มีเรื่องอยากจะปรึกษาค่ะ
คือเราออกตัวก่อนว่าเป็นคนพุทธ คือนับถือศาสนาพุทธ สวดมนต์บ้าง นานๆ เข้าวัดพอเป็นพิธี ถวายสังฑทานตามโอกาสที่เงินจะเอื้ออำนวย
แล้วเมื่อไม่นานมานี้ เรามีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนคนนึง เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคริสต์ แค่เป็นความเชื่อ ไม่ใช่ศาสนา ว่าเขาเชื่อในพระเจ้า วางใจในพระองค์ เขาจะมีการอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเสริมกำลัง การเฝ้าเดี่ยวในตอนเช้า การร้องเพลง (เข้าใจว่าน่าจะเป็นการสรรเสริญพระนามของพระองค์ค่ะ) อะไรทำนองนี้ ซึ่งตอนแรกเราก็ลองเข้ากลุ่มดู เพราะรู้สึกว่าน่าสนใจในมุมมองของเรา และคิดเอาเองว่า ถึงเป็นคนพุทธ...แต่เชื่อในพระเจ้า คงไม่เป็นไรหรอก เราก็อ่ะ...เริ่มมีการอธิษฐาน มีการเฝ้าเดี่ยวบ้าง แต่เรื่องร้องเพลงเรายังไม่สันทัดเท่าไหร่ แต่ทั้งๆ อย่างนั้นในใจเราก็ยังชอบการทำบุญ สวดมนต์เป็นภาษาบาลี แผ่เมตตาอะไรแบบนี้มากกว่าอยู่ค่ะ
ในตอนแรกก็ดูเหมือนจะไปได้สวย เราโหลดแอพพระคัมภีร์มาอ่านเลยนะคะ อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าให้มากขึ้น แต่ในใจเรายังนับถือพระพุทธเจ้า ยังเชื่อเรื่องบาป-บุญอยู่ คือมันเหมิอนเป็นความขัดแย้งในใจที่เรามีมาตลอด ไม่ได้ปฏิเสธพระเจ้านะคะ แต่ไม่สามารถปฏิบัติตนเหมือนอย่างเพื่อนคนนั้นได้ เขาทำคือทำออกมาจากใจ 100% แต่เราทำนี่ทำออกมาจากใจเหมือนกัน แต่แค่ 40% จะได้อย่างที่อธิฐานไปหรือเปล่าก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแบบนั้นมาก ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ดี เชื่อแต่ไม่เต็ม 100%
จุดเปลี่ยนของความขัดแย้งในใจเริ่มพอกพูนค่ะ เราลองถามเพื่อนคนนั้นดูว่า ถ้าเราเชื่อในพระเจ้าเนี่ย เราจะยังสามารถสวดมนต์ ทำบุญตักบาตรได้อยู่ไหม เขาตอบว่า...ในความเป็นจริงคือ ไม่ได้ ค่ะ เราก็งง ว่าเอ้า! ทำไมไม่ได้ ในเมื่อบอกแค่เชื่อในพระเจ้า ไม่ได้เป็นศาสนา แล้วศาสนาเราคือ ศาสนาพุทธ มันมีเรื่องของการสวดมนต์ ทำบุญตักบาตรอะไรอย่างนี้อยู่แล้วนี่ เราก็ถามต่อเลยว่า...ทำไมไม่ได้อ่ะ เขาตอบมาว่า...เพราะว่าวันนี้พระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด ทรงสร้างสรรพสิ่ง เมื่อเราเชื่อและศรัทธาในพระองค์แล้ว เราจะไม่มีพระอื่นใดในชีวิต เราก็อ๋อ...ปากบอกว่าเข้าใจนะ แต่ในใจนี่มีคำถามผุดขึ้นมาอีกล่ะ ถ้าพระเจ้าสร้างทุกสรรพสิ่ง งั้นก็แสดงว่าพระเจ้าสร้างพระพุทธเจ้ามาด้วยซิ แล้วทำไมถึงสร้างศาสนาพุทธขึ้นมาล่ะ ในเมื่อพระเจ้าสอนให้เชื่อในพระองค์ สอนให้วางใจในพระองค์ แล้วจะได้ไปสู่แผ่นดินสวรรค์ แต่พระพุทธเจ้ากลับสอนให้เชื่อในกรรม อันเป็นผลมาจากการกระทำของตัวเราเอง ไม่ได้สอนให้เชื่อในพระพุทธเจ้า ซึ่งดูๆ แล้วมันคนละโยชน์กันเลย แต่เราไม่ได้ถามออกไปนะคะ เขาอธิบายเพิ่มเติมมาอีกว่า...สิ่งที่มนุษย์กำลังเคารพนับถืออยู่ทุกวันนี้ คือซาตานในคราบนักบุญ เรานี่งงหนักกว่าเดิมอีกค่ะ
เราถามต่อค่ะว่า...เคยได้ยินเพื่อนคนนึงบอกว่า แต่ก่อนเคยนำสวดพระทำนองสรณะ แต่พอมาเชื่อในพระเจ้าก็ทำแบบนั้นอีกไม่ได้ใช่ไหมคะ เขาก็ตอบว่า...ใช่ค่ะ ทำไม่ได้ เพราะมันคือการสรรเสริญซาตาน ยิ่งเราสรรเสริญมัน มันก็จะยิ่งพาเราออกจากทางของพระเจ้า รักษาความเชื่อวางใจในพระเจ้าไว้ไม่ได้ ก็ต้องตกนรกบึงไฟไปพร้อมกับมัน เราก็บอกเขาว่า...อ๋อ เข้าใจค่ะ แต่ในใจนี่...อะไรว่ะ พูดทำนองนี้นี่คือ การสวดทำนองสรณะคือ การสรรเสริญซาตานรึ ? ไหนบอกเป็นแค่ความเชื่อ แล้วเราจะเชื่อในพระพุทธเจ้า สวดมนต์เพื่อเป็นการสรรเสริญพระองค์ไม่ได้เหรอ แล้วถ้าเราเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เราจะเชื่อว่าพระพุทธเจ้า องค์อัลเลาะห์มีจริงก็ไม่ได้เลยอ่ะดิ เราเลยจากที่จะเข้าใจเลยกลายเป็นสงสัยและคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวเป็นชุดๆ TT
สรุปเรื่องที่เราสงสัย...และอยากวานให้ท่านผู้รู้ที่พอจะอธิบายได้ช่วยอธิบายให้เข้าใจแบบไร้กังขาทีเถอะค่ะ
1. ความเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ทำให้ไม่สมารถเชื่อในพระพุทธเจ้าหรือประกอบพิธีกรรม เช่น สวดมนต์ ทำบุญตักบาตรได้ ถ้าจะบอกว่าเป็น...เพราะว่าวันนี้พระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด ทรงสร้างสรรพสิ่ง เมื่อเราเชื่อและศรัทธาในพระองค์แล้ว เราจะไม่มีพระอื่นใดในชีวิต... แล้วเหตุใดจึงมีศาสนาพราหมณ์ ฮินดู พุทธ อิสลามมากมายบนโลกใบนี้ล่ะคะ ถ้าจะบอกว่าเป็นมารสร้าง ก็ฟังพอใช้ได้ค่ะ แต่อย่าลืมว่าหัวใจของหลักคำสอนของทุกศาสนาก็คือ...สอนให้เป็นคนดี... ในเมื่อสอนให้เป็นคนดีแล้ว ทำไมจึงยังไม่สามารถเชื่อในศาสนานั้นๆ ได้อีกคะ
2. หากการสวดทำนองสรภัญญะ คือ การสวดสรรเสริญซาตาน แล้วแบบนี้การสวดมนต์จะไม่เป็นการบูชาเลยเหรอคะ แล้วการอาซาน การละหมาดของศาสนาอิสลามล่ะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะพาดพิงถึงศาสนาอื่นนะคะ เพียงแต่ไม่สันทัดเรื่องแบบนี้จริงๆ แค่เคยได้ยินได้ฟังมาว่า ศาสนาพุทร = สวดมนต์ ศาสนาอิสลาม = ละหมาด เลยข้องใจว่าแค่เพราะไม่ใช่พระเจ้า จึงกลายเป็นการสรรเสริญซาตานเลยหรือคะ
3. อันนี้ออกจะรุนแรงไปหน่อยนะคะ ในความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้า หากพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งจริงๆ เหตุใดบนโลกใบนี้ จึงมีหลากหลายศาสนา หลากหลายความเชื่อเสียเหลือเกิน เหตุใดจึงไม่สร้างความเชื่อเพียงหนึ่งเดียวในพระเจ้าเลยคะ
4. หากไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว เมื่อถึงวันพิพากษาจะต้องลงไปอยู่ในแดนนรก ถามว่าหากเรานับถือศาสนาพุทธ ประพฤติตนเป็นคนดีแต่ไม่เชื่อในพระเจ้า เมื่อเราตายไปเราจะไปอยู่ในแดนนรกอย่างนั้นหรือคะ แล้วความดีที่เราทำมามันจะไม่ช่วยอะไรเราเลยหรือคะ
5. ในเมื่อเป็นความเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง พระเจ้าเป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียว เป็นความจริงของทุกสรรพสิ่ง แล้วเราจะนับถือศาสนาอะไรคะ หากจะบอกว่าเป็นคริสต์ ก็ไม่ได้ เป็นพุทธ ก็ไม่ได้อีก สรุปคือ...เราเป็นคนไม่มีศาสนาใช่ไหมคะ
6. เราเชื่อในพระเจ้านะคะ แต่ถ้าจะไม่ให้เราสวดมนต์ ไม่ให้ทำบุญตักบาตร เชื่อในเรื่องของเวรกรรม การนิพพาน (การไม่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสังสาร) เราพูดตรงๆ เลยค่ะว่า...ทำไม่ได้ เราพิสูจน์แล้วว่า...เวลาเราทำบุญ สวดมนต์ ใจเราสงบค่ะ ใจมันเป็นสุขค่ะ แต่เวลาเราอธิษฐานต่อพระเจ้า...เรากลับรู้สึกว่า การที่เราเอาแต่ขอนั่นขอนี่ มันไม่เป็นการเอาเปรียบพระเจ้าเหรอ จริงอยู่ที่ว่า...ความรักของพระเจ้าไม่มีเงื่อนไข แต่ทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็ไม่ควรมี ไม่ควรเกิดขึ้นมาได้ด้วยการขอเพียงอย่างเดียว มันควรจะเกิดจากการลงมือทำด้วยตนเองก่อนเป็นอันดับแรก หากไม่ไหวหากใจไม่สู้หากหมดไฟ...เมื่อนั้นค่อยอธิษฐานให้พระเจ้าเสริมกำลังดีกว่าไหม ไม่อย่างนั้น...จะมีความพยายามไปเพื่ออะไรกันล่ะคะ พยายามอธิษฐานต่อพระเจ้าเหรอ..ไม่ใช่สไตล์เรายังไงไม่รู้
7. หากเราจะเชื่อในพระเจ้า แต่จะยังคงสวดมนต์ ทำบุญตักบาตรสะสมบารมี จะทางเป็นไปได้ไหมคะ เราจะเป็นคนพุทธแต่เชื่อในพระเจ้า เพราะลึกๆ แล้วใจเราเองก็ศรัทธาและเชื่อในคำสอนของพระเจ้า พระคัมภีร์บางบทบางวรรคที่เราอ่าน ก็รู้สึกชอบใจอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้มองว่าการสวดมนต์คือ การสรรเสริญซาตานนี่คงไม่ไหว มีทางไหนที่สามารถประนีประนอมพระเจ้าของเขาให้อยู่กับพระพุทธเจ้าของเราได้บ้างคะ
ปล. เพิ่งตั้งกระทู้เกี่ยวกับศาสนาเป็นครั้งแรก แท๊กผิดอย่างไร อภัยด้วยค่ะ
เป็นคนพุทธ แต่นับถือพระเจ้า?
คือเราออกตัวก่อนว่าเป็นคนพุทธ คือนับถือศาสนาพุทธ สวดมนต์บ้าง นานๆ เข้าวัดพอเป็นพิธี ถวายสังฑทานตามโอกาสที่เงินจะเอื้ออำนวย
แล้วเมื่อไม่นานมานี้ เรามีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนคนนึง เขาบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคริสต์ แค่เป็นความเชื่อ ไม่ใช่ศาสนา ว่าเขาเชื่อในพระเจ้า วางใจในพระองค์ เขาจะมีการอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเสริมกำลัง การเฝ้าเดี่ยวในตอนเช้า การร้องเพลง (เข้าใจว่าน่าจะเป็นการสรรเสริญพระนามของพระองค์ค่ะ) อะไรทำนองนี้ ซึ่งตอนแรกเราก็ลองเข้ากลุ่มดู เพราะรู้สึกว่าน่าสนใจในมุมมองของเรา และคิดเอาเองว่า ถึงเป็นคนพุทธ...แต่เชื่อในพระเจ้า คงไม่เป็นไรหรอก เราก็อ่ะ...เริ่มมีการอธิษฐาน มีการเฝ้าเดี่ยวบ้าง แต่เรื่องร้องเพลงเรายังไม่สันทัดเท่าไหร่ แต่ทั้งๆ อย่างนั้นในใจเราก็ยังชอบการทำบุญ สวดมนต์เป็นภาษาบาลี แผ่เมตตาอะไรแบบนี้มากกว่าอยู่ค่ะ
ในตอนแรกก็ดูเหมือนจะไปได้สวย เราโหลดแอพพระคัมภีร์มาอ่านเลยนะคะ อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าให้มากขึ้น แต่ในใจเรายังนับถือพระพุทธเจ้า ยังเชื่อเรื่องบาป-บุญอยู่ คือมันเหมิอนเป็นความขัดแย้งในใจที่เรามีมาตลอด ไม่ได้ปฏิเสธพระเจ้านะคะ แต่ไม่สามารถปฏิบัติตนเหมือนอย่างเพื่อนคนนั้นได้ เขาทำคือทำออกมาจากใจ 100% แต่เราทำนี่ทำออกมาจากใจเหมือนกัน แต่แค่ 40% จะได้อย่างที่อธิฐานไปหรือเปล่าก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแบบนั้นมาก ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ดี เชื่อแต่ไม่เต็ม 100%
จุดเปลี่ยนของความขัดแย้งในใจเริ่มพอกพูนค่ะ เราลองถามเพื่อนคนนั้นดูว่า ถ้าเราเชื่อในพระเจ้าเนี่ย เราจะยังสามารถสวดมนต์ ทำบุญตักบาตรได้อยู่ไหม เขาตอบว่า...ในความเป็นจริงคือ ไม่ได้ ค่ะ เราก็งง ว่าเอ้า! ทำไมไม่ได้ ในเมื่อบอกแค่เชื่อในพระเจ้า ไม่ได้เป็นศาสนา แล้วศาสนาเราคือ ศาสนาพุทธ มันมีเรื่องของการสวดมนต์ ทำบุญตักบาตรอะไรอย่างนี้อยู่แล้วนี่ เราก็ถามต่อเลยว่า...ทำไมไม่ได้อ่ะ เขาตอบมาว่า...เพราะว่าวันนี้พระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด ทรงสร้างสรรพสิ่ง เมื่อเราเชื่อและศรัทธาในพระองค์แล้ว เราจะไม่มีพระอื่นใดในชีวิต เราก็อ๋อ...ปากบอกว่าเข้าใจนะ แต่ในใจนี่มีคำถามผุดขึ้นมาอีกล่ะ ถ้าพระเจ้าสร้างทุกสรรพสิ่ง งั้นก็แสดงว่าพระเจ้าสร้างพระพุทธเจ้ามาด้วยซิ แล้วทำไมถึงสร้างศาสนาพุทธขึ้นมาล่ะ ในเมื่อพระเจ้าสอนให้เชื่อในพระองค์ สอนให้วางใจในพระองค์ แล้วจะได้ไปสู่แผ่นดินสวรรค์ แต่พระพุทธเจ้ากลับสอนให้เชื่อในกรรม อันเป็นผลมาจากการกระทำของตัวเราเอง ไม่ได้สอนให้เชื่อในพระพุทธเจ้า ซึ่งดูๆ แล้วมันคนละโยชน์กันเลย แต่เราไม่ได้ถามออกไปนะคะ เขาอธิบายเพิ่มเติมมาอีกว่า...สิ่งที่มนุษย์กำลังเคารพนับถืออยู่ทุกวันนี้ คือซาตานในคราบนักบุญ เรานี่งงหนักกว่าเดิมอีกค่ะ
เราถามต่อค่ะว่า...เคยได้ยินเพื่อนคนนึงบอกว่า แต่ก่อนเคยนำสวดพระทำนองสรณะ แต่พอมาเชื่อในพระเจ้าก็ทำแบบนั้นอีกไม่ได้ใช่ไหมคะ เขาก็ตอบว่า...ใช่ค่ะ ทำไม่ได้ เพราะมันคือการสรรเสริญซาตาน ยิ่งเราสรรเสริญมัน มันก็จะยิ่งพาเราออกจากทางของพระเจ้า รักษาความเชื่อวางใจในพระเจ้าไว้ไม่ได้ ก็ต้องตกนรกบึงไฟไปพร้อมกับมัน เราก็บอกเขาว่า...อ๋อ เข้าใจค่ะ แต่ในใจนี่...อะไรว่ะ พูดทำนองนี้นี่คือ การสวดทำนองสรณะคือ การสรรเสริญซาตานรึ ? ไหนบอกเป็นแค่ความเชื่อ แล้วเราจะเชื่อในพระพุทธเจ้า สวดมนต์เพื่อเป็นการสรรเสริญพระองค์ไม่ได้เหรอ แล้วถ้าเราเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เราจะเชื่อว่าพระพุทธเจ้า องค์อัลเลาะห์มีจริงก็ไม่ได้เลยอ่ะดิ เราเลยจากที่จะเข้าใจเลยกลายเป็นสงสัยและคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวเป็นชุดๆ TT
สรุปเรื่องที่เราสงสัย...และอยากวานให้ท่านผู้รู้ที่พอจะอธิบายได้ช่วยอธิบายให้เข้าใจแบบไร้กังขาทีเถอะค่ะ
1. ความเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ทำให้ไม่สมารถเชื่อในพระพุทธเจ้าหรือประกอบพิธีกรรม เช่น สวดมนต์ ทำบุญตักบาตรได้ ถ้าจะบอกว่าเป็น...เพราะว่าวันนี้พระเจ้ายิ่งใหญ่ที่สุด ทรงสร้างสรรพสิ่ง เมื่อเราเชื่อและศรัทธาในพระองค์แล้ว เราจะไม่มีพระอื่นใดในชีวิต... แล้วเหตุใดจึงมีศาสนาพราหมณ์ ฮินดู พุทธ อิสลามมากมายบนโลกใบนี้ล่ะคะ ถ้าจะบอกว่าเป็นมารสร้าง ก็ฟังพอใช้ได้ค่ะ แต่อย่าลืมว่าหัวใจของหลักคำสอนของทุกศาสนาก็คือ...สอนให้เป็นคนดี... ในเมื่อสอนให้เป็นคนดีแล้ว ทำไมจึงยังไม่สามารถเชื่อในศาสนานั้นๆ ได้อีกคะ
2. หากการสวดทำนองสรภัญญะ คือ การสวดสรรเสริญซาตาน แล้วแบบนี้การสวดมนต์จะไม่เป็นการบูชาเลยเหรอคะ แล้วการอาซาน การละหมาดของศาสนาอิสลามล่ะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะพาดพิงถึงศาสนาอื่นนะคะ เพียงแต่ไม่สันทัดเรื่องแบบนี้จริงๆ แค่เคยได้ยินได้ฟังมาว่า ศาสนาพุทร = สวดมนต์ ศาสนาอิสลาม = ละหมาด เลยข้องใจว่าแค่เพราะไม่ใช่พระเจ้า จึงกลายเป็นการสรรเสริญซาตานเลยหรือคะ
3. อันนี้ออกจะรุนแรงไปหน่อยนะคะ ในความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้า หากพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งจริงๆ เหตุใดบนโลกใบนี้ จึงมีหลากหลายศาสนา หลากหลายความเชื่อเสียเหลือเกิน เหตุใดจึงไม่สร้างความเชื่อเพียงหนึ่งเดียวในพระเจ้าเลยคะ
4. หากไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว เมื่อถึงวันพิพากษาจะต้องลงไปอยู่ในแดนนรก ถามว่าหากเรานับถือศาสนาพุทธ ประพฤติตนเป็นคนดีแต่ไม่เชื่อในพระเจ้า เมื่อเราตายไปเราจะไปอยู่ในแดนนรกอย่างนั้นหรือคะ แล้วความดีที่เราทำมามันจะไม่ช่วยอะไรเราเลยหรือคะ
5. ในเมื่อเป็นความเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง พระเจ้าเป็นพระเจ้าเพียงองค์เดียว เป็นความจริงของทุกสรรพสิ่ง แล้วเราจะนับถือศาสนาอะไรคะ หากจะบอกว่าเป็นคริสต์ ก็ไม่ได้ เป็นพุทธ ก็ไม่ได้อีก สรุปคือ...เราเป็นคนไม่มีศาสนาใช่ไหมคะ
6. เราเชื่อในพระเจ้านะคะ แต่ถ้าจะไม่ให้เราสวดมนต์ ไม่ให้ทำบุญตักบาตร เชื่อในเรื่องของเวรกรรม การนิพพาน (การไม่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสังสาร) เราพูดตรงๆ เลยค่ะว่า...ทำไม่ได้ เราพิสูจน์แล้วว่า...เวลาเราทำบุญ สวดมนต์ ใจเราสงบค่ะ ใจมันเป็นสุขค่ะ แต่เวลาเราอธิษฐานต่อพระเจ้า...เรากลับรู้สึกว่า การที่เราเอาแต่ขอนั่นขอนี่ มันไม่เป็นการเอาเปรียบพระเจ้าเหรอ จริงอยู่ที่ว่า...ความรักของพระเจ้าไม่มีเงื่อนไข แต่ทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็ไม่ควรมี ไม่ควรเกิดขึ้นมาได้ด้วยการขอเพียงอย่างเดียว มันควรจะเกิดจากการลงมือทำด้วยตนเองก่อนเป็นอันดับแรก หากไม่ไหวหากใจไม่สู้หากหมดไฟ...เมื่อนั้นค่อยอธิษฐานให้พระเจ้าเสริมกำลังดีกว่าไหม ไม่อย่างนั้น...จะมีความพยายามไปเพื่ออะไรกันล่ะคะ พยายามอธิษฐานต่อพระเจ้าเหรอ..ไม่ใช่สไตล์เรายังไงไม่รู้
7. หากเราจะเชื่อในพระเจ้า แต่จะยังคงสวดมนต์ ทำบุญตักบาตรสะสมบารมี จะทางเป็นไปได้ไหมคะ เราจะเป็นคนพุทธแต่เชื่อในพระเจ้า เพราะลึกๆ แล้วใจเราเองก็ศรัทธาและเชื่อในคำสอนของพระเจ้า พระคัมภีร์บางบทบางวรรคที่เราอ่าน ก็รู้สึกชอบใจอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้มองว่าการสวดมนต์คือ การสรรเสริญซาตานนี่คงไม่ไหว มีทางไหนที่สามารถประนีประนอมพระเจ้าของเขาให้อยู่กับพระพุทธเจ้าของเราได้บ้างคะ
ปล. เพิ่งตั้งกระทู้เกี่ยวกับศาสนาเป็นครั้งแรก แท๊กผิดอย่างไร อภัยด้วยค่ะ