ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนะคะ ครอบครัวเราทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างในตจว.ค่ะ เป็นลักษณะซื้อมา-ขายไป
อาจจะได้เครดิตจากผู้ส่ง 1-3 เดือน แล้วแต่ประเภทสินค้าที่สั่งเข้ามา ซึ่งเราเริ่มมาช่วยงานที่บ้านได้ประมาณ 4 ปีแล้วค่ะ
ส่วนผู้รับเหมาคนนี้ก็คุ้นเคยเป็นลูกค้ากัน ซื้อขายกันมาหลายรอบไม่เคยมีปัญหานะคะ ส่วนใหญ่ที่เค้ารับงานมาก็เป็นงานเล็กๆ
ยอดซื้อ ครั้งละ 3-4 หมื่น ก็จ่ายตามนัดไม่เคยมีปัญหาเรื่องค้างเงินเลย (นอกจากเค้าเป็นผู้รับเหมาแล้วยังเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วยค่ะ
เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราปล่อยเครดิตให้ เพราะคิดว่าเค้าคงไม่เบี้ยว)
จนครั้งล่าสุดก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องเบี้ยวหนี้ เค้าก็มาคุยกับแม่เราว่าไปรับเหมางานนึงซึ่งอาจจะใช้เวลาเบิกประมาณ 3 เดือนหลังเสร็จงาน
และขอเครดิตกับร้านเราให้ส่งของให้ ซึ่งเราเป็นคนเขียนสัญญาต่างๆไว้ รวมถึงสัญญารับสภาพหนี้ให้เองค่ะ
เบ็ดเสร็จเค้าค้างเงินค่าวัสดุที่ร้านเราอยู่ ประมาณ 1 แสนค่ะ (บางท่านอาจจะคิดว่าเงินไม่เยอะมาก แต่สำหรับเรากว่าจะขายของ
ได้กำไรเท่านี้ก็เหนื่อยโฮกนะคะ ) ซึ่งถ้านับตั้งแต่วันที่เปิดบิล จนถึงวันนี้ก็ 3 ปีแล้วค่ะ โดยที่ทางเราก็ทวงมาเรื่อยๆนะคะ
เค้าก็จะนัดว่าเสร็จงานนู้นบ้าง งานนี้บ้าง เดี๋ยวเบิกมาให้ (ส่วนงานที่เอาวัสดุร้านเราไปทำ เค้าอ้างว่า ไม่ผ่านการตรวจสอบ
เลยเบิกเงินไม่ได้ แต่จะเอาเงินจากโครงการอื่นที่ทำอยู่มาให้) เป็นแบบนี้มาตลอด พอถึงวันนัด เราโทรตาม
ก็อ้างว่า งานโครงการไม่ผ่าน เบิกเงินไม่ได้ ทำรับเหมาขาดทุน ฯลฯ สาระพัดที่เอามาอ้าง ยืดเยื้อกันมาจนถึงปัจจุบัน
อารมณ์ประมาณ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จนสุดท้ายทางเราก็ให้ทนายยื่นฟ้องศาล
ล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ก็ถึงเวลาไปขึ้นศาล ซึ่งพ่อเราเป็นคนไป เค้าก็แจ้งกับศาลว่าสิ้นเดือนมกราคม
จะมีเงินที่เบิกได้ 1 ก้อน (ห้าหมื่นบาท) ซึ่งเป็นเงินจากการค้ำประกันโครงการรับเหมาที่เค้าทำอยู่ และบอกว่าสามารถเบิกได้เลยถ้าครบกำหนด
แล้วให้ทางร้านถือสำเนาเอกสารการค้ำประกันนี้ไว้ เราก็เลยยังไม่มีการติดต่อทวงหนี้กันอีก จนถึงครบกำหนดและเลยวันที่นัดไว้แล้วนะคะ
ประมาณต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2558 พ่อเราก็โทรไปตามแต่ติดต่อไม่ได้ พ่อเราจึงไปติดต่อธนาคารสาขาที่ระบุในเอกสารนั้น
แต่ผจก.สาขาไม่อยู่ เจ้าหน้าที่เลยรับเรื่องไว้ สุดท้ายตอนเย็น ผจก.ธนาคารก็โทรมาบอกพ่อเราว่า เงินได้เบิกไปแล้ว พอรู้เรื่อง พวกเรานี่ปรี๊ดเลย
(พ่อเราโมโหมาก ถึงขนาดจะเอาปืนไปยิงให้มันจบๆไป อารมณ์เลือดขึ้นหน้าอ่ะค่ะ แต่พวกเราก็บอกให้ใจเย็นๆก่อน
บอกว่าทำแบบนั้นนอกจากไม่ได้เงินคืนแล้วยังจะติดคุกอีก 555 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำนะคะ ซึ่งปกติพ่อเราเป็นคนใจเย็นมาก)
จนถึงตอนนี้ เราก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อดี เพราะปรึกษาทนาย ก็บอกว่าบังคับคดีได้ แต่ก็ต้องจ่ายอีกประมาณ 1 หมื่น
(ตอนส่งฟ้องก็จ่ายไป 1 หมื่น แล้วนะคะ) เราเลยคิดว่า มันจะคุ้มมั้ยกับที่ต้องจ่ายเพิ่ม โดยที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนเมื่อไหร่
เลยอยากรบกวนผู้มีประสบการณ์โดนลูกค้าเบี้ยวหนี้ มีวิธีจัดการทวงหนี้ยังไงบ้างคะ แล้วได้คืนรึเปล่า
ตอนนี้เครียดมากค่ะ บางวันพ่อเราเครียดถึงกับนอนไม่หลับพอคิดถึงพวกลูกหนี้ที่ค้างอยู่ เพราะรวมๆหลายเจ้าก็เกือบๆ 2 ล้านเลยค่ะ
ปล. เป็นครั้งแรกเลยที่เขียนกระทู้ยาวขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนนะคะที่สละเวลาอ่าน
ใครเคยโดนลูกค้าเบี้ยวหนี้พอถึงกำหนดชำระแล้วไม่ยอมจ่ายบ้างคะ แล้วมีวิธีจัดการทวงหนี้ยังไง ตอนนี้มืดแปดด้านเลยค่ะ
อาจจะได้เครดิตจากผู้ส่ง 1-3 เดือน แล้วแต่ประเภทสินค้าที่สั่งเข้ามา ซึ่งเราเริ่มมาช่วยงานที่บ้านได้ประมาณ 4 ปีแล้วค่ะ
ส่วนผู้รับเหมาคนนี้ก็คุ้นเคยเป็นลูกค้ากัน ซื้อขายกันมาหลายรอบไม่เคยมีปัญหานะคะ ส่วนใหญ่ที่เค้ารับงานมาก็เป็นงานเล็กๆ
ยอดซื้อ ครั้งละ 3-4 หมื่น ก็จ่ายตามนัดไม่เคยมีปัญหาเรื่องค้างเงินเลย (นอกจากเค้าเป็นผู้รับเหมาแล้วยังเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วยค่ะ
เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราปล่อยเครดิตให้ เพราะคิดว่าเค้าคงไม่เบี้ยว)
จนครั้งล่าสุดก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องเบี้ยวหนี้ เค้าก็มาคุยกับแม่เราว่าไปรับเหมางานนึงซึ่งอาจจะใช้เวลาเบิกประมาณ 3 เดือนหลังเสร็จงาน
และขอเครดิตกับร้านเราให้ส่งของให้ ซึ่งเราเป็นคนเขียนสัญญาต่างๆไว้ รวมถึงสัญญารับสภาพหนี้ให้เองค่ะ
เบ็ดเสร็จเค้าค้างเงินค่าวัสดุที่ร้านเราอยู่ ประมาณ 1 แสนค่ะ (บางท่านอาจจะคิดว่าเงินไม่เยอะมาก แต่สำหรับเรากว่าจะขายของ
ได้กำไรเท่านี้ก็เหนื่อยโฮกนะคะ ) ซึ่งถ้านับตั้งแต่วันที่เปิดบิล จนถึงวันนี้ก็ 3 ปีแล้วค่ะ โดยที่ทางเราก็ทวงมาเรื่อยๆนะคะ
เค้าก็จะนัดว่าเสร็จงานนู้นบ้าง งานนี้บ้าง เดี๋ยวเบิกมาให้ (ส่วนงานที่เอาวัสดุร้านเราไปทำ เค้าอ้างว่า ไม่ผ่านการตรวจสอบ
เลยเบิกเงินไม่ได้ แต่จะเอาเงินจากโครงการอื่นที่ทำอยู่มาให้) เป็นแบบนี้มาตลอด พอถึงวันนัด เราโทรตาม
ก็อ้างว่า งานโครงการไม่ผ่าน เบิกเงินไม่ได้ ทำรับเหมาขาดทุน ฯลฯ สาระพัดที่เอามาอ้าง ยืดเยื้อกันมาจนถึงปัจจุบัน
อารมณ์ประมาณ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จนสุดท้ายทางเราก็ให้ทนายยื่นฟ้องศาล
ล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ก็ถึงเวลาไปขึ้นศาล ซึ่งพ่อเราเป็นคนไป เค้าก็แจ้งกับศาลว่าสิ้นเดือนมกราคม
จะมีเงินที่เบิกได้ 1 ก้อน (ห้าหมื่นบาท) ซึ่งเป็นเงินจากการค้ำประกันโครงการรับเหมาที่เค้าทำอยู่ และบอกว่าสามารถเบิกได้เลยถ้าครบกำหนด
แล้วให้ทางร้านถือสำเนาเอกสารการค้ำประกันนี้ไว้ เราก็เลยยังไม่มีการติดต่อทวงหนี้กันอีก จนถึงครบกำหนดและเลยวันที่นัดไว้แล้วนะคะ
ประมาณต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2558 พ่อเราก็โทรไปตามแต่ติดต่อไม่ได้ พ่อเราจึงไปติดต่อธนาคารสาขาที่ระบุในเอกสารนั้น
แต่ผจก.สาขาไม่อยู่ เจ้าหน้าที่เลยรับเรื่องไว้ สุดท้ายตอนเย็น ผจก.ธนาคารก็โทรมาบอกพ่อเราว่า เงินได้เบิกไปแล้ว พอรู้เรื่อง พวกเรานี่ปรี๊ดเลย
(พ่อเราโมโหมาก ถึงขนาดจะเอาปืนไปยิงให้มันจบๆไป อารมณ์เลือดขึ้นหน้าอ่ะค่ะ แต่พวกเราก็บอกให้ใจเย็นๆก่อน
บอกว่าทำแบบนั้นนอกจากไม่ได้เงินคืนแล้วยังจะติดคุกอีก 555 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำนะคะ ซึ่งปกติพ่อเราเป็นคนใจเย็นมาก)
จนถึงตอนนี้ เราก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อดี เพราะปรึกษาทนาย ก็บอกว่าบังคับคดีได้ แต่ก็ต้องจ่ายอีกประมาณ 1 หมื่น
(ตอนส่งฟ้องก็จ่ายไป 1 หมื่น แล้วนะคะ) เราเลยคิดว่า มันจะคุ้มมั้ยกับที่ต้องจ่ายเพิ่ม โดยที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนเมื่อไหร่
เลยอยากรบกวนผู้มีประสบการณ์โดนลูกค้าเบี้ยวหนี้ มีวิธีจัดการทวงหนี้ยังไงบ้างคะ แล้วได้คืนรึเปล่า
ตอนนี้เครียดมากค่ะ บางวันพ่อเราเครียดถึงกับนอนไม่หลับพอคิดถึงพวกลูกหนี้ที่ค้างอยู่ เพราะรวมๆหลายเจ้าก็เกือบๆ 2 ล้านเลยค่ะ
ปล. เป็นครั้งแรกเลยที่เขียนกระทู้ยาวขนาดนี้ ขอบคุณทุกคนนะคะที่สละเวลาอ่าน