ศิลปะคือสิ่งที่มนุษย์เกือบทุกคนมีอยู่ภายในตนเอง
ศิลปะคือสิ่งที่ไม่มีกรอบ ไม่มีกฎ ไม่มีเส้นแบ่ง ไม่มีผิด และก็แน่นอน ไม่มีว่าถูก
และก็แน่นอนในเมื่อศิลปะไม่มีกรอบ ไม่มีกฎ นั่นก็หมายถึงศิลปะสามารถอยู่ได้ในทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น รูปธรรม ที่จับต้องได้ หรือ นามธรรม ที่จับต้องไม่ได้
..........................................................................................................................................................................
ก่อนอื่นผมขอบอกเกี่ยวกับตัวผมไว้ก่อนว่าตัวผมนั้นค่อนข้างที่จะชอบโลก 2D และเสพติดจินตนาการ
ว่าง่ายๆค่อนข้างเพ้อฝัน หรือสรุปโดยรวมง่ายๆคือ เป็น โอตาคุ นั่นแหละ
ผมเลยจับแพะชนแกะนำเรื่องราวของมอเตอร์ไซค์มายำรวมกับโลกของการ์ตูน
ในโลกของการ์ตูนนั้นการออกแบบตัวละครมีส่วนสำคัญในการสร้างแรงดึงดูดและความน่าสนใจให้แก่ผู้อ่าน
และเพียงแค่การออกแบบก็ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งในความน่าดึงดูด อีกส่วนประกอบนึงที่ขาดไม่ได้ก็คือ คาแร็กเตอร์
คาแร็กเตอร์ก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างมิติ และความน่าสนใจให้กับตัวละครในโลกการ์ตูนแก่ผู้อ่าน
อีหรอปเดียวกันกับการ์ตูน มอเตอร์ไซค์ สำหรับผมก็คือศิลปะอีกแบบหนึ่งโดยคนทั่วไปอาจจะมองเพียงแค่ว่า มันคือเครื่องจักรชนิดหนึ่งเท่านั้น ถึงจะมองว่ามันคือศิลปะมันก็คือศิลปะในฐานะรูปธรรมที่จับต้องได้
แต่สำหรับผมหรือใครหลายๆคนมันไม่ใช่เพียงศิลปะในฐานะรูปธรรมเท่านั้น แต่มันยังมีเอกลักษณ์และศิลปะในฐานะนามธรรมด้วย
ตัดกลับไปที่เรื่องการออกแบบตัวละคร
อย่างในรูปถ้าคนทั่วไปดูก็อาจจะคิดแค่ว่า วาดสวยดี ลงสีสวย ฯลฯ อะไรก็ว่าไป
แต่สำหรับผม ผมคิดไปได้ไกลกว่านั้น นั่นก็คือ รู้สึกดี รู้สึกอบอุ่น รู้สึกว่ามีคนคอยเป็นห่วง
แล้วทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนั้น คำตอบอยู่ตามภาพต่อไปนี้
ถ้าดูแค่ภาพคุณอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุณได้อ่านการ์ตูน ได้เห็นการกระทำ ได้ใกล้ชิดกับตัวละคร
คุณก็จะรู้ว่า โฮโซว นั้นมีลักษณะอุปนิสัยเหมือนเป็นแม่ที่แสนดี คอยดูแลทำความสะอาด ทำอาหาร เป็นห่วงเป็นใยคนอื่น
ในขณะเดียวกันมอเตอร์ไซค์ ที่ทั่วไปคนเห็นกันในฐานะรูปธรรม มันก็มีศิลปะแห่งนามธรรมอยู่ควบคู่กันไปเสมอ
จนบางทีนามธรรมก็สามารถที่จะสร้างเอกลักษณ์ทางนามธรรมที่หลายๆคนอาจจะรู้จักกันดีได้ด้วย
เช่น ราชาที่ถูกลืม Suzuki rg gamma 150 ที่ใครๆต่างก็ขนานนามกันมาว่าโหด เร็ว แรง คาร์บูฯที่ใหญ่กว่าชาวบ้าน
สวิงอาร์มที่โดดเด่นแปลกตาเป็นเอกลักษณ์ แต่ถามว่ามีกี่คนที่ได้สัมผัส...ช่างน้อยนัก แต่ก็โด่งดังจนเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากกันสืบต่อมา
(เป็นนามธรรมโดยแท้)
หรือคำว่า”ค่ายคนบ้า”ของ Suzuki ก็ได้มาจากการขับขี่ของนักแข่งใน motor gp Kevin Schwantz และก็เป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของ Suzuki
ต่อด้วยราชาที่รู้จักกันดีและมีคนได้สัมผัสมากที่สุดไม่ว่าจะทางรูปธรรมหรือนามธรรม
นั่นก็คือ ราชาผู้ได้รับความนิยม Kawasaki kr ซึ่งยังคงได้รับความนิยมตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงปัจจุบันแม้จะเป็นยุคตกต่ำแล้วก็ตาม
เป็นหนึ่งในตำนานทางนามธรรมที่มีคนพูดถึงกันมากที่สุด และยังสามารถพบเห็นตัวเป็นๆกันได้มากที่สุดด้วย
และยังมีคำพูดของตัวการ์ตูนที่สร้างเอกลักษณ์ที่เป็นนามธรรมแต่ทรงพลังให้แก่ยี่ห้อ Kawasaki นั่นก็คือ
“ลูกผู้ชายต้อง kawasaki” จากเรื่อง gto
และเรื่อง gto ยังสามารถสร้างกระแสทางนามธรรมให้เป็นรูปธรรมได้นั้น นั่นก็คือ kawazaki z II ที่ปัจจุบันนั้นกลายเป็นรถสำหรับเก็บสะสมในระดับตำนานไปแล้ว อยู่ในระดับหายากมาก และก็แพงมากด้วย
ตามติดมาด้วยตำนานทางเรียบ ที่ขนานนามกันว่า จรวดทางเรียบ นั่นก็คือ Yamaha tzr 150
เป็นตำนานที่เป็นที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่าถ้าทางตรงนั้นไม่อาจมีใครล้มเจ้า tzr ได้
(แต่ก็มีอีกเรื่องเล่าที่น้อยคนจะเล่า นั่นก็คือ ตรงมาอย่างราชา เข้าโค้งอย่างยาจก....คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มนะ 555)
ปิดท้ายกันด้วยตำนานที่เป็นทั้งตำนานทางรูปธรรมและนามธรรมโดยแท้จริง นั่นก็คือ Honda nsr 150 sp
ว่ากันด้วยในนามธรรมกันก่อน ด้วยเอกลักษณ์ที่คาดไม่ถึงและเป็นของใหม่ในยุคนั้น สวิงอาร์มแขนเดียว proarm
ทำให้ nsr มีจุดเด่นที่น่าดึงดูดอย่างมหาศาลและเป็นที่กล่าวขานกันถึงในเรื่องรูปทรงที่งดงามมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัว
ประกอบกับในรูปธรรมนั้น nsr 150 sp ที่ได้รับการสนับสนุนชิ้นส่วนและการปรับแต่งโดยตรงจากทีมแข่งของบริษัทแม่
ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักอักษรย่อนี้กันดี นั่นก็คือ HRC ( honda racing corporation ) ซึ่งเป็นทีมที่ใช้ในการแข่ง motor gp มาสนับสนุน และก็ทำให้ได้แชมป์ในการแข่งระดับประเทศ โดยการขับของ ดิเรก อาชาวงศ์
จะเห็นได้ว่าทุกตำนานย่อมมีเรื่องกล่าวขาน ของบางอย่างมันก็มีเรื่องเล่าในตัวเองที่เป็นเหมือนนามธรรมจับต้องไม่ได้
อยู่ที่ว่าใครจะรู้จักและเห็นค่าในเรื่องเล่าเหล่านั้น โดยเรื่องเล่าเหล่านั้นสำหรับผมก็เปรียบเสมือนคาแร็กเตอร์ตัวละคร
ที่ทำให้รู้จักและรู้สึกผูกพัน ทำให้ของชิ้นนั้นมีค่ามากยิ่งขึ้น ก็เปรียบเสมือนตัวละครที่มีมิติ มีอุปนิสัย และเป็นที่น่าจดจำ
ฉะนั้นมอเตอร์ไซค์สำหรับผมมันคือของเป็นศิลปะทั้งในรูปแบบของรูปธรรมและนามธรรม
และมีคุณค่าทั้งในการใช้งานและในทางจิตใจ
สำหรับผมผู้ที่อยากจะได้ตำนานมาครอบครองซักคันผมก็เลือกในใจของผมไว้แล้ว
นั่นก็คือ nsr 150 sp ทำไมผมถึงอยากได้คันนี้ เหตุผลของผลก็คือ
"เพราะความงดงามที่ไม่สามารถหาใดเปรียบ การมีเอกลักษณ์ในตัวเองที่ยากจะหาใดเทียบ
ต่อให้ยุคสมัยผ่านมาเกือบๆ 20 ปี ก็ไม่อาจมีผู้ใดที่จะงดงามเทียบเธอได้
แม้มิได้ใคร่ใช้งาน เพียงแค่ได้มาเชยชม ก็สุขใจ หาใดเปรียบ"
หนึ่งในตำนานที่ผมพยายามจะไคว่คว้า อีกแค่เพียงปลายมือก็จะได้ครอบครอง แต่ก็มีอุปสรรคทำให้ไม่อาจเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้
จำต้องปล่อยมันไป ทำได้แค่มองดูและเสียดายไปกับโอกาสขัดขวางครั้งนั้น และยังเสียดายจนทุกวันนี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้งหมดนี้ก็แค่มุมมองของคนๆหนึ่งที่มีต่อมอเตอร์ไซค์ และพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้ครอบครอง
แม้จะมิได้มีประโยชน์อันใดในชีวิตเลย แต่มันกลับมีคุณค่าทางจิตใจที่ยากเกินบรรยาย
ของบางอย่างอาจไร้ค่าสำหรับหลายๆคน แต่มันอาจมีค่ามหาศาลสำหรับใครซักคน
" เพราะไม่ได้ครอบครองถึงได้ยังงดงาม " จาก กิลกาเมช fate/stay night
ตัวผมในตอนนี้คงจะเหมาะสำนวนนี้สุดแล้ว
กระทู้นี้อาจจะทำไม่ดีเท่ากระทู้ที่แล้ว เนื่องจากอยากเขียนแต่คิดหัวข้อดีๆที่จะเขียนไม่ค่อยได้
ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณครับ
กระทู้จับแพะชนแกะ ว่าด้วยเรื่องของศิลป์แห่งรูปธรรมและนามธรรม
ศิลปะคือสิ่งที่ไม่มีกรอบ ไม่มีกฎ ไม่มีเส้นแบ่ง ไม่มีผิด และก็แน่นอน ไม่มีว่าถูก
และก็แน่นอนในเมื่อศิลปะไม่มีกรอบ ไม่มีกฎ นั่นก็หมายถึงศิลปะสามารถอยู่ได้ในทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น รูปธรรม ที่จับต้องได้ หรือ นามธรรม ที่จับต้องไม่ได้
..........................................................................................................................................................................
ก่อนอื่นผมขอบอกเกี่ยวกับตัวผมไว้ก่อนว่าตัวผมนั้นค่อนข้างที่จะชอบโลก 2D และเสพติดจินตนาการ
ว่าง่ายๆค่อนข้างเพ้อฝัน หรือสรุปโดยรวมง่ายๆคือ เป็น โอตาคุ นั่นแหละ
ผมเลยจับแพะชนแกะนำเรื่องราวของมอเตอร์ไซค์มายำรวมกับโลกของการ์ตูน
ในโลกของการ์ตูนนั้นการออกแบบตัวละครมีส่วนสำคัญในการสร้างแรงดึงดูดและความน่าสนใจให้แก่ผู้อ่าน
และเพียงแค่การออกแบบก็ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งในความน่าดึงดูด อีกส่วนประกอบนึงที่ขาดไม่ได้ก็คือ คาแร็กเตอร์
คาแร็กเตอร์ก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างมิติ และความน่าสนใจให้กับตัวละครในโลกการ์ตูนแก่ผู้อ่าน
อีหรอปเดียวกันกับการ์ตูน มอเตอร์ไซค์ สำหรับผมก็คือศิลปะอีกแบบหนึ่งโดยคนทั่วไปอาจจะมองเพียงแค่ว่า มันคือเครื่องจักรชนิดหนึ่งเท่านั้น ถึงจะมองว่ามันคือศิลปะมันก็คือศิลปะในฐานะรูปธรรมที่จับต้องได้
แต่สำหรับผมหรือใครหลายๆคนมันไม่ใช่เพียงศิลปะในฐานะรูปธรรมเท่านั้น แต่มันยังมีเอกลักษณ์และศิลปะในฐานะนามธรรมด้วย
ตัดกลับไปที่เรื่องการออกแบบตัวละคร
อย่างในรูปถ้าคนทั่วไปดูก็อาจจะคิดแค่ว่า วาดสวยดี ลงสีสวย ฯลฯ อะไรก็ว่าไป
แต่สำหรับผม ผมคิดไปได้ไกลกว่านั้น นั่นก็คือ รู้สึกดี รู้สึกอบอุ่น รู้สึกว่ามีคนคอยเป็นห่วง
แล้วทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนั้น คำตอบอยู่ตามภาพต่อไปนี้
ถ้าดูแค่ภาพคุณอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุณได้อ่านการ์ตูน ได้เห็นการกระทำ ได้ใกล้ชิดกับตัวละคร
คุณก็จะรู้ว่า โฮโซว นั้นมีลักษณะอุปนิสัยเหมือนเป็นแม่ที่แสนดี คอยดูแลทำความสะอาด ทำอาหาร เป็นห่วงเป็นใยคนอื่น
ในขณะเดียวกันมอเตอร์ไซค์ ที่ทั่วไปคนเห็นกันในฐานะรูปธรรม มันก็มีศิลปะแห่งนามธรรมอยู่ควบคู่กันไปเสมอ
จนบางทีนามธรรมก็สามารถที่จะสร้างเอกลักษณ์ทางนามธรรมที่หลายๆคนอาจจะรู้จักกันดีได้ด้วย
เช่น ราชาที่ถูกลืม Suzuki rg gamma 150 ที่ใครๆต่างก็ขนานนามกันมาว่าโหด เร็ว แรง คาร์บูฯที่ใหญ่กว่าชาวบ้าน
สวิงอาร์มที่โดดเด่นแปลกตาเป็นเอกลักษณ์ แต่ถามว่ามีกี่คนที่ได้สัมผัส...ช่างน้อยนัก แต่ก็โด่งดังจนเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากกันสืบต่อมา
(เป็นนามธรรมโดยแท้)
หรือคำว่า”ค่ายคนบ้า”ของ Suzuki ก็ได้มาจากการขับขี่ของนักแข่งใน motor gp Kevin Schwantz และก็เป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของ Suzuki
ต่อด้วยราชาที่รู้จักกันดีและมีคนได้สัมผัสมากที่สุดไม่ว่าจะทางรูปธรรมหรือนามธรรม
นั่นก็คือ ราชาผู้ได้รับความนิยม Kawasaki kr ซึ่งยังคงได้รับความนิยมตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงปัจจุบันแม้จะเป็นยุคตกต่ำแล้วก็ตาม
เป็นหนึ่งในตำนานทางนามธรรมที่มีคนพูดถึงกันมากที่สุด และยังสามารถพบเห็นตัวเป็นๆกันได้มากที่สุดด้วย
และยังมีคำพูดของตัวการ์ตูนที่สร้างเอกลักษณ์ที่เป็นนามธรรมแต่ทรงพลังให้แก่ยี่ห้อ Kawasaki นั่นก็คือ
“ลูกผู้ชายต้อง kawasaki” จากเรื่อง gto
และเรื่อง gto ยังสามารถสร้างกระแสทางนามธรรมให้เป็นรูปธรรมได้นั้น นั่นก็คือ kawazaki z II ที่ปัจจุบันนั้นกลายเป็นรถสำหรับเก็บสะสมในระดับตำนานไปแล้ว อยู่ในระดับหายากมาก และก็แพงมากด้วย
ตามติดมาด้วยตำนานทางเรียบ ที่ขนานนามกันว่า จรวดทางเรียบ นั่นก็คือ Yamaha tzr 150
เป็นตำนานที่เป็นที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่าถ้าทางตรงนั้นไม่อาจมีใครล้มเจ้า tzr ได้
(แต่ก็มีอีกเรื่องเล่าที่น้อยคนจะเล่า นั่นก็คือ ตรงมาอย่างราชา เข้าโค้งอย่างยาจก....คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มนะ 555)
ปิดท้ายกันด้วยตำนานที่เป็นทั้งตำนานทางรูปธรรมและนามธรรมโดยแท้จริง นั่นก็คือ Honda nsr 150 sp
ว่ากันด้วยในนามธรรมกันก่อน ด้วยเอกลักษณ์ที่คาดไม่ถึงและเป็นของใหม่ในยุคนั้น สวิงอาร์มแขนเดียว proarm
ทำให้ nsr มีจุดเด่นที่น่าดึงดูดอย่างมหาศาลและเป็นที่กล่าวขานกันถึงในเรื่องรูปทรงที่งดงามมีความเป็นเอกลักษณ์ในตัว
ประกอบกับในรูปธรรมนั้น nsr 150 sp ที่ได้รับการสนับสนุนชิ้นส่วนและการปรับแต่งโดยตรงจากทีมแข่งของบริษัทแม่
ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักอักษรย่อนี้กันดี นั่นก็คือ HRC ( honda racing corporation ) ซึ่งเป็นทีมที่ใช้ในการแข่ง motor gp มาสนับสนุน และก็ทำให้ได้แชมป์ในการแข่งระดับประเทศ โดยการขับของ ดิเรก อาชาวงศ์
จะเห็นได้ว่าทุกตำนานย่อมมีเรื่องกล่าวขาน ของบางอย่างมันก็มีเรื่องเล่าในตัวเองที่เป็นเหมือนนามธรรมจับต้องไม่ได้
อยู่ที่ว่าใครจะรู้จักและเห็นค่าในเรื่องเล่าเหล่านั้น โดยเรื่องเล่าเหล่านั้นสำหรับผมก็เปรียบเสมือนคาแร็กเตอร์ตัวละคร
ที่ทำให้รู้จักและรู้สึกผูกพัน ทำให้ของชิ้นนั้นมีค่ามากยิ่งขึ้น ก็เปรียบเสมือนตัวละครที่มีมิติ มีอุปนิสัย และเป็นที่น่าจดจำ
ฉะนั้นมอเตอร์ไซค์สำหรับผมมันคือของเป็นศิลปะทั้งในรูปแบบของรูปธรรมและนามธรรม
และมีคุณค่าทั้งในการใช้งานและในทางจิตใจ
สำหรับผมผู้ที่อยากจะได้ตำนานมาครอบครองซักคันผมก็เลือกในใจของผมไว้แล้ว
นั่นก็คือ nsr 150 sp ทำไมผมถึงอยากได้คันนี้ เหตุผลของผลก็คือ
"เพราะความงดงามที่ไม่สามารถหาใดเปรียบ การมีเอกลักษณ์ในตัวเองที่ยากจะหาใดเทียบ
ต่อให้ยุคสมัยผ่านมาเกือบๆ 20 ปี ก็ไม่อาจมีผู้ใดที่จะงดงามเทียบเธอได้
แม้มิได้ใคร่ใช้งาน เพียงแค่ได้มาเชยชม ก็สุขใจ หาใดเปรียบ"
หนึ่งในตำนานที่ผมพยายามจะไคว่คว้า อีกแค่เพียงปลายมือก็จะได้ครอบครอง แต่ก็มีอุปสรรคทำให้ไม่อาจเอื้อมมือไปคว้าไว้ได้
จำต้องปล่อยมันไป ทำได้แค่มองดูและเสียดายไปกับโอกาสขัดขวางครั้งนั้น และยังเสียดายจนทุกวันนี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทั้งหมดนี้ก็แค่มุมมองของคนๆหนึ่งที่มีต่อมอเตอร์ไซค์ และพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้ครอบครอง
แม้จะมิได้มีประโยชน์อันใดในชีวิตเลย แต่มันกลับมีคุณค่าทางจิตใจที่ยากเกินบรรยาย
ของบางอย่างอาจไร้ค่าสำหรับหลายๆคน แต่มันอาจมีค่ามหาศาลสำหรับใครซักคน
" เพราะไม่ได้ครอบครองถึงได้ยังงดงาม " จาก กิลกาเมช fate/stay night
ตัวผมในตอนนี้คงจะเหมาะสำนวนนี้สุดแล้ว
กระทู้นี้อาจจะทำไม่ดีเท่ากระทู้ที่แล้ว เนื่องจากอยากเขียนแต่คิดหัวข้อดีๆที่จะเขียนไม่ค่อยได้
ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณครับ