“Birdman แดนมหัศจรรย์” หนังดีรางวัลOscar ที่ข้าตาไม่ถึงสินะ

“Birdman แดนมหัศจรรย์” หนังดีรางวัลOscar ที่ข้าตาไม่ถึง

      แวบไปดู Birdman มา คนเต็มโรงเลยคงเพราะหนังพึ่งได้รางวัลOscarมาละก็ได้รางวัลท่วมท้นจากนักวิจารณ์ เราก็คอหนังรางวัลซะด้วยมีเวลาเลยจัดซะเลย ซึ่งบอกเลยว่า..........มันไม่ถูกจริตเราเม่าเหม่อ เราเลยไม่ได้รู้สึกว้าวเท่าไหร่ ห่ะๆ

     หนังเป็นเรื่องของดาราดังในอดีตที่เคยแสดงเป็นซุปเปอร์ฮีโร่แต่ถังแตกในปัจจุบันและพยายามทุ่มเทชีวิตผันตัวไปทำเบื้องหลังเป็นผู้กำกับละครเวที แต่ในระหว่างนั้นก็มีตัวเค้าอีกด้านที่แปลงร่างเป็นปักษาวายุ เอ้ย เบิร์ดแมนคอยตามเป่าหูเป็นกุมารทองให้เค้าคิดถึงชีวิตในอดีตที่เคยรุ่งโรจน์สมัยที่ยังเป็นเบิร์ดแมนอยู่ละก็เรื่องราวในการพยายามทำละครเวทีออกมาให้ดี ซึ่งบทดีค่ะให้ข้อคิดควรค่ากะการเป็นหนังรางวัลอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แซววงการหนังได้อย่างดีอย่างที่ใครๆก็พูดกันไม่แปลกใจที่คนที่อยู่ในวงการจะผิวปากวีดวิ้วอย่างถูกใจในทุกฉาก นักแสดงก็เล่นได้ดีอย่างไม่มีคำตำหนิทำให้หนังสนุก ไมเคิล คีตั้นคือใช่ถ้าเปลี่ยนจากเบิร์ดแมนเป็นแบทแมนนี่ตบหน้ากันอย่างจังเลย แต่ส่วนตัวสิ่งที่เรากลับไม่ได้จากหนังคือความสุนทรีย์จากหนังค่ะ

     เริ่มจากเรื่องการถ่ายภาพลองเทคอันเลื่องชื่อของหนังเรื่องนี้ก่อน แบบเทพจริงยอมรับเลยต้องใช้ความสามารถสุดๆในการถ่ายให้ได้แบบนี้ช่วงแรกที่ดูก็แบบ โห เจ๋งอ่ะ สุดยอดด แต่พอดูไปซักแปป เริ่มรู้สึกมึนกับการที่ภาพเคลื่อนไหวอยู่นั่นจะลองเทคก็ไม่ว่าแต่จะหมุนวนทำไมจะเคลื่อนไหวภาพตลอดเวลาเลยเหรอ รู้แล้วว่าเทพ5555 และเริ่มคิดว่าแล้วจะลองเทคไปทำไมนะ ภาพสวยขึ้นเหรอ ก็ไม่หนิ ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าลองเทคแล้วสวยจังแบบGravity ที่ให้ความรู้สึกเวิ้งว้างล่องลอยไปในอากาศ หรือต้องการให้รู้สึกอินว่านี่คือชีวิตจริงที่สั่งเทคไม่ได้นะรึปล่าว....ไม่รู้สิ....คือเข้าใจแหละว่ามีเหตุผลที่เจ๋งๆ....แค่เริ่มมึนละกับการดูภาพลองเทคนานๆ5555
     ละเมื่อบวกกับSOUNDประกอบที่เป็นเสียงกลองรัวๆที่ดูเท่ห์ดีแต่ดันมีตลอดเวลาและถ้าฟังดีๆมีเสียงนาฬิกาติ้กต็อกเบาๆอีก ทำให้รู้สึกสมองถูกรบกวนตลอดเวลา ตอนแรกก็แบบ เอ๊ะ เปิดWhiplash พร้อมกันไปด้วยรึปล่านะ เสียงกลองรัวเชียว แต่ก็ไม่ใช่555

     เมื่อการเคลื่อนไหวตลอดเวลาของภาพผสมกับซาวกลองที่รัวก้านสมองเป็นระยะผสมกันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานทำให้รู้สึกรำคาณบ้าง ลืมตัวอยากจะหยิบรีโมทมากดปิดเสียงบ้างเพราะคิดว่าดูอยู้บ้าน555 ก็ทำให้บั่นทอนความสุนทรีย์ในการดูหนังไประดับนึงเลยทีเดียว มึนตึ๊บ

     แต่หนังใส่ประเด็นที่อยากนำเสนอมาดีนะ ทั้งเรื่องการยึดติด ไม่ปล่อยวาง ต้องการเป็นSomebody การเสียดสีสังคม การมีอำนาจในมือที่จะทำอะไรก็ได้ การคิดถึงแต่เรื่องหาผลประโยชน์ แนวคิดดีแค่บางทีแอบรู้สึกว่านี่หนังต้องการนำเสนอเรื่องราวจิตใจของคนในวงการคนนึงที่พยายามต่อสู้ให้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งแล้วเรื่องแซววงการเป็นส่วนประกอบหรือแค่ต้องการนำเสนอภาพวงการในมุมกว้างๆแล้วชีวิตของตัวนำเป็นแค่ส่วนประกอบ  และหนังอารมณ์แบบดิบๆตรงๆทุกอย่างในเรื่องมันเจ๋งแต่เหมือนลืมใส่เสน่ห์บางอย่างให้หนังอย่างบอกไม่ถูก คืออย่างWhiplash ก็ดิบและดุดันแต่เรารู้สึกว่าในความดิบนั้นมีความละเมียดละไมอยู่

     บ่นมาซะเยอะแต่ก็ไม่ได้ว่าจะทำไหนังไม่สนุกไปซะทีเดียวนะ ดราม่าฟาดฟันกันสุดฝีมือ ถ้าไม้ได้ไม่ชอบภาพและเสียงแบบเราก็จัดว่าเป็นหนังดีดูได้เพลินๆจนจบ แต่อย่างที่บอกไม่ใช่สไตล์เรา(ทั้งๆที่ปกติเรานี่คอหนังรางวัลและคอหนังนอกกระแสเลยนะ555 ) ย้ำว่าหนังเจ๋งดีควรค่ากะรางวัลแต่แค่ไม่ใช่หนังที่เข้าไปเป็นหนังดีในตำนานของเราแค่นั้นเอง
เอาเป็นว่าคนชอบก็มีคนไม่ชอบก็มี ลองไปพิสูจน์หนังดีเรื่องนี้กันเองแล้วกันค่ะว่าจะถูกจริตไหม

คะแนน 7/10

ปักษาวายุไปไกลถึงOscarแล้วววว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่