สวัสดีค่ะ เราจัดงานแต่งงานไปเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2014 ปลายที่ผ่านมา ซึ่งงานผ่านไปได้ด้วยดี
เลยอยากรวบรวมข้อมูลมารีวิวเพื่ออาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคู่ที่กำลังจะวางแผนจัดงานแต่งงาน
และอีกอย่างคืออยากขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยให้งานแต่งงานนี้เกิดขึ้นได้
โดยจะแบ่งเป็นช่วงงานพิธีหมั้นกับงานเลี้ยงนะคะ กระทู้จะยาวนิดนึงและรูปเยอะค่ะ



ฤกษ์แต่งงาน
เราสองคนคบกันมาประมาณ 6 ปีกว่า เจอกันที่บริษัทเกาหลีแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเจ้าสาวอายุ 28 เจ้าบ่าวอายุ 30 คุยเรื่องแต่งงานกันมาเรื่อยๆ และคิดว่าตอนนี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว บวกกับทางคุณพ่อแฟนท่านอายุมากและไม่ค่อยสบายจึงอยากรีบจัดงานแต่งให้ท่านได้ทันเห็น เราคุยกับที่บ้านเรื่องจะแต่งงานเดือนกันยายน ไปสู่ขอเดือนตุลาคม ส่วนวันที่จัดงานถือเอาฤกษ์สะดวกเพราะคิดว่าทุกวันเป็นวันดี แต่ต้องเป็นวันเสาร์อาทิตย์เพื่อที่แขกจะได้มางานกันสะดวก เรามานั่งดูปฏิทินตารางงานแล้วจิ้มเลือกเอา สรุปเป็นวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย. 2014 ซึ่งเป็นวันที่ทุกคนว่างและก็พอดีเลขสวยด้วย


หลายคนคิดว่าเตรียมงานแต่งเดือนเดียวจะทันเหรอ ด้วยความที่เราสองคนทำงานในวงการเวดดิ้ง เคยทำงานนิตยสารแต่งงานและตอนนี้เป็นช่างภาพถ่ายงานแต่งและช่วยเป็นออแกไนซ์จัดงานแต่งให้เพื่อนๆญาติๆที่รู้จักกัน บวกกับประสบการณ์ที่ผ่านงานแต่งงานมาเยอะเลยคิดว่าน่าจะพอได้ ช่วงปลายปีเป็นฤดูกาลแห่งงานแต่ง เรายุ่งมากทำงานกันเกือบทุกวัน ก่อนงานหนึ่งวันยังมีคิวไปถ่ายงานแต่งให้ลูกค้าอยู่เลย เรื่องดูแลตัวเองความสวยความงามไม่ต้องพูดถึงไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ยังไงก็คิดว่าจะพยายามจัดงานให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้


สถานที่
สถานที่เป็นส่วนสำคัญที่จะกำหนดรูปแบบงาน เราสองคนจ่ายเงินจัดงานด้วยตัวเองทั้งหมดเลยไม่อยากจัดงานใหญ่ให้สิ้นเปลือง อยากจัดงานเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น เชิญแขกเฉพาะญาติและเพื่อนสนิท ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีและรับประทานอาหารร่วมกัน โดยอยากได้สถานที่แบบ Outdoor มีสวนหรือสนามหญ้าให้บรรยากาศสบายๆ ซึ่งหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ทไปดูโรงแรมและร้านอาหารมาหลายแห่ง สุดท้ายมาลงตัวที่ร้านอาหาร "Scenery Kaffe & Restaurant" ตั้งอยู่ซอยพุทธบูชา 37 ใกล้กับบ้านเจ้าสาวแถวประชาอุทิศ ร้านน่ารักมากๆ ได้คุยกับ "พี่พล" เจ้าของร้านทราบมาว่าชอบปลูกต้นไม้จึงทำงานรับจัดสวนควบคู่กันไปด้วย เลยไม่แปลกใจที่ภายในบริเวณร้านจะมีสวนและต้นไม้นานาชนิด หากแขกเกิน 100 คน เค้าจะปิดร้านให้เลย (ที่ร้านรับแขกได้สูงสุดประมาณ 200 คน) โดยคิดค่าสถานที่บวกกับค่าอาหารและเครื่องดื่มแบบบุฟเฟต์เป็นรายหัว งานเรานับแขกคร่าวๆ ได้จำนวน 120 คน ซึ่งโดยรวมแล้วราคาอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้จึงตัดสินใจจองที่นี่


ข้อดี
- สถานที่มีแบ่งโซนอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ทำให้สามารถจัดโซนแขกได้ชัดเจน ให้ผู้ใหญ่นั่งด้านในห้องแอร์ไม่ร้อน ส่วนเพื่อนๆ นั่งข้างนอกชิลๆ กันไป
- สามารถใช้สถานที่ได้ถึงเที่ยงคืน ให้สนุกกับเพื่อนได้ยาวๆ โดยไม่ชาร์จเพิ่ม จากที่สอบถามมาโรงแรมหรือร้านอื่นส่วนมากอยู่ได้ถึงสี่ทุ่ม

ข้อเสีย
- เสี่ยงกับการเจอฝนตก ก่อนหน้าวันที่เราจัดงานสองวันฝนยังตกหนักอยู่เลย ซึ่งสร้างความกังวลเพราะหากฝนตกแล้วสนามหญ้าจะแฉะและมีน้ำขังทำให้ไม่สะดวก
- ร้านค่อนข้างไกล เส้นทางไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ขนาดทำแผนที่แนบไปในซองการ์ดแต่งงาน แขกยังหลงทางกันบ้างเหมือนกัน
- ตอนแรกทางร้านบอกมีห้องสำหรับแต่งหน้า แต่พอวันจริงพี่เค้าบอกว่าห้องมันรกเพราะเอาของไปเก็บเยอะ บ่าวสาวเลยต้องหามุมนั่งแต่งหน้าด้านหลังห้องในโซนห้องกระจกซึ่งไม่เป็นส่วนตัว แต่เราไม่ซีเรียสเท่าไหร่ เพราะช่วงก่อนงานมีแต่ญาติสนิทมา แต่งหน้าไปใครเดินผ่านไปมาก็ทักทายกันได้อบอุ่นดี
- ตอนกลางคืนมียุงบ้างเล็กน้อยไม่ถึงกับเยอะ

ช่างแต่งหน้า
ช่างแต่งหน้าคือ "พี่แขก" (IG pinkliner_mafia) เป็นช่างที่คุ้นเคยเห็นกันมานานเชื่อใจฝีมือได้ ปกติเรามีงานถ่ายภาพพรีเวดดิ้งก็จะให้พี่เค้าแต่งให้ลูกค้าเป็นประจำ วันที่เราแต่งงานพี่เค้ารับงานเช้าที่จังหวัดเพชรบุรี และจริงๆ ต้องมีงานเย็นต่อที่นั่นด้วย แต่เค้าให้เพื่อนไปแต่งงานเย็นแทน แล้วขับรถกลับมาแต่งหน้าทำผมให้เราทั้งช่วงบ่ายและเย็น ขอบคุณและซาบซึ้งใจมากๆ


ระหว่างที่เจ้าสาวแต่งหน้า เจ้าบ่าวก็ออกมาดูงานตกแต่ง


ถึงตาเจ้าบ่าวเสริมหล่อบ้าง


ชุดไทย
เนื่องจากบ้านเจ้าบ่าวเป็นคนไทย คุณแม่เจ้าบ่าวอยากให้ใส่ชุดไทย เลยได้ชุดไทยจาก เรือนแก้ว เวดดิ้ง สตูดิโอ
ร้านนี้คุ้นเคยกันดีเพราะเคยรับจ็อบถ่ายภาพให้ในสตูดิโอ อยู่ตรงข้ามซอยบ้านเจ้าบ่าวแถวบางนา มีชุดไทยให้เลือกเยอะราคาไม่แพง
ขอบคุณ "พี่ก็อต" ที่ช่วยแนะนำและแก้ไซส์ให้พอดีตัวเป๊ะเลย


พิธีหมั้นและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
เราเลือกจัดพิธีในช่วงบ่ายเพื่อจะให้ต่อเนื่องกับงานเย็นเลย แขกที่มาแล้วจะได้อยู่ยาวๆ การจัดสถานที่เกิดการสื่อสารที่ผิดพลาดกับทางร้าน ตอนแรกเราอยากจัดข้างนอกเอ้าท์ดอร์เพราะสวยกว่า ถ่ายรูปออกมาได้มุมที่แสงสวยพอดี แต่พอใกล้วันงานคุยกับทางร้านว่าเปลี่ยนใจมาจัดด้านในเพราะกลัวแขกร้อน พอมาถึงวันงานจริงเห็นเจ้าของร้านจัดโต๊ะเก้าอี้ทำพิธีให้ด้านนอก ทีมตกแต่งก็จัดแบ็คดรอปไว้ด้านนอกแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะถ้าย้ายกันก็เสียเวลาไปอีก เมื่อถึงเวลาจริงแดดบ่ายๆ ไม่ร้อนมาก มีเงาไม้ให้ความร่มรื่น ภาพที่ออกมาเราชอบมากแสงแดดอ่อนๆ บรรยากาศสดชื่น

พิธีเน้นแบบเรียบง่าย ไม่มีขันหมาก เนื่องจากเจ้าบ่าวยกสินสอดไปแล้ววันที่สู่ขอที่บ้าน และป๊ากับม้ารับไว้เป็นพิธีและคืนให้หมดเป็นทุนสำหรับตั้งตัวในชีวิตคู่ ท่านบอกว่าเลี้ยงลูกสาวมาหากรักใครและเห็นว่าเป็นคนดีก็ยินดีให้แต่งงานกัน ไม่ได้คิดจะขายลูกสาวแลกกับสินสอด พิธีจึงเริ่มที่สวมแหวน ต่อด้วยรับไหว้ ทางฝั่งเจ้าบ่าวเป็นคนไทยจึงใช้พานธูปเทียน ส่วนเจ้าสาวเป็นคนจีนจึงเป็นการยกน้ำชา และปิดท้ายด้วยการหลั่งน้ำพระพุทธมนต์

ก่อนเริ่มพิธีจุดธูปไหว้เจ้าที่ขอให้งานราบรื่นและฝนไม่ตก


บรรยากาศร่มรื่นมาก


บ่าวสาวเดินเข้างาน งานนี้ให้ "ดา" น้องสาว "พี" ลูกพี่ลูกน้อง และ "นุ่น" เพื่อนแฟนช่างภาพ ช่วยเป็นพิธีกร ขอบคุณทุกคนมาก


อาม่ายิ้มตลอดงานดีใจมากที่ได้เห็นหลานสาวแต่งงานในวันนี้


ตอนจะสวมแหวนก็เกิดหัวเราะขึ้นมาทั้งคู่เพราะเขิลไม่ชินกับทำพิธีจริงจัง
ถึงกับพูดกันว่าแต่งงานจริงๆ มันยากนี่หว่า ปกติถ่ายรูปให้คนอื่นดูง่ายๆ


ตอนเจ้าสาวกราบเจ้าบ่าวก็ไม่รู้จะขำไปไหน


เจ้าสาวสวมแหวนบ้าง


หม่าม้าแอบร้องไห้รึเปล่า


รอยยิ้มอาม่า


แอบเห็นน้ำตาคุณพ่อเจ้าบ่าว


ของรับไหว้เป็นผ้าขนหนูซื้อที่โรบินสันให้ทางห้างห่อของขวัญให้เลย


บรรยากาศช่วงรับไหว้และยกน้ำชา ขอบคุณ "พี่ลูกเกด" และ "พี่ลูกจัน" ที่ช่วยเตรียมของรับไหว้ส่งให้ค่ะ


ต่อไปเป็นพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์


ใช้กระถางต้นไม้จากในสวนรับน้ำแทนพานดอกไม้


คุณพ่อคุณแม่เจ้าสาวคล้องมาลัย


คุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าวสวมมงคลและเจิมหน้าผาก