอก เพราะเคยมีคนมาแจ้งแล้ว ห้ามไม่ฟัง บอกแล้วก็จะโกรธกัน เมื่อคืนลุงก็ยังเผาถ่าน ผมก็ต้องทนอีกคืนนึง
เมื่อได้คุยกับผุ้นำชุมชนถึงทราบว่า
1. ชาวบ้านที่นี่มีความเกรงใจกัน เกรงใจคนแก่อาวุโสกว่า แม้ในเรื่องที่ไม่ควรเกรงใจ และชาวบ้านมีความอดทนสูงมาก แม้ต้องนอนดมควันกันทุกคืน นอนหลับไม่สบาย เสี่ยงต้องการเจ็บป่วย แต่ทุกคนก็จะอดทนให้ถึงที่สุด (อันหลังนี่ผมคิดเอาเองว่าอย่างนั้นนะ เพราะแทบไม่มีคนไปบอกลุงหรือไปแจ้งผุ้นำชุมชนเลย)
2. บางทีก็คุยกันด้วยเหตุผลไม่รู้เรื่อง อาจลามปามเป็นการทะเลาะกัน เพราะความเป็นหมู่คณะแบบ คนหมู่บ้านเดียวกัน เข้าข้างกันไว้ก่อน ผิดถูกอีกเรื่องหนึ่ง พวกเราอยู่กันมานานไม่มีปัญหา คนเมือง คนมาอยู่ใหม่หาเรื่องทะเลาะกับเรา ทำนองนี้
3. พระที่วัดรูปหนึ่งเคยถึงกับอาพาธต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว เพราะมีคนเผาถ่านใกล้วัดนี่แหละ
ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำจากท่าน ต้องการแนวคิด วิธีจัดการกับปัญหาทำนองนี้ครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้
ขอวิธีจัดการกับเพื่อนบ้านชอบเผา
ผมมีบ้านอยู่ชนบทครับ อยู่ห่างตัวเมืองพอควร เห็นน้ำ เห็นภูเขา บรรยากาศดี อากาศก็ดีมาก หายใจโล่งกว่าในเมืองเยอะ เรียกว่าอยู่ที่นี่ชีวิตดี ถึงกลางวันแดดจะร้อนบ้างก็ยังมีลมพัดเย็น ไม่ต้องมีแอร์ก็อยู่ได้สบาย
ชาวบ้านที่นี่ยังนิยมใช้เตาถ่านประกอบอาหารกันอยู่มากครับ ถ้าออกไปเดินตอนเช้าจะเห็นควันของบ้านแต่ละหลังตอนที่เขาจุดเตา ได้กลิ่นควันจางๆ อันนี้เป็นเสน่ห์ของชนบท ผมเข้าใจและรับได้ครับ
แต่ที่มีปัญหาจนผมต้องมาตั้งกระทู้คือ
1. ชาวบ้านที่นี่ไม่รู้จักวิธีกำจัดขยะวิธีอื่นเลยนอกจากการเผา คือกวาดใบไม้แห้ง เศษขยะ ถุงพลาสติก ฯลฯ มากองสุมกันได้ก็จุดไฟ เผากันทุกหลัง เผาแล้วก็ไม่ได้สนใจะเฝ้าดูว่ามันจะลุกลาม หรือควันจะลอยไปทางบ้านใคร จะเรียกว่ามักง่ายก็ได้ แต่ผมว่าไม่ได้คิดอะไรเลยมากกว่า คือก็เคยทำมาแบบนี้ ทำมานานแล้ว และจะทำต่อไป เคยไปคุยกับผู้นำชุมชนเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะเขามองว่าเรื่องแค่นี้เอง มันไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
2. ถัดไปหลังบ้านผมมีที่นาและไร่ของลุงคนหนึ่ง นอกจากทำไร่แล้วแกยังเผาถ่านด้วย แล้วไอ้ควันจากการเผาถ่านนี่แหละที่ลอยเข้ามาทางบ้านผมเต็มๆ เล่นเอาแสบคอแสบจมูก นอนไม่ได้ ต้องปิดประตูหน้าต่าง เป็นมาจะครบสัปดาห์หนึ่งแล้ว อธิบายให้ทราบเผาถ่านนี่ไม่ใช่การเอาท่อนไม้มากองแล้วจุดไฟเผาสองสามชั่วโมงก็มอดนะครับ แต่คือการขุดหลุมเป็นเตาดินใหญ่ๆ จากนั้นเอาท่อนไม้ไปใส่ให้เต็มหลุม จุดไฟกองเล็กๆ เอาแกลบกับขี้เลื่อยใส่ทับลงไปให้เต็ม แล้วทำดินปิดปากหลุมเหลือช่องระบายควันหน่อยนึง ทีนี้ก็ไหม้ได้ทั้งคืน ควันนี่ตลบอบอวล ผมไปดูมาแล้วมี 3-4 หลุมเลย กับกองท่อนไม้อีกเป็นพะเนินที่ลุงแกยังไม่ได้เผา ถ้าปล่อยให้เผาต่อไปคงอีกหลายอาทิตย์กว่ากองนี้จะหมด
เมื่อวานตอนค่ำผมเลยไปบอกแกว่าหยุดเผาได้ไหม ควันเข้าบ้านผม ผมนอนไม่ได้ ใส่หน้ากากที่ปิดจมูกก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่เลย แกก็ตีหน้ามึนๆ บอกแต่ว่า 'แล้วจะให้ทำไงล่ะ แล้วจะให้ทำไงล่ะ ก็ต้องเผาถ่าน' ใช่สิก็บ้านลุงไม่ได้อยู่ตรงนี้ไง อยู่ห่างออกไปอีกฟากของหมู่บ้านเลย ผมก็เลยทำเสียงดุๆไป 'งั้นทำไมไม่เอาไปเผาแถวบ้านลุงล่ะ?' แล้วก็ 'ดับเลยนะ ถ้าไม่ดับผมจะดับเอง' (พูดเฉยๆไม่ได้ทำจริง) สรุปคือคุยไม่รู้เรื่อง ต้องไปหาผู้นำชุมชน(อีกแล้ว) แต่ก็อีกนั่นแหละ ผู้นำชุมชนไม่กล้าไปบอก เพราะเคยมีคนมาแจ้งแล้ว ห้ามไม่ฟัง บอกแล้วก็จะโกรธกัน เมื่อคืนลุงก็ยังเผาถ่าน ผมก็ต้องทนอีกคืนนึง
เมื่อได้คุยกับผุ้นำชุมชนถึงทราบว่า
1. ชาวบ้านที่นี่มีความเกรงใจกัน เกรงใจคนแก่อาวุโสกว่า แม้ในเรื่องที่ไม่ควรเกรงใจ และชาวบ้านมีความอดทนสูงมาก แม้ต้องนอนดมควันกันทุกคืน นอนหลับไม่สบาย เสี่ยงต้องการเจ็บป่วย แต่ทุกคนก็จะอดทนให้ถึงที่สุด (อันหลังนี่ผมคิดเอาเองว่าอย่างนั้นนะ เพราะแทบไม่มีคนไปบอกลุงหรือไปแจ้งผุ้นำชุมชนเลย)
2. บางทีก็คุยกันด้วยเหตุผลไม่รู้เรื่อง อาจลามปามเป็นการทะเลาะกัน เพราะความเป็นหมู่คณะแบบ คนหมู่บ้านเดียวกัน เข้าข้างกันไว้ก่อน ผิดถูกอีกเรื่องหนึ่ง พวกเราอยู่กันมานานไม่มีปัญหา คนเมือง คนมาอยู่ใหม่หาเรื่องทะเลาะกับเรา ทำนองนี้
3. พระที่วัดรูปหนึ่งเคยถึงกับอาพาธต้องเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว เพราะมีคนเผาถ่านใกล้วัดนี่แหละ
ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำจากท่าน ต้องการแนวคิด วิธีจัดการกับปัญหาทำนองนี้ครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้