วันนี้ผมได้มาตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะนั่งรอพบคุณหมอ ก็ได้ยินเสียงสนทนาของผู้คนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นพยาบาล ผู้เข้ารับการตรวจเช็ค เพื่อนของคนไข้ หรือแม้แต่ญาติๆของพวกเขา สิ่งหนึ่งที่สะกิดต่อมไร้สาระของผมและฉุกให้ผมอยากวิเคราะห์ลึกลงไปแบบไม่เห็นประโยชน์เลยสักนิดตามสไตล์ นั่นคือ "ชื่อเล่น"
ชื่อเล่น เปิดหาความหมายตามพจนานุกรมแปลไทยเป็นไทย ราชบัณฑิตยสถาน ได้ความว่ามันเป็นคำนาม หมายถึง ชื่อที่ตั้งตั้งแต่เด็ก เป็นที่รู้กันในหมู่ญาติหรือผู้ใกล้ชิด เมื่อได้คำตอบเบื้องต้นจากสิ่งอ้างอิงดังกล่าว ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่สาแก่ใจในความรู้สึกของผม มันมีอะไรบางอย่างในชื่อเล่นที่เราต้องมาวิเคราะห์กัน มันมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ!!!
ชื่อเล่นนั้นสำคัญไฉน? หากเราลองวิเคราะห์ดีๆ ชื่อเล่นสามารถบ่งบอกถึงสิ่งต่างๆได้อย่างมากมายและคาดไม่ถึง... ผมจะวิเคราะห์ลงลึกตีแตกในสิ่งที่เรียกว่าชื่อเล่นbased on ชีวิตของผมคนเดียว เหมือนผมเป็นศูนย์กลางของจักรวาล บทความนี้ผมขอให้ชื่อเล่นมันว่า "ชื่อเล่นจากความสัมพันธ์ของเวลาและ/หรือปฏิกิริยาอนุพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อมที่รวมถึงคนรอบข้างจากปิรามิดห่วงโซ่อาหารที่ต้องการการปรับปรุงให้เป็นผู้นำเทรนด์เหมือนเด็กหญิงโสมหอมจูงหมาปอมเดินตลาดพารากอนแล้วเห่าบ๊อกๆใส่รถตู้โดยสารไม่ประจำทางไปบางประกงน้ำคงขึ้นๆลงๆนับประสาอะไรกับหัวใจจุดๆ"
ตั้งแต่เกิดมาถึงปัจจุบัน เราเคยนับกันบ้างมั้ยครับว่ามีชื่อเล่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรามากมายแค่ไหน มีบ้างมั้ยชื่อเล่นที่ทำให้เราประทับใจตั้งแต่แรกได้ยิน และแน่นอนชื่อเล่นพื้นๆที่ทุกคนต้องเคยได้ยินบ่อยๆหรือที่เรียกว่า "ชื่อโหล" จากประสบการณ์คงหนีไม่พ้น แบงค์ นัท ณัฐ ส้ม พลอย แก้ว หนึ่ง เอก เบสท์ โอม หน่อย หญิง วิท น็อต โอ๋ เบียร์ เล็ก ใหญ่ แดง นิด ... ผมเชื่อว่าเราต่างต้องเคยได้ยินและรู้จักบุคคลที่มีชื่อเล่นเหล่านี้ซ้ำกันในกลุ่มเพื่อนของเราเองในทุกวงการแม้วงการเดียวกันเองก็ตาม ผลที่ตามมาบ่อยครั้งที่เราต้องสร้างความแตกต่างให้กับชื่อบุคคลเหล่านี้เพื่อให้ง่ายแก่การระบุตัวตนของพวกเขาตามลักษณะจำเพาะซึ่งอาจโดดเด่นทางกายภาพหรือนิสัย เช่น แบงค์เล็ก แบงค์ใหญ่ (บาวครั้งผมก็สงสัยว่าขนาดส่วนไหนของแบงค์ แต่แบงค์ใหญ่ฟังน่าภูมิใจกว่า) พลอยสวย ส้มขาว ส้มเตึ้ย นัทอ้วน นัท
... เป็นต้น สิ่งที่ผมเกริ่นเหล่านี้ ถ้าคุณรู้สึกคุ้นกับการเรียกขานและเคยกับการใช้วิธีการ แน่นอนผมว่าคุณต้องเป็นคนที่เกิดมาในยุคGen Yขึ้นไป เพราะปัจจุบันมีวิวัฒนาการของชื่อเล่นก้าวหน้าไปอย่างมาก เราจะค่อยๆมาวิเคราะห์ในเชิงลึกถึงลึกมากในช่วงท้ายหลังจากเราวิเคราะห์พื้นฐานกีนอย่างถ่องแท้เรียบร้อยแล้วครับ
มีหลายสิ่งเล็กน้อยที่เราใช้จิตใต้สำนึกรู้สึกตั้งแต่จิตสำนึกจะตั้งสติทำงานวิเคราะห์ตามหน้าที่ของมัน
ชื่อเล่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกรายละเอียดทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวกับบุคคลนั้นๆได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่เพียงเท่านั้นมันยังมีอิทธิพลต่อความรู้สึกที่จิตใต้สำนึกของเราจะตั้งการ์ด หรืออ้าแขนรับบุคคลที่เราเพิ่งทำความรู้จักได้อย่างไม่มีเหตุผล ร้อยละ83.725 ของคนที่มีชื่อเล่นว่าแบงค์ที่ผมรู้จัก พ่อแม่ของพวกเขามักทำงานในสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ธนาคาร ไฟแนนซ์ หรืออย่างน้อยก็เป็นครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทอง มีความใฝ่ฝันอยากให้ลูกมั่งมี
นอกจากความมุ่งหวังที่มีต่อลูกหรือความสัมพันธ์ทางอาชีพของพ่อแม่แล้ว ชื่อเล่นยังสามารถบ่งบอกได้ถึงเชื้อชาติของบุคคลเหล่านั้นได้เช่นกันเช่น เหมย ชิง ป๋วย แป๊ะ แน่นอนเดาได้ว่าบุคคลที่ใช้ชื่อเล่นพวกนี้ต้องมาจากครอบครัวคนจีน เอิบ อ่ำ โอ๋ มะลิ แดง เปี๊ยก เราพอจะเดาได้ว่ามาจากครอบครัวคนไทย ปีเตอร์ เคท พอล น่าจะลูกครึ่งหรือเชื้อสายตะวันตก ไม่ต่างจากคนที่ถูกเรียกว่าบัง แน่นอนน่าจะมาทางมุสลิม
บางคนอาจคิดว่าผมเขียนอะไรเนี่ยใครๆก็รู้ ถูกต้องครับ ผมกำลังจับสิ่งที่ไม่ต้องคิดใครๆก็รู้มานั่งคิดวิเคราะห์เพื่อหาสาระจากสิ่งไร้สาระที่ดูเหมือนจะไม่มีสาระจริงๆ แต่จริงๆแล้วยิ่งกว่าไร้สาระ ...นี่มันแค่เบสิคครับ เราจะมาแตกประเด็นในชื่อเล่นกันต่อ
ชื่อเล่นบอกอะไรได้อีก นอกจากนี้ชื่อเล่นยังบอกเราได้ว่าคนๆนั้นเป็นลูกคนเดียวหรือมีพี่น้องมากกว่าหนึ่งคน สังเกตุได้จากการตั้งชื่อเล่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นซีรีย์ บ่อยครั้งที่เราเดาได้เช่นผมมีเพื่อนชื่อสอง แน่นอนเค้าต้องมีพี่อีกคนที่ชื่อหนึ่ง ยกเว้นจะมีพ่อแม่บางคนอินดี้ตั้งชื่อลูกคนแรกว่าสองเลย ชื่อจำพวกนี้จริงๆเดาง่ายแต่มีครอบครัวนึงที่ทำให้ผมคาดไม่ถึง เธอมีชื่อเล่นว่า "เอ๋" ทราบมั้ยครับเค้ามีพี่น้องอีกสองคนที่เข้าประเภทชื่อเล่นซีรีย์ น้องชายคนกลางเธอชื่อ "บี๋" และน้องสุดท้องชื่อ "สี"
ดก๋จริงๆครอบครัวสำเนียงดี...
อีกประเภทที่นิยมในหมู่พี่น้องคนไทยคือชื่อเล่นประเภทพยัญชนะหลักเดียวกัน เช่น ออม อ๊อฟ, ดรีม เดียร, บูม เบิ้ล บิว บาส...
บางคนครอบครัวอยากอิงความหมายมากกว่าการใช้เสียงก็จะใช้หลักการตั้งชื่อเป็นกลุ่มสสารจำพวกเดียวกันหรือใช้งานร่วมกันเช่น ปูน น้ำ เหล็ก ไม้,
ดินสอสี กระดาษสา, ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต, ส้ม (แอป)เปิ้ล เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นวิเคราะห์ ทำความคุ้นเคยเกี่ยวกับชื่อเล่นในเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีอีกหลายประเภทที่ผมพยามค้นคว้าและจัดประเภทให้ชื่อเล่นเหล่านั้นแต่ยังหาcategoryให้มันลงไม่ได้และยังหาเหตุผลสนับสนุนที่มีน้ำหนักไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น "เมื่อย" ผมพยามเป็นอย่างหนักที่จะจัดกลุ่มประเภทของชื่อพี่เมื่อยนักดนตรีในดวงใจของผมผู้นี้ แต่ยังไม่สำเร็จ หรือแม้กระทั่งชื่อที่บ่งชัดถึงเพศอย่าง "จิ๋ม" เค้าอาจมีเหตุผลในการตั้งชื่อ แต่ผมจะพยามค้นหาต่อไปในสิ่งลึกลับเหล่านี้ แต่แน่นอนที่สุด เด็กสมัยใหม่อย่างเราๆคงจะเลี่ยงการตั้งชื่อลูกของเราจากชื่อเล่นจำพวกที่ค้นหาที่มาไม่ได้หรือใช้ชื่อจำพวกที่กำลังจะสูญพันธุ์ดั่งเช่นที่ปรากฎในบทเพลง "ลำไย" ของลูกนก สุภาพร เป็นอันขาด เพราะมันไม่แนว ไม่คิวท์ ไม่อินเทรนด์ กับยุคสมัยปัจจุบัน ที่ชื่อเล่นมีพัฒนาการล้ำหน้าไปมาก อย่างที่ผมเกริ่นไว้เบื้องต้น จนหลายๆคนยินดีที่จะcreate ชื่อเล่นของตนให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน โดยมีหลักการสังเกตุ และปรับปรุงชื่อเล่นดังต่อไปนี้
1. ชื่อเล่นยุคใหม่มักมีสองพยางค์ขึ้นไป เช่น กิ๊ฟซี่ ปันปัน แนตตี้ นุกนิก ปุ๊กปิ๊ก ก๊อปปี้ แบ๊งกี้ ส้มโอ นิกกี้ แกงส้ม ตุ๊กกี้ เป็นต้น...
ข้อดีหลักๆที่ผมเห็นคือมันคิวท์ จำง่าย ดูขี้เล่น น่าร้าาาาาากกกก*3* ซึ่งบางคนเกิดมาพ่อแม่ตั้งให้พยางค์เดียว โตมาเรียนมหาลัย หรือทำงาน แล้วอยากคิวท์ อยากอินเทรนด์ จะมีอีกพยางค์นึงงอกมาเฉยๆโดยที่พ่อแม่ก็งงแต่ก็น่ารักดี หลักการง่ายๆที่จะทำให้ชื่อเล่นของเราอินเทรนด์ ก็แค่เติมอีกพยางค์นึงเข้าไปเลย เอาแบบดื้อๆ ไม่ต้องคำนึงถึงความหมาย ลองเติมแล้ว ออกเสียงต่อหน้ากระจก เอาแบบที่เรียกแล้วเรารู้สึกว่าคิวท์ จำง่าย ขณะออกเสียง ยิ้มและ ทำท่าทางไปด้วย พยามอย่าสนใจ(สำเนียก)ว่าหน้าตาเราเข้ากับชื่อมั้ย ขอให้มั่นใจเป็นพอ สักพัก คนรอบข้างจะยอมรับเอง หน้าตาเราจะค่อยๆกลายสภาพให้เข้ากับชื่อเล่นใหม่เราได้อย่างเหนือธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ถ้าชื่อเดิมเราชื่อ มุก เราอาจเติมเบิ้ลอักษรท้ายว่า มุกกี้ หรือ อาจอิงเทรนด์ไปทางญี่ปุ่นคิวท์ๆ ว่า มุกโกะ มุขขึ อะไรก็ว่าไป ถ้าชื่อดี ให้เบิ้ลไปเลยว่า ดีดี้ อาจเพิ่มความคิวท์แบบคุณหนูว่า หนูดี ถ้าชื่อวิทย์ อย่าไปกลัว เพิ่มไปเลยครับว่า วิทนีย์ ไม่มีกฎตายตัวครับสำหรับชื่อเล่นสมัยใหม่ ชื่อโฟล์ค แค่เติมไปอีกพยางค์เป็น รถโฟล์ค ก็เท่ดี บางคนกลับไปบ้าน พ่อแม่อาจงงในช่วงแรก เพราะเมื่อก่อนแม่ชอบกิน ส้มเขียวหวาน เลยตั้งชื่อว่า ส้ม กลับไปบ้านอีกทีลูกตัวเองชื่อ ส้มโชกุน แต่ทำไงได้มันคิวท์กว่าเยอะ สักพักพ่อแม่และคนที่เคยรู้จักเราแต่เด็กจะเข้าใจเราเองครับ อย่ากังวล มันใจไว้
2. ชื่อเล่นสมัยใหม่ต้องแหวกครับ ตั้งยังไงก็ได้ให้ไม่เหมือนคนอื่น ข้อดีคือทุกคนจะจำง่าย ได้เปรียบเวลาติดต่อธุระกิจหรือจีบสาว ให้เบอร์ผู้ชาย ยกตัวอย่างเช่น บางคนชื่อ หวาน ตั้งแต่เกิด โตมามีไข่งอก เป็น ไข่หวาน อยากแหวกกว่านั้น ตั้งไปเลย ตับหวาน ก็ได้ครับ ถ้ามีพี่เมื่อยเป็นไอดอล อยากไปในแนวทางเดียวกัน เปลี่ยนชื่อไปเลยครับเป็น คันจัง หรือ เหงียนเหงียน ก็ออกแนวเวียดนามดีครับ ถ้าชื่อ ปลา จัดไปเลยครับแหวกๆเปลี่ยนเป็น ไตปลา ปลาป่น ปลาหมอสี หรือ ปล๊า!!! เอาให้คนฟังชื่อเราครั้งแรกต้องถามอีกทีว่า ห๊ะ น้องชื่อไรนะครับ อ๋อ ปล๊า ค่ะ ป๊าหรอ ไม่ค่ะพี่มี มีลอลิงด้วย ปล๊าค่ะพี่ ไม่ใช่ป๊า ป๊านั่นหนูเอาไวัเรียกพ่อหนูค่ะ...
อะไรประมาณนี้ รับรองว่าทุกคนต้องจำชื่อสมัยใหม่ของเราได้อย่างแน่นอน รับรองว่าความรัก การงาน การเงินจะรุ่งกว่าเดิม ไม่ต้องไปคิดมากเอาพยัญชนะมาบวกให้ได้เลขมงคลแต่ประการใด
เห็นมั้ยล่ะครับ แค่ชื่อเล่นที่เราฟังผ่านๆ แต่จริงๆแล้วมันมีรายละเอียดที่น่าทึ่ง ใครสนใจ หรือกังวลแล้วอยากจะปรับปรุงชื่อเล่นของตัวเอง ปรึกษาผมได้นะครับ ขำๆนะครับ อย่าซีเรียส
เคยรู้สึกว่าชื่อเล่นคุณเชยมั้ย
ชื่อเล่น เปิดหาความหมายตามพจนานุกรมแปลไทยเป็นไทย ราชบัณฑิตยสถาน ได้ความว่ามันเป็นคำนาม หมายถึง ชื่อที่ตั้งตั้งแต่เด็ก เป็นที่รู้กันในหมู่ญาติหรือผู้ใกล้ชิด เมื่อได้คำตอบเบื้องต้นจากสิ่งอ้างอิงดังกล่าว ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่สาแก่ใจในความรู้สึกของผม มันมีอะไรบางอย่างในชื่อเล่นที่เราต้องมาวิเคราะห์กัน มันมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ!!!
ชื่อเล่นนั้นสำคัญไฉน? หากเราลองวิเคราะห์ดีๆ ชื่อเล่นสามารถบ่งบอกถึงสิ่งต่างๆได้อย่างมากมายและคาดไม่ถึง... ผมจะวิเคราะห์ลงลึกตีแตกในสิ่งที่เรียกว่าชื่อเล่นbased on ชีวิตของผมคนเดียว เหมือนผมเป็นศูนย์กลางของจักรวาล บทความนี้ผมขอให้ชื่อเล่นมันว่า "ชื่อเล่นจากความสัมพันธ์ของเวลาและ/หรือปฏิกิริยาอนุพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อมที่รวมถึงคนรอบข้างจากปิรามิดห่วงโซ่อาหารที่ต้องการการปรับปรุงให้เป็นผู้นำเทรนด์เหมือนเด็กหญิงโสมหอมจูงหมาปอมเดินตลาดพารากอนแล้วเห่าบ๊อกๆใส่รถตู้โดยสารไม่ประจำทางไปบางประกงน้ำคงขึ้นๆลงๆนับประสาอะไรกับหัวใจจุดๆ"
ตั้งแต่เกิดมาถึงปัจจุบัน เราเคยนับกันบ้างมั้ยครับว่ามีชื่อเล่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรามากมายแค่ไหน มีบ้างมั้ยชื่อเล่นที่ทำให้เราประทับใจตั้งแต่แรกได้ยิน และแน่นอนชื่อเล่นพื้นๆที่ทุกคนต้องเคยได้ยินบ่อยๆหรือที่เรียกว่า "ชื่อโหล" จากประสบการณ์คงหนีไม่พ้น แบงค์ นัท ณัฐ ส้ม พลอย แก้ว หนึ่ง เอก เบสท์ โอม หน่อย หญิง วิท น็อต โอ๋ เบียร์ เล็ก ใหญ่ แดง นิด ... ผมเชื่อว่าเราต่างต้องเคยได้ยินและรู้จักบุคคลที่มีชื่อเล่นเหล่านี้ซ้ำกันในกลุ่มเพื่อนของเราเองในทุกวงการแม้วงการเดียวกันเองก็ตาม ผลที่ตามมาบ่อยครั้งที่เราต้องสร้างความแตกต่างให้กับชื่อบุคคลเหล่านี้เพื่อให้ง่ายแก่การระบุตัวตนของพวกเขาตามลักษณะจำเพาะซึ่งอาจโดดเด่นทางกายภาพหรือนิสัย เช่น แบงค์เล็ก แบงค์ใหญ่ (บาวครั้งผมก็สงสัยว่าขนาดส่วนไหนของแบงค์ แต่แบงค์ใหญ่ฟังน่าภูมิใจกว่า) พลอยสวย ส้มขาว ส้มเตึ้ย นัทอ้วน นัท ... เป็นต้น สิ่งที่ผมเกริ่นเหล่านี้ ถ้าคุณรู้สึกคุ้นกับการเรียกขานและเคยกับการใช้วิธีการ แน่นอนผมว่าคุณต้องเป็นคนที่เกิดมาในยุคGen Yขึ้นไป เพราะปัจจุบันมีวิวัฒนาการของชื่อเล่นก้าวหน้าไปอย่างมาก เราจะค่อยๆมาวิเคราะห์ในเชิงลึกถึงลึกมากในช่วงท้ายหลังจากเราวิเคราะห์พื้นฐานกีนอย่างถ่องแท้เรียบร้อยแล้วครับ
มีหลายสิ่งเล็กน้อยที่เราใช้จิตใต้สำนึกรู้สึกตั้งแต่จิตสำนึกจะตั้งสติทำงานวิเคราะห์ตามหน้าที่ของมัน
ชื่อเล่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกรายละเอียดทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวกับบุคคลนั้นๆได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่เพียงเท่านั้นมันยังมีอิทธิพลต่อความรู้สึกที่จิตใต้สำนึกของเราจะตั้งการ์ด หรืออ้าแขนรับบุคคลที่เราเพิ่งทำความรู้จักได้อย่างไม่มีเหตุผล ร้อยละ83.725 ของคนที่มีชื่อเล่นว่าแบงค์ที่ผมรู้จัก พ่อแม่ของพวกเขามักทำงานในสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น ธนาคาร ไฟแนนซ์ หรืออย่างน้อยก็เป็นครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทอง มีความใฝ่ฝันอยากให้ลูกมั่งมี
นอกจากความมุ่งหวังที่มีต่อลูกหรือความสัมพันธ์ทางอาชีพของพ่อแม่แล้ว ชื่อเล่นยังสามารถบ่งบอกได้ถึงเชื้อชาติของบุคคลเหล่านั้นได้เช่นกันเช่น เหมย ชิง ป๋วย แป๊ะ แน่นอนเดาได้ว่าบุคคลที่ใช้ชื่อเล่นพวกนี้ต้องมาจากครอบครัวคนจีน เอิบ อ่ำ โอ๋ มะลิ แดง เปี๊ยก เราพอจะเดาได้ว่ามาจากครอบครัวคนไทย ปีเตอร์ เคท พอล น่าจะลูกครึ่งหรือเชื้อสายตะวันตก ไม่ต่างจากคนที่ถูกเรียกว่าบัง แน่นอนน่าจะมาทางมุสลิม
บางคนอาจคิดว่าผมเขียนอะไรเนี่ยใครๆก็รู้ ถูกต้องครับ ผมกำลังจับสิ่งที่ไม่ต้องคิดใครๆก็รู้มานั่งคิดวิเคราะห์เพื่อหาสาระจากสิ่งไร้สาระที่ดูเหมือนจะไม่มีสาระจริงๆ แต่จริงๆแล้วยิ่งกว่าไร้สาระ ...นี่มันแค่เบสิคครับ เราจะมาแตกประเด็นในชื่อเล่นกันต่อ
ชื่อเล่นบอกอะไรได้อีก นอกจากนี้ชื่อเล่นยังบอกเราได้ว่าคนๆนั้นเป็นลูกคนเดียวหรือมีพี่น้องมากกว่าหนึ่งคน สังเกตุได้จากการตั้งชื่อเล่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นซีรีย์ บ่อยครั้งที่เราเดาได้เช่นผมมีเพื่อนชื่อสอง แน่นอนเค้าต้องมีพี่อีกคนที่ชื่อหนึ่ง ยกเว้นจะมีพ่อแม่บางคนอินดี้ตั้งชื่อลูกคนแรกว่าสองเลย ชื่อจำพวกนี้จริงๆเดาง่ายแต่มีครอบครัวนึงที่ทำให้ผมคาดไม่ถึง เธอมีชื่อเล่นว่า "เอ๋" ทราบมั้ยครับเค้ามีพี่น้องอีกสองคนที่เข้าประเภทชื่อเล่นซีรีย์ น้องชายคนกลางเธอชื่อ "บี๋" และน้องสุดท้องชื่อ "สี" ดก๋จริงๆครอบครัวสำเนียงดี...
อีกประเภทที่นิยมในหมู่พี่น้องคนไทยคือชื่อเล่นประเภทพยัญชนะหลักเดียวกัน เช่น ออม อ๊อฟ, ดรีม เดียร, บูม เบิ้ล บิว บาส...
บางคนครอบครัวอยากอิงความหมายมากกว่าการใช้เสียงก็จะใช้หลักการตั้งชื่อเป็นกลุ่มสสารจำพวกเดียวกันหรือใช้งานร่วมกันเช่น ปูน น้ำ เหล็ก ไม้,
ดินสอสี กระดาษสา, ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต, ส้ม (แอป)เปิ้ล เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นวิเคราะห์ ทำความคุ้นเคยเกี่ยวกับชื่อเล่นในเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีอีกหลายประเภทที่ผมพยามค้นคว้าและจัดประเภทให้ชื่อเล่นเหล่านั้นแต่ยังหาcategoryให้มันลงไม่ได้และยังหาเหตุผลสนับสนุนที่มีน้ำหนักไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น "เมื่อย" ผมพยามเป็นอย่างหนักที่จะจัดกลุ่มประเภทของชื่อพี่เมื่อยนักดนตรีในดวงใจของผมผู้นี้ แต่ยังไม่สำเร็จ หรือแม้กระทั่งชื่อที่บ่งชัดถึงเพศอย่าง "จิ๋ม" เค้าอาจมีเหตุผลในการตั้งชื่อ แต่ผมจะพยามค้นหาต่อไปในสิ่งลึกลับเหล่านี้ แต่แน่นอนที่สุด เด็กสมัยใหม่อย่างเราๆคงจะเลี่ยงการตั้งชื่อลูกของเราจากชื่อเล่นจำพวกที่ค้นหาที่มาไม่ได้หรือใช้ชื่อจำพวกที่กำลังจะสูญพันธุ์ดั่งเช่นที่ปรากฎในบทเพลง "ลำไย" ของลูกนก สุภาพร เป็นอันขาด เพราะมันไม่แนว ไม่คิวท์ ไม่อินเทรนด์ กับยุคสมัยปัจจุบัน ที่ชื่อเล่นมีพัฒนาการล้ำหน้าไปมาก อย่างที่ผมเกริ่นไว้เบื้องต้น จนหลายๆคนยินดีที่จะcreate ชื่อเล่นของตนให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน โดยมีหลักการสังเกตุ และปรับปรุงชื่อเล่นดังต่อไปนี้
1. ชื่อเล่นยุคใหม่มักมีสองพยางค์ขึ้นไป เช่น กิ๊ฟซี่ ปันปัน แนตตี้ นุกนิก ปุ๊กปิ๊ก ก๊อปปี้ แบ๊งกี้ ส้มโอ นิกกี้ แกงส้ม ตุ๊กกี้ เป็นต้น...
ข้อดีหลักๆที่ผมเห็นคือมันคิวท์ จำง่าย ดูขี้เล่น น่าร้าาาาาากกกก*3* ซึ่งบางคนเกิดมาพ่อแม่ตั้งให้พยางค์เดียว โตมาเรียนมหาลัย หรือทำงาน แล้วอยากคิวท์ อยากอินเทรนด์ จะมีอีกพยางค์นึงงอกมาเฉยๆโดยที่พ่อแม่ก็งงแต่ก็น่ารักดี หลักการง่ายๆที่จะทำให้ชื่อเล่นของเราอินเทรนด์ ก็แค่เติมอีกพยางค์นึงเข้าไปเลย เอาแบบดื้อๆ ไม่ต้องคำนึงถึงความหมาย ลองเติมแล้ว ออกเสียงต่อหน้ากระจก เอาแบบที่เรียกแล้วเรารู้สึกว่าคิวท์ จำง่าย ขณะออกเสียง ยิ้มและ ทำท่าทางไปด้วย พยามอย่าสนใจ(สำเนียก)ว่าหน้าตาเราเข้ากับชื่อมั้ย ขอให้มั่นใจเป็นพอ สักพัก คนรอบข้างจะยอมรับเอง หน้าตาเราจะค่อยๆกลายสภาพให้เข้ากับชื่อเล่นใหม่เราได้อย่างเหนือธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ถ้าชื่อเดิมเราชื่อ มุก เราอาจเติมเบิ้ลอักษรท้ายว่า มุกกี้ หรือ อาจอิงเทรนด์ไปทางญี่ปุ่นคิวท์ๆ ว่า มุกโกะ มุขขึ อะไรก็ว่าไป ถ้าชื่อดี ให้เบิ้ลไปเลยว่า ดีดี้ อาจเพิ่มความคิวท์แบบคุณหนูว่า หนูดี ถ้าชื่อวิทย์ อย่าไปกลัว เพิ่มไปเลยครับว่า วิทนีย์ ไม่มีกฎตายตัวครับสำหรับชื่อเล่นสมัยใหม่ ชื่อโฟล์ค แค่เติมไปอีกพยางค์เป็น รถโฟล์ค ก็เท่ดี บางคนกลับไปบ้าน พ่อแม่อาจงงในช่วงแรก เพราะเมื่อก่อนแม่ชอบกิน ส้มเขียวหวาน เลยตั้งชื่อว่า ส้ม กลับไปบ้านอีกทีลูกตัวเองชื่อ ส้มโชกุน แต่ทำไงได้มันคิวท์กว่าเยอะ สักพักพ่อแม่และคนที่เคยรู้จักเราแต่เด็กจะเข้าใจเราเองครับ อย่ากังวล มันใจไว้
2. ชื่อเล่นสมัยใหม่ต้องแหวกครับ ตั้งยังไงก็ได้ให้ไม่เหมือนคนอื่น ข้อดีคือทุกคนจะจำง่าย ได้เปรียบเวลาติดต่อธุระกิจหรือจีบสาว ให้เบอร์ผู้ชาย ยกตัวอย่างเช่น บางคนชื่อ หวาน ตั้งแต่เกิด โตมามีไข่งอก เป็น ไข่หวาน อยากแหวกกว่านั้น ตั้งไปเลย ตับหวาน ก็ได้ครับ ถ้ามีพี่เมื่อยเป็นไอดอล อยากไปในแนวทางเดียวกัน เปลี่ยนชื่อไปเลยครับเป็น คันจัง หรือ เหงียนเหงียน ก็ออกแนวเวียดนามดีครับ ถ้าชื่อ ปลา จัดไปเลยครับแหวกๆเปลี่ยนเป็น ไตปลา ปลาป่น ปลาหมอสี หรือ ปล๊า!!! เอาให้คนฟังชื่อเราครั้งแรกต้องถามอีกทีว่า ห๊ะ น้องชื่อไรนะครับ อ๋อ ปล๊า ค่ะ ป๊าหรอ ไม่ค่ะพี่มี มีลอลิงด้วย ปล๊าค่ะพี่ ไม่ใช่ป๊า ป๊านั่นหนูเอาไวัเรียกพ่อหนูค่ะ...
อะไรประมาณนี้ รับรองว่าทุกคนต้องจำชื่อสมัยใหม่ของเราได้อย่างแน่นอน รับรองว่าความรัก การงาน การเงินจะรุ่งกว่าเดิม ไม่ต้องไปคิดมากเอาพยัญชนะมาบวกให้ได้เลขมงคลแต่ประการใด
เห็นมั้ยล่ะครับ แค่ชื่อเล่นที่เราฟังผ่านๆ แต่จริงๆแล้วมันมีรายละเอียดที่น่าทึ่ง ใครสนใจ หรือกังวลแล้วอยากจะปรับปรุงชื่อเล่นของตัวเอง ปรึกษาผมได้นะครับ ขำๆนะครับ อย่าซีเรียส