ผมพูดถึงทั้งหนังทั้งละครนะคับแต่จะโฟกัสที่ละครถ้าสองอย่างคงยาว
เมื่อไหร่มันมันจะพัฒนาคับ ความหลากหลายแถบไม่มีเลย มีแต่ละครรัก ลุ้นฉากตบ พระนางได้กันแค่เนี่ย อยากให้มีอย่างอื่นมาเสริมบ้าง
ซีรี่ย์ต่างประเทศนี่เค้าไปไกลมากเลยนะคับ หลากหลายและต่อยอดได้หลายseasonด้วย
แต่ถ้าจะเอาแบบฝรั่งคงยากเกินไปสำหรับไทย เพราะบทเค้าศึกษาดีมาก ไซไฟ วิทยาศาตร์ ได้หมด
เค้าเห็นจุดไหนเล่นไหนบทได้บ้างก็เอามาใส่ได้เหมาะกับเรื่องมากบางอย่างไม่รู้คนดูก็ได้สาระอีกด้วย ตรงนี้ผมจะขยายความอีกที
เอาแบบง่ายไม่ต้องวิทยาศาสตร์มากแค่เรื่องอาชีพ เอาให้ได้แบบในซีรี่ย์เกาหลีก่อนละกัน
เกาหลีมีเรื่องที่สอดแทรกเกี่ยวกับอาชีพต่างๆอยู่มากคับแล้วเค้าก็ทำได้ดีมากคับให้สาระได้ดีไม่มีเบื่อ
อย่าง pinocio คับ เราจะได้เห็นการทำงานต่างๆของเค้า ซึ่งมันดูสมจริงมาก เห็นขั้นตอนการทำงานของเค้าว่าทำอะไร ยังไง
เค้าเล่นกับปัญญาของอาชีพนี้ได้ดี
ไม่เหมือนละครไทย รู้แค่ทำอะไรแค่นั้น จบ พอ ไปเรื่องรัก
ละครไม่จำเป็นจะต้องรักกันตอนจบหลอกนะคับ เรื่องนี้รักกันตั้งแต่ต้นเรื่อง
เค้าเน้นเนื่อเรื่องปมของพระเอกกับการแทรกความรู้อาชีพนักข่าว
มีฉากนึงครับ เป็นฉากสอบสัมภาษณ์โดยให้รายงานข่าวจากภาพเดียวกันไปทีละคนไปเรื่อยๆ พระเอกเริ่มคนแรกบรรยายข่าวตามภาพที่เห็นไม่แต่งเติม
จนมาคนต่อมาเรื่อยๆ ก็เอาของคนที่พูดก่อนมาต่อยอดแต่งเติมเรื่อยๆ
จะเห็นได้ว่ามันเป็นเพียงการคาดเดาที่ดูฟังขึ้นแต่มันไม่สามารถพิสูจได้ว่าจริงหรือเท็จ
จนมาถึงนางเอก นางเอกเลือกที่จะพูดตามที่เห็นเหมือนพระเอก กรรมการเลยถามว่าทำไมไม่เอาของคนก่อนหน้ามาต่อยอด
พระเอกพูดแทรกขึ้นมาว่าเพราะเป็นนักข่าว แค่ประโยคนี้ก็สอนได้แล้วคับว่าเป็นนักข่าวต้องพูดความจริง
นอกจากนี้ฉากนี้ยังได้เห็นด้วยว่าทุดคนจ้องแต่จะพูดให้ดูดีกว่าคนอื่นโดยลืมนึกว่ามันเป็นเพียงแค่การคาดเดา มันสอนได้หลายอย่างคับ
หรืออย่างฉากนางเอกต้องไปเก็บภาพทำข่าวคนลื่นล้มจากหิมะเกาะบันได
นางเอกไปช่วยคนที่กำลังจะลื่นทำให้ไม่ได้ภาพคนล้มเลยโดนรุ้นพี่ต่อว่า นางเอกบอกว่าไม่ผิด ตรงนี้ทุกคนจะเข้าข้างนางเอก
จนรุ่นพี่พูดว่า เราไม่ได้มีหน้าที่ช่วยคน เรามีหน้าที่รายงานความจริง ในขณะที่เธอช่วยคนได้ไม่กี่คน ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดูข่าวที่เรารายงาน จะช่วยคนได้อีกหลายคน ทีนี้เธอผิดรึเปล่า มันทำให้เราเข้าใจเหตุผลที่เค้าทำและซาบซึ้งมากคับ
เรื่องดนตรีประกอบเกาหลีทำได้ดีมากคับ ส่วนไทยนี่แถบไม่มี มีแต่เพลง มีดนตีก็ใช้ซ้ำกันสิบเรื่องไม่ทำใหม่
ภาพนี่สวยมากคับ มุมกล้องดี โลเกชั้นสวย ไทยนี่แต่ก่อนนี่หยาบมากคับ แต่เดี๋ยวนี้สวยขึ้นนะคับพัฒนาโดยเฉพาะช่องวันดีมาก
นักแสดงยอบรับเลยคับ ไม่ได้มีดีแค่หน้า แสดงดีมากทุกคนเลย
ของไทยนี่เน้นหน้าตาแต่ทำไมของฝรั่งไม่เห็นหล่อสวยทำผมอินได้ละคับ เหมาะสมบทบาทททุกคน
ส่วนเรื่องตัวร้ายเค้าก็ไม่ได้ร้ายอย่างเดียว มีมุมดีด้วย ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องมีฉากตบตี แต่เค้าใช้สมอง อย่างการบิดเบือนข่าว ควบคุมสื่อ
บางเรื่องก็แค่งอลนิดๆหน่อยๆ
ส่วนเรื่อง
เค้าเห็นจุดไหนเล่นไหนบทได้บ้างก็เอามาใส่ได้เหมาะกับเรื่องมากบางอย่างไม่รู้คนดูก็ได้สาระอีกด้วย
ผมจะยกตัวอย่างให้ดูจากซีรี่ย์เกาหลี doctor stranger เรื่องนี้เกี่ยวกับหมอคับ
เค้าเล่นกับการรักษาได้ดีมากๆ ไม่ได้เหมือนไทยยุโรงบาลนอน
คือแบบเค้าไปศึกษามาโรคไหนใช้ได้บ้าง อาการยังไง ยานี้มีผลข้างเคียงไหม ใช้กับบทได้ไหม
อย่างฉากที่พระเอกผ่าตัดเสด แล้วคนไข้หัวใจหยุดเต้นไปหรืออะไรนี่ละลืมแล้ว แล้วนางเอกมาต่อว่าพระเอก ตรงนี้คนดูคงลุ้นว่าพระเอกพลาดจริงๆ
จนมาเฉลยว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะผลข้างเคียงของยา เนี่ยคับ มันเอามาเล่นได้ ให้ใจหายแปปนึง 55
ไหนๆไทยก็เข้ายุคทีวีดิจอลได้แล้วก็อย่างให้มีบทใหม่ๆอะคับ
คือเข้าใจคับข่าวเขียนบทแนวนี้คงยากเพราะส่วนใหญ่นิเทศจบมาจากสายศิลป์ เลยไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ ผมก็เรียนนิเทศยุคับ
แต่อยากให้ศึกษาดีๆก่อนเขียนอะคับ ดูว่าตรงนี้เล่นกับบทได้เอามาใช้ไรงี้
บทของไทยมันเหมือนเส้นตรงอะคับ อย่าง prison break นี่บทพลิกได้ตลอด พระเอกมีวิธีฉลาดๆเยอะ จนคนดูคิดไม่ทัน โดนดักทาง คือมันสนุกไปด้วยคับ
แต่ผมเคยถามคนที่ทำงานด้านนี้ เค้าบอกว่าเคยมีความคิดจะทำแนวแบบนี้ แต่เค้าไม่ให้ทำเพราะเค้ายังคิดว่าคนไทยชอบดูอะไรง่ายๆไม่ต้องคิด
ผมฟังแล้วก็ท้อนะ คนจัดหัวไม่พัฒนาแบบนี้ ฝากไว้เท่านี้ละกันคับ อยากเห็นมันพัฒนาบ้างอยู่กับที่มา 10 กว่าปีละ
หนังไทยแนวนี้คงไม่มีให้เห็นอีกแล้วมั้งคับ ถ้าไม่ช่วยกันพัฒนาบท
ฝากถึงคนเขียนบทละคร หนัง ช่วยพัฒนาบทให้มันดีกว่านี้ได้ไหมคับ
เมื่อไหร่มันมันจะพัฒนาคับ ความหลากหลายแถบไม่มีเลย มีแต่ละครรัก ลุ้นฉากตบ พระนางได้กันแค่เนี่ย อยากให้มีอย่างอื่นมาเสริมบ้าง
ซีรี่ย์ต่างประเทศนี่เค้าไปไกลมากเลยนะคับ หลากหลายและต่อยอดได้หลายseasonด้วย
แต่ถ้าจะเอาแบบฝรั่งคงยากเกินไปสำหรับไทย เพราะบทเค้าศึกษาดีมาก ไซไฟ วิทยาศาตร์ ได้หมด
เค้าเห็นจุดไหนเล่นไหนบทได้บ้างก็เอามาใส่ได้เหมาะกับเรื่องมากบางอย่างไม่รู้คนดูก็ได้สาระอีกด้วย ตรงนี้ผมจะขยายความอีกที
เอาแบบง่ายไม่ต้องวิทยาศาสตร์มากแค่เรื่องอาชีพ เอาให้ได้แบบในซีรี่ย์เกาหลีก่อนละกัน
เกาหลีมีเรื่องที่สอดแทรกเกี่ยวกับอาชีพต่างๆอยู่มากคับแล้วเค้าก็ทำได้ดีมากคับให้สาระได้ดีไม่มีเบื่อ
อย่าง pinocio คับ เราจะได้เห็นการทำงานต่างๆของเค้า ซึ่งมันดูสมจริงมาก เห็นขั้นตอนการทำงานของเค้าว่าทำอะไร ยังไง
เค้าเล่นกับปัญญาของอาชีพนี้ได้ดี
ไม่เหมือนละครไทย รู้แค่ทำอะไรแค่นั้น จบ พอ ไปเรื่องรัก
ละครไม่จำเป็นจะต้องรักกันตอนจบหลอกนะคับ เรื่องนี้รักกันตั้งแต่ต้นเรื่อง
เค้าเน้นเนื่อเรื่องปมของพระเอกกับการแทรกความรู้อาชีพนักข่าว
มีฉากนึงครับ เป็นฉากสอบสัมภาษณ์โดยให้รายงานข่าวจากภาพเดียวกันไปทีละคนไปเรื่อยๆ พระเอกเริ่มคนแรกบรรยายข่าวตามภาพที่เห็นไม่แต่งเติม
จนมาคนต่อมาเรื่อยๆ ก็เอาของคนที่พูดก่อนมาต่อยอดแต่งเติมเรื่อยๆ
จะเห็นได้ว่ามันเป็นเพียงการคาดเดาที่ดูฟังขึ้นแต่มันไม่สามารถพิสูจได้ว่าจริงหรือเท็จ
จนมาถึงนางเอก นางเอกเลือกที่จะพูดตามที่เห็นเหมือนพระเอก กรรมการเลยถามว่าทำไมไม่เอาของคนก่อนหน้ามาต่อยอด
พระเอกพูดแทรกขึ้นมาว่าเพราะเป็นนักข่าว แค่ประโยคนี้ก็สอนได้แล้วคับว่าเป็นนักข่าวต้องพูดความจริง
นอกจากนี้ฉากนี้ยังได้เห็นด้วยว่าทุดคนจ้องแต่จะพูดให้ดูดีกว่าคนอื่นโดยลืมนึกว่ามันเป็นเพียงแค่การคาดเดา มันสอนได้หลายอย่างคับ
หรืออย่างฉากนางเอกต้องไปเก็บภาพทำข่าวคนลื่นล้มจากหิมะเกาะบันได
นางเอกไปช่วยคนที่กำลังจะลื่นทำให้ไม่ได้ภาพคนล้มเลยโดนรุ้นพี่ต่อว่า นางเอกบอกว่าไม่ผิด ตรงนี้ทุกคนจะเข้าข้างนางเอก
จนรุ่นพี่พูดว่า เราไม่ได้มีหน้าที่ช่วยคน เรามีหน้าที่รายงานความจริง ในขณะที่เธอช่วยคนได้ไม่กี่คน ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดูข่าวที่เรารายงาน จะช่วยคนได้อีกหลายคน ทีนี้เธอผิดรึเปล่า มันทำให้เราเข้าใจเหตุผลที่เค้าทำและซาบซึ้งมากคับ
เรื่องดนตรีประกอบเกาหลีทำได้ดีมากคับ ส่วนไทยนี่แถบไม่มี มีแต่เพลง มีดนตีก็ใช้ซ้ำกันสิบเรื่องไม่ทำใหม่
ภาพนี่สวยมากคับ มุมกล้องดี โลเกชั้นสวย ไทยนี่แต่ก่อนนี่หยาบมากคับ แต่เดี๋ยวนี้สวยขึ้นนะคับพัฒนาโดยเฉพาะช่องวันดีมาก
นักแสดงยอบรับเลยคับ ไม่ได้มีดีแค่หน้า แสดงดีมากทุกคนเลย
ของไทยนี่เน้นหน้าตาแต่ทำไมของฝรั่งไม่เห็นหล่อสวยทำผมอินได้ละคับ เหมาะสมบทบาทททุกคน
ส่วนเรื่องตัวร้ายเค้าก็ไม่ได้ร้ายอย่างเดียว มีมุมดีด้วย ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องมีฉากตบตี แต่เค้าใช้สมอง อย่างการบิดเบือนข่าว ควบคุมสื่อ
บางเรื่องก็แค่งอลนิดๆหน่อยๆ
ส่วนเรื่อง เค้าเห็นจุดไหนเล่นไหนบทได้บ้างก็เอามาใส่ได้เหมาะกับเรื่องมากบางอย่างไม่รู้คนดูก็ได้สาระอีกด้วย
ผมจะยกตัวอย่างให้ดูจากซีรี่ย์เกาหลี doctor stranger เรื่องนี้เกี่ยวกับหมอคับ
เค้าเล่นกับการรักษาได้ดีมากๆ ไม่ได้เหมือนไทยยุโรงบาลนอน
คือแบบเค้าไปศึกษามาโรคไหนใช้ได้บ้าง อาการยังไง ยานี้มีผลข้างเคียงไหม ใช้กับบทได้ไหม
อย่างฉากที่พระเอกผ่าตัดเสด แล้วคนไข้หัวใจหยุดเต้นไปหรืออะไรนี่ละลืมแล้ว แล้วนางเอกมาต่อว่าพระเอก ตรงนี้คนดูคงลุ้นว่าพระเอกพลาดจริงๆ
จนมาเฉลยว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะผลข้างเคียงของยา เนี่ยคับ มันเอามาเล่นได้ ให้ใจหายแปปนึง 55
ไหนๆไทยก็เข้ายุคทีวีดิจอลได้แล้วก็อย่างให้มีบทใหม่ๆอะคับ
คือเข้าใจคับข่าวเขียนบทแนวนี้คงยากเพราะส่วนใหญ่นิเทศจบมาจากสายศิลป์ เลยไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ ผมก็เรียนนิเทศยุคับ
แต่อยากให้ศึกษาดีๆก่อนเขียนอะคับ ดูว่าตรงนี้เล่นกับบทได้เอามาใช้ไรงี้
บทของไทยมันเหมือนเส้นตรงอะคับ อย่าง prison break นี่บทพลิกได้ตลอด พระเอกมีวิธีฉลาดๆเยอะ จนคนดูคิดไม่ทัน โดนดักทาง คือมันสนุกไปด้วยคับ
แต่ผมเคยถามคนที่ทำงานด้านนี้ เค้าบอกว่าเคยมีความคิดจะทำแนวแบบนี้ แต่เค้าไม่ให้ทำเพราะเค้ายังคิดว่าคนไทยชอบดูอะไรง่ายๆไม่ต้องคิด
ผมฟังแล้วก็ท้อนะ คนจัดหัวไม่พัฒนาแบบนี้ ฝากไว้เท่านี้ละกันคับ อยากเห็นมันพัฒนาบ้างอยู่กับที่มา 10 กว่าปีละ
หนังไทยแนวนี้คงไม่มีให้เห็นอีกแล้วมั้งคับ ถ้าไม่ช่วยกันพัฒนาบท