จากกระทู้ที่แล้ว เราได้ไปจับมือกับ WMatsui ครั้งแรกในชีวิต รวมทั้งบุกเยือนถิ่นซาคาเอะ
http://ppantip.com/topic/33342041
http://ppantip.com/topic/33342041/comment11
คราวนี้ขอแตกกระทู้มาโดยเฉพาะเลยแล้วกันกับ Documentary of SKE48 สารคดีเรื่องแรกของปีจาก 48 กรุ๊ป
เราค่อนข้างโชคดี เนื่องจากวันที่เข้าฉายเป็นช่วงที่เราไปพอดีเป๊ะๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
เราคิดอยู่นานว่าจะเขียนยังไงไม่ให้เป็นการสปอล์ยมากเกินไป จะลองเขียนแบบตามความรู้สึกแล้วกัน
แต่จริงๆที่เข้าไปดูเนี่ย ก็แทบฟังไม่ออกซักประโยคอยู่แล้ว ฮาาาาา (ความรู้ภาษาญี่ปุ่นเท่ากับศูนย์ มีแค่ใจรักเท่านั้น)
----------------------------------------------------------------------------------------
เราได้ไปดูที่โรงหนัง 109 Cinemas ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Nagoya
อันที่จริง ตอนไปงานจับมือ ในงานมีขายบัตรล่วงหน้าด้วยในราคา 1500 เยน และมีรูปแถม แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องไปแลกตั๋วกับทางโรงหนัง 3 วันล่วงหน้า เราซึ่งไม่มีเวลาขนาดนั้น (3 วันก่อนมานาโกย่ายังอยู่ชิราคาวาโกะ ไม่สามารถไปแลกได้แน่ๆ) เลยไม่ได้ซื้อบัตรล่วงหน้ามา (ฮืออออ อยากได้รูปปป)
ไม่มีทางเลือก ต้องมาซื้อตั๋วหน้าโรงหนังแทน มาถึงที่นี่ประมาณ 4 โมง
ราคา 1800 เยน ไม่ได้รูปแถม ฮือออออ เสียใจ
ระหว่างรอ มีซุ้มจัดอยู่ อยากจะดึงโปสเตอร์กลับบ้านเหลือเกินนนนน
รู้สึกจะมีมาจัดงานเปิดฉายด้วย เลยมีลายเซ็นต์เพียบ
รอจนกระทั่งถึงเวลาฉาย ที่นี่ไม่เห็นจะมีโฆษณาเยอะเหมือนบ้านเราเลย
ตอนตัวอย่างหนัง มีตัวอย่าง Documentary of Nogizaka46 ด้วยล่ะ เดี๋ยวคงปล่อยออกมาให้ดู
และแล้ว เวลาของน้ำตาไอดอลก็เริ่มขึ้น...
ไม่ถึง 2 นาที เราก็ร้องไห้แล้ว...แปลไม่ออกกกกกกกกกก
จากนี้ไปจะเริ่มเข้าเรื่องละน้า เอาพอประมาณแล้วกัน (เท่าที่เราเห็นภาพและเข้าใจ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การดำเนินเรื่องจะไล่มาตั้งแต่ออดิทชั่นรุ่น 1 ไล่มาทีละรุ่น แล้วค่อยโยงเข้าประเด็นต่างๆ เช่น งานเลือกตั้ง เรื่องเซ็นเตอร์ งานดราฟต์
ที่เราชอบเกี่ยวกับสารคดีนี้มากๆ คือ การที่บอกเล่าชีวิตของคนที่แกรดไปแล้วโดยร้อยเรียงตั้งแต่อยู่ในวง ความฝัน และสิ่งที่ทำอยู่
รวมถึงนำเสนอความลำบากของไอดอลด้วย ทั้งการฝึกซ้อม ทั้งการเรียน มันไม่ง่ายจริงๆ
เราได้เห็นฉากพี่ฟุประกาศแกรดด้วย นั่นแปลว่า ผู้กำกับใช้เวลาตัดต่อก่อนเข้าฉายไม่นาน (หรืออาจจะมาเพิ่มทีหลังมั้ง)
ในเรื่องจะมีโมเม้นต์ต่างๆที่น่าประทับใจ ซึ่งสำหรับเรา ส่วนใหญ่เราเคยเห็นกันแล้ว
ทั้งโมเม้นต์จูรินะ ออดิทชั่นเป็นคนสุดท้าย
http://alive.in.th/watch_video.php?v=SOB8AGW4RHBN
โมเม้นต์เรนะ ลงไปกองกับพื้นเพราะซ้อมหนัก
http://alive.in.th/watch_video.php?v=5AX89G3K6SUA
โมเม้นต์ชูริ ที่ขอสเตจ KII กับอากิพีกลางงานเลือกตั้ง
http://alive.in.th/watch_video.php?v=SG1N97SH7RDW
โมเม้นต์ชูรินี่ ไม่ว่าจะได้ดูกี่รอบก็เรียกน้ำตาได้
โมเม้นต์ประวัติศาตร์ในงานเลือกตั้งปี 2012 เรายังขนลุกไม่หาย การส่งเด็กขึ้นไปทั้งแถบแบบนั้นมัน...
รู้สึกผิดเลยที่ตอนนั้นยังไม่ได้ตาม SKE
แล้วก็ยังมีอีกหลายโมเม้นต์ที่เราไม่เคยเห็น หรือจริงๆถ้าตาม SKE มาก่อนหน้าเราอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้
เช่น โมเม้นต์เครื่องเสียงขัดข้องระหว่างเต้นบนเวที เห็นโมเม้นต์นี้แล้วเรารู้สึกแบบ "โหววว ทำได้ไง"
เราได้เห็นความกดดันระหว่าง 2 มัตสึอิ ได้เห็นบทบาทของเมมเบอร์ที่หลายคนมองข้ามอย่างไซโต้ มากิโกะ
ได้เห็นความหวาดหวั่นในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องย้ายยูเรียไป เรื่องเซ็นเตอร์ที่เปลี่ยนไป
ได้เห็นลุคใหม่ของเด็กๆที่แกรดไปแล้ว อย่างเช่นคนนี้
อ๊าาาา...นันนันของพี่ พี่แทบจำหนูไม่ได้เลยลูก
คูมินที่มาในลุคผมยาว ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก คูมินค่อนข้างเป็นพาร์ทสำคัญในหนังเรื่องนี้
แต่สำหรับคนที่อยากเห็นมานัตสึ บอกเลยว่า...เสียใจด้วยจริงๆ
ทางผู้กำกับได้ชี้แจงไว้ว่า ติดต่อกับมานัตสึแล้วและได้รับการปฏิเสธมาว่า
"จากวันที่ฉันตัดสินใจแกรด ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปรากฎต่อหน้าสาธารณะอีกหลังจากแกรด ฉันในฐานะไอดอลคือตัวฉัน และฉันในปัจจุบันก็คือตัวฉันเหมือนกัน ดังนั้นเพื่อแยกช่วงเวลาทั้งสองช่วงออกจากกัน ฉันคิดไว้ว่าฉันอยากเดินไปข้างหน้าโดยแยกจาก SKE48 ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจแกรดแล้วค่ะ ฉันดีใจมากที่ได้ยินว่าสารคดีจะไม่สมบูรณ์หากไม่มีฉันอยู่ในนั้น ฉันต้องขอโทษจริงๆที่ไม่อาจทำตามนั้นได้ แต่มันเป็นคำขอร้องจากฉัน ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไปดูสารคดีแน่ๆค่ะ"
Credit: http://egaonotenshi.tumblr.com/post/112890921967/mukaida-manatsu-response-to-ishihara-p-about-not
ไฮไลต์สำคัญคือ ตอนจบ เป็นตอนที่เราอยากร้องไห้มากที่สุด (อาจจะเฉพาะเราคนเดียวนะ)
คือมีเมมเบอร์คนนึงที่แกรดไปแล้ว หันหน้ามาหากล้องแล้วพูดประมาณว่า "จะพยายามค่ะ" แล้วเดินจากไป
แบบว่า มันตื้นตันที่เห็นทุกคนมีชีวิตที่ดี
สรุป
ขอพูดตามตรง เราดูทั้งเรื่องถามว่าร้องไห้มั้ย...ไม่ถึงขั้นร้อง แต่น้ำตาซึมตลอดทั้งเรื่อง คิดว่าถ้าแปลออกอาจจะร้องออกมาจริงๆก็ได้ (เราจะรอซับไทยนะ)
การดำเนินเรื่องทำได้ดี ไหลลื่น ภาพสวย
ตัวหนังนำเสนอความฝัน ความลำบาก ความกดดันของชีวิตเด็กผู้หญิงกลุ่มนึงที่ถูกเรียกว่าไอดอลได้ดี
ขนาดฟังไม่เข้าใจ ยังรับรู้ได้ว่าเด็กๆมันลำบากจริงๆ
แต่สำหรับโอตะ เราคิดว่า มันอาจจะยังไม่สุดเท่าไหร่ คิดว่ามันยังมีประเด็นอะไรให้เล่นมากกว่านี้อีก
แน่นอนว่าในช่วงเวลา 6 ปี มันไม่สามารถยัดทุกอย่างไว้ในเวลา 2 ชม.ได้
#สร้างภาค 2 เถอะค่ะ
แล้วก็อย่าใส่ฉากเฮียร้องไห้มาเยอะนัก เค้าทำใจไม่ได้...ไม่อยากเห็นเฮียร้องไห้
จบ
หลังจากดูจบก็หิวพอดี
ตอนแรกตั้งใจไว้ว่า จะไปกินร้านที่น้องจูแนะนำไว้ตอนที่คุยเรื่องราเมงกันเยอะๆใน 755
ชื่อร้าน Umaya เราลองหาใน Tripadvisor บอกว่าตั้งอยู่ใกล้ๆสถานี Fushimi
ก็ตรงไปเลย แต่เดินหาอยู่นาน หายังไงก็ไม่เจอ อีกอย่างย่านนั้นเป็นย่านกลางคืน มีร้านนู่นนี่เปิดเยอะมากจนมึน ตาลาย
เดินไปเดินมาหาไม่เจอ เดินๆๆๆๆจนกระทั่งไปออกสถานี Sakae ซะงั้น
ในเมื่อหาร้านราเมงที่จูแนะนำไม่เจอ และไหนๆก็เดินมาถึงซาคาเอะแล้ว ไป SKE48 cafe แทนละกัน ยังไม่ได้เข้าไปโดนเลย
ยืนอยู่ข้างหน้าร้านไม่นานก็มีน้องมาพาเข้าไป บอกตรงๆ แม้แต่เด็กเสิร์ฟยังน่ารัก
เมนูหน้าร้าน
โต๊ะที่เรานั่ง
บนกำแพงใกล้กับโต๊ะ
สั่งเมนูชูริ เพราะคิดว่าชูริทำอาหารเก่ง น่าจะอร่อย ฮ่าๆๆๆๆ (ชูริไม่ได้มาทำเองซะหน่อย...ตรรกะอัลไล!!) กับโกโก้ร้อน
กินเสร็จแล้วก็กลับโรงแรมไปเอากระเป๋า แล้วเดินทางไปสนามบิน
เป็นอันจบทริป
เป็นทริปที่มีความสุขมากๆๆๆๆ ประทับใจทุกสิ่งอย่าง บอกได้เลยว่ามีครั้งหน้าแน่นอน
ปล. แอบเสียดายสเตจวันเกิดน้องจู อยากจะอยู่ดูแต่ต้องกลับก่อน (แต่ถึงอยู่ก็ไม่มีบัตรอยู่ดี สมัคร ticket center ไม่เป็น -*-)
ลุยญี่ปุ่นทริปแรกในชีวิต[Part 2]...Documentary of SKE48 พร้อมจะร้องไห้ไปกับพวกเธอมั้ย?
http://ppantip.com/topic/33342041
http://ppantip.com/topic/33342041/comment11
คราวนี้ขอแตกกระทู้มาโดยเฉพาะเลยแล้วกันกับ Documentary of SKE48 สารคดีเรื่องแรกของปีจาก 48 กรุ๊ป
เราค่อนข้างโชคดี เนื่องจากวันที่เข้าฉายเป็นช่วงที่เราไปพอดีเป๊ะๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
เราคิดอยู่นานว่าจะเขียนยังไงไม่ให้เป็นการสปอล์ยมากเกินไป จะลองเขียนแบบตามความรู้สึกแล้วกัน
แต่จริงๆที่เข้าไปดูเนี่ย ก็แทบฟังไม่ออกซักประโยคอยู่แล้ว ฮาาาาา (ความรู้ภาษาญี่ปุ่นเท่ากับศูนย์ มีแค่ใจรักเท่านั้น)
----------------------------------------------------------------------------------------
เราได้ไปดูที่โรงหนัง 109 Cinemas ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Nagoya
อันที่จริง ตอนไปงานจับมือ ในงานมีขายบัตรล่วงหน้าด้วยในราคา 1500 เยน และมีรูปแถม แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องไปแลกตั๋วกับทางโรงหนัง 3 วันล่วงหน้า เราซึ่งไม่มีเวลาขนาดนั้น (3 วันก่อนมานาโกย่ายังอยู่ชิราคาวาโกะ ไม่สามารถไปแลกได้แน่ๆ) เลยไม่ได้ซื้อบัตรล่วงหน้ามา (ฮืออออ อยากได้รูปปป)
ไม่มีทางเลือก ต้องมาซื้อตั๋วหน้าโรงหนังแทน มาถึงที่นี่ประมาณ 4 โมง
ราคา 1800 เยน ไม่ได้รูปแถม ฮือออออ เสียใจ
ระหว่างรอ มีซุ้มจัดอยู่ อยากจะดึงโปสเตอร์กลับบ้านเหลือเกินนนนน
รู้สึกจะมีมาจัดงานเปิดฉายด้วย เลยมีลายเซ็นต์เพียบ
รอจนกระทั่งถึงเวลาฉาย ที่นี่ไม่เห็นจะมีโฆษณาเยอะเหมือนบ้านเราเลย
ตอนตัวอย่างหนัง มีตัวอย่าง Documentary of Nogizaka46 ด้วยล่ะ เดี๋ยวคงปล่อยออกมาให้ดู
และแล้ว เวลาของน้ำตาไอดอลก็เริ่มขึ้น...
ไม่ถึง 2 นาที เราก็ร้องไห้แล้ว...แปลไม่ออกกกกกกกกกก
จากนี้ไปจะเริ่มเข้าเรื่องละน้า เอาพอประมาณแล้วกัน (เท่าที่เราเห็นภาพและเข้าใจ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากดูจบก็หิวพอดี
ตอนแรกตั้งใจไว้ว่า จะไปกินร้านที่น้องจูแนะนำไว้ตอนที่คุยเรื่องราเมงกันเยอะๆใน 755
ชื่อร้าน Umaya เราลองหาใน Tripadvisor บอกว่าตั้งอยู่ใกล้ๆสถานี Fushimi
ก็ตรงไปเลย แต่เดินหาอยู่นาน หายังไงก็ไม่เจอ อีกอย่างย่านนั้นเป็นย่านกลางคืน มีร้านนู่นนี่เปิดเยอะมากจนมึน ตาลาย
เดินไปเดินมาหาไม่เจอ เดินๆๆๆๆจนกระทั่งไปออกสถานี Sakae ซะงั้น
ในเมื่อหาร้านราเมงที่จูแนะนำไม่เจอ และไหนๆก็เดินมาถึงซาคาเอะแล้ว ไป SKE48 cafe แทนละกัน ยังไม่ได้เข้าไปโดนเลย
ยืนอยู่ข้างหน้าร้านไม่นานก็มีน้องมาพาเข้าไป บอกตรงๆ แม้แต่เด็กเสิร์ฟยังน่ารัก
เมนูหน้าร้าน
โต๊ะที่เรานั่ง
บนกำแพงใกล้กับโต๊ะ
สั่งเมนูชูริ เพราะคิดว่าชูริทำอาหารเก่ง น่าจะอร่อย ฮ่าๆๆๆๆ (ชูริไม่ได้มาทำเองซะหน่อย...ตรรกะอัลไล!!) กับโกโก้ร้อน
กินเสร็จแล้วก็กลับโรงแรมไปเอากระเป๋า แล้วเดินทางไปสนามบิน
เป็นอันจบทริป
เป็นทริปที่มีความสุขมากๆๆๆๆ ประทับใจทุกสิ่งอย่าง บอกได้เลยว่ามีครั้งหน้าแน่นอน
ปล. แอบเสียดายสเตจวันเกิดน้องจู อยากจะอยู่ดูแต่ต้องกลับก่อน (แต่ถึงอยู่ก็ไม่มีบัตรอยู่ดี สมัคร ticket center ไม่เป็น -*-)