วันนี้ผมอยากมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับค่านิยมและความคิดทัศนคติของผู้หญิงไทย (ส่วนใหญ่) ในปัจจุบันนะครับ
ไม่ได้เหมารวม ใครไม่คิดอย่างงั้นก็อย่าโกรธนะครับ ไม่ได้เจตนาดูถูกผู้หญิง
อยากบอกว่าผมเชื่อในความคิด
feminism หรือ
สตรีนิยม/ลัทธินิยมสิทธิสตรี ซึ่งตามความหมายแล้วต้องการให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชายในสังคม แต่คนทั่วไปเข้าใจความหมายว่าเป็นลัทธิที่อยากให้ผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย มีสิทธิ์มากกว่าผู้ชาย ซึ่งก็เข้าใจผิดมากแล้วนะครับ ความคิดหลัก feminist บางความคิดอาจจะด่าผู้ชายมาก เพราะตามประวัติศาสตร์ผู้ชายเป็นตัวกำหนดให้ผู้หญิงต่ำต้อยกว่า แต่ความคิดบางอย่างก็ด่าผู้หญิงกันเองนะครับ ว่าผู้หญิงหลายคนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เพศชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน
ผมจะเรียงค่านิยมและความคิดเห็นของดิฉันเป็นข้อๆต่อไปดังนี้นะครับ
1. ผู้หญิงไทยเชื่อว่าผู้ชายที่ตัวเองจะคบต้องเป็น สุภาพบุรุษ ผู้หญิงไทยโดยรวมเชื่อว่า ผู้ชายควรเคารพผู้หญิงในทุกๆสถานการณ์ (อาทิ เปิดประตูก็ต้องเปิดให้ผู้หญิงก่อน / ลุกให้ผู้หญิงนั่งบนรถเมล์) ผู้ชายควรพูดจาสุภาพ ห้ามด่าผู้หญิงหรือใช้คำหยาบคายเรียกแทนผู้หญิง หรือทำร้ายผู้หญิง
--> ผมเชื่อว่าความเชื่อนี้เป็นอะไรที่ผิดมากครับ ผู้หญิงควรมีความเท่าเทียมกับผู้ชาย ซึ่งจากสังคมไทยเห็นว่าผู้หญิงอยากเท่าเทียมกับผู้ชายมากๆ แต่ไปคิดถึงแต่เรื่องเท่าเทียมไม่กี่เรื่อง (อาทิ ต้องได้รับการศึกษาเท่าเทียมกับผู้ชาย / มีสิทธิ์ใช้คำพูดหยาบคายแบบผู้ชาย) แต่ไม่ได้มองด้านอื่นเลยว่า ผู้ชายก็ต้องมีความ 'เท่าเทียม' กับผู้หญิงเช่นกัน ตัวอย่างหนึ่ง ถ้าคุณผู้หญิงต้องการให้ผู้ชายลุกให้ตัวเองนั่ง แบบกระทู้หนึ่งที่เคยด่าว่าผู้ชายไทยเดี๋ยวนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเพราะไม่ลุกให้ผู้หญิงนั่งบนบีทีเอส ก็แสดงว่าคุณไม่ต้องการให้ผู้ชายอยู่ต่ำกว่าคุณ เพราะผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะนั่ง ผู้ชายไม่มีสิทธิ์ (อันนี้ยกเว้นพวกผู้หญิงที่ถือของเยอะ/คนชรา/ผู้หญิงพิการนะค่ะ) เราปกติดีไม่ได้เป็นง้อย เราก็ยืนได้ ผู้ชายก็เป็นคนเหมือนเรา พวกเค้าก็เมื่อยเป็น ก็สรุปได้ว่าผู้หญิงประเภทนี้ต้องการให้ผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย ส่วนเรื่องการพูดจาซึ่งเราก็ไม่ควรพูดจาหยาบคายกันเลย ทั้งผู้หญิง->ผู้ชาย หรือ ผู้ชาย->ผู้หญิง เหมือนกับเรื่องทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ว่าผู้ชายห้ามทำร้ายร่างกายตบตีผู้หญิงแบบในละครอย่างเดียว ผู้หญิงก็ห้ามทำร้ายร่างกาย (physical abuse) หรือ ทำร้ายโดนการใช้คำพูดหยาบคาย (verbal abuse) ใส่ผู้ชายเช่นกัน ไม่ใช่ถือว่าผู้หญิงเรามีความอ่อนแอกว่าผู้ชาย พวกเราจึงสามารถตีพวกเขาได้ มันก็ผิดนะครับ เราก็เป็นคนเหมือนกันผู้หญิง-ผู้ชาย ไม่มีใครสมควรโดนอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าคนที่ทำร้ายจะมีพลกำลังน้อยหรือมากกว่าก็ตาม
2. ผู้หญิงไทยเชื่อว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำ ส่วนตัวเองเป็นผู้ตาม
--> ผู้หญิงไทยส่วนมากต้องการให้ผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว หาเงินเยอะที่สุด หาเงินเลี้ยงตนเองกับลูก หรือ ตัดสินใจเรื่องครอบครัว อันนี้ก็ผิดแล้วอีกเรื่องนะครับ มันก็โยงไปถึงข้อ1ได้ว่า ผู้หญิงอยากสูงกว่าผู้ชายอีกแล้ว จากประสบการณ์โดยตรงเลยนะครับ ครอบครัวดิฉันก็เชื่อว่าคุณพ่อต้องเป็นผู้นำ แต่หลังๆพอมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจจริงๆ ผู้นำครอบครัวก็กลายเป็น พ่อกับแม่ เพราะพ่อกับแม่ แต่ละคนก็ต้องช่วยหาเงินกัน และช่วยกันตัดสินใจเรื่องลูกๆ ซึ่งดิฉันคิดว่าถ้าในครอบครัว ผู้ชายกับผู้หญิง หรือ พ่อกับแม่ เป็นผู้นำทั้งคู่ ช่วยหาเงิน ไม่ได้เอาภาระการเงินไปไว้ที่ผู้ชายคนเดียว ช่วยตัดสินใจกัน มันก็จะทำให้การตัดสินใจทำอะไรสำเร็จกว่า เพราะมีคนช่วยกันตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจเองคนเดียว เอาไปลงที่คนเดียว เพราะเช่นนี้จึงเห็นได้เยอะไงค่ะในครอบครัวส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ว่าเวลาทางบ้านมีปัญหาทางการเงิน แต่ละคนในบ้านก็ต้องช่วยกันเองช่วยกันทำมาหากิน เลิกคิดให้คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ชายเป็นเสาหลักของบ้านเถอะ จะว่าไปมันก็ไม่แฟร์เลยนะค่ะ เราผู้หญิงก็มีสมอง มีปัญญาหาเงิน มีกำลัง ไม่ได้เป็นง่อยหรือเป็นโรคร้ายแรง ทำไมไม่ช่วยแบ่งเบาภาระ หรือช่วยในการตัดสินใจของสามี/แฟนด้วยละครับ ยิ่งช่วยกันทั้งคู่มันจะช่วยให้ความรักความผูกพันเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะแต่ละคนเข้าใจกัน และเป็นที่ปรึกษาซึ่งกันและกัน มันหมดยุคแล้วนะค่ะที่สามีตายภรรยาก็ต้องตายตาม เดี๋ยวนี้เราผู้หญิงมีทางเลือกตั้งเยอะแยะ ในประเทศไทยผู้หญิงก็มีสิทธิ์ที่จะหาเงินด้วยตัวเองได้
3. ผู้ชายที่จะเอาเป็นสามีต้องรวย มีฐานะ หาเลี้ยงฉันได้
--> อันนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลย ยาวหน่อยนะครับ ผู้หญิงไทยเราส่วนมากเวลาพูดถึงการที่จะเลือกคบผู้ชายก็คือ ฐานะทางด้านการอาชีพ/เงินมาอย่างแรกเลยครับ ส่วนนิสัยมาอย่างที่สอง (ผู้หญิงที่ไม่คิดแบบนี้ขอโทษด้วยนะครับ) เพราะผู้หญิงไทยส่วนมากเชื่อว่าผู้ชายที่มีอาชีพการงานดี มีเงินเยอะ นั้นแสดงว่าผู้ชายพวกนี้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบ ขยันเรียนทำงาน หรือครอบครัวปลูกฝังมาดี ซึ่งมันก็ถูกต้องนะครับ แต่อยากให้มองให้ลึกซึ้งกว่านี้ ตอนผู้หญิงเราเด็กๆเราอาจจะต้องการผู้ชายที่หน้าตาดี เป็นคนดี ดูที่หัวใจ แต่พอโตมาทัศนคติพวกนี้มันหายไปไหนหมดครับ อาจจะต้องโทษสื่อไทย (อาทิ นิยาย ละคร หนัง) ที่ปลูกฝังให้ผู้หญิงไทยหลายคนมองผู้ชายที่เงินมากกว่าความดี ในยุคปัจจุบันผู้หญิงไทยมีสิทธิ์ในการทำงานมากมาย แล้วทำไมผู้หญิงไทยเราไม่คิดหาเงิน สร้างฐานะเองแทนละครับ ทำไมต้องคิดถึงการไปเกาะคนอื่นด้วย ผู้หญิงหลายคนที่ผมเคยสัมภาษณ์ พวกเธอเป็นสาวออฟฟิศแถวย่านธุรกิจ พวกเธอต้องการที่จะได้เจอนักธุรกิจหนุ่ม หรือผู้ชายทำงานดีๆแถวนั้นมาคบมาแต่งงานกับพวกเธอ หลายคนบอกว่ามองคอนโดแถวสุขุมวิทและฝันว่าจะเจอผู้ชายรวยๆ เพื่อมาซื้อคอนโดฯนั้นให้เธอ เลี้ยงดูพวกเธอทั้งชีวิต ตามความเห็นดิฉันคิดว่าเป็นฝันที่ไม่มีความถูกต้องเลย พวกเธอหลายคนก็สวยมีการศึกษา ทำไมไม่ใช้ความสามารถตัวเองในการสร้างเนื้อสร้างตัวให้ตัวเอง แถมเราจะมีความภูมิใจในตัวเองด้วยที่ได้หาเงินเองไม่ต้องไปพึ่งคนอื่น ดิฉันอยากให้ผู้หญิงที่คิดอย่างนี้ลองคิดใหม่ดูนะครับ ว่ามันก็ไม่ผิดหรอกถ้าได้คบกับผู้ชายฐานะดี แต่ดิฉันไม่อยากให้มันเป็น
จุดมุ่งหมายในการหาคู่ของพวกคุณ คุณควรดูที่นิสัยและชีวิตเค้าที่มันเข้ากับคุณได้ไหม ไม่ใช่ดูที่เงิน/ฐานะ ถ้าพวกคุณเกลียดผู้หญิงหากิน คุณก็เองก็กำลังทำตัวเช่นนั้น คุณจะเอาใครก็ต่อเมื่อเค้ามีเงิน..(ขอโทษที่แรงไปนะค่ะ).. เพราะเหตุนี้ผมเลยไม่เคยว่าผู้หญิงที่มีการงานดี/ฐานะดี แต่มีสามีที่หาเงินได้น้อยกว่า หรือสามีที่เด็กกว่า และฉันก็ไม่เคยว่าผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีเงิน แต่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ค่อยมีเงินเหมือนกันว่า ผู้หญิงพวกนั้น 'ใฝ่ต่ำ' หรือ 'ตาต่ำ' เพราะผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายรวยๆพวกเค้าอาจจะมองที่นิสัยของผู้ชายจริงๆ และมันดีกว่านะค่ะเพราะถ้ายิ่งช่วยกันทำมาหากินมันจะทำให้คุณสองคนรักกันมากขึ้นอีก อย่างที่ได้บอกในข้อ2ไป ถ้ามองอีกด้านหนึ่งมันก็
ไม่ยุติธรรม ไม่แฟร์สำหรับผู้ชายเหมือนกันนะค่ะ ทั้งที่สมัยนี้ผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้ชายในหลายๆเรื่องแล้ว (อาทิ การศึกษา / สิทธิ์ทางการเมือง) แต่ผู้ชายก็ยังต้องตกต่ำกว่าผู้หญิงในเรื่องนี้ เพราะผู้ชายไทยมีความกดดันที่จะต้องหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อเป็นผู้นำให้ผู้หญิงและเลี้ยงดูผู้หญิง ขนาดไปเดทกันครั้งแรก ผู้ชายยังต้องมีเงินเพื่อที่จะไปเลี้ยงอาหารแพงๆให้ผู้หญิง ถ้าไม่เลี้ยงผู้หญิงไทยก็จะคิดว่าผู้ชายเหล่านี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษ แทนที่จะแชร์ค่าอาหารกัน จะได้เท่าเทียมกัน สิ่งเหล่านี้มันเลยโยงความกดดันที่ผู้ชายเจอไปถึงความต้องการผู้ชายในเรื่องการนอกใจ เจ้าชู้ หรือแม้กระทั่งผู้ชายไทยที่สมัยนี้เป็นเกย์กันเยอะมาก เพราะสาวไทยเรื่องมาก
4. ผู้ชายที่จะเอาเป็นสามีต้องรวย + ไม่เจ้าชู้
--> อันนี้ก็ต่อจากข้อที่แล้วก็ได้นะครับ ประเด็นที่ผู้ชายเจ้าชู้มันก็โยงไปได้หลายอย่างนะค่ะ ทั้งจากประวัติศาสตร์ที่ผู้ชายไทยมีเมียเยอะ แต่ถ้ามองทางมุมจิตวิทยา ในปัจจุบันตากกฎหมายผู้ชายจดทะเบียนได้ครั้งเดียว ซึ่งดิฉันมองว่าความกดดันของผู้ชายที่ต้องรวย ผู้หญิงที่สวยๆถึงจะมาชอบ มันเลยทำให้ผู้ชายไทยต้องแข็งขันกดดันกันมาก ถ้าแต่งงานกับผู้หญิงพวกนี้ไปแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่คิดแบบนี้ก็จะต้องเลิกทำงาน มาให้ผู้ชายเลี้ยงดูกับลูกคนเดียว ให้ผู้ชายแบกภาระไว้ ทั้งที่ตัวเองก็มีความสามารถมีพลกำลัง มันก็เหมือนผู้หญิงพวกนี้ดูถูกตัวเอง หวังให้ผู้ชายเลี้ยงไปตลอด ประเด็นที่สำคัญคือผู้หญิงเล่านี้ก็คิดว่าผู้ชายต้องเลี้ยงตนเอง และต้องห้ามเจ้าชู้ด้วย ตามหลักจิตวิทยา ผู้ชายก็ต้องอยากเจ้าชู้เพราะเก็บกดที่บ้าน โดนกดดันเพราะตัวเองเป็นคนเดียวที่หาเงิน คือสรุปได้ว่าผู้ชายสมัยนี้ก็โดนจำกัดสิทธิ์จากผู้หญิงเองเหมือนกัน มันเลยให้เพศทั้งสองไม่มีวันเท่าเทียมกันได้สักที โดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะผู้หญิงพวกนี้เห็นแก่ตัว ละพูดง่ายว่าเป็น anti-feminists หรือตรงข้ามกับสิทธิ์สตรีเลยตรงๆ เพราะมุ่งแต่ว่าจะให้ผู้หญิงมีสิทธิ์มากกว่าผู้ชาย
5. ชอบโทษผู้หญิงด้วยกันเอง (เรื่องชู้สาว)
--> อันนี้ก็ต่อจากข้อ4นะครับ ผู้หญิงไทยชอบด่าผู้หญิงคนอื่นที่มาคุยกับแฟน/สามีตนเอง ว่าเป็น
ผู้หญิงที่แย่งผัวคนอื่น ซึ่งก็ผิดมากนะครับ ส่วนตัวดิฉันถ้าสามีตนเองนอกใจ ดีฉันจะมาโฟกัสที่สามีมากกว่า ไม่ไปด่าผู้หญิงคนอื่นหรอกว่าร่xน เพราะมือที่สามไม่เกี่ยวหรอก ง่ายๆนะครับ 'ตบมือข้างเดียวไม่ดัง' ก็แสดงว่าคนของคุณเองก็อยากจะนอกใจคุณ ถึงผู้หญิงคนไหนอยากจะแย่งแฟนคุณ ถึงเค้าตื้อแฟนคุณเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ถ้าแฟนคุณไม่เล่นด้วย มันก็ไม่มีวันสำเร็จหรอกครับ คิดถึงในแง่มุมตัวเองบ้างก็ได้นะค่ะว่า มีผู้ชายมาจีบคุณ แต่คุณมีสามีแล้ว (โดยธรรมชาติผู้หญิงไม่ค่อยนอกใจ) คุณก็ไม่เล่นกับเค้าใช่ไหมหละครับ? ถ้าแฟน/สามีคุณเป็นคนดีจริงนะครับ เค้าก็ควรที่จะไม่นอกใจคุณ ถึงแม้ใครหน้าไหนจะเข้ามาคุยก่อนก็ตาม แต่ถ้าเค้านอกใจคุณยังไงเค้าก็ไม่ใช่คนดีแล้วแหละครับ อย่าไปด่าผู้หญิงที่มาแย่งเลย เพราะแฟนคุณอ่ะเป็นคนที่ผิดที่สุด ทางที่ดีที่สุดคือเลิกไปเลยแหละครับ คนดีๆมีอีกตั้งเยอะ ถ้าไม่เจอคนดีก็ไม่ต้องแต่งงานก็ได้ค่ะ ปรับตัวให้อยู่กับตัวเองให้ได้ ผมเห็นเยอะแล้วนะค่ะ พวกผู้หญิงที่ไปด่าผู้หญิงคนอื่นว่า "แย่งแฟนชาวบ้าน อีเลวฯลฯ อี'การี' ไม่คิดถึงหัวอกฉันบ้าง" ไปตามราวีพวกเขา ทำร้ายเขา ไปประกาศให้คนที่ตัวรู้จักว่าอีนังนี้ชอบแย่งผัวชาวบ้าน ทำให้พวกเขาอับอาย แถมปกป้องแฟนตัวเองสุดริดสุดเดช ไม่ด่าแฟนตัวเองเลย โทษอีผู้หญิงคนนั้นว่าเข้ามา 'ยั่ว' ผมขอพูดแรงๆเลยนะครับ ว่าผู้หญิงพวกนี้
โง่ เอามาก บางคนที่เป็นแบบนี้ก็มีการศึกษานะครับ แต่โดนปลูกฝังมาผิดๆ โดยเฉพาะจากหนังละคร พวกคุณที่เป็นแบบนี้หยุดโง่และมามองที่แฟนตัวเองด้วยเถอะครับ ไปด่าพวกผู้หญิงกันเอง ทัศนคติผู้หญิงมันเลยเสียไปเรื่อยๆ เพราะผู้หญิงกันเองทำให้มันเสีย ยิ่งทำอย่างนี้พวกแฟน/สามีคุณก็จะได้ใจและก็ไปนอกใจอีก เพราะคิดว่ายังไงคุณก็ไปด่าอีมือที่สาม ไม่เลิกกับเขาหรอก
ก็มีแค่นี้นะครับ
อยากสรุปว่า
ถ้าผู้หญิงไทยต้องการจะเท่าเทียมกับผู้ชายไทย ก็ควรจะเท่าเทียมจริงๆในทุกด้าน ความคิดของผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็ยังคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าผู้ชายในหลายเรื่อง
ถ้าผู้หญิงต้องความเท่าเทียม Equal กันจริงๆ ก็ต้องสละความไม่เท่าเทียมที่มีต่อผู้ชายไปด้วย อย่างเช่นข้อๆที่เอ่ยไปข้างบนอะครับ ถ้ายิ่งคิดอย่างนี้ไปต่อนะครับ เราผู้หญิงเองก็จะไม่มีความเท่าเทียมกับผู้ชายอย่างแท้จริง เพราะผู้ชายเองก็คิดเหมือนกันว่าพวกเขาก็ต้อยต่ำกว่าผู้หญิงในบางเรื่องด้วย
ผู้หญิงอยากมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชาย ผู้ชายก็ต้องมีสิทธิ์เท่ากับผู้หญิง
ค่านิยม+ความคิด ของผู้หญิงไทย
อยากบอกว่าผมเชื่อในความคิด feminism หรือ สตรีนิยม/ลัทธินิยมสิทธิสตรี ซึ่งตามความหมายแล้วต้องการให้ผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชายในสังคม แต่คนทั่วไปเข้าใจความหมายว่าเป็นลัทธิที่อยากให้ผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย มีสิทธิ์มากกว่าผู้ชาย ซึ่งก็เข้าใจผิดมากแล้วนะครับ ความคิดหลัก feminist บางความคิดอาจจะด่าผู้ชายมาก เพราะตามประวัติศาสตร์ผู้ชายเป็นตัวกำหนดให้ผู้หญิงต่ำต้อยกว่า แต่ความคิดบางอย่างก็ด่าผู้หญิงกันเองนะครับ ว่าผู้หญิงหลายคนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เพศชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน
ผมจะเรียงค่านิยมและความคิดเห็นของดิฉันเป็นข้อๆต่อไปดังนี้นะครับ
1. ผู้หญิงไทยเชื่อว่าผู้ชายที่ตัวเองจะคบต้องเป็น สุภาพบุรุษ ผู้หญิงไทยโดยรวมเชื่อว่า ผู้ชายควรเคารพผู้หญิงในทุกๆสถานการณ์ (อาทิ เปิดประตูก็ต้องเปิดให้ผู้หญิงก่อน / ลุกให้ผู้หญิงนั่งบนรถเมล์) ผู้ชายควรพูดจาสุภาพ ห้ามด่าผู้หญิงหรือใช้คำหยาบคายเรียกแทนผู้หญิง หรือทำร้ายผู้หญิง
--> ผมเชื่อว่าความเชื่อนี้เป็นอะไรที่ผิดมากครับ ผู้หญิงควรมีความเท่าเทียมกับผู้ชาย ซึ่งจากสังคมไทยเห็นว่าผู้หญิงอยากเท่าเทียมกับผู้ชายมากๆ แต่ไปคิดถึงแต่เรื่องเท่าเทียมไม่กี่เรื่อง (อาทิ ต้องได้รับการศึกษาเท่าเทียมกับผู้ชาย / มีสิทธิ์ใช้คำพูดหยาบคายแบบผู้ชาย) แต่ไม่ได้มองด้านอื่นเลยว่า ผู้ชายก็ต้องมีความ 'เท่าเทียม' กับผู้หญิงเช่นกัน ตัวอย่างหนึ่ง ถ้าคุณผู้หญิงต้องการให้ผู้ชายลุกให้ตัวเองนั่ง แบบกระทู้หนึ่งที่เคยด่าว่าผู้ชายไทยเดี๋ยวนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเพราะไม่ลุกให้ผู้หญิงนั่งบนบีทีเอส ก็แสดงว่าคุณไม่ต้องการให้ผู้ชายอยู่ต่ำกว่าคุณ เพราะผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะนั่ง ผู้ชายไม่มีสิทธิ์ (อันนี้ยกเว้นพวกผู้หญิงที่ถือของเยอะ/คนชรา/ผู้หญิงพิการนะค่ะ) เราปกติดีไม่ได้เป็นง้อย เราก็ยืนได้ ผู้ชายก็เป็นคนเหมือนเรา พวกเค้าก็เมื่อยเป็น ก็สรุปได้ว่าผู้หญิงประเภทนี้ต้องการให้ผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย ส่วนเรื่องการพูดจาซึ่งเราก็ไม่ควรพูดจาหยาบคายกันเลย ทั้งผู้หญิง->ผู้ชาย หรือ ผู้ชาย->ผู้หญิง เหมือนกับเรื่องทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ว่าผู้ชายห้ามทำร้ายร่างกายตบตีผู้หญิงแบบในละครอย่างเดียว ผู้หญิงก็ห้ามทำร้ายร่างกาย (physical abuse) หรือ ทำร้ายโดนการใช้คำพูดหยาบคาย (verbal abuse) ใส่ผู้ชายเช่นกัน ไม่ใช่ถือว่าผู้หญิงเรามีความอ่อนแอกว่าผู้ชาย พวกเราจึงสามารถตีพวกเขาได้ มันก็ผิดนะครับ เราก็เป็นคนเหมือนกันผู้หญิง-ผู้ชาย ไม่มีใครสมควรโดนอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าคนที่ทำร้ายจะมีพลกำลังน้อยหรือมากกว่าก็ตาม
2. ผู้หญิงไทยเชื่อว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำ ส่วนตัวเองเป็นผู้ตาม
--> ผู้หญิงไทยส่วนมากต้องการให้ผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว หาเงินเยอะที่สุด หาเงินเลี้ยงตนเองกับลูก หรือ ตัดสินใจเรื่องครอบครัว อันนี้ก็ผิดแล้วอีกเรื่องนะครับ มันก็โยงไปถึงข้อ1ได้ว่า ผู้หญิงอยากสูงกว่าผู้ชายอีกแล้ว จากประสบการณ์โดยตรงเลยนะครับ ครอบครัวดิฉันก็เชื่อว่าคุณพ่อต้องเป็นผู้นำ แต่หลังๆพอมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจจริงๆ ผู้นำครอบครัวก็กลายเป็น พ่อกับแม่ เพราะพ่อกับแม่ แต่ละคนก็ต้องช่วยหาเงินกัน และช่วยกันตัดสินใจเรื่องลูกๆ ซึ่งดิฉันคิดว่าถ้าในครอบครัว ผู้ชายกับผู้หญิง หรือ พ่อกับแม่ เป็นผู้นำทั้งคู่ ช่วยหาเงิน ไม่ได้เอาภาระการเงินไปไว้ที่ผู้ชายคนเดียว ช่วยตัดสินใจกัน มันก็จะทำให้การตัดสินใจทำอะไรสำเร็จกว่า เพราะมีคนช่วยกันตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจเองคนเดียว เอาไปลงที่คนเดียว เพราะเช่นนี้จึงเห็นได้เยอะไงค่ะในครอบครัวส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ว่าเวลาทางบ้านมีปัญหาทางการเงิน แต่ละคนในบ้านก็ต้องช่วยกันเองช่วยกันทำมาหากิน เลิกคิดให้คนใดคนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ชายเป็นเสาหลักของบ้านเถอะ จะว่าไปมันก็ไม่แฟร์เลยนะค่ะ เราผู้หญิงก็มีสมอง มีปัญญาหาเงิน มีกำลัง ไม่ได้เป็นง่อยหรือเป็นโรคร้ายแรง ทำไมไม่ช่วยแบ่งเบาภาระ หรือช่วยในการตัดสินใจของสามี/แฟนด้วยละครับ ยิ่งช่วยกันทั้งคู่มันจะช่วยให้ความรักความผูกพันเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะแต่ละคนเข้าใจกัน และเป็นที่ปรึกษาซึ่งกันและกัน มันหมดยุคแล้วนะค่ะที่สามีตายภรรยาก็ต้องตายตาม เดี๋ยวนี้เราผู้หญิงมีทางเลือกตั้งเยอะแยะ ในประเทศไทยผู้หญิงก็มีสิทธิ์ที่จะหาเงินด้วยตัวเองได้
3. ผู้ชายที่จะเอาเป็นสามีต้องรวย มีฐานะ หาเลี้ยงฉันได้
--> อันนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลย ยาวหน่อยนะครับ ผู้หญิงไทยเราส่วนมากเวลาพูดถึงการที่จะเลือกคบผู้ชายก็คือ ฐานะทางด้านการอาชีพ/เงินมาอย่างแรกเลยครับ ส่วนนิสัยมาอย่างที่สอง (ผู้หญิงที่ไม่คิดแบบนี้ขอโทษด้วยนะครับ) เพราะผู้หญิงไทยส่วนมากเชื่อว่าผู้ชายที่มีอาชีพการงานดี มีเงินเยอะ นั้นแสดงว่าผู้ชายพวกนี้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบ ขยันเรียนทำงาน หรือครอบครัวปลูกฝังมาดี ซึ่งมันก็ถูกต้องนะครับ แต่อยากให้มองให้ลึกซึ้งกว่านี้ ตอนผู้หญิงเราเด็กๆเราอาจจะต้องการผู้ชายที่หน้าตาดี เป็นคนดี ดูที่หัวใจ แต่พอโตมาทัศนคติพวกนี้มันหายไปไหนหมดครับ อาจจะต้องโทษสื่อไทย (อาทิ นิยาย ละคร หนัง) ที่ปลูกฝังให้ผู้หญิงไทยหลายคนมองผู้ชายที่เงินมากกว่าความดี ในยุคปัจจุบันผู้หญิงไทยมีสิทธิ์ในการทำงานมากมาย แล้วทำไมผู้หญิงไทยเราไม่คิดหาเงิน สร้างฐานะเองแทนละครับ ทำไมต้องคิดถึงการไปเกาะคนอื่นด้วย ผู้หญิงหลายคนที่ผมเคยสัมภาษณ์ พวกเธอเป็นสาวออฟฟิศแถวย่านธุรกิจ พวกเธอต้องการที่จะได้เจอนักธุรกิจหนุ่ม หรือผู้ชายทำงานดีๆแถวนั้นมาคบมาแต่งงานกับพวกเธอ หลายคนบอกว่ามองคอนโดแถวสุขุมวิทและฝันว่าจะเจอผู้ชายรวยๆ เพื่อมาซื้อคอนโดฯนั้นให้เธอ เลี้ยงดูพวกเธอทั้งชีวิต ตามความเห็นดิฉันคิดว่าเป็นฝันที่ไม่มีความถูกต้องเลย พวกเธอหลายคนก็สวยมีการศึกษา ทำไมไม่ใช้ความสามารถตัวเองในการสร้างเนื้อสร้างตัวให้ตัวเอง แถมเราจะมีความภูมิใจในตัวเองด้วยที่ได้หาเงินเองไม่ต้องไปพึ่งคนอื่น ดิฉันอยากให้ผู้หญิงที่คิดอย่างนี้ลองคิดใหม่ดูนะครับ ว่ามันก็ไม่ผิดหรอกถ้าได้คบกับผู้ชายฐานะดี แต่ดิฉันไม่อยากให้มันเป็นจุดมุ่งหมายในการหาคู่ของพวกคุณ คุณควรดูที่นิสัยและชีวิตเค้าที่มันเข้ากับคุณได้ไหม ไม่ใช่ดูที่เงิน/ฐานะ ถ้าพวกคุณเกลียดผู้หญิงหากิน คุณก็เองก็กำลังทำตัวเช่นนั้น คุณจะเอาใครก็ต่อเมื่อเค้ามีเงิน..(ขอโทษที่แรงไปนะค่ะ).. เพราะเหตุนี้ผมเลยไม่เคยว่าผู้หญิงที่มีการงานดี/ฐานะดี แต่มีสามีที่หาเงินได้น้อยกว่า หรือสามีที่เด็กกว่า และฉันก็ไม่เคยว่าผู้หญิงที่ไม่ค่อยมีเงิน แต่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ค่อยมีเงินเหมือนกันว่า ผู้หญิงพวกนั้น 'ใฝ่ต่ำ' หรือ 'ตาต่ำ' เพราะผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายรวยๆพวกเค้าอาจจะมองที่นิสัยของผู้ชายจริงๆ และมันดีกว่านะค่ะเพราะถ้ายิ่งช่วยกันทำมาหากินมันจะทำให้คุณสองคนรักกันมากขึ้นอีก อย่างที่ได้บอกในข้อ2ไป ถ้ามองอีกด้านหนึ่งมันก็ ไม่ยุติธรรม ไม่แฟร์สำหรับผู้ชายเหมือนกันนะค่ะ ทั้งที่สมัยนี้ผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้ชายในหลายๆเรื่องแล้ว (อาทิ การศึกษา / สิทธิ์ทางการเมือง) แต่ผู้ชายก็ยังต้องตกต่ำกว่าผู้หญิงในเรื่องนี้ เพราะผู้ชายไทยมีความกดดันที่จะต้องหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อเป็นผู้นำให้ผู้หญิงและเลี้ยงดูผู้หญิง ขนาดไปเดทกันครั้งแรก ผู้ชายยังต้องมีเงินเพื่อที่จะไปเลี้ยงอาหารแพงๆให้ผู้หญิง ถ้าไม่เลี้ยงผู้หญิงไทยก็จะคิดว่าผู้ชายเหล่านี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษ แทนที่จะแชร์ค่าอาหารกัน จะได้เท่าเทียมกัน สิ่งเหล่านี้มันเลยโยงความกดดันที่ผู้ชายเจอไปถึงความต้องการผู้ชายในเรื่องการนอกใจ เจ้าชู้ หรือแม้กระทั่งผู้ชายไทยที่สมัยนี้เป็นเกย์กันเยอะมาก เพราะสาวไทยเรื่องมาก
4. ผู้ชายที่จะเอาเป็นสามีต้องรวย + ไม่เจ้าชู้
--> อันนี้ก็ต่อจากข้อที่แล้วก็ได้นะครับ ประเด็นที่ผู้ชายเจ้าชู้มันก็โยงไปได้หลายอย่างนะค่ะ ทั้งจากประวัติศาสตร์ที่ผู้ชายไทยมีเมียเยอะ แต่ถ้ามองทางมุมจิตวิทยา ในปัจจุบันตากกฎหมายผู้ชายจดทะเบียนได้ครั้งเดียว ซึ่งดิฉันมองว่าความกดดันของผู้ชายที่ต้องรวย ผู้หญิงที่สวยๆถึงจะมาชอบ มันเลยทำให้ผู้ชายไทยต้องแข็งขันกดดันกันมาก ถ้าแต่งงานกับผู้หญิงพวกนี้ไปแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่คิดแบบนี้ก็จะต้องเลิกทำงาน มาให้ผู้ชายเลี้ยงดูกับลูกคนเดียว ให้ผู้ชายแบกภาระไว้ ทั้งที่ตัวเองก็มีความสามารถมีพลกำลัง มันก็เหมือนผู้หญิงพวกนี้ดูถูกตัวเอง หวังให้ผู้ชายเลี้ยงไปตลอด ประเด็นที่สำคัญคือผู้หญิงเล่านี้ก็คิดว่าผู้ชายต้องเลี้ยงตนเอง และต้องห้ามเจ้าชู้ด้วย ตามหลักจิตวิทยา ผู้ชายก็ต้องอยากเจ้าชู้เพราะเก็บกดที่บ้าน โดนกดดันเพราะตัวเองเป็นคนเดียวที่หาเงิน คือสรุปได้ว่าผู้ชายสมัยนี้ก็โดนจำกัดสิทธิ์จากผู้หญิงเองเหมือนกัน มันเลยให้เพศทั้งสองไม่มีวันเท่าเทียมกันได้สักที โดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะผู้หญิงพวกนี้เห็นแก่ตัว ละพูดง่ายว่าเป็น anti-feminists หรือตรงข้ามกับสิทธิ์สตรีเลยตรงๆ เพราะมุ่งแต่ว่าจะให้ผู้หญิงมีสิทธิ์มากกว่าผู้ชาย
5. ชอบโทษผู้หญิงด้วยกันเอง (เรื่องชู้สาว)
--> อันนี้ก็ต่อจากข้อ4นะครับ ผู้หญิงไทยชอบด่าผู้หญิงคนอื่นที่มาคุยกับแฟน/สามีตนเอง ว่าเป็น ผู้หญิงที่แย่งผัวคนอื่น ซึ่งก็ผิดมากนะครับ ส่วนตัวดิฉันถ้าสามีตนเองนอกใจ ดีฉันจะมาโฟกัสที่สามีมากกว่า ไม่ไปด่าผู้หญิงคนอื่นหรอกว่าร่xน เพราะมือที่สามไม่เกี่ยวหรอก ง่ายๆนะครับ 'ตบมือข้างเดียวไม่ดัง' ก็แสดงว่าคนของคุณเองก็อยากจะนอกใจคุณ ถึงผู้หญิงคนไหนอยากจะแย่งแฟนคุณ ถึงเค้าตื้อแฟนคุณเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ถ้าแฟนคุณไม่เล่นด้วย มันก็ไม่มีวันสำเร็จหรอกครับ คิดถึงในแง่มุมตัวเองบ้างก็ได้นะค่ะว่า มีผู้ชายมาจีบคุณ แต่คุณมีสามีแล้ว (โดยธรรมชาติผู้หญิงไม่ค่อยนอกใจ) คุณก็ไม่เล่นกับเค้าใช่ไหมหละครับ? ถ้าแฟน/สามีคุณเป็นคนดีจริงนะครับ เค้าก็ควรที่จะไม่นอกใจคุณ ถึงแม้ใครหน้าไหนจะเข้ามาคุยก่อนก็ตาม แต่ถ้าเค้านอกใจคุณยังไงเค้าก็ไม่ใช่คนดีแล้วแหละครับ อย่าไปด่าผู้หญิงที่มาแย่งเลย เพราะแฟนคุณอ่ะเป็นคนที่ผิดที่สุด ทางที่ดีที่สุดคือเลิกไปเลยแหละครับ คนดีๆมีอีกตั้งเยอะ ถ้าไม่เจอคนดีก็ไม่ต้องแต่งงานก็ได้ค่ะ ปรับตัวให้อยู่กับตัวเองให้ได้ ผมเห็นเยอะแล้วนะค่ะ พวกผู้หญิงที่ไปด่าผู้หญิงคนอื่นว่า "แย่งแฟนชาวบ้าน อีเลวฯลฯ อี'การี' ไม่คิดถึงหัวอกฉันบ้าง" ไปตามราวีพวกเขา ทำร้ายเขา ไปประกาศให้คนที่ตัวรู้จักว่าอีนังนี้ชอบแย่งผัวชาวบ้าน ทำให้พวกเขาอับอาย แถมปกป้องแฟนตัวเองสุดริดสุดเดช ไม่ด่าแฟนตัวเองเลย โทษอีผู้หญิงคนนั้นว่าเข้ามา 'ยั่ว' ผมขอพูดแรงๆเลยนะครับ ว่าผู้หญิงพวกนี้ โง่ เอามาก บางคนที่เป็นแบบนี้ก็มีการศึกษานะครับ แต่โดนปลูกฝังมาผิดๆ โดยเฉพาะจากหนังละคร พวกคุณที่เป็นแบบนี้หยุดโง่และมามองที่แฟนตัวเองด้วยเถอะครับ ไปด่าพวกผู้หญิงกันเอง ทัศนคติผู้หญิงมันเลยเสียไปเรื่อยๆ เพราะผู้หญิงกันเองทำให้มันเสีย ยิ่งทำอย่างนี้พวกแฟน/สามีคุณก็จะได้ใจและก็ไปนอกใจอีก เพราะคิดว่ายังไงคุณก็ไปด่าอีมือที่สาม ไม่เลิกกับเขาหรอก
ก็มีแค่นี้นะครับ
อยากสรุปว่า ถ้าผู้หญิงไทยต้องการจะเท่าเทียมกับผู้ชายไทย ก็ควรจะเท่าเทียมจริงๆในทุกด้าน ความคิดของผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็ยังคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าผู้ชายในหลายเรื่อง ถ้าผู้หญิงต้องความเท่าเทียม Equal กันจริงๆ ก็ต้องสละความไม่เท่าเทียมที่มีต่อผู้ชายไปด้วย อย่างเช่นข้อๆที่เอ่ยไปข้างบนอะครับ ถ้ายิ่งคิดอย่างนี้ไปต่อนะครับ เราผู้หญิงเองก็จะไม่มีความเท่าเทียมกับผู้ชายอย่างแท้จริง เพราะผู้ชายเองก็คิดเหมือนกันว่าพวกเขาก็ต้อยต่ำกว่าผู้หญิงในบางเรื่องด้วย
ผู้หญิงอยากมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชาย ผู้ชายก็ต้องมีสิทธิ์เท่ากับผู้หญิง