ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เกิดมามีต้นทุนไม่เท่าคนอื่นแต่เราก็สามารถทำสำเร็จได้

สวัสดีค่ะ เราอยากจะแชร์เรื่องชิวิตของเราให้เพื่อนได้รุ้ เผื่อจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ว่าชีวิตนี้ถึงเราจะจน ครอบครัวไม่สมบูรณ์แต่เราก็สามารถ เรียนจบและดูแลครอบครัวได้
   แม่เราคลอดเราตอนอายุ19ซึ่งแม่กับพ่อน่าจะใกล้จบ ปวช แม่กับพ่อแต่งงานกันแต่บ้านพ่อไม่ชอบแม่เรามาก เพราะบ้านพ่อเราจน ตอนท้องแม่เราก็ทำงานรับจ้างพ่อก็ไปๆมาๆระหว่างบ้านพ่อกับบ้านแม่ พอใกล้คลอดเราพ่อเราก็หายไป ตอนเราคลอดพ่อไม่ได้อยู่ด้วย จนพยาบาลเค้าไม่เชื่อว่าแม่เรามีสามี แต่งงานนึกว่าแม่เราท้องแบบไม่มีพ่อ โชคดีที่ ปชช พ่ออยู่ที่บ้านก็เลยแจ้งเกิดใส่ชื่อพ่อลงไปได้ หลังคลอดแม่บอกว่าแม่ตามหาพ่อ ไปที่บ้านย่า ก็บอกว่าม่รู้ ไม่เห็น ทั้งๆที่หายไปประมาน 4 เดือน เค้าไม่สนใจแม่เลย แม่ก็เลี้ยงเรามาคนเดียวแล้วก็มียายช่วยเลี้ยงอีกคน จนถึงเราอายุ 6 เดือน พ่อก็กลับมา พ่อกับแม่ก็ได้อยุ่ด้วยกันอีกครั้ง อยากจะบอกว่าที่บ้านย่าไม่ชอบแม่เรามากขนาดที่น้องของพ่อแต่งงาน (ก็คืออาเรา) พ่อก็ไงาน พี่น้องพ่อพูดกับพ่อว่า มาทำไม ไม่มีใครเชิญแล้วเอามันมาด้วยทำไม (มันคือแม่เรา) ตอนนั้นเรารู้ว่าแม่คงเจ็บปวดมาก พ่อกับแม่เราอยู่ด้วยกันจนมีน้องชายอีกคน หลังจากมีน้องชาย พ่อเราก็เจ็บป่วย ออดๆแอดๆ แล้วที่บ้านย่าก็รับตัวกลับไป แม่ไปตามหาก็ไม่ให้เจอ จนพ่อต้องหนีมาหาแม่เราอีกครั้ง แต่ตอนนี้พ่อดูป่วย ก็เลยกลับบ้านไปก่อน หลังจากกลับบ้านไปครั้งนี้ พ่อก็หายไป มารู้อีกทีจากคนแถวบ้านว่าพ่อเราเสียแล้ว เสียมาหลายวันแล้ว แม่เราก็รีบไปที่บ้านพ่อ ไม่มีใครโทรบอกแม่เราเลยว่าพ่อเราตาย ทั้งๆที่ แม่เรามีลูกตั้ง 2 คน  ตอนนั้นเราอายุ 3 ขวบ น้องชายเราอายุ 1 ขวบกว่าๆ หลังจากนั้นครอบครัวเราก็ไม่ค่อยได้สานสัมพันธ์กับบ้านพ่อ
        เราโตมาด้วยแม่เรารับจ้างทั่วไป ขายของบ้าง แม่กับยายช่วยกันทำงานเลี้ยงเรากับน้อง จำความได้แม่เราก็ทำขนมส่งขายแล้ว ตอนเราอยู่ประถมเราก็เอาขนมที่แม่ทำไปขายที่โรงเรียนบ้าง หลังๆแม่กลัวเราไม่ตั้งใจเรียนเลยไม่ให้ไปขายเพราะบางที ขายของจนเข้าห้องสาย หลังจากนั้นเราอยู่มัธยมเราก็ตื่นตี 3 ตี 4มาช่วยยายกับแม่ทอดขนม พอเราขับมอเตอร์ไซค์เป็นเราก็ต้องไปส่งขนมกับยายแทนแม่ในบางวัน ตอนนั้นยายให้ค่าจ้างวันละ 20 บาท
เราอยากได้ตังมากกว่า 20 บาทเราเลยทำขนมขายเอง คือ ลงทุนเองทำเอง ทำตอนเย็นหลังเลิกเรียน ตอนนั้นเราได้กำไรขนม วันละ 30 กว่าบาทต่อวัน
รวมๆกันก็ 50 บาท แต่เงินก็เก็บไม่ค่อยอยู่ เราก็ซื้อของใช้ ของกิน ครีม ตามประสาวัยรุ่น ทำแบบนี้ไปช่วงนึงขนมขายไม่ค่อยได้ ไปฝากก็ขายไม่หมดเกือบทุกวันแม่ก็เปลี่ยนขนมทำเรื่อยๆก็ขายไม่หมด ขาดทุนทุกวัน แม่เราเลยไม่มีทุนทำขาย ( ทุนทำขนมประมาน 1ร้อยกว่าบาท ถึง 200 บาทต่อวัน ถ้าขายหมดแม่กับยายก็จะได้คนละ ร้อยกว่าบาท ที่เป็นกำไร )
      หลังจากนั้นแม่ก็ไปฝึกปักผ้าจากจักร แล้วก็เก็บเงินไปซื้อจักรสำหรับปักผ้าจำได้ว่าได้ผืนละ 20 บาทแม่เราต้องปักผ้าให้ได้วันละอย่างน้อย 5ผืนไปส่งวันต่อวันเพื่อจะได้เงินมา100 บาท เพื่อไว้เป็นค่าอาหารตอนเย็นและค่าขนมไปโรงเรียนตอนเช้า ตอนนั้นแม่ก็แต่งงานใหม่มีลุกเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คนแต่ชีวิตเราก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ในที่สุดก็อย่าร้าง พ่อเลี้ยงคนนี้ส่งเงินค่าเลี้ยงดูลูก เดือนละ 2000 บาท แต่ก็ไม่พอรายจ่ายอยู่ดี ครอบครัวเราก็หาเช้ากินค่ำแบบนี้จนถึงเราอยู่ ม.6 เราก็สอบเพื่อเข้ามหาลัย เราสอบหลายที่ สอบได้บ้างไม่ได้บ้าง หลายที่ที่สอบได้เราก็ไม่มีเงินจ่ายค่ายืนยันสิทธิ์การเรียน บางที่ก็ 3000 บาท บางที่ก็ 5000 บาทซึ่งแม่เรามียังไม่ถึง1พันเลย น้องก็หลายคน แล้วแม่ก็แต่งงานอีกครั้ง ช่วงนั้นเราสอบติดทุนพอดีบ้านเราอยู่ใต้สุดแต่เราสอบติดได้ทุนเรียนเหนือสุดซึ่งพอแม่เรารู้แม่เราก็ไม่ให้เราไปเรียน แต่มันเป็นโอกาสของเราแล้วเพราะเราเข้าไปโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
อะไรเลย ไม่งั้นเราก็คงอาจจะไม่มีโอกาสได้เรียนมหาลัยดีดี เราคุยกับแม่นานมาก บอกว่าเราอยากเรียนต่อจริงๆ เรากลัวไม่มีโอกาสได้เรียน แม่เราก็เลยยอม ใจนึงก็ห่วง อีกอย่างเราต้องไปภายในอาทิตย์นี้เลยเพื่อไปเรียนปรับพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ แม่ก็กลัวหาเงินให้เราไม่ทัน
     วันที่เราจะเดือนทางแม่เรามีเงินประมาณ 1 พันบาทแล้วแม่เราก็เอาจักรที่ซื้อไว้ไปจำนำได้อีกพันกว่าบาท เรามีเงินไป 2000 บาท เราไปคนเดียวที่เชียงรายเนื่องจากแม่เรากำลังท้องแล้วก็ไม่มีเงินไปส่ง เรานั่งรถไฟชั้น 3 จากบ้านลง หัวลำโพง แล้วนั่งรอรถไฟจากหัวลำโพงไปเชียงใหม่ ถึง เชียงใหม่ ต่อรถไปอีก 4 ชม เราใช้เวลาเดินทางประมาน 3 วันจากบ้านเราไปถึงมหาลัย ช่วงเราเดินทางแม่โทรมาแม่ร้องไห้ทุกครั้งเพราะเ็นห่วงเรามาก เราไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียว อีกอย่างจากใต้สุดไปเหนือสุด ของเด็กอายุ 17 ปี ตอนนั้นเราคิดถึงอนาคตอย่างเดียวว่าเราต้องมาเรียนให้ได้ เราต้องเรียนให้จบเพื่อจะทำงานหาเงินไปดูแล แม่และยาย เราไม่อยากลำบากอีกแล้ว
   เราถึงที่มหาวิทยาลัย เหลือเงิน 600 บาทไปถึงหอ เห็นเพื่อนๆมีพ่อแม่มาส่ง ไปซื้อของเข้าหอ พัดลม ผ้าห่ม ผ้าปู เราเข้าห้องเสร็จก็เลยตัดสินใจไปซื้อหมอน กับผ้าปูที่นอน ไม่งั้นก็นอนไม่ได้ แล้วเพื่อนร่วมห้องก็เอาผ้าห่มมาให้ยืมเราใช้ชีวิตเรียนอยู่ช่วงแรก เราร้องไห้ทุกวันเพราะ เราเพิ่งมารู้ที่นี่เน้นการเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเราไม่ได้รู้มาก่อน เราร้องไห้เพราะเราเรียนไม่รู้เรื่อง ฟังอาจารย์พูดไม่รู้เรื่อง วิชา ฟิสิก เคมี ชีววิทยา เป็นภาษาอังกฤษหมด โทรไปหาแม่ร้องไห้ 3 วันแรกจนแม่เราบอกว่า กลับบ้านเถอะลูกไม่เป็นไร มาเรียนแถวบ้านก็ได้ วันนั้นเราวางโทรศัพท์แล้วก็คิดทบทวนทั้งคืน เราเป็นเด็กบ้านนอก (ลืมบอกว่าเราไม่ชอบ ภาษาอังกฤษ เราก็เลยไม่คิดที่จะเรียนรู้อะไรเลย ตอนแรกมัธยมเป็นวิชาเดียวที่เราลอกเพื่อนตลอด ) แต่เราก็คิดว่าถ้าเราไม่สู้ เราก็ต้องกลับบ้านไปแล้วจะมีเงินเรียนไหม คิดหลายๆอย่าง จนเราฮึดสู้ตื่นอ่านหนังสือตั้งแต่ตี 4 ทุกวันหาศัพท์ก่อนเรียน หลังเรียนอ่านหนังสือ 2 เล่ม อ่านเล่มไทย เล่มอังกฤษเพิ่ม เราทำแบบนี้อยู่ 1 ปีโดยที่เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเรามาทำอะไร เพื่ออะไร เพื่อนชวนเที่ยวไม่เคยไป เพราะเนื่องจากเรากลัวว่าสังคมจะพาเราไป กลัวเรียนไม่จบ อีกอย่างนึงคือเราไม่มีเงิน เพราะแม่เราส่งเงินมาให้ใช้ อาทิตย์ละ 300 -400 บาทหรือแล้วแต่แม่จะหามาได้ บางวันเราไม่มีเงินโทรไปหาแม่ แม่ก็ไปหาโอนมาให้เรา 100 ก็เคย เราเพิ่งมารู้หลังๆว่าบางวันที่แม่ส่งเงินให้เราเรียน บางวันแม่ไม่มีแม้ข้าวสาร เหลือตังหลังโอนให้เรา 10 บาท
   เราใช้ชิวิตเรื่อยๆแบบนี้ 1 ปีผ่านไปเราเพิ่งมารู้ว่าทุนที่เราได้เค้าจำกัดเกรดไม่ต่ำกว่า 3.5 ซึ่งเราเรียนได้โดนไม่ตกก็บุญแล้ว ตอนนั้นเราได้ 2.8 เราเลยหลุดทุน คุยกับแม่ แม่บอกให้สู้ต่อ เราดก็เลยกุ้เงินเรียนต่อเพื่อจ่ายค่าเทอม แล้วก็ขอทุนมหาลัยทุกปี เงินที่ได้จากทุนมหาลัย ปีละหมื่น เราก็เอาไว้จ่าค่าหอพัก เทอมละ 4500 บาท ซึ่งแม่เราไม่มีเงินก้อนขนาดนั้นหรอก เราจึงจำเป็นต้องขอทุนมหาลัยทุกปี เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง ร้องไห้บ้าง
แต่มันก็ผ่านพ้นไป 4 ปีเราเรียนจบตามแผน 4 ปี เราดีใจมากเพราะถ้าเรียนไม่จบ 4 ปีแม่เราคงลำบากมากเพราะแค่นี้ครอบครัวเราก็โดนดูถูกเยอะมากแล้ว เพราะแม่ก็ยืมเงินคนข้างบ้านมาส่งเราบ่อย คนอื่นก็เคยพูดให้แม่ฟังว่า เชื่อได้จริงๆใช่ไหมว่าเรียนอยู่ไม่ใช่ว่าถูกลูกหลอกนะ เรียนก็ไกลจะรู้ได้ไงว่าเรียนจริงๆ ไม่ได้เถลไถล แต่แม่เราไว้ใจเรา คำพูดของคนอื่นไม่ได้ทำให้แม่เรารู้สึกสงสัยเลย จนเราจบ เราก็ทำงานที่เชียงรายต่อ ตอนนี้เราส่งเงินให้แม่ทุกเดือน แต่ก็ยังไม่ดีมากนักเพราะเราทำงานรัฐบาลได้เงินน้อย เราตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสอง เพราะเราทำงานเข้ากะ อันตราย เราก็เลยส่งเงินให้แม่ได้น้อย จนเราตัดสินใจมาทำงานใน กทม เราได้เงินเยอะกว่าเดิมเป็น 2 เท่า ตอนนี้เราก็ส่งแม่ ส่งยาย ส่งน้องทุกเดือน พอเราเริ่มมีเงิน เราก็ให้แม่มาหาเรา พาแม่ไปเที่ยว เรามีความสุขมาก รู้สึกว่าอย่างน้อยเค้าก็ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนเดิมแล้ว ถามว่าตอนนี้เราดูแลแม่กับยายดีหรือยัง ก็ยังคะ แต่เรารับปากกว่าเราจะส่งน้องเรียน ส่งเงินให้แม่ ให้ยาย เดือนไหนมีตังหน่อย ก็พาครอบครัวไปเที่ยว ถึงแม้ตอนนี้ครอบครัวเรายังไม่ได้รวยแต่เรามีความสุขมากค่ะ และเราก็จะพยายามดูแลแม่ให้ดีขึ้นเรื่อยๆเท่าที่ลูกคนนึงจะทำได้ ตอนนี้เราได้เงินเดือนละ 4หมื่นกว่าๆ ก็ส่งให้ทุกเดือน คอยซับพอร์ตให้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้แม่กับยายก้ยังทำขนมอยู่นะคะ  ที่เราแชร์ประสบการณ์ชีวิตอยากให้เพื่อนๆสู้ ถึงแม้เราจะมีต้นทุนไม่เท่าคนอื่น แค่เราอย่าท้อ  มุ่งมั่น เราก็ทำได้คะให้คิดถึงหน้าพ่อ แม่ ยาย เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆนะคะ หากอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว เป็นกำลังใจให้คนที่ท้อทุกคนนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่