การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกอย่างรายการ FIM Superbike World Championship ที่จะเป็นการแข่งขันโดยนำเอารถที่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดมาเพื่อทำการโมดิฟาย โดยในปี 2015 กับการแข่งขั่นที่เริ่มขึ้นไปแล้ว ณ สนามฟิลลิปไอร์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ส่วนสนามที่ 2 จะมาที่ประเทศไทย กับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นเนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ วันที่ 20-22 มีนาคม 2558 นี้ ซึ่งใครที่ชื่นชอบการแข่งขันไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด
    เพื่อเพิ่มอรรถรสความมันของการแข่งขันระดับโลกที่จะเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย กับเรื่องราวของรถที่ใช้ในการแข่งขันอย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้นว่ารถที่ใช้ทำการแข่งขันจะเป็นรถที่มีผลิตขึ้นมาเพื่อวางจำหน่ายตามท้องตลาด และรถดังกล่าวก็จะถูกนำมาทำการปรับแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถณะให้เหมาะสำหรับการแข่งขัน สำหรับในปี 2015 กับรุ่น Superbike 1000 CC. มีค่ายรถเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 8 ค่าย โดยมี Apriliia, Kawasaki, Ducati, Honda, Suzuki, BMW, MV Agusta และ EBR ทั้งจากญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา กับ 25 นักแข่งจากทั่วโลกที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ส่วนรุ่นรถที่นำมาใช้ทำการแข่งขันมีดังต่อไปนี้

Kawasaki NINJA ZX-10R




    ยกให้เป็นอันดับ 1 เลยสำหรับตัวแรงแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Kawasaki NINJA ZX-10R รถสปอร์ตตัวแรง เครื่องยนต์ 4 จังหวะ แบบ 4 สูบเรียง ระบบวาล์วแบบ DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 998 CC. ควบคุมการจ่ายน้ำมันระบบหัวฉีด DFI เกียร์ 6ระดับ โดยในรุ่นนี้มีทีมที่ทำเอารถรุ่นนี้มาปรับแต่งเพื่อใช้ในการแข่งขันด้วยกันทั้งสิ้น 6 คัน จาก 4 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

Ducati Panigale R



    ทางด้านของค่ายรถจากอิตาลีอย่าง Ducati ที่จัดส่งเอา Panigale R เข้าร่วมการแข่งขันด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบแบบ L-Twin 1198 cm3 ระบบวาล์วแบบ Desmodromic 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดอิเลคโทรนิก เกียร์ 6 ระดับ สำหรับรถจากค่ายนี้เข้าร่วมทำการแข่งขันทั้งสิ้น 5 คัน จากจำนวนทีมที่เข้าร่วมทั้งหมด 3 ทีม    

BMW S1000 RR



ครองตำแหน่งอันดับ 2 ร่วมสำหรับการส่งเข้าแข่งในครั้งนี้สำหรับ BMW S1000RR ที่มีรถเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 5 คัน จากทีมแข่งทั้งสิ้น 3 ทีม โดยตัวเครื่องยนต์ของ S1000RR จะเป็น 4 จังหวะ 4 สูบเรียง ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรกระบอกสูบ 999 CC. ระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดอิเลคโทรนิก เกียร์ 6 ระดับ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกโมเดลของตัวระดับ 1,000 CC. ที่มีสมรรถณะอย่างเหลือล้นต่อการขับขี่

Aprilia RSV4 RF



ทางด้านของ Aprilia RSV4 RF ที่ใช้ในการแข่งขันปีนี้ของทาง Aprilia ที่เข้าร่วมกันเพียง 2 คันเท่านั้น โดยลงมาเพื่อทำการป้องกันตำแหน่งแชมป์ที่ถือได้ว่าค่ายรถจาก Aprilia ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันของ World Superbike สำหรับตัวเครื่องยนต์ของ Aparilia RSV4 RF 4 จังหวะ 4 สูบแบบ V 65 องศา ปริมาตรกระบอกสูบอยู่ที่ 999.6 CC. ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบบหัวฉีดอิเลคโทรนิก เกียร์ 6 ระดับ ด้วยดีกรีแชมป์ 2 สมัยจาก 3 ปีล่าสุดถือได้ว่ารถจากค่ายนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน  

Honda CBR1000RR SP



สำหรับ Honda ที่ร่วมการแข่งขันเพียงทีมเดียว กับรถ 2 คัน โดยตัว Honda CBR1000RR SP ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งบนถนนและในสนามกับขุมกำลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 999 CC. ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยระบบ PGM-DSFI เกียร์ 6 ระดับ ถือได้ว่าเป็นอีกโมเดลของรุ่น 1,000 CC. ซึ่งเป็นที่ยอมรับของเหล่านักบิดทั้งหลายจากทั่วโลก

Suzuki GSX-R1000



    ทางด้านของค่ายรถอย่าง Suzuki ที่ปลุกปล้ำในรายการนี้มาอย่างยาวนาน ล่าสุดได้หวนกลับสู่สังเวียน motoGP อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ทิ้งทีมแข่งในรายการนี้ด้วยความแรงอันเป็นเอกลักษณ์ของรถจากค่าย Suzuki ชนิดที่เรียกว่ายากที่จะหาคนมากุมบังเหียนสร้างความสำเร็จ โดยตัวเครื่องยนต์ของ Suzuki GSX-R1000 4 จังหวะ 4 สูบ แบบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 999 cm3 ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดอิเลคโทรนิก เกียร์ 6 ระดับ สำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มีเพียง 1 ทีม โดยรถแข่งในทีมมี 2 คันเท่านั้น      

EBR 1190 RX




    EBR  ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูแต่ถ้าบอกว่า Eric Buell Racing เริ่มที่จะคุ้นกันบ้างแหละ สำหรับ EBR กับ Buell ถือว่ามีพันธุ์กรรมที่ใกล้เคียงกันเพียงแต่ว่า Buell จะเป็นรถนักเก็ตกับฮาร์ฟแฟริ่ง แต่สำหรับ EBR จะเป็นรถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งโดยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 2 สูบ แบบ V TWIN 72 องศา ปริมาตรกระบอกสูบ 1190 CC. ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอิเลคโทรนิก เกียร์ 6 ระดับ โดยปีนี้เข้าร่วมการแข่งขัน 1 ทีม กับรถ 2 คัน หลังจากปีที่แล้วเคยมาร่วมการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาลมาแล้ว

MV Agusta 1000 F4



มาคันเดียว เดี่ยวๆ สำหรับ MV Agusta 1000 F4 แบรนด์นี้เคยสร้างชื่อเสียงระดับการแข่งขันกรังปรีย์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยยุคเริ่มต้นก่อนที่จะหยุดและอำลาจากเวทีการแข่งขันไป สำหรับการกลับมาเข้าร่วมการแข่งขันในระดับ World Superbike โมเดลรถที่มีการพัฒนากันไปไกลแต่ MV Agusta ก็ไม่ละความพยายามกับสปอร์ตระดับ 1,000 CC. ของทาง MV Agusta ในรุ่น F4 ที่เป็นเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 998 CC. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอิเลคโทรนิก เกียร์ 6 ระดับ
ทางด้านของสเปคเครื่องยนต์สังเกตได้ว่าจะมี 4 สูบ และ 2 สูบ โดยเครื่องยนต์ 4 สูบจะมีปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน 1,000 CC. และถ้าเป็น 2 สูบ จะไม่เกิน 1,200 CC. ตามกติกาที่ผู้จัดการแข่งขันกำหนดขึ้น และรายละเอียดของเครื่องยนต์ทั้ง 2 รูปแบบเรียกว่าคล้ายๆ กัน แต่ด้วยดีกรีของรถที่ใช้สำหรับทำการแข่งขันที่บอกได้เลยว่าแต่ละค่ายได้ทำการโมดิฟายมาอย่างเต็มที่ตามกติกาที่กำหนดขึ้น ซึ่งในวันที่ 20-22 มีนาคมนี้ กับการแข่งขัน World Superbike ที่จะมาแข่งขันกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมส์การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด โดยบัตรเข้าชมสามารถหาซื้อได้ที่ ร้าน 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ