[CR] ทริปตามล่าหาสโนว์ที่ญี่ปุ่น 12 วันกับเรา 2 คน >< (ตอนที่ 1)

สวัสดีคะชาวบลูแพลนเนททุกท่าน ^^ นี่ถือว่าเป็นการเขียนริววแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้
เนื่องจากชีวิตนี้ตอบตัวเองได้มาตลอดว่าเป็นคนยังไงและที่สำคัญชอบอะไร
ชอบเที่ยวคะ ตอบไม่ยาก ไม่ต้องใช้เวลาคิด ทุกครั้งที่พุดเรื่องเที่ยว หรือได้นั่งอ่านรีวิว
แค่อ่านรีวิว !! ตาจิเป็นประกายแวววาว และสมองจะสั่งการให้หาสิ หาสิ หาตั๋วถุกเส่ะ !!
เลยทำให้ปีที่ผ่านมา เที่ยวเยอะ ดูหรู แต่ราคาเบา 55+ อาจจจะเป็นเพราะคุณแฟนซึ่งก็ชอบเที่ยวเหมือนกัน
อะไรก็ได้เรื่องเที่ยวมาก่อน ประมาณนี้เรยทำให้ชีวิตตลอดเวลา เกือบ 2 ปีสนุกสนานมากก ทำงานเกบเงิน ไปเที่ยวไปเที่ยว
ประจวบเหมาะกับมีคุณแฟนที่รักในการเดินทาง เลยทำให้ชีวิตการเดินทางมีผู้ร่วมเดินเข้ามาเพิ่มอีก 1 คน
ชีวิตนี้ไม่ขออะไรมาก ก่อนที่จะมีภาระ ขอออกไปเจอโลกกว้างให้เต็มสูบ จะออกเดินทางไปรอบโลกเพราะแต่ละประเทศ
แต่ละสถานที่ มีความสวยงาม และมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน ....
เอาละเข้าเรื่องดีฟ่า ทริปล่าสุด ถือเป็นทริปแรกของปีนี้แต่ใช้เวลานานในการรอวันที่จะเดินทางถึง 4 เดือน

แต่ไม่เป็นไรนับวันรอได้ และอดทนได้ดี 55+ นั้นคือ ญี่ปุ่น ดินแดนที่คนไทยไปเยอะมว๊ากกกก
เนื่องจากทริปนี่เราได้จองล่วงหน้าก่อนเดินทางประมาน3-4 เดือนนะคะ ทำให้มีเวลาในการเกบข้อมูล
และที่พักต่างๆๆในรอบนี้ที่พัก ก็เพื่อความสะดวกสบายในการเก็บของ ย้ายที่พัก และง่ายต่อการเดินทาง  
ตอนแรกคุยกับคุนแฟนเรามี 2 ทางเลือกกนั่นคือ ไปญี่ปุ่น หรือ มัลดีฟดีกว่า
แต่ด้วยปีที่ผ่านมาเพื่อนสนิทสอบติดทุนเรียนป.โทที่ฮอกไกโด
เลยเปนหนึ่งในแรงจูงใจที่ต้องไปหา ฮ่า ก่อนอื่นต้องแจ้งก่อนว่าความชอบและความโรคจิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน 55+
ด้วยความที่ปีที่แล้วไปเกาหลีแต่ไม่เจอหิมะสูงๆ ไม่เจอหิมะตก และที่สำคัญไม่พบกับความหนาว -10 อัพ
ทำให้รู้สึกไม่ประสบความฟิน 55+ ดังนั้นวัตถุประสงค์การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ของเฟินไม่ต้องสืบ
1.ตามล่าหิมะ 2 เมตรอัพ     2.จิไปเล่นสกีแล้วหิมะโปรยปราย    3.อยากเจอความหนาวที่ -10 อัพ

    การเตรียมตัว เตรียมเอกสาร
เนื่องจากเที่ยวครั้งนี้เราไปกันเอง 2 คน อ่านรีวิวเกบข้อมูลเรื่อยๆๆ ทำแผนไว้เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา
ใครๆไปแล้วก็หลง แล้วทำไมเราต้องหลง ?? เพราะเราเสียดายเวลาที่หลง 55+ (กลัวหลง)
เรยจัดการทุกอย่าง อย่างดีเพราะจะเอาเวลาไปเที่ยวว อิอิ รอบนี้จิบอกเรยว่าไม่มีหลง เป็นไปตามแผนเป๊ะๆๆๆๆๆ
ก่อนไปเราก็ปริ้นเอกสารทุกอย่างออกมาหมดเรย เรา 2 คน เก็บเอกสารทุกอย่างไว้ตามที่รับหน้าที่เพื่อเปนประโยชน์ในการดู
แล้วก็จะได้ช่วยกัน ไม่ใช่คนใดคนนึง คิดจะเที่ยวด้วยกัน ต้องช่วยกันเที่ยว 55+  ใส่แฟ้มไปโลดคนละชุด ^^
ชุดแรก
    - ใบ check in ทั้งขาไปและขา กลับ ของ Airasia X  
    - ใบยืนยันการจองรร.ทุกรร.ในการไปเที่ยวครั้งนี้  
    - ใบยืนยันไฟลท์บินของ Vanilla Air บินไปฮอกไกโด
     ***** ทั้งหมดนี่ เราปริ้นอย่างละ 2 ชุด เก็บไว้คนละ 1 ชุด เผื่อการผ่านตม.ด้วย
เรียงไปเลยว่าอะไรอันดับ 1 2 3 เป็นระบบ ดูง่ายๆๆ จะได้รู้ว่าแต่ละคืนเรานอนไหนกัน ^^
ชุดสอง   (เราเป็นคนเก็บชุดนี้ ใช้ตอนรูทเที่ยวก่อนเข้าโตเกียว)
     - แผนที่รถไฟใต้ดินของโตเกียว  
    - ตารางเวลาของ Skyliner เพราะเราจะเอาไว้ใช้นั่งไป-กลับจากสนามบิน
    - Route เที่ยวทุกวันของ Trip นี้ (การเดินทาง , จุดขายpass , สถานที่ที่เราจะไป )
ชุดสาม (แฟนจ๋าเก็บ)
    - รวมที่ Shopping ทั้งหมดของโตเกียว
***เอกสารชุดนี้เราจะหยิบออกมาใช้ตอน 4 คืน สุดท้ายก่อนกลับไทย เพราะอยู่ในโตเกียว
มาดู แผนเที่ยวคร่าวบ้างนะคะ แบ่งเป็น 3 route คือ เที่ยว , เล่น , ช้อปปิ้ง เท่ากับว่า 2 route
แรกเราไม่ได้เข้าเมือกันเลยจ้า เน้นเที่ยวเน้อบอกแต่แรก ไปดุแผนคร่าวววเบยยยย

Route เที่ยว
Jan. 16, 2015         : Nikko Park Lodge Tobu Station (Nikko)    
            - Kegon waterfall , Chuzenji lake , World Heritage         
Jan. 17-19, 2015     : Grand Park Hotel Panex Tokyo (Kamata)
    18         : Hakone – Gotemba
    19        : Kamakura – Yokohama
Route เล่นสกี ตามล่าSnow
Jan. 20-21, 2015     : Hokkaido , Niseko , Otaru
Route Shopping ล้มละลาย
Jan. 22-23, 2015     : Ibis Hotel Shinjuku (Tokyo)
Jan. 24-25, 2015     : APA Hotel Kodenmacho-Ekimae (Akihabara)
    ** Route ช้อปปิ้ง เราไม่มีแผนกันนะคะ ถือว่าเป็นการพักผ่อน อยากหยอดตู้ไปไหนก้ไปเรย 55+ เพราะฉะนั้นแล้วแต่ใจเรยจ้า
เยี่ยม ปล.อ่านรีวิวแล้วถูกใจอย่าลืมกด Like เป็นกำลังใจให้เฟินหน่อยนะ เยี่ยม


แพลนวันแรกของการไปเหยียบญี่ปุ่นนะคะ เรามุ่งหน้าไป Nikko ก่อนเรยที่แรก
จุดประสงค์คือ หิมะสูงงง หิมะตก และอากาสที่ติดลบเยอะๆๆ อีกที่ที่อยากไปมากนั่นคือ Kegon Waterfall
น้ำตกที่ในฤดูหนาวสายน้ำจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง คิดแล้วฟิน ก่อนไปดูรีวิวจนพร่ำเพ้อ
เมื่อเราถึง Narita เราก็รีบออกมาเพื่อซื้อตั๋วรถ Skyliner เพื่อเข้าเมืองนะคะ
เนื่องจากตอนแรกเราก้ดูว่าจะนั่งอะไรเข้าเมืองกันดีเราจบกันที่ Skyliner เพราว่าเร็วที่สุดใช้เวลาเพียง 41 นาที
ถึงสถานี Ueno ที่เราจะออกไปซื้อพาส Tobu – Nikko เพื่อต่อไปยังนิกโกะนั้นเอง ถือว่าอันนี้สะดวกสุด ชั่วโมงเร่งด่วนลุยยย  

Day 1
Narita  > Ueno  >  Asakusa  >  Tobu-Nikko  >  Kegon waterfall  >  Nikko Park Lodge Tobu Station (hotel)
การเดินทาง
- จาก Narita เลือกนั่ง Skyliner (Round way + Tokyo sbway pass one day ) คนละ   4700 เยน
    ** Tokyo Subway สามารถเก็บไว้ใช้ได้ เปิดใช้บัตรเมื่อไหร่นับวันนั้นเป็นวันแรกที่ใช้บัตรจ้า
- เมื่อถึงสถานี Ueno เราต้องต่อ Tokyo subway (Ginza line) ไปลง Asakusa Sta.  120 เยน
- พอถึง Asakusa Sta. ให้เดินออกทางออกที่ไป Tobu-Nikko เพื่อไปเคาเตอร์ ซื้อ pass
*** สำหรับ pass เที่ยวที่ Nikko
    - ถ้าไปแค่ มรดกโลกให้ซื้อ  2day Nikko Pass ประมาน 2พันกว่าเยน
    - ถ้าไปโซน น้ำตกkegon waterfall ให้เลือกซื้อ All Nikko pass  คนะละ 4520 เยน ใช้ได้ 4 วันจ้า
เพราะ แค่ค่ารถบัสแพงเพราะฉะนั้น ซื้อพาสนี้เลยคุ้มกว่าคะ
    - เมื่อถึง Nikko รร.เราอยู่ใกล้กันสถานีมากก ฝั่งตรงข้ามเอง ก็วิ่งเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อนแล้วเราจะนั่งรถบัสขึ้นไปยัง
Kegon waterfall & Chuzenji Lake กันเลย  คืนแรกเราจะนอนที่  “Nikko Park Lodge Tobu Station (hotel)”

ถึงเวลาไปหาน้ำตกจ๋า กับ หิมะจ๋าแย้ว ออกมานั่งรอรถที่ป้ายรถหน้ารร.
สำหรับรอบรถตอนเราซื้อ pass จนท.เค้าจะให้ข้อมูลรอบรถและสถานที่ท่องเที่ยวใน Nikkoมาด้วยนะคะ จะได้ดูเวลาก่อนล่วงหน้าได้เรย
    - ขึ้นรถสายที่ไป Chuzenji Lake ที่ป้ายหมายเลข 2 ค้า ดูหน้ารถได้เลยเข้ามีเขียนบอกว่าไปไหน  
    - พอถึงจุดหมายไม่ต้องนะคะ ตอนแรกเราก้งง เพราะไม่เหนของจริงได้แต่อ่าน 55+
ถ้าหันหน้าเข้าถนน เดินลงทางซ้ายจะไป Chuzenji Lake แต่ถ้าเดินไปทางขวามือจะไป Kegon waterfall  จ้า

อ่อ ระหว่างนั่งรอรถบัสไปชิม มันจูในตำนานได้นะ
***** พิกัดร้านมันจูในตำนาน (ปล.ในความคิดเราเราคิดว่ามันอร่อยกว่าที่ Asakusa  55+)
- อยู่ตรงข้ามป้ายรถเมล์ ถ้าหันหลังเข้าป้ายรถเมย์ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามริมขวามือเรา


เราเลือกไป Kegon waterfall ก่อนเรย อิอิ แต่ลงรถปุ๊บคือ ??? ยังไม่ได้เตรียมว่าจะหนาวขนาดนี้
มันหนาวมากกก หนาวแบบน้ำมุกไหล เจ็บรอบจมูก ฮัดชิ้ว ลมแรงมากบวกกับ หิมะจ๋าเตมเรยยยย วี๊ดดดมาก  
ดีใจตื่นเต้น ทุกอย่างคือดี บนถนนแทบไม่มีคนเพราะมันหนาวมากลมแรงด้วย แต่มีคนบ้า 2 คนเดินเล่น
วิ่งเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน ก้ได้แต่พุดในใจว่า “นี่แค่วันแรกเองนะ” ฟินระดับ 10 พอถึงน้ำตกก้ตะลึ่งยิ่งกว่านั้น
อยากจะตะโกนดังๆๆว่ามาแร้วโว้ยยยดีใจมาก ยิ้มแก้มจิแตก สิ่งที่อยากเจอคือ น้ำตกแข็งจนเปนกลายน้ำแข็ง
แต่ไม่เปนรัยถึงจะยังไม่เปนน้ำแข็งหมด มันก็สวยกว่าในรูปมากจริงๆๆ หลังจากนั้นเราก้ลงลิฟต์เพื่อไปดุน้ำตกแบบใกล้ๆ
ใกล้ๆกว่าเดิม >< อิอิ โชคดีมากกที่ไม่มีคนเลย ที่เห็นๆก้มีแค่ 4 คน แต่ก็ขึ้นๆไปหมดแร้ว
เหลือแต่เรา 2 คน เดินเล่นสักพักพอให้ใจพองโตเราก้เดินย้อนลงไปเพื่อไป Chuzenji Lake ต่อ
ตอนแรกกะไม่ไปเพราะคิดว่ามันไม่มีอะไร แต่!! คือดีงาม สวย สงบ บวกกับลมแรงๆ อากาศหนาว หิมะแน่นๆๆ
มันโรแมนติกที่สุดเลย พุดๆคงรับความรู้สึกทั้งหมดไปไม่ได้ แต่อยากให้เห็นว่ามันสวยมากจริงๆๆๆ
ท้องฟ้าตอนใกล้ๆจะเย็นมันเป็นอะไรที่สวยมากๆ


หลังจากนั้นเราก้นั่งรถลงมาที่ Tobu-Nikko ที่เดิมเพื่อเชคอินเข้ารร. อยากจะบอกว่านี่แค่วันแรก
รู้สึกสิ่งที่ค้นหาเก็บข้อมูลตลอดเวลามันคุ้มค่ากับการรอคอยมากจริงๆ สิ่งที่ไม่เคยเห็น ในเมื่อไม่เคยเห็น
เราเรยต้องมาเพื่อให้รู้ว่าเรามาถึง และเห็นในสิ่งที่เราต้องการ แค่นี่อีกส่วนหนึ่งของชีวิตก้มีความสุขเพิ่มขึ้นมาอีกขั้นนึง ^^  

Day2
Nikko > World Heritage > Tobu-Nikko > Asakusa > Kamata > Ikebukuro
    สารภาพเรยว่าเมื่อคืนนี้ภาพตัดตั้งแต่ยังไม่ 2 ทุ่ม 55+ เนื่องจากเมื่อวานเป็นวันแรกที่มาถึง
คืนนั่งเครื่องบินตลอดการเดินทางแทบไม่ได้นอนเรยเพราะเด็กร้องตลอด  บวกกับมาถึงปุ๊บตะลุยเที่ยวเรยเพลียแบบบอกไม่ถูก
น้ำก็ไม่ได้อาบ 55+ บอกทำไม จริงๆกะนอนเล่นแต่เล่นนานไปหน่อยตื่นซะจะ 9 โมงเช้า ==”  
นอนไป 10 กว่าชม. ว๊ากวันนี้เรยต้องชดใช้ เริ่มกันเรยวันที่ 2 แย้ว วันนี้ไม่มีอะไรมาก เราจะไป World Heritage  
เสร็จแล้วก้ตีรถกลับเข้าโตเกียวเพื่อไปยังที่พักที่ที่ 2 ของทริปนี้อยู่ที่ Kamata เที่ยว World Heritage จริงๆใช้เวลาไม่นานมากนะ
แต่เราก้ต้องคำนวนดูเวลารอบรถไฟที่จะกลับเข้าโตเกียวไว้ก่อนด้วยนะค้า อย่าลืมวางแผนดีๆก่อนออกเดินทางทุกครั้ง


เวลานั่งรถบัสจะมีป้ายบอกลงตามหมายเลขนี่เลยนะค้า
ป้ายหมายเลข 83 : Omotesando (ศาลเจ้าโทโชกุ, วัดรินโนจิ, สวนโซโยเอ็น) ใช้เวลา 10 นาที
  ** ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 1,300 เยน  (ศาลเจ้า + รูปปั้นแมวหลับ + สุสานโชกุนอิเอะยาสุ)
ป้ายหมายเลข 85 : Taiyuin futarasan jinja mae (วัดไทยูอิน, ศาลเจ้าฟุตาระซัง)
** เดินจาก 83 ได้ 20นาที  ผู้ใหญ่ 550 เยน ต่อไปที่สะพานชินเคียวได้ประมาน 6 นาที (ขึ้นรถเมล์)
ป้ายหมายเลข 7 : Shinkyo (สะพานแดงชินเคียว)



จบแล้วสำหรับ Nikko 2วัน1คืน เป็นการเปิดตัวทริปญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา 2 คนได้ฟินมาก
อากาศที่หนาวจนแสบโพรงจมุก หนาวแบบเจ็บปวด รอบหน้าถ้ากลับมา Nikko ใหม่จะอยู่ให้นานกว่าเดิม
ชอบความเรียบง่ายของเมืองนี้ สงบไม่วุ่นวาย เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนจริงๆ รัก Nikko ตรงนี้แล้วจะกลับมาซ้ำอีกแน่นอน

ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/33314571
ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/33314703
ตอนที่ 3 : http://ppantip.com/topic/33315163
ตอนที่ 4 :http://ppantip.com/topic/33315485
ชื่อสินค้า:   เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง Tokyo-Hakone-Kamakura-Yokohama-Hokkaido-Sapporo-Niseko
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่