สุดท้ายก็แต่งงานกับหนุ่มเกาหลี

ตั้งใจจะแชร์นานแล้ว แต่ก็ติดโน่นติดนี้ตลอด จนสุดท้ายมีเวลาเหลือแบบว่างเว่อร์ กลัวตัวเองจะเวิ้นเว้อไปกว่านี้เลยแบบว่า....เอาล่ะ!!!! ระหว่างรอการยืนยันไอดี พิมพ์ไปเรื่อยๆก่อนละกัน
     แนะนำตัวกันนิด....มัทเป็นนักร้องกลางคืนใน exclusive club แห่งหนึ่งค่ะ เป็นเด็กดี(หรอ??????)ดูแลพ่อแม่ น้องชายและครอบครัว มีกินเหล้าเมายาบ้างตามโอกาศ แต่ก็ไม่เคยต้องเสียตังค์กับเรื่องพวกนี้ (ก็ทำงานร้านเหล้า แล้วจะไปเสียตังค์ให้มันทำไมละคะ) มัทไม่ใช่คนสวยอะไร แต่อาศัยการขายเสียงและคุณภาพเข้าสู้เลยมีลูกค้าเป็นแฟนคลับ ทั้งแบบหวังฟันเจ้า และพวก กูพี่ น้องกู ทั้งลูกค้าต่างชาติและไทยหลายแบบหลายไสตล์ มีโอปป้าและชาวเกาหลี ญี่ปุ่นเป็นแฟนคลับมากกว่าหนุ่มไทยและฝรั่ง จนทั้งร้านเค้าเรียก มัทจังๆ ตามฟิลคาวาอี้ ประเด็นมันตรงนี้ละค่ะ มัทเป็นคนเกลียดคนเกาหลีมาก (ถ้าจะเอามาเป็นแฟนน่ะ) เพราะเคยมีประสบการณ์แย่ๆตอนไป ตปท. สมัยมัธยมกับคนเกาหลี ทำให้ฝังใจกับชาตินี้มาก 'แต่โอปป้าลูกค้าทั้งหลายที่มัทเจอ 99% น่ารักมากค่ะ" เรื่องเกินขึ้นเมื่อปี 2557 มัทคบกับแฟนคนไทยมา 8 ปี แต่ชีวิตไม่มีอะไรก้าวหน้าจึงตัดสินใจออกห่างและขอเลิกในที่สุด โสดอยู่ได้ไม่นานก็มีหนุ่มเกาหลีหนึ่งนางที่มาทำงานในเมืองไทยมาเป็นแฟนคลับ แต่เข้ามาลักษณะแบบเป็นเพือน ไอ้เราก็ตายใจค่ะ จนสุดท้ายไปๆมาๆ มันก็จีบเราขอเป็นแฟน คำหมั่นสัญญาที่ให้กับตัวเองไว้ว่าจะไม่ยุ่งกะลูกค้าก็จบลง.....ตกลงคบกับเค้าเรียบร้อย หลงกลรอยยิ้มอันแบ๊ววิ้ง (จริงๆก็ชอบตี๋ๆแต่ไม่ชอบ ผช เกาหลี งงปะค่ะ 5555) อะไรเอ่ยยย ซีรีย์เกาหลีโครต....จริงๆค่ะ ใครเจอ ผช เกาหลีแบบไหนมัทไม่รู้ แต่ที่เจอคือมันแบบว่า....หลุดมาจากจอทีเดียวเชียวล่ะ เลิกงานทุกวันเค้าจะมาคอยรับไปกินข้าว ไปเที่ยว กลางวันก็ไปดูหนัง กินข้าว ชอปปิ้ง ไปสวนสนุกตามฟิลคู่รักสายแบ๊ว จนมาวันหนึ่งเค้าบอกกับมัทว่า เค้าหมดแท็กกับบริษัทและต้องกลับเกาหลีและจะพยายามทำเรื่องต่อแท็กให้กลับมาประจำที่ไทยให้ได้  ระหว่างที่พูด นางก็น้ำตาคลอ...พูดแต่ว่าไม่อยากไปๆ สุดท้ายเราก็ต้องปลอบใจว่า ก่อนปีใหม่จะไปหาที่เกาหลี( ทุกปีมัทจะไปเที่ยวทริปใหญ่ 1 ทริปเพื่อเป็นการให้รางวัลตัวเองค่ะ) เอาจริงๆตอนแรกก็ตั้งใจไปอยู่แล้วเพราะมัทมีเพื่อนออนไลน์อยู่หนึ่งคนชื่อ Jay เป็นเกาหลีที่เคยมาอยู่เมืองไทยคุยกันถูกคอกันดีเลยถือโอกาศไปหาทั้งเพื่อนทั้งแฟนทีเดียวเลย
    ระหว่างที่แฟนกลับเกาหลี เราเฟสไทม์หากันตลอดหลังแฟนเลิกงาน รายงานตัวกันตลอดเวลา เพื่อนๆน้องๆแดนเซอร์ต่างพากันอิจฉาในความหวานหยดแบบว่า นั้งมองหน้ากันก็ฟิน อยู่ๆนางก็ร้องเพลงให้ฟังโดยไม่สนใจคนรอบข้าง จนถึงวันที่มัทได้เวลาบินไปเกาหลี ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี มัทเที่ยวเกาหลี 10 วัน แฟนขับรถพาไปทุกที่ที่อยากไป ดูแลอย่างดี พาไปเจอพ่อแม่ และเจอเพื่อนชาวเกาหลีทั้งเพื่อนเค้าและเพื่อนมัท แต่ติดตรงที่แฟนมัทเอ่ยปากว่าไม่ชอบเพื่อนคนนี้เลย ถามเหตุผลก็ไม่ยอมบอก แต่มัทก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดแค่ว่าเค้าคงหึงเพราะเป็น ผช เหมือนกัน ได้แต่ยืนยันว่าเป็นเพื่อนกันมา 6 เดือนก่อนคบกับคุณอีก ยังไงก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันต่อไป
      งานงอก!!!! หลังจากกลับเมืองไทยมาได้ไม่กี่วันก่อนปีใหม่ อาการแฟนค่อยๆเปลี่ยนไป ไม่ค่อยว่างเฟสไทม์ โทรไปไม่ค่อยรับ บอกแตะบอลบ้าง ไรบ้าง ตามเสต็ป ผช จะตีตัวออกห่าง แต่ด้วยความไม่มีประสบการณ์ ผช จะชิ่ง....ก็พาลโง่งมดราม่าสารพัดโดยมีเพื่อนที่ชื่อ Jay และเพื่อนไทยอีก 2 คน ตุ๊ดตู่ 1 ชะนี 1 และ ชาวเกาหลี 1 ค่อยเป็นที่ปรึกษา อีกความรู้สึกก็คืออย่างน้อยมัยก็ ผช เกาหลีเหมือนกัน มันน่าจะประเมินอะไรได้บ้าง จนสุดท้ายแฟนเราหายไป 3 วัน ไลน์ไปก็ถามคำตอบคำบอกยุ่งงาน เดือดร้อนถึงเพื่อน Jay ที่ทนเห็นชะนีไทยอย่างเราเจ็บช้ำระกำใจไม่ไหวเสนอไอเดียมาว่า นางจะเป็นคนคุยกับแฟนเราให้เองว่าจะเอายังไง ทำจริงจังขนาดนี้แล้วอยู่ๆก็หายไป นางสงสารเราเหลือเกิน จนในที่สุด เช้าวันต่อมาเราก็ได้รับไลน์จากแฟนว่า.....
"ผมต่อสัญญาไม่ได้ บริษัทฯ ถอนจากเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว ขอโทษที่ปล่อยให้คุณต้องโด่ดเดี่ยว(อีสึด...พระเอกกะกรูจนหยดสุดท้าย) ขอให้คุณพบกับคนดีๆที่ประเทศไทย " ฟ้าผ่ากลางกระบาลค่ะ ไม่เคยโดนทิ้ง ไปไม่เป็น ร้องไห้ทุกวัน เดินทำ MV จากบ้านลาดพร้าว 130 ไปทำงานที่เอกมัย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สภาพอย่างศพ แต่ยังดีที่เราเป็นคนรักตัวเอง 555555 แถมยังมีครอบครัวต้องดูแล เลยถือโอกาศ ไหนๆก็อกหักล่ะ เอาแม่มให้ผอมสุขภาพดีซะเลย เข้าฟิตเนส ว่ายน้ำ แอบดื่มเพื่อลืมเธอ แต่ก็ยังไม่วาย โทรดราม่ากับเพื่อนทั้งไทยทั้งเกาหลี เพื่อนก็แสนดี(หรือมันสมเพชก็ไม่รู้....มาอกหักตอนอายุ 30) แต่ก็มีเพื่อนคนนึงที่มันดี๊!!!ดีเป็นพิเศษ ค่ะ.....Jay นางโทรมาปลอบถามอาการ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ปลอบกันอยู่เป็นเดือนๆ แน่นอนค่ะ คนเราจะคุยกับใครซักคนมันก็ต้องถูกตาต้องใจก่อนนิดๆ ถึงจะเป็นแค่เพื่อนก็เถ่อะ  (แต่เราก็ยอมรับว่าที่เริ่มทักและคุยก็เพราะความน่ารักและตาเม็ดลำไยของนาง คริกๆๆๆๆ)
     เข้าเดือนกุมภา 2557 วันที่ 12 เป็นวันเกิด Jay มัทก็ส่งของขวัญไปให้ นางดีใจมาก บอกว่าเปิดกล่องมาแล้วได้กลิ่นประเทศไทยเลย อยากกลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้ง ยืนยันอีกครั้งว่าเราคิดกันแค่เพื่อน เพราะเราเรียกกันว่า buddy ทุกคำเพื่อย้ำความสัมพันธ์....(ร้อนตัวเน่อะ 55555)
วันที่ 8 มีนาคม Jay โทรมาหาตอนตี 3 ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดชีวิต "เราจองตั๋วไปเมืองไทยแล้วน่ด เจอกันวันที่ 10 นี้ คุณเป็นเพื่อนไทยคนแรกที่เราโทรหาเลย" แน่ล่ัะ....ก็กรูเลิกงานตี 2 กว่าจะนอนก็ตี 4 ตี 5 ถ้าไม่ใช่กรูแล้วใครจะรับโทรศัพท์ยิ้มงงง
   และแล้วก็ถึงวันที่ 10 วันแรกที่Jay ถึงเมืองไทย นางก็ติดต่อมาและนัดกินข้าวหลังเราเลิกงาน ณ.บ้านไร่กาแฟ เอกมัย ทุกอย่างเป็นไปตามปรกติของความเป็นเพื่อน วันต่อมา jay มาดูเราร้องเพลงที่ร้าน นางฟิลมาก สนุกมาก กินเหล้ากันสนานจนร้านปิด เลยชวนกันไปกินต่อที่ห้องนางโดยมีน้องสะใภ้ของเราไปด้วย......หึๆๆๆ เรื่องมันจะเกิดจริงๆละน่ะ
เรากินกันสักพัก น้องชายโทรมาตามน้องสะใภ้ให้กลับบ้านแล้วเอาเรากลับด้วย....แต่อะไรทำให้มันคิดว่าเรทจะทำตาม ฝันไปเถ่อะยิ้มงง
   ความคิดเลวๆ ประชดชีวิตก็ไม่เชิง คิดแค่ว่า ถ้าคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ก็ครั้งเดียว จบๆกันไป เป็นเพื่อนกันต่อได้ คือจะลองของว่างั้นเถ่อะ จะดูว่าตัวเองจะแข็งแรงได้ขนาดไหน (30+ อย่าทำตามนะคะ) ท้าทายความรู้สึก เล่นกับความรู้สึกตัวเอง เตรียมตัวไว้เรียบร้อยว่าอะไรจะเกิดก็ต้องรับให้ได้....และแล้วมันก็เกิด หลังจากน้องสะใภ้กลับไปไม่นาน อะไรๆมันก็ตามมา.....ข้ามๆ ตัดฉากมาตอนเช้าตามฉบับหนังไทย 55555
ตื่นเช้ามาเรานอนคุยกันไปคุยกันมา เราจึงเริ่มสะสางปัญหาด้วยคำถามตรงๆ
"สรุปตอนนี้เราเป็นอะไรกัน....ตอบตรงๆไม่ต้องห่วงอะไรทิ้งสิ้น ฉันโตแล้ว รับได้สบายๆ"
Jay นิ่งไป 3 วิ เราก็แอบหยุดหายใจไป 3 วิเช่นกัน 555555
"เป็น .....friend ได้ไหม" พูดไทยผสม eng ....แน่เล่นพี่จุกเบาๆ แต่ด้วยความไม่แน่ใจเลยขอทวน
"เป็น friend เป็นเพื่อนใช่ไหม??" นางทำตาปริบๆ
"ไม่ใช่ๆ เป็นแฟนคุณได้ไหม??"
ทุ่งดอกไม้บาน เริงร่า ตะวันฉาย สายรุ้งทอแสง แมลงโบยบิน มาหมด มาเต็ม แต่ไม่ค่ะ เราจะระริกระรี้ไม่ได้ นิ่งค่ะนิ่ง นางอายุน้อยกว่าเรา 2 ปี เราต้องสุขุม เรายิ้มบางๆ พยักหน้าเบา "อืม....ได้สิ" นึกในใจ แหมมมม กรูนี้มันร้ายจริงๆ 55555
   หลังจากนั้นเราอยู่ด้วยกัน ไปไหว้พระ ทำบุญ จนถึงวันทีท Jay ต้องกลับเกาหลี ฉากเดิมกับแฟนเก่าย้อนกลับมา "ผมสัญญาด้วยชีวิตของผม....ผมจะกลับมาให้ได้ คุณเชื่อใจผมได้เลย" บอกเลยว่าดีใจที่ได้ยิน แต่ถามว่า 100% ไหม ....ไม่ค่ะ ประสบการณ์มันมี ได้แต่ยิ้มๆตาแดงๆ มองกันจนลับตาขึ้นบันไดเลื่อน จนนางตะโกนก่อนเดินเข้าประตู "ที่รัก.....ซารางเงโย see u real soon" น้ำตาเราไหลพราก บอกความรู้สึกไม่ถูก ทั้งเชื่อ ทั้งหวัง และไม่หวัง ปนเปผสมกันไปหมด จนในที่สุด ผช คนนี้ก็ทำให้เราแปลกใจอีกจนได้
     เดือนมีนาคม...."ที่รัก ผมได้งานที่เมืองไทยแล้ว" แต่ประโยคต่อไป นางพูดติดๆขัด....."ผมมีเงินเก็บส่วนหนึ่ง แต่ถ้าจะไปตอนนี้....ผมต้องยืมเงินคุณค่าตั๋วก่อนได้ไหม....แล้วผมต้องพักกับคุณ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร" เอาซิ....ค่าตั๋ว 13,000 ถือซะว่าพนันใจคน จะดีจะเลวยังไงก็ให้มันเสียที่เงินดีกว่าเสียใจ หลายครั้งที่เราล้มลุกคลุกคลาน ทั้งปัญหาเรื่องเงิน เรื่องทางบ้านเค้าที่อยู่ให้เค้าปลับเกาหลีไปทำกิจการที่บ้าน ภรรยาเก่าเค้าที่โทรมาขอคืนดี จนถึงปัจจุบันนี้ ลูกสาวมัทอายุได้ 22 วันแล้ว (อยู่ด้วยกันไม่ถึง 3 เดือน มัทก็ตั้งท้องน้องฮานา 5555) และเรากำลังจะจดทะเบียนสมรสกันโดยที่พ่อแม่เค้ารับรู้และยอมรับในตัวเรา Jay เป็นสามีที่น่ารัก คุณพ่อที่ใจดี ลูกเขยตัวอย่าง ทำแต่งานหาเลี้ยงทั้งครอบครัวมัท( สงสารนาง....อยากกลับไปทำงานเร็วๆ แต่นางบอก เลี้ยงลูกไปก่อนยาวๆ....) ทำแต่งานจนบางครั้งอาจลืมสวีทหวานมุ้งมิ้งกันไปบ้าง แค่ก็เอาเถ่อะ เค้าทำเพื่อครอบครัว ไม่ได้ไปเกเรที่ไหนนี้นา... เดือนเมษายนนี้คุณย่าจะมาเยี่ยมที่เมืองไทย ส่วนคุณปู่อยากมาใจจะขาดแต่ติดงาน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือพรมลิขิต คือเวรกรรมที่ทำร่วมกันมา แต่มัทก็ไม่แนะนำให้ทำอย่างที่มัททำนะค่ะ.....ถ้าคุณคิดว่ารับผลของมันไม่ไหว ขอให้พบรักแท้ทุกๆคนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่