[CR] [Review] Still Alice - อยากดูหนังซาดิสม์ อย่าดู Fifty Shades of Grey ... ดู Still Alice [Spoil]

ภาพยนต์เรื่อง “อลิซ ไม่ลืม” เป็นภาพยนต์ที่มีคนจับตามองอย่างมาก และส่งให้นักแสดงอย่าง Julianne Moore คว้ารางวัลทั้งลูกโลกทองคำและออสการ์ไปอย่างสวยงาม (หลายคนบอกว่านักแสดงอย่างเธอควรถึงเวลาได้รับรางวัลอันทรงคุณค่านี้เสียที)

น่าเสียดายที่ภาพยนต์เรื่องนี้หาชมได้ยากเหลือเกิน ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ภาพยนต์ดีๆ แบบนี้ไม่เข้าโรงฉาย และภาพยนต์ที่เข้าฉายก็มักเป็น “พากษ์ไทย” ... ส่วนโรงในกรุงเทพก็ช่างมีรอบน้อยเสียเหลือเกิน

(นี่คือความโหดร้ายอย่างแรกของภาพยนต์เรื่องนี้)

———————————————————————————————————————————


ผมเข้าไปชมภาพยนต์เรื่องนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากว่าที่เขาชื่นชมกันว่า Julianne นั้นเล่นได้ stunning นั้นเป็นอย่างไร...

ตลอดความยาวของภาพยนต์เรื่องนี้นำเสนอภาพความรักระหว่างคนในครอบครัวของ Alice ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความสุข จนกระทั่งความจำของ Alice เริ่มขาดวิ่น และทุกคนที่เป็นสมาชิกในครอบครัวล้วนถูกดึงเข้ามาร่วมรับชะตากรรมร่วมกัน (จะเรียกว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่เชิง)

ช่วงเวลานี้มีฉากหนึ่งที่การแสดงของ Julianne Moore ทำให้ผมตกตะลึง คือ ณ เวลาที่เธอต้องเริ่มบอกกับสามี (John) ถึงปัญหาของเธอในกลางดึก เริ่มจากการบอกราบเรียบ ซึ่งคนที่เป็นสามีเองนั้นแทบไม่เชื่อหูในสิ่งที่เกิดขึ้น และมันเลวร้ายเกินจะยอมรับ เขาพยายามปฏิเสธสิ่งที่ Alice บอกด้วยสารพัดหลักการที่เขาบรรจุไว้เต็มหัว

Alice ระเบิดอารมณ์ ใส่ John ... แตกกระจายเต็มที่นอน ... เธอกรีดร้องปล่อยระบายความกดดันและความสับสนที่เธอแบกรับมานานเพียงลำพัง ... ฉากนี้คือความโหดร้ายเริ่มต้นเท่านั้น

Alice ได้พูดประโยคหนึ่งในภาพยนต์ที่ทำให้ผมสะอึก คือประโยคที่ว่า “I wish I had cancer, I wouldn’t feel so ashamed.” ซึ่งหมายถึงเธออยากให้สิ่งที่เธอเป็นนั้นคือมะเร็งยังจะดีเสียกว่า เนื่องจาก 2 สาเหตุคือ 1) เธอจะมีชีวิตอยู่เท่าที่เธอยังไม่สูญเสียความเป็นตัวตนของเธอ มันจะทำให้เธอจากโลกนี้ไปทั้งร่างกายและจิตใจมากกว่าจะจากไปเพียงจิตใจ และทิ้งร่างกายที่ไร้ความสามารถไว้เป็นภาระไว้เบื้องหลัง และ 2) มันจะเป็นช่วงเวลาแห่งนรก (ในภาพยนต์ใช้คำว่า hell) ที่สั้นและกระชับกว่ามาก ซึ่งข้อที่สองนี้ผมเติมเองจากบริบทในประสบการณ์ชีวิตส่วนตัว

(ในช่วงเวลาแบบนั้น ผมเคยคิดว่าขอแค่มีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปก็คือความสุขมากแล้ว - ซึ่งภาวะที่ Alice ต้องเจอนั้นมันยาวนานไปจนกว่าจะจบชีวิตของเธอ)

ฉากที่เป็นจุดที่สำคัญที่สุดของภาพยนต์คือฉากการขึ้นกล่าวในงาน Alzheimer’s Association นอกจาก speech ของ Alice จะสื่อออกมาได้จับใจแล้ว เธอยังใช้พลังงานสมองของเธอในการเขียนสุนทรพจน์นี้ถึง 3 วัน และยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะอ่าน “โพย” ได้โดยไม่หลงลืมว่าอ่านไปถึงไหนแล้ว

-- คุณเห็นความซาดิสม์ของภาพยนต์เรื่องนี้หรือยัง

ยังดีที่ภาพยนต์นั้นใส่ลูกๆ ของ Alice เข้ามานั่งฟังแม่ของเธอด้วย ซึ่งนั่นสื่อถึงการ support จากครอบครัวของเธอที่พร้อมละทิ้งเรื่องส่วนตัวมาให้เวลาแม่ของพวกเขา ในช่วงเวลาแสนสำคัญ (Alice เป็นอาจารย์ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน การหวนคืนสู่เวทีนั้นสำคัญกับความเป็น “ตัวตน” ของเธอมาก)

ภาพยนต์ยังทำร้าย Alice ไม่เพียงพอจนต้องใส่ฉากมือถือหายเข้ามา ตามด้วยคำพูดของสามีที่ตอกย้ำเรื่องการหลงลืมวันและเวลาของเธอ

(ในชีวิตจริงหากเราต้องอยู่ในสถานการณ์เดิมทุกวัน ต่อให้มันโหดร้ายแค่ไหนเราก็จะ “เคยชิน”)

ตลอดเวลาของเรื่องราวนั้น ผมนั่งดูไปโดยคาดหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์อะไรให้เรื่องราวจบแบบ happy ending ได้หรือไม่ ...

คำตอบคือไม่มี ... และแม้กระทั่งการฆ่าตัวตายที่วางแผนไว้ อลิซยังไม่สามารถทำได้ดังที่ตั้งใจ ... สุดท้ายคือเธอสูญเสียความสามารถของสมองไปทั้งหมด และไม่สามารถอยู่กับปัจจุบันได้ ... และได้ลูกสาวคนเล็กเข้ามาดูแล

(เป็นอีกหนึ่งข้อที่เชื่อมโยงผมเข้ากับภาพยนต์)

——————————

ในขณะที่สองวันก่อนผมไปดู Fifty Shades of Grey ... ผมไม่รู้สึกถึงความเป็น Sadism เลย ... สื่อไม่ได้... แต่กับวันนี้ที่ดู Still Alice ... ผมรู้สึกเหมือนถูกแส้ฟาดย้ำๆ ซ้ำๆ ในทุกฉากที่เข้ามา ... จนจบเรื่อง

... แต่หากต้องการดูหนัง Romantic ซักเรื่อง ... Fifty Shades of Grey นี่ทำให้จิกหมอนได้ตลอดทุกซีนเช่นกัน

——————————
ชื่อสินค้า:   Still Alice
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่