ภาษีที่ดิน และบ้านถ้าเก็บจริง ขอให้มันแน่ๆหน่อย เก็บให้เท่าเทียมกันละ ไม่ใช่มาเก็บจากคนจน ชนชั้นกลาง
แต่พวกเจ้าสัว พวกเศรษฐีที่ดินทั้งหลาย กับไม่ต้องเสียหรือได้รับข้อยกเว้น
เช่น พวกเจ้าสัวพวกนี้ เอาที่ดินไปตั้งเป็นกองอสังหา มาขาย เงินที่ได้โอนเข้า บริษัทตัวเอง
ตัวเองได้รับมาเป็นผลประโยชน์ ในการไม่เสียภาษี
หรือภาษีก็โยนให้เป็นภาระของกองทุน จ่าย แต่ตัวเอง
ซึ่งมีทรัพย์สินอยู่บนกองนั้น เช่นสร้างห้าง สร้างอาคารให้เช่า เก็บเก่ยวผลประโยชน์ได้โดยไม่ไม่ภาระภาษี
ส่วนบางคน ที่ทิ้งที่ให้ ร้าง ๆ กลางเมือง รอพอรถไฟฟ้าที่ดินมา ราคาขึ้นขาย
แม้บางคนบอกว่า ขายได้ราคาแพง แต่ยังไงกรมที่ดินก็คิดตามราคาประเมินซึ่งถูกกว่าราคาซื้อขายจริง
ซึ่งไม่มี ใครโง่จะบอกราคาซื้อขายจริง ใหกรมที่ดินประเมินภาษีเต็มแน่ๆ
" แต่จริงๆ ควรเก็บตั้งแต่ถือครองเลย ถ้าทิ้งไว้เฉยๆ เก็บ แบบทวีคูณ 1 2 4 8 16 เปอร์เซนไปเลย สูงสุด 25 เปอร์เซน
ถ้าไม่จ่ายศาลยึด ที่ดินเลย แล้วเอาที่ดินนั้นให้รัฐ
นำมาพัฒนาแทน เช่น ทำสวนสาธาระ ถ้าแถวนั้นยังไม่มี
หรือ ทำคอนโด ให้ผู้มีรายได้น้อย ประมาณ 1 - 15000 ตามฐานภาษี ได้มีที่อยู่เป็นของตัวเอง
กล้ารึ ป่าวละ
กล้ามั้ยย ที่จะทำให้ คนใช้กฏหมายเดียวกัน
คนรวยมากก็ต้องจ่ายมาก คนรายได้ปานกลางมนุษย์เงินเดือน ก็จ่ายตามสมควร
ไม่ใช่มาไล่บี้ กับคนในฐานภาษี คนกินเงินเดือน
แต่พวก บริษัท นิติบุคล ต่างๆ ที่เป็นที่เก็บเงิน ฟอกเงิน ให้ คนรวย
กลับได้รับการยกเว้น เพราะแกล้งออกกฏหมายไม่ทั่วถึง ออกให้มันมีช่องโหว่ เอาไว้
ที่ต้องออกกฏหมายเขียนไว้ให้ตีความ ก็เพราะว่า
.. นักกฏหมายจะได้มีช่องทางทำมาหากิน.. หาช่องว่างของกฏหมายเพือ่ใช้ประโยชน์
___ ถ้าแน่จริง ต้องเขียนให้ครบ ไม่ให้มีช่องว่างเลย
ไม่เช่นนั้น คนรวย ก็วางแผนเลี่ยงภาษีกันได้เหมือนเคย
ดูอย่างกฏหมายที่ดินสิ ตอนนี้ กรมที่ดิน พ่อ แม่ รวยๆทั้งหลาย รีบโอนที่ดิน หนีกฏหมายกันใหญ่เลย
ส่วนพวก คนที่รวยหุ้น ก็โอนหุ้น โอนทรัพย์สินให้ลูก หลานกันแล้ว
.. นิละ ถ้าเก็บแล้ว มีแต่พวกคนรวยที่ขยับหนีทัน ได้ประโยชน์กันทั่วหน้า
ตคนรับภาระ คือ คนจน..( ให้คนจนมันรับภาระแทนไปเพราะมันโง่ หาทางหลบไม่ได้ ให้มันรับภาระเงินที่พลาดเป้าจากการเก็บเงินจากพวกเจ้าสัว
เราก็เลย ให้พวกคนจนมันรับแทน )
ภาษีที่ดิน และบ้านถ้าเก็บจริง ขอให้มันแน่ๆหน่อย เก็บให้เท่าเทียมกันละ ไม่ใช่มาเก็บจากคนจน ชนชั้นกลาง แต่พวกเจ้าสัว รอด
แต่พวกเจ้าสัว พวกเศรษฐีที่ดินทั้งหลาย กับไม่ต้องเสียหรือได้รับข้อยกเว้น
เช่น พวกเจ้าสัวพวกนี้ เอาที่ดินไปตั้งเป็นกองอสังหา มาขาย เงินที่ได้โอนเข้า บริษัทตัวเอง
ตัวเองได้รับมาเป็นผลประโยชน์ ในการไม่เสียภาษี
หรือภาษีก็โยนให้เป็นภาระของกองทุน จ่าย แต่ตัวเอง
ซึ่งมีทรัพย์สินอยู่บนกองนั้น เช่นสร้างห้าง สร้างอาคารให้เช่า เก็บเก่ยวผลประโยชน์ได้โดยไม่ไม่ภาระภาษี
ส่วนบางคน ที่ทิ้งที่ให้ ร้าง ๆ กลางเมือง รอพอรถไฟฟ้าที่ดินมา ราคาขึ้นขาย
แม้บางคนบอกว่า ขายได้ราคาแพง แต่ยังไงกรมที่ดินก็คิดตามราคาประเมินซึ่งถูกกว่าราคาซื้อขายจริง
ซึ่งไม่มี ใครโง่จะบอกราคาซื้อขายจริง ใหกรมที่ดินประเมินภาษีเต็มแน่ๆ
" แต่จริงๆ ควรเก็บตั้งแต่ถือครองเลย ถ้าทิ้งไว้เฉยๆ เก็บ แบบทวีคูณ 1 2 4 8 16 เปอร์เซนไปเลย สูงสุด 25 เปอร์เซน
ถ้าไม่จ่ายศาลยึด ที่ดินเลย แล้วเอาที่ดินนั้นให้รัฐ
นำมาพัฒนาแทน เช่น ทำสวนสาธาระ ถ้าแถวนั้นยังไม่มี
หรือ ทำคอนโด ให้ผู้มีรายได้น้อย ประมาณ 1 - 15000 ตามฐานภาษี ได้มีที่อยู่เป็นของตัวเอง
กล้ารึ ป่าวละ
กล้ามั้ยย ที่จะทำให้ คนใช้กฏหมายเดียวกัน
คนรวยมากก็ต้องจ่ายมาก คนรายได้ปานกลางมนุษย์เงินเดือน ก็จ่ายตามสมควร
ไม่ใช่มาไล่บี้ กับคนในฐานภาษี คนกินเงินเดือน
แต่พวก บริษัท นิติบุคล ต่างๆ ที่เป็นที่เก็บเงิน ฟอกเงิน ให้ คนรวย
กลับได้รับการยกเว้น เพราะแกล้งออกกฏหมายไม่ทั่วถึง ออกให้มันมีช่องโหว่ เอาไว้
ที่ต้องออกกฏหมายเขียนไว้ให้ตีความ ก็เพราะว่า
.. นักกฏหมายจะได้มีช่องทางทำมาหากิน.. หาช่องว่างของกฏหมายเพือ่ใช้ประโยชน์
___ ถ้าแน่จริง ต้องเขียนให้ครบ ไม่ให้มีช่องว่างเลย
ไม่เช่นนั้น คนรวย ก็วางแผนเลี่ยงภาษีกันได้เหมือนเคย
ดูอย่างกฏหมายที่ดินสิ ตอนนี้ กรมที่ดิน พ่อ แม่ รวยๆทั้งหลาย รีบโอนที่ดิน หนีกฏหมายกันใหญ่เลย
ส่วนพวก คนที่รวยหุ้น ก็โอนหุ้น โอนทรัพย์สินให้ลูก หลานกันแล้ว
.. นิละ ถ้าเก็บแล้ว มีแต่พวกคนรวยที่ขยับหนีทัน ได้ประโยชน์กันทั่วหน้า
ตคนรับภาระ คือ คนจน..( ให้คนจนมันรับภาระแทนไปเพราะมันโง่ หาทางหลบไม่ได้ ให้มันรับภาระเงินที่พลาดเป้าจากการเก็บเงินจากพวกเจ้าสัว
เราก็เลย ให้พวกคนจนมันรับแทน )