"รสนา" ค้าน ส.ว.เลือกตั้งทางอ้อม ชี้ ปชช.ไม่ยอมรับ วอนย้อนดูบทเรียนสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังมีปัญหา ตอกย้ำไม่ใช่เลือกอ้อม แต่เป็นอีกหนึ่งวิธีสรรหา
วันที่ 27 ก.พ. น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีต ส.ว.กทม. กล่าวถึงกรณี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจาก 5 กลุ่มว่า ตนไม่เห็นด้วยและเชื่อว่าประชาชนก็คงไม่ยอมรับแน่ เพราะเป็นระบบที่ขาดการยึดโยงอำนาจจากประชาชน แต่กลับเขียนให้อำนาจ ส.ว.มาก ทั้งการออกกฎหมาย การตรวจสอบคุณสมบัติ หรือแม้แต่ถอดถอนรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เชื่อหรือว่าสุดท้ายประชาชนจะยอมรับการใช้อำนาจถอดถอน หรือถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านก็เชื่อว่าประชาชนก็ต้องด่า สปช.ว่าให้ผ่านมาได้อย่างไร
"ในฐานะ สปช.เองก็รู้สึกเสียดายเพราะรัฐธรรมนูญนี้ในหมวดอื่นเขียนดีมาก แต่พอมาถึงหมวดสำคัญเกี่ยวกับอำนาจกลับไม่ยึดโยงกับประชาชน จึงขอให้ กมธ.ยกร่างฯย้อนไปดู ส.ว.ชุดที่ผ่านมา ขนาดมาจากเลือกตั้งโดยตรงและสรรหาอย่างละครึ่ง ยังถูกโจมตีว่า เป็นพวกลากตั้ง จึงอยากเสนอแนะว่า ให้กลับมาใช้วิธีเดิมอย่าง ส.ว.ชุดตนก็ได้คือเลือกตั้งครึ่งหนึ่งและสรรหาครึ่งหนึ่ง" สมาชิก สปช. และอดีต สว.กทม.กล่าว
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอให้ กมธ.ยกร่างฯ ย้อนไปดูบทเรียนของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ที่ให้เลือกกันเอง สุดท้ายยังล้มเหลวไม่เป็นท่า มีการซื้อเสียงกันภายใน เพราะจะมีผู้มีอิทธิพล หรือมีเงินมากำหนดว่า ใครจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น มีการต่อรองผลประโยชน์นั่นแค่ตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจมีแค่เงินเดือนเพียง 8 พันบาทยังล็อกสเปกสู้กันขนาดนั้น จนไม่สามารถแต่งตั้งสมาชิก สป. ได้ สุดท้ายก็ต้องยุบทิ้งไป หรือจะเดินซ้ำรอยความล้มเหลว
สมาชิก สปช. และอดีต สว.กทม.กล่าวด้วยว่า โดยข้อเท็จจริง ที่มาของ ส.ว. ต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน หากไม่ต้องการให้เลือกตั้งเหมือน ส.ส. ก็กำหนดให้เลือกตั้งแบบอื่น เช่น ให้มีการสรรหาบุคคลในกลุ่มอาชีพต่างๆ มามากกว่า 3 เท่า แล้วให้ประชาชนได้เลือกจากคนจำนวนนี้เข้าไปเป็น ส.ว. ก็ยังถือว่ายึดโยงกับประชาชน หรืออาจใช้เลือกตั้งเป็นกลุ่มๆ ละ 10 คน โดยให้แต่ละกลุ่มคัดเลือกคนจากสาขาอาชีพต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและหลากหลา มีผลงานในสังคม โดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง แล้วให้ประชาชนเลือกเหมือนการเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ใช้ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญนี้เราตั้งโจทย์ให้ ส.ส.และ ส.ว.มีที่มาจากฐานที่ต่างกันเพื่อมาตรวจสอบถ่วงดุลกันและกันในการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สังคม แต่หากเขียนให้มีที่มาจากสรรหาทั้งหมดโดยตัดตอนข้ามขั้นตอนการเลือกตั้งของประชาชนออกไป คงเรียกวิธีการนี้ว่า การสรรหาอีกรูปแบบหนึ่งไม่ใช่การเลือกตั้งทางอ้อม.
http://www.thairath.co.th/content/483996
จะสร้างระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ แต่กลับให้มี สว.ลากตั้ง ผมว่าอย่าฝืนกระแสคัดค้านเลยครับ บวรศักดิ์ เปลี่ยนเหอะๆ
"สว.ลากตั้ง" คงไปไม่รอดแน่ ล่าสุด "รสนา" ก็ออกมาคัดค้าน
"รสนา" ค้าน ส.ว.เลือกตั้งทางอ้อม ชี้ ปชช.ไม่ยอมรับ วอนย้อนดูบทเรียนสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังมีปัญหา ตอกย้ำไม่ใช่เลือกอ้อม แต่เป็นอีกหนึ่งวิธีสรรหา
วันที่ 27 ก.พ. น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีต ส.ว.กทม. กล่าวถึงกรณี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจาก 5 กลุ่มว่า ตนไม่เห็นด้วยและเชื่อว่าประชาชนก็คงไม่ยอมรับแน่ เพราะเป็นระบบที่ขาดการยึดโยงอำนาจจากประชาชน แต่กลับเขียนให้อำนาจ ส.ว.มาก ทั้งการออกกฎหมาย การตรวจสอบคุณสมบัติ หรือแม้แต่ถอดถอนรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เชื่อหรือว่าสุดท้ายประชาชนจะยอมรับการใช้อำนาจถอดถอน หรือถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านก็เชื่อว่าประชาชนก็ต้องด่า สปช.ว่าให้ผ่านมาได้อย่างไร
"ในฐานะ สปช.เองก็รู้สึกเสียดายเพราะรัฐธรรมนูญนี้ในหมวดอื่นเขียนดีมาก แต่พอมาถึงหมวดสำคัญเกี่ยวกับอำนาจกลับไม่ยึดโยงกับประชาชน จึงขอให้ กมธ.ยกร่างฯย้อนไปดู ส.ว.ชุดที่ผ่านมา ขนาดมาจากเลือกตั้งโดยตรงและสรรหาอย่างละครึ่ง ยังถูกโจมตีว่า เป็นพวกลากตั้ง จึงอยากเสนอแนะว่า ให้กลับมาใช้วิธีเดิมอย่าง ส.ว.ชุดตนก็ได้คือเลือกตั้งครึ่งหนึ่งและสรรหาครึ่งหนึ่ง" สมาชิก สปช. และอดีต สว.กทม.กล่าว
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอให้ กมธ.ยกร่างฯ ย้อนไปดูบทเรียนของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ที่ให้เลือกกันเอง สุดท้ายยังล้มเหลวไม่เป็นท่า มีการซื้อเสียงกันภายใน เพราะจะมีผู้มีอิทธิพล หรือมีเงินมากำหนดว่า ใครจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น มีการต่อรองผลประโยชน์นั่นแค่ตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจมีแค่เงินเดือนเพียง 8 พันบาทยังล็อกสเปกสู้กันขนาดนั้น จนไม่สามารถแต่งตั้งสมาชิก สป. ได้ สุดท้ายก็ต้องยุบทิ้งไป หรือจะเดินซ้ำรอยความล้มเหลว
สมาชิก สปช. และอดีต สว.กทม.กล่าวด้วยว่า โดยข้อเท็จจริง ที่มาของ ส.ว. ต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน หากไม่ต้องการให้เลือกตั้งเหมือน ส.ส. ก็กำหนดให้เลือกตั้งแบบอื่น เช่น ให้มีการสรรหาบุคคลในกลุ่มอาชีพต่างๆ มามากกว่า 3 เท่า แล้วให้ประชาชนได้เลือกจากคนจำนวนนี้เข้าไปเป็น ส.ว. ก็ยังถือว่ายึดโยงกับประชาชน หรืออาจใช้เลือกตั้งเป็นกลุ่มๆ ละ 10 คน โดยให้แต่ละกลุ่มคัดเลือกคนจากสาขาอาชีพต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและหลากหลา มีผลงานในสังคม โดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง แล้วให้ประชาชนเลือกเหมือนการเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ใช้ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญนี้เราตั้งโจทย์ให้ ส.ส.และ ส.ว.มีที่มาจากฐานที่ต่างกันเพื่อมาตรวจสอบถ่วงดุลกันและกันในการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สังคม แต่หากเขียนให้มีที่มาจากสรรหาทั้งหมดโดยตัดตอนข้ามขั้นตอนการเลือกตั้งของประชาชนออกไป คงเรียกวิธีการนี้ว่า การสรรหาอีกรูปแบบหนึ่งไม่ใช่การเลือกตั้งทางอ้อม.
http://www.thairath.co.th/content/483996
จะสร้างระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ แต่กลับให้มี สว.ลากตั้ง ผมว่าอย่าฝืนกระแสคัดค้านเลยครับ บวรศักดิ์ เปลี่ยนเหอะๆ