“จักรมณฑ์” ย้ำสถาบันเครือข่าย ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อผลักดันนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่สถาบันเครือข่ายในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า 11 สถาบันเครือข่ายในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เป็นหน่วยงานที่สามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของภาคเอกชนได้อย่างคล่องตัว เพราะสถาบันฯจะทำงานใกล้ชิดและเป็นกลไกสำคัญในการรับงานโครงการต่างๆของกระทรวงอุตสาหกรรมไปดำเนินการ ตลอดจนปรับวิธีการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและให้การดำเนินงานของสถาบันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรม และตรงกับวัตถุประสงค์เริ่มต้นของการตั้งสถาบันเครือข่าย โดยสามารถหารายได้เพื่อดูแลตนเองได้
“การมีสถาบันเครือข่ายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากบางภารกิจองค์กรและบุคลากรภาครัฐอาจไม่สามารถดำเนินการเองได้ เพราะข้อจำกัดด้านความรู้ ความสามารถ ความคล่องตัวในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และเมื่อเวลาผ่านไปการกำกับดูแลของมูลนิธิ คณะกรรมการบริหาร และผู้บริหารสถาบัน อาจเดินออกนอกกรอบภารกิจเป้าประสงค์การเกิดของสถาบันไปบ้าง หรืออาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภายในกระทรวงฯ แต่ผมเชื่อมั่นว่าผู้บริหารตลอดจนบุคลากรของสถาบันเครือข่ายสามารถปรับตัวและให้ดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและอุตสาหกรรมได้ โดยกระทรวงฯ ยังยืนยันที่จะสนับสนุนการทำงานตามภารกิจของสถาบันเครือข่ายอย่างเต็มที่ บนพื้นฐานของความเป็นมืออาชีพ ความมีประสิทธิภาพ และการยึดหลัก ธรรมาภิบาล” นายจักรมณฑ์ กล่าว
ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การสัมมนาในวันนี้จะเป็นเวทีจุดประกายความคิดของผู้เกี่ยวข้องกับสถาบันเครือข่ายทั้งหมด โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้ และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อแนวทางการกำกับดูแลในเชิงโครงสร้าง และความเชื่อมโยงในระดับต่างๆ ของสถาบันเครือข่าย โดยคาดว่าภายในเวลาอีก 2-3 เดือนข้างหน้าน่าจะมีแนวทางที่เกิดประโยชน์ และชัดเจนมากขึ้น
การสัมมนาดังกล่าว นอกจากผู้บริหารสถาบันเครือข่ายทั้ง 11 แห่งแล้ว ยังครอบคลุมถึงคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ คณะกรรมการบริหารสถาบัน ที่จะร่วมกับกระทรวงฯในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กรอบการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้การแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็ว รัดกุม และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
ทั้งนี้ แผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ได้มีการระบุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมมีอยู่ 5 ด้าน ได้แก่ 1)การสร้างความเป็นธรรมในสังคม 2)การสร้างความเข้มแข็งในภาคเกษตร อาหาร และพลังงาน 3)การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 4)การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม และ5)การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สำหรับ 11 สถาบันเครือข่ายในวังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย สถาบันไทย-เยอรมัน สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันอาหาร สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ สถาบันยานยนต์ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันพลาสติก และสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย.
------------------------------------------
“จักรมณฑ์” ย้ำสถาบันเครือข่าย ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อผลักดันนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่สถาบันเครือข่ายในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า 11 สถาบันเครือข่ายในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เป็นหน่วยงานที่สามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของภาคเอกชนได้อย่างคล่องตัว เพราะสถาบันฯจะทำงานใกล้ชิดและเป็นกลไกสำคัญในการรับงานโครงการต่างๆของกระทรวงอุตสาหกรรมไปดำเนินการ ตลอดจนปรับวิธีการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและให้การดำเนินงานของสถาบันสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรม และตรงกับวัตถุประสงค์เริ่มต้นของการตั้งสถาบันเครือข่าย โดยสามารถหารายได้เพื่อดูแลตนเองได้
“การมีสถาบันเครือข่ายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากบางภารกิจองค์กรและบุคลากรภาครัฐอาจไม่สามารถดำเนินการเองได้ เพราะข้อจำกัดด้านความรู้ ความสามารถ ความคล่องตัวในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และเมื่อเวลาผ่านไปการกำกับดูแลของมูลนิธิ คณะกรรมการบริหาร และผู้บริหารสถาบัน อาจเดินออกนอกกรอบภารกิจเป้าประสงค์การเกิดของสถาบันไปบ้าง หรืออาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภายในกระทรวงฯ แต่ผมเชื่อมั่นว่าผู้บริหารตลอดจนบุคลากรของสถาบันเครือข่ายสามารถปรับตัวและให้ดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและอุตสาหกรรมได้ โดยกระทรวงฯ ยังยืนยันที่จะสนับสนุนการทำงานตามภารกิจของสถาบันเครือข่ายอย่างเต็มที่ บนพื้นฐานของความเป็นมืออาชีพ ความมีประสิทธิภาพ และการยึดหลัก ธรรมาภิบาล” นายจักรมณฑ์ กล่าว
ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การสัมมนาในวันนี้จะเป็นเวทีจุดประกายความคิดของผู้เกี่ยวข้องกับสถาบันเครือข่ายทั้งหมด โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้ และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อแนวทางการกำกับดูแลในเชิงโครงสร้าง และความเชื่อมโยงในระดับต่างๆ ของสถาบันเครือข่าย โดยคาดว่าภายในเวลาอีก 2-3 เดือนข้างหน้าน่าจะมีแนวทางที่เกิดประโยชน์ และชัดเจนมากขึ้น
การสัมมนาดังกล่าว นอกจากผู้บริหารสถาบันเครือข่ายทั้ง 11 แห่งแล้ว ยังครอบคลุมถึงคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ คณะกรรมการบริหารสถาบัน ที่จะร่วมกับกระทรวงฯในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กรอบการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้การแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็ว รัดกุม และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
ทั้งนี้ แผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ได้มีการระบุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมมีอยู่ 5 ด้าน ได้แก่ 1)การสร้างความเป็นธรรมในสังคม 2)การสร้างความเข้มแข็งในภาคเกษตร อาหาร และพลังงาน 3)การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 4)การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม และ5)การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สำหรับ 11 สถาบันเครือข่ายในวังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย สถาบันไทย-เยอรมัน สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สถาบันอาหาร สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ สถาบันยานยนต์ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สถาบันพลาสติก และสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย.