ความตอนเดิม
http://ppantip.com/topic/33261698
วันนี้วันที่เราออกจากที่พักค่อนข้างสาย เพราะคืนก่อนหมอนอนน้อยมาก เลยปล่อยให้นอนไปก่อน พอหมอตื่นเราก็จัดกระเป๋าอุปกรณ์ ที่เราขนไปคือ กล้องถ่ายรูป Snorkel ชูชีพสำหรับเล่นน้ำ เสร็จแล้วเราก็ลงมือทำอาหารเช้า มาม่าผัดไส้กรอกฝีมือหมอ ส่วนฉันต้องรับหน้าที่หุงข้าวสำหรับมื้อเย็น หุงไว้ก่อนตอนเย็นทำกับข้าวเสร็จก็กินได้เลยไม่ต้องรอ ปกติจะหุงข้าวกับหม้อหุงข้าวหรือไม่ก็ไมโครเวฟ แต่ ณ.นาทีนี้ หม้อหุงข้าวไม่ต้องพูดถึงมันไม่มี แน่ๆ แต่ไมโครเวฟที่นี่ก็ไม่มี ตายละ ต้องหุงกับหม้อบนเตาแก๊ส ไม่นะ ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ต้องลอง โอมเพี้ยง ได้โปรดสุกเถอะ อาหารที่นี่แพงเลือดทะลักนะ ใส่ข้าวสารลงหม้อ ล้างข้าว เติมน้ำเยอะๆ ทำการหุง คิด คิด คิด ตอนออกค่ายเนตรนารีทำไงฟระ ตายห่า ตรูไม่ได้หุงข้าว ตอนนั้นหันผักนี่หว่า แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ไชโย
เสร็จภารกิจการดูแลปากท้อง เราก็เริ่มตามหาร้านจักรยานให้เช่า เราเดินไม่นานก็เจอร้าน จักรยานที่นี่เป็นจักรยานมีเกียร์ หน้า 3 หลัง 8 นับตามเกียร์นะ ส่วนที่ใช้ได้จริงคือ เกียร์หน้า 1 ห้ามปรับ เกียร์หลังระบบAuto มันจะเปลี่ยนเกียร์เองตามใจชอบ ขี่ไป ห้ามบ่น มีให้ขี่ก็ดีแล้ว ฉันกับหมอตกลงกันว่าเราจะไปเที่ยวตามชายหาดรอบเกาะ แต่ก่อนที่เราจะออกจากเมืองเล็กๆ เราแวะกินน้ำมะพร้าวแสนจืดไปคนละลูก คิดถึงมะพร้าวมะเทศไทยเลย อยากส่งออกมะพร้าวมาที่นี่จริงๆเลย และเราก็แวะซื้อแซนวิสสำหรับอาหารกลางวัน พร้อมกินน้ำอ้อยที่อร่อยมากไปอีกคนละหนึ่งแก้ว
พร้อมออกเดินทาง ที่ที่เราจะไปคือ หาด Humedales เจ้าของhostel บอกว่าห่างจากที่พักประมาณ 5 กม เราก็ถีบจักรยานเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ หาดที่นี่สวยมาก อากาศดีมาก เป็นอากาศที่ยังไม่มีมลพิษแทรกซ้อน
ระหว่างทางเราพบอุโมงค์ต้นไม้ ต้นไม้สองข้างทางโน้มลงมาจนคลุมถนน เป็นระยะทางยาว มันสวยมาก เลยจอดจักรยานหยุดถ่ายรูปเล่นกัน ขี่ไปอีกสักพักแล้วเราก็พบป้ายบอกให้ตรงไป คือ…. ไม่รู้ดิ ไม่ได้อ่านชื่อป้ายเพราะในแผนที่ทางที่เราจะไปถ้าขี่ตรงไปเรื่อยๆจะเจอไง เห็นป้ายก็คิดว่ามันน่าจะอันเดียวกัน ขี่ต่อไป สุดทางละ ตรงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราก็คิดว่านี่แหละคือจุดหมายของเรา เราเหลือบไปเจอป้ายอีกอันเขียนว่าเลี้ยวขวาขี่ไปอีก 4 กม จะถึงจุดชมวิวที่ชื่อว่า Mero de las Lagrimas เราสองคนมองหน้ากันประมาณว่าไปเหอะ ที่ชายหาดเดี๋ยวขากลับค่อยแวะ มันแค่ 4 โลเอง ตกลงตามนั้นก็ขี่เข้าไป ขี่ไปสักพักรู้สึกเหมือนขี่จักรยานผ่านทะเลทราย ร้อนมาก ถนนเป็นถนนดินภูเขาไฟปนทราย ช่วงไหนทรายเยอะก็ลงเข็นจักรยาน ช่วงไหนเนินสูงมากๆก็เข็นอีกเช่นกัน
พอผ่านทะเลทรายไปสักพักก็พบโอเอซิส น่าจะเรียกแบบนี้จริงๆ เพราะอยู่ดีๆกลางพื้นที่โล่งที่มีตะบองเพชรขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ก็พบแหล่งน้ำและต้นไม้ร่มเย็นเป็นระยะๆ และตรงจุดที่ร่มไม้ครื้มอากาศ เย็นสบาย เราก็เจอ... เบรค เบรค เบรคจักรยานด่วน เบรคเบาๆนะ จุ๊ๆ ค่อยๆวางจักรยานลงกับพื้น รูดซิบหยิบกล้องออกมาช้าๆ เดินหย่องเข้าไป เรากลัวเต่าหนี!!! ทำทำไมเนี่ย นี่เต่านะไม่ใช่นก!! มันเคลื่อนตัวช้านิหว่า เต่าตัวที่เราเจอมันใหญ่มาก และเป็นเต่าบกประจำถิ่นนี้ พอได้ระยะเราก็ลงมือถ่ายรูปเต่าอย่างเมามัน มันเป็นนายแบบที่ดีมาก นอนนิ่งเชียว ฉันกับหมอผลัดกันถ่ายรูปคู่กับมัน
พอถ่ายเสร็จเราก็เดินกลับไปที่จักรยาน ทันใดนั้น เต่าก็เริ่มออกเดิน พอเห็นเข้าฉันก็รีบหยิบไอโฟนขึ้นมา ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ เราเริ่มขี่จักรยานเดินทางต่อ ยิ่งขี่ยิ่งขึ้นเนินสูง และเนินก็เริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องเข็นจักรยานเดินเป็นส่วนใหญ่ อากาศตอนบ่ายโมงก็ร้อนมาก สุดท้ายฉันหันไปหาหมอ แล้วถาม
“นี่มันไม่น่าใช่ 4 กิโลละนะ ขี่นานมาก เรากลับมั้ย”
“อีกเนินนะพี่ ไม่เจออะไรเรากลับกัน”
เออ อีกเนินก็อีกเนิน พอพ้นเนินเราก็เห็นเขาลูกย่อมๆ บนนั้นมีบันไดให้ปีนขึ้นไปด้วย นั่นไงเราถึงแล้ว พยายามอีกนิด เราจอดจักรยานแล้วก็เดินขึ้นเขา เราพบป้ายจุดที่เราชมวิวคือ Cerro Orchilla ภาษาสเปนน่าจะอ่านประมาณว่า เซอโร ออจินย่า เราเดินขึ้นบันไดมาระยะหนึ่ง เราเห็นทะเลและเมืองที่ เราอยู่ไกลๆ นั่นแปลว่าเราขี่มาไกลมาก เมืองที่เราอาศัยอยู่นั้น เราเห็นมันอยู่ริบๆเลย มันดูไม่เหมือน 9 กิโลเอาซะเลย
พอถึงบนสุดของจุดชมวิวเราพุ่งไปหาเก้าอี้ทันที หยิบแซนวิสแสนแพงขึ้นมา แล้วเอามีดเล็กๆหั่นกลางแบ่งกันคนละครึ่งสำหรับอาหารกลางวันของ เรา (แซนวิสมันไม่ใหญ่หรอก ไซด์ใหญ่กว่า Hot Dog เซเว่นนิดหน่อย) พอกินเสร็จ เราก็ลงมือถ่ายรูป ในขณะนั้นเอง ก็มีฝรั่งคนหนึ่งหันมาทักเราว่า แถวนี้มีที่ว่ายน้ำด้วยเหรอ เค้าเห็นเราเอาชูชีพขี่จักรยานขึ้นเขา. เลยงง ของไม่มันเข้ากันจริงๆแหละ 555 จริงๆตั้งใจเล่นน้ำนะ ไม่รู้มาอยู่บนเขาได้ยังไง เราก็ตอบไปว่าเผื่อเจอทะเลสวยๆจะได้เล่นน้ำ นั่นไถลไปเรื่อย พูดเรื่องจริงที่ไม่เข้ากับบรรยากาศเอาซะเลย
ถ่ายรูปเสร็จเราก็ขี่จักรยานกลับ ตอนขากลับเรากลับได้เร็วมาก แทบไม่ต้องออกแรงถีบจักรยานเลย มันลงเนินตลอด ขนาดขึ้นเนินเล็กๆก็ไม่ต้องปั่น แรงส่งมันทำให้ขึ้นเนินเองได้ เราประคองจักรยานไหลมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เจอเต่า แล้วเราก็ค่อยปั่นจักรยานกันต่อไป เราแวะตามจุดชมวิวเล็กๆระหว่างทาง
เราจอดจักรยานที่จุดชมวิว ชื่อ El Estero แล้วเดินตามทางเล็กๆ ผ่านป่าโกงกางจนถึงโขดหินริมทะเล จุดนี้สวยมาก เราพบอีกัวน่า นก และปูทะเลมากมาย เราหยุดถ่ายรูปนกกับอีกกัวน่าอยู่สักพักแล้วเราก็เดินทางต่อ เราแวะตามจุดชมวิวเล็กๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางจุดก็เป็นที่ส่องนกในฝั่งที่เป็นป่า บางจุดก็เป็นจุดดูวิวทะเลสลับกันไป จนถึงชายหาดที่เราคิดว่ามันคือจุดหมายปลายทางแรกของเรา แต่พอไปอ่านชื่อมันคงละชื่อกันเลย อ้าวมันไม่ใช่ Humedales นี่หว่า แต่เอาเถอะมันคงสวยเหมือนๆกัน ไว้มีเวลาค่อยกลับไปตามหาใหม่ เราจอดจักรยานและเดินเข้าไปไม่ไกลนักก็เจอถ้ำริมทะเล ดูจากข้างบนสวยดี แต่พอลงไปมันไม่ไม่อะไรนอกจากตะไคร้น้ำ เรากลับขึ้นมาแล้วเดินไปอีกฝั่งของจุดชมวิว ที่นี่ เราพบหมู่บ้านอีกัวน่า มันเยอะมาก เป็นร้อยๆตัวเห็นจะได้ คราวนี้หมอลงทุนนอนถ่ายรูปกับอีกัวน่าเลย ตามสบายเดี๋ยวถ่ายให้ เสร็จจากการนอนถ่ายรูปหมู่กับพวกมัน ก็ถึงคราวที่เราสองคนจะผลัดกันถ่ายรูปคู่กับมัน เราสังเกตเห็นว่าอีกัวน่าตัวที่ใหญ่และมีสีสันเป็นตัวผู้ ตัวที่เล็กกว่าและดำทั้งตัวเป็นตัวเมีย
ขณะกำลังถ่ายรูปและพิจารณาอีกัวน่า ฝนก็ตกลงมาปรอยๆลงมา…. เก็บกล้องด่วน… แล้วรีบถีบจักรยานหลบฝน เรามานั่งหลบฝนที่ศาลาริมทะเล เราเห็นป้ายที่เราเมินในครั้งแรก แล้วเราก็พบว่า จุดชมวิวที่เราต้องการไป คือ Mero de las Lagrimas มันยังไม่ถึง ต้องปั่นขึ้นเขาไปอีก ไกลเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มันอยู่จุดชมวิวถัดไป แต่ให้กลับไปอีกขอบอกเลย ไม่ ไม่ และไม่ ไกลและเหนื่อยมากนะ
นั่งสักพักฝนหยุดตกเราขี่จักรยานกลับไปหมู่บ้านอีกัวน่าอีกครั้ง ถ่ายรูปต่อ. เสร็จแล้วก็ปั่นจักรยานกลับเข้าเมืองหาซื้อวัตถุดิบสำหรับทำ อาหารเย็น เราถามเจ้าของ Hostel เพื่อจะหาซื้ออาหารทะเล เค้าว่าก็ในร้านขายของชำไง มีแช่แข็งอยู่ไง อ้าว!! ที่นี่ไม่มีอาหารทะเลสดขายทั้งๆที่อยู่ติดริมทะเล ทุกอย่างแช่แข็งหมด โธ่ ชีวิตช่างรันทด ดีนะธรรมชาติสวย เราทำอาหารเย็นเสร็จ ก็ลงมือกิน แล้วก็ทำอาหารเช้ากับกลางวันไว้สำหรับออกทะเลดำผิวน้ำ ในวันพรุ่งนี้
ขอบฟ้าไกล ใครว่าไปไม่ถึง : กาลาปากอส, เอกวาดอร์ 3_2
วันนี้วันที่เราออกจากที่พักค่อนข้างสาย เพราะคืนก่อนหมอนอนน้อยมาก เลยปล่อยให้นอนไปก่อน พอหมอตื่นเราก็จัดกระเป๋าอุปกรณ์ ที่เราขนไปคือ กล้องถ่ายรูป Snorkel ชูชีพสำหรับเล่นน้ำ เสร็จแล้วเราก็ลงมือทำอาหารเช้า มาม่าผัดไส้กรอกฝีมือหมอ ส่วนฉันต้องรับหน้าที่หุงข้าวสำหรับมื้อเย็น หุงไว้ก่อนตอนเย็นทำกับข้าวเสร็จก็กินได้เลยไม่ต้องรอ ปกติจะหุงข้าวกับหม้อหุงข้าวหรือไม่ก็ไมโครเวฟ แต่ ณ.นาทีนี้ หม้อหุงข้าวไม่ต้องพูดถึงมันไม่มี แน่ๆ แต่ไมโครเวฟที่นี่ก็ไม่มี ตายละ ต้องหุงกับหม้อบนเตาแก๊ส ไม่นะ ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ต้องลอง โอมเพี้ยง ได้โปรดสุกเถอะ อาหารที่นี่แพงเลือดทะลักนะ ใส่ข้าวสารลงหม้อ ล้างข้าว เติมน้ำเยอะๆ ทำการหุง คิด คิด คิด ตอนออกค่ายเนตรนารีทำไงฟระ ตายห่า ตรูไม่ได้หุงข้าว ตอนนั้นหันผักนี่หว่า แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ ไชโย
เสร็จภารกิจการดูแลปากท้อง เราก็เริ่มตามหาร้านจักรยานให้เช่า เราเดินไม่นานก็เจอร้าน จักรยานที่นี่เป็นจักรยานมีเกียร์ หน้า 3 หลัง 8 นับตามเกียร์นะ ส่วนที่ใช้ได้จริงคือ เกียร์หน้า 1 ห้ามปรับ เกียร์หลังระบบAuto มันจะเปลี่ยนเกียร์เองตามใจชอบ ขี่ไป ห้ามบ่น มีให้ขี่ก็ดีแล้ว ฉันกับหมอตกลงกันว่าเราจะไปเที่ยวตามชายหาดรอบเกาะ แต่ก่อนที่เราจะออกจากเมืองเล็กๆ เราแวะกินน้ำมะพร้าวแสนจืดไปคนละลูก คิดถึงมะพร้าวมะเทศไทยเลย อยากส่งออกมะพร้าวมาที่นี่จริงๆเลย และเราก็แวะซื้อแซนวิสสำหรับอาหารกลางวัน พร้อมกินน้ำอ้อยที่อร่อยมากไปอีกคนละหนึ่งแก้ว
พร้อมออกเดินทาง ที่ที่เราจะไปคือ หาด Humedales เจ้าของhostel บอกว่าห่างจากที่พักประมาณ 5 กม เราก็ถีบจักรยานเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ หาดที่นี่สวยมาก อากาศดีมาก เป็นอากาศที่ยังไม่มีมลพิษแทรกซ้อน
ระหว่างทางเราพบอุโมงค์ต้นไม้ ต้นไม้สองข้างทางโน้มลงมาจนคลุมถนน เป็นระยะทางยาว มันสวยมาก เลยจอดจักรยานหยุดถ่ายรูปเล่นกัน ขี่ไปอีกสักพักแล้วเราก็พบป้ายบอกให้ตรงไป คือ…. ไม่รู้ดิ ไม่ได้อ่านชื่อป้ายเพราะในแผนที่ทางที่เราจะไปถ้าขี่ตรงไปเรื่อยๆจะเจอไง เห็นป้ายก็คิดว่ามันน่าจะอันเดียวกัน ขี่ต่อไป สุดทางละ ตรงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เราก็คิดว่านี่แหละคือจุดหมายของเรา เราเหลือบไปเจอป้ายอีกอันเขียนว่าเลี้ยวขวาขี่ไปอีก 4 กม จะถึงจุดชมวิวที่ชื่อว่า Mero de las Lagrimas เราสองคนมองหน้ากันประมาณว่าไปเหอะ ที่ชายหาดเดี๋ยวขากลับค่อยแวะ มันแค่ 4 โลเอง ตกลงตามนั้นก็ขี่เข้าไป ขี่ไปสักพักรู้สึกเหมือนขี่จักรยานผ่านทะเลทราย ร้อนมาก ถนนเป็นถนนดินภูเขาไฟปนทราย ช่วงไหนทรายเยอะก็ลงเข็นจักรยาน ช่วงไหนเนินสูงมากๆก็เข็นอีกเช่นกัน
พอผ่านทะเลทรายไปสักพักก็พบโอเอซิส น่าจะเรียกแบบนี้จริงๆ เพราะอยู่ดีๆกลางพื้นที่โล่งที่มีตะบองเพชรขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ก็พบแหล่งน้ำและต้นไม้ร่มเย็นเป็นระยะๆ และตรงจุดที่ร่มไม้ครื้มอากาศ เย็นสบาย เราก็เจอ... เบรค เบรค เบรคจักรยานด่วน เบรคเบาๆนะ จุ๊ๆ ค่อยๆวางจักรยานลงกับพื้น รูดซิบหยิบกล้องออกมาช้าๆ เดินหย่องเข้าไป เรากลัวเต่าหนี!!! ทำทำไมเนี่ย นี่เต่านะไม่ใช่นก!! มันเคลื่อนตัวช้านิหว่า เต่าตัวที่เราเจอมันใหญ่มาก และเป็นเต่าบกประจำถิ่นนี้ พอได้ระยะเราก็ลงมือถ่ายรูปเต่าอย่างเมามัน มันเป็นนายแบบที่ดีมาก นอนนิ่งเชียว ฉันกับหมอผลัดกันถ่ายรูปคู่กับมัน
พอถ่ายเสร็จเราก็เดินกลับไปที่จักรยาน ทันใดนั้น เต่าก็เริ่มออกเดิน พอเห็นเข้าฉันก็รีบหยิบไอโฟนขึ้นมา ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ เราเริ่มขี่จักรยานเดินทางต่อ ยิ่งขี่ยิ่งขึ้นเนินสูง และเนินก็เริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องเข็นจักรยานเดินเป็นส่วนใหญ่ อากาศตอนบ่ายโมงก็ร้อนมาก สุดท้ายฉันหันไปหาหมอ แล้วถาม
“นี่มันไม่น่าใช่ 4 กิโลละนะ ขี่นานมาก เรากลับมั้ย”
“อีกเนินนะพี่ ไม่เจออะไรเรากลับกัน”
เออ อีกเนินก็อีกเนิน พอพ้นเนินเราก็เห็นเขาลูกย่อมๆ บนนั้นมีบันไดให้ปีนขึ้นไปด้วย นั่นไงเราถึงแล้ว พยายามอีกนิด เราจอดจักรยานแล้วก็เดินขึ้นเขา เราพบป้ายจุดที่เราชมวิวคือ Cerro Orchilla ภาษาสเปนน่าจะอ่านประมาณว่า เซอโร ออจินย่า เราเดินขึ้นบันไดมาระยะหนึ่ง เราเห็นทะเลและเมืองที่ เราอยู่ไกลๆ นั่นแปลว่าเราขี่มาไกลมาก เมืองที่เราอาศัยอยู่นั้น เราเห็นมันอยู่ริบๆเลย มันดูไม่เหมือน 9 กิโลเอาซะเลย
พอถึงบนสุดของจุดชมวิวเราพุ่งไปหาเก้าอี้ทันที หยิบแซนวิสแสนแพงขึ้นมา แล้วเอามีดเล็กๆหั่นกลางแบ่งกันคนละครึ่งสำหรับอาหารกลางวันของ เรา (แซนวิสมันไม่ใหญ่หรอก ไซด์ใหญ่กว่า Hot Dog เซเว่นนิดหน่อย) พอกินเสร็จ เราก็ลงมือถ่ายรูป ในขณะนั้นเอง ก็มีฝรั่งคนหนึ่งหันมาทักเราว่า แถวนี้มีที่ว่ายน้ำด้วยเหรอ เค้าเห็นเราเอาชูชีพขี่จักรยานขึ้นเขา. เลยงง ของไม่มันเข้ากันจริงๆแหละ 555 จริงๆตั้งใจเล่นน้ำนะ ไม่รู้มาอยู่บนเขาได้ยังไง เราก็ตอบไปว่าเผื่อเจอทะเลสวยๆจะได้เล่นน้ำ นั่นไถลไปเรื่อย พูดเรื่องจริงที่ไม่เข้ากับบรรยากาศเอาซะเลย
ถ่ายรูปเสร็จเราก็ขี่จักรยานกลับ ตอนขากลับเรากลับได้เร็วมาก แทบไม่ต้องออกแรงถีบจักรยานเลย มันลงเนินตลอด ขนาดขึ้นเนินเล็กๆก็ไม่ต้องปั่น แรงส่งมันทำให้ขึ้นเนินเองได้ เราประคองจักรยานไหลมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เจอเต่า แล้วเราก็ค่อยปั่นจักรยานกันต่อไป เราแวะตามจุดชมวิวเล็กๆระหว่างทาง
เราจอดจักรยานที่จุดชมวิว ชื่อ El Estero แล้วเดินตามทางเล็กๆ ผ่านป่าโกงกางจนถึงโขดหินริมทะเล จุดนี้สวยมาก เราพบอีกัวน่า นก และปูทะเลมากมาย เราหยุดถ่ายรูปนกกับอีกกัวน่าอยู่สักพักแล้วเราก็เดินทางต่อ เราแวะตามจุดชมวิวเล็กๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางจุดก็เป็นที่ส่องนกในฝั่งที่เป็นป่า บางจุดก็เป็นจุดดูวิวทะเลสลับกันไป จนถึงชายหาดที่เราคิดว่ามันคือจุดหมายปลายทางแรกของเรา แต่พอไปอ่านชื่อมันคงละชื่อกันเลย อ้าวมันไม่ใช่ Humedales นี่หว่า แต่เอาเถอะมันคงสวยเหมือนๆกัน ไว้มีเวลาค่อยกลับไปตามหาใหม่ เราจอดจักรยานและเดินเข้าไปไม่ไกลนักก็เจอถ้ำริมทะเล ดูจากข้างบนสวยดี แต่พอลงไปมันไม่ไม่อะไรนอกจากตะไคร้น้ำ เรากลับขึ้นมาแล้วเดินไปอีกฝั่งของจุดชมวิว ที่นี่ เราพบหมู่บ้านอีกัวน่า มันเยอะมาก เป็นร้อยๆตัวเห็นจะได้ คราวนี้หมอลงทุนนอนถ่ายรูปกับอีกัวน่าเลย ตามสบายเดี๋ยวถ่ายให้ เสร็จจากการนอนถ่ายรูปหมู่กับพวกมัน ก็ถึงคราวที่เราสองคนจะผลัดกันถ่ายรูปคู่กับมัน เราสังเกตเห็นว่าอีกัวน่าตัวที่ใหญ่และมีสีสันเป็นตัวผู้ ตัวที่เล็กกว่าและดำทั้งตัวเป็นตัวเมีย
ขณะกำลังถ่ายรูปและพิจารณาอีกัวน่า ฝนก็ตกลงมาปรอยๆลงมา…. เก็บกล้องด่วน… แล้วรีบถีบจักรยานหลบฝน เรามานั่งหลบฝนที่ศาลาริมทะเล เราเห็นป้ายที่เราเมินในครั้งแรก แล้วเราก็พบว่า จุดชมวิวที่เราต้องการไป คือ Mero de las Lagrimas มันยังไม่ถึง ต้องปั่นขึ้นเขาไปอีก ไกลเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มันอยู่จุดชมวิวถัดไป แต่ให้กลับไปอีกขอบอกเลย ไม่ ไม่ และไม่ ไกลและเหนื่อยมากนะ
นั่งสักพักฝนหยุดตกเราขี่จักรยานกลับไปหมู่บ้านอีกัวน่าอีกครั้ง ถ่ายรูปต่อ. เสร็จแล้วก็ปั่นจักรยานกลับเข้าเมืองหาซื้อวัตถุดิบสำหรับทำ อาหารเย็น เราถามเจ้าของ Hostel เพื่อจะหาซื้ออาหารทะเล เค้าว่าก็ในร้านขายของชำไง มีแช่แข็งอยู่ไง อ้าว!! ที่นี่ไม่มีอาหารทะเลสดขายทั้งๆที่อยู่ติดริมทะเล ทุกอย่างแช่แข็งหมด โธ่ ชีวิตช่างรันทด ดีนะธรรมชาติสวย เราทำอาหารเย็นเสร็จ ก็ลงมือกิน แล้วก็ทำอาหารเช้ากับกลางวันไว้สำหรับออกทะเลดำผิวน้ำ ในวันพรุ่งนี้