อัพเดทราคายาง 25 กุมภาพันธ์ 2558

ดิฉันเป็นคนที่นำเสนอข้อมูลแบบเห็นได้ชัดเจน เข้าใจง่าย อาจจะยาวนิดนึง แต่อ่านเถอะค่ะ จำได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องยางพารามากขึ้น

อย่าใช้คติยาวไปไม่อ่านนะคะ ถ้าคห.แรกเม้นมายาวไปไม่อ่านขึ้นมานะคะ ดิฉันจะจิกกัดด้วยสายตาอย่างนี้ค่ะ



อันดับแรก มาดูราคายางพาราในประเทศไทย




อันดับต่อมา มาดูราคายางพาราเฉลี่ยรวมทั่วโลกที่ผ่านมา (1 กิโลกรัม = 2.2 ปอนด์)



และนี่คือกราฟราคายางเฉลี่ยรวมทั่วโลกในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมา




และนี่คือกราฟราคายางของไทยและของโลกเปรียบเทียบกันชัดๆ


จะเห็นได้ว่าราคายางแปรผกผันไปตามกลไกการค้า แต่ทุกวันนี้ราคายางกลับถูกนำมาเป็นเรื่องที่ใช้ในการโต้เถียงทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตลก เพราะราคายางจะสูงขึ้นหรือต่ำลง หลักๆมันไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลอยู่แล้ว

สาเหตุราคายางตกต่ำเกิดจากทั้งสาเหตุที่เราควบคุมได้และควมคุมไม่ได้ ปัจจัยหลักๆที่เห็นชัดที่สุดก็คือการที่ประเทศจีนลดการนำเข้ายางและเปลี่ยนบทบาทจากผู้ซื้อมาเป็นผู้ผลิต เราเจอศึกหนัก เราเจอคู่แข่งตัวเป้ง หากดูตัวเลขย้อนหลัง 20 ปีที่แล้ว ไทยซึ่งเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ส่งออกยางมากที่สุดในโลก เคยผลิตยางได้ต่อปีประมาณ 1,500,000 ตันต่อปี กว่าร้อยละ 80-90 ส่งออก ส่วนใหญ่ปลูกในพื้นที่ภาคใต้ หลายคนหันมาลงทุนปลูกยางกันเกือบทั่วประเทศ ต่อมาจนถึงจุดที่สุดๆในปี 2556 ไทยผลิตได้ต่อปีประมาณ 4,100,000 ตัน เพิ่มขึ้นเกือบๆ 4 เท่า เพราะไม่มีการจัดโซนนิ่งและควบคุมปริมาณให้เหมาะสม แถมยังนโยบายเพิ่มผลผลิตยางพาราให้มีผลการผลิตมากขึ้นและคุณภาพดีขึ้นเข้าไปอีก

เพราะที่ผ่านมาก่อนหน้าซัก 5 ปี ราคายางมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อเนื่องทุกปี มีตกลงมาเล็กน้อย 2552 แต่พอปี 53-54 ราคาดีดตัวสูงขึ้นไป 100 ถึงเกือบ 150 ต่อกิโลกรัม แล้วจะลดลงแบบไม่ทันตั้งตัวจนเหลือ 90 บาทปี 2556 และปัจจุบันลงไปเหลือ 50 กว่าบาทอีกครั้ง

และ จีนเริ่มปลูกยางเองและเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ลาว กัมพูชา มาแข่งกับไทยแล้ว

แต่อาจมีกรณียกเว้นเล็กน้อย อย่างเรื่องน้ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ.2553 ที่โรงงานในประเทศไทยจำนวนมากได้ถูกผลกระทบ และส่งผลโดยตรงต่ออัตราการผลิต ทำให้อัตราการซื้อขายผกผันไป คือซื้อน้อยลง ทำให้ราคายางก็ตกลงไปอีก เพราะความต้องการของผู้ซื้อลดลง
ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากภัยธรรมชาติหรือเป็นความต้องการจากใครให้เกิดวิกฤตการน้ำท่วมในบ้านเรา

มีอะไรจะเสริมมั้ยคะ เชิญ!



//ลืมใส่เครดิต

http://www.prachatai.com/journal/2013/09/48573
http://www.rubberthai.com/price/price_index.htm
http://www.bot.or.th/Thai/EconomicConditions/Thai/South/EconomicPapers/ReasearchPaperสถานการณ์ยางพาราปี%202554%20และแนวโน้มปี%202555.pdf
http://www.indexmundi.com/commodities/?commodity=rubber&months=60&currency=thb
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คิดแล้วตลกดีครับ

ราคา 80  ไม่พอใจ  ไล่ตีไล่ฆ่าตำรวจ

ราคา 50  วิ่งหาพระ  พระพูดว่า "พวกเดียวกัน"    จบ
รอให้พวก ปชป. ใช้เป็นเงื่อนไขทางการเมือง   ยางราคาตก  สีทนได้

น่าสงสารชาวบ้านครับ

ฝ่ายทางรัฐ  แทนที่จะสำนึกว่าเป็นภาระรับผิดชอบ  จะอ้างเรื่องตลาดโลกไม่ได้
หน้าที่รัฐคืออุ้มเกษตรกร
กลับไล่ไปดาวอังคาร

ให้เขาเลิกปลูกยาง  ไปปลูกอย่างอื่น
ยังกะมันทำได้ภายในหนึ่งเดือน   คนต้องกินต้องใช้ทุกวัน

จะทำนั่นทำนี่   สามล้านล้านยังจะทำ
ชาวบ้านเดือดร้อน  ทำไมไม่อยากช่วยพยุง   ในระหว่างนี้ก็คิดหาทางออกในอนาคตไปด้วยได้

อย่างว่า   มองชาวบ้านเป็นแค่บ่าว  คิดว่าตัวเองเป็นนาย
แทนที่จะมองชาวบ้านเป็นนาย
ความคิดเห็นที่ 6
สมัยคุณทักษิณไม่เคยมีแนวทางแบบจับมือกันไว้หรอกค่ะ สมัยนั้นก็ยังไม่มีการควบคุมเหมือนกับสมัยนี้ จนถึงทุนวันนี้
แต่เขามาการบริการจัดการที่ดี เขาให้วัตถุดิบ เขารู้จักวิธีการดำเนินเศรษฐกิจ เขารู้ว่าเมืองไทยเราเป็นเมืองเกษตร เขาเพ่งเล็งถูกจุด อย่างการพักชำระหนี้ของเกษตรกร การจัดตั้งธนาคารประชาชน 2544 เศรษฐกิจเติบโตขึ้น โครงการ30บาทรักษาทุกโรค ในด้านภาวะลงทุน ตลาดแรกเพิ่มเงินสูงขึ้นจากปี 2543 ถึง 72% เพิ่มพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และตั๋วสัญญาใช้เงินใช้ปรับโครงสร้างนี้ ล้วนเป็นการเหมือนกับภาพรวมสุดท้ายแล้วเทเงินให้กับประชาชนทั้งสิ้น... พอแค่นี้นะคะ จะมาไล่การทำงานปี 2544-2548คงเหนื่อย

เมื่อก่อน ดิฉันเองก็ชอบและเชียร์ไทยรักไทยไปช่วงหนึ่งค่ะ

แต่... นี่คือส่วนหนึ่งของปัจจุบันนี้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่