...องก์สาม...
๒๑ ค่ำคืนช่างเหน็บหนาว สะพราวดาวพราวสวรรค์
ยะเยือกเย้ยจาบัลย์ วิโยคศัลย์จำนรรจา ฯ
คืนนี้ดูช่างหน้า เหน็บหนาว
ดาษดื่นดาราพราว ฟากฟ้า
เย็นยะเยือกสกาว สกนธ์จิต
ฤาวิโยคโศกหล้า หล่นน้ำตาสวรรค์ ฯ
๒๒ น้ำหนาวราวน้ำแข็ง หมดเรี่ยวแรงอาบน้ำหนา
จำทนฝืนกายา แปรงทนต์ฝ่าความหนาวกัน ฯ
น้ำหนาวราวน้ำค่า แข็งขัน
หมดเรี่ยวแรงโรมรัน อาบน้ำ
แปรงฟันฝ่าหฤหรรษ์ หนาวสั่น กายเฮย
หนาวร่างหนาวใจล้ำ ล่ำให้ห่างหนาว ฯ
๒๓ น้ำเย็นลูบแขนขา พาล้างหน้าสะดุ้งฝัน
ไฟฟ้าหาไม่ทัน เล่นมากันหกโมงเย็น ฯ
ยามแขนขาลูบไล้ น้ำเย็น
พาสะดุ้งลำเค็ญ เครียดหน้า
ไฟฟ้ากระแสเส็น ไร้ส่อง สว่างแฮ
รัตติกาลเยือนหล้า จวบสิ้นหกโมง ฯ
๒๔ จวบจนสี่ทุ่มแจ๋ว ไฟดับแล้วไร้มองเห็น
ดวงดาวพาลำเค็ญ เปล่งแสงพราวพร่าวนภา ฯ
จวบจนสี่ทุ่มแล้ว แก้วตา
ไฟดับดลอนธการ์ อ่ำคลุ้ม
ดาราส่องแสงหา หนถิ่น
ระยิบระยับซุ้ม ส่องแพร้วแพรวพราว ฯ
๒๕ คืนนี้เงียบสงัด ลมโชยพัดความเหนื่อยล้า
ความง่วงพาหนังตา หนักอึ้งหนาลาราตรี ฯ
ราตรีนี้สงัดแท้ ทวนลม
งวยง่วงทวยระทม ถ่มล้า
สีตลรัศมีสม ศศิ ธรเอย
บริมาสสาดส่องฟ้า ฟากเฟี้ยมราตรี ฯ
๒๖ เช้ารุ่งขึ้นวันใหม่ ไก่ขันไวชื่นนนทรีย์
วิหคกานกปรี่ เหิรเวหนยลตะวัน ฯ
รุ่งเช้าวันใหม่แล้ว วันดี
เสียงไก่ขันอรุณี น่าร้อง
ปักษีปรี่กายี ยวนกู่ ร้องนา
อุษณรัศมีซร้อง แซร่ซึ้งตรึงกมล ฯ
๒๗ ฝูงหงส์ดำปรากฏ กายปรารพสบเทวัญ
ไอหมอกคลุมตะวัน ผืนสระนั้นพวยพุ่งไอ ฯ
หงส์ดำปรากฏล้วน พรรลาย
ปรารพสบฉงาย สง่าล้ำ
มวลเหมยหมอกมากมาย มองมุ่น
พวยพุ่งพาแอ่งน้ำ เนื่องฟุ้งเฟื่องหนาว ฯ
๒๘ น้ำค้างคลุมใบหญ้า ทิวสนพาปลิวไสว
สายลมหนาวพัดไว กายสะดุ้งตื่นทันที ฯ
น้ำค้างคลุมยอดหญ้า ยาใจ
สนลู่ลมปลิวไสว สู่หล้า
วาโยกระหน่ำไพร พัดเหน็บ หนาวเฮย
ตาตื่นผืนระฟ้า เลิศล้ำรัศมี ฯ
๒๙ มากเหล่าผู้เยือนเหย้า ฉายแสงเอาหวั่นฤดี
บ้างพายแพนที บ้างรีบปรี่ชมหงส์กัน ฯ
ผู้มาเยือนแวะเหย้า ฉิมพลี
ไถงส่องแสงสุรีย์ ร่ำฟ้า
พายแพผ่องฤดี ดลจิต ใจเลย
ลางเบิ่งบารมีหล้า หลากล้วนชมหงส์ ฯ
๓๐ สุขสันต์สวรรค์สร้าง สวยสล้างต่างใจฝัน
เสพสุขสมสามัญ ผันพิภพจบแดนดิน ฯ
สุขสวรรค์ส่งสร้าง สล้างสัณฑ์
สวยสง่าสมสานฝัน สู่หล้า
สามัญเสพสุขจรร- โลงรื่น สุขเอย
สุริยนสนหงส์ฟ้า ฟากเฟี้ยมเทียมสวรรค์ ฯ
**กาพย์ห่อโคลงชมปางอุ๋ง มุ่งรักไทย ไปปายกัน** องก์สาม
ยะเยือกเย้ยจาบัลย์ วิโยคศัลย์จำนรรจา ฯ
คืนนี้ดูช่างหน้า เหน็บหนาว
ดาษดื่นดาราพราว ฟากฟ้า
เย็นยะเยือกสกาว สกนธ์จิต
ฤาวิโยคโศกหล้า หล่นน้ำตาสวรรค์ ฯ
๒๒ น้ำหนาวราวน้ำแข็ง หมดเรี่ยวแรงอาบน้ำหนา
จำทนฝืนกายา แปรงทนต์ฝ่าความหนาวกัน ฯ
น้ำหนาวราวน้ำค่า แข็งขัน
หมดเรี่ยวแรงโรมรัน อาบน้ำ
แปรงฟันฝ่าหฤหรรษ์ หนาวสั่น กายเฮย
หนาวร่างหนาวใจล้ำ ล่ำให้ห่างหนาว ฯ
๒๓ น้ำเย็นลูบแขนขา พาล้างหน้าสะดุ้งฝัน
ไฟฟ้าหาไม่ทัน เล่นมากันหกโมงเย็น ฯ
ยามแขนขาลูบไล้ น้ำเย็น
พาสะดุ้งลำเค็ญ เครียดหน้า
ไฟฟ้ากระแสเส็น ไร้ส่อง สว่างแฮ
รัตติกาลเยือนหล้า จวบสิ้นหกโมง ฯ
๒๔ จวบจนสี่ทุ่มแจ๋ว ไฟดับแล้วไร้มองเห็น
ดวงดาวพาลำเค็ญ เปล่งแสงพราวพร่าวนภา ฯ
จวบจนสี่ทุ่มแล้ว แก้วตา
ไฟดับดลอนธการ์ อ่ำคลุ้ม
ดาราส่องแสงหา หนถิ่น
ระยิบระยับซุ้ม ส่องแพร้วแพรวพราว ฯ
๒๕ คืนนี้เงียบสงัด ลมโชยพัดความเหนื่อยล้า
ความง่วงพาหนังตา หนักอึ้งหนาลาราตรี ฯ
ราตรีนี้สงัดแท้ ทวนลม
งวยง่วงทวยระทม ถ่มล้า
สีตลรัศมีสม ศศิ ธรเอย
บริมาสสาดส่องฟ้า ฟากเฟี้ยมราตรี ฯ
๒๖ เช้ารุ่งขึ้นวันใหม่ ไก่ขันไวชื่นนนทรีย์
วิหคกานกปรี่ เหิรเวหนยลตะวัน ฯ
รุ่งเช้าวันใหม่แล้ว วันดี
เสียงไก่ขันอรุณี น่าร้อง
ปักษีปรี่กายี ยวนกู่ ร้องนา
อุษณรัศมีซร้อง แซร่ซึ้งตรึงกมล ฯ
๒๗ ฝูงหงส์ดำปรากฏ กายปรารพสบเทวัญ
ไอหมอกคลุมตะวัน ผืนสระนั้นพวยพุ่งไอ ฯ
หงส์ดำปรากฏล้วน พรรลาย
ปรารพสบฉงาย สง่าล้ำ
มวลเหมยหมอกมากมาย มองมุ่น
พวยพุ่งพาแอ่งน้ำ เนื่องฟุ้งเฟื่องหนาว ฯ
๒๘ น้ำค้างคลุมใบหญ้า ทิวสนพาปลิวไสว
สายลมหนาวพัดไว กายสะดุ้งตื่นทันที ฯ
น้ำค้างคลุมยอดหญ้า ยาใจ
สนลู่ลมปลิวไสว สู่หล้า
วาโยกระหน่ำไพร พัดเหน็บ หนาวเฮย
ตาตื่นผืนระฟ้า เลิศล้ำรัศมี ฯ
๒๙ มากเหล่าผู้เยือนเหย้า ฉายแสงเอาหวั่นฤดี
บ้างพายแพนที บ้างรีบปรี่ชมหงส์กัน ฯ
ผู้มาเยือนแวะเหย้า ฉิมพลี
ไถงส่องแสงสุรีย์ ร่ำฟ้า
พายแพผ่องฤดี ดลจิต ใจเลย
ลางเบิ่งบารมีหล้า หลากล้วนชมหงส์ ฯ
๓๐ สุขสันต์สวรรค์สร้าง สวยสล้างต่างใจฝัน
เสพสุขสมสามัญ ผันพิภพจบแดนดิน ฯ
สุขสวรรค์ส่งสร้าง สล้างสัณฑ์
สวยสง่าสมสานฝัน สู่หล้า
สามัญเสพสุขจรร- โลงรื่น สุขเอย
สุริยนสนหงส์ฟ้า ฟากเฟี้ยมเทียมสวรรค์ ฯ