บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/33223537
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/33226042
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/33228150
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/33230643
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/33232859
บทที่ 6
http://ppantip.com/topic/33237275
“เป็นข่าวใหญ่ครับ ช๊อควงการบันเทิงเลยทีเดียว เมื่อดาราสาวคนดัง แวว วัชรา ที่กำลังจะมีลูก
ได้ตัดสินใจอำลาวงการเนื่องจากไม่สามารถรับความกดดันจากปัญหาหย่าร้างได้
เมื่อคุณวิทย์รัตน์สามีหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านขอจดทะเบีนหย่าเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนดาราสาวตอนนี้ตัดสินใจบินไปต่างประเทศแล้ว”
วุฒิชะงักเมื่อเห็นข่าวของแวว วัชรา อดีตหวานใจสมัยเรียนที่เคยปฏิเสธวุฒิต้องถึงคราวตกอับ
“เยาว์ ดูข่าวนั่นสิเพื่อนคุณตอนนี้กำลังแย่ เห็นว่าหย่ากับคุณวิทย์แล้ว”
“เห็นข่าวนี้ แล้วคุณล่ะว่ายังไง”
เยาว์พูดกับวุฒิด้วยความอยากรู้ว่าวุฒิตัดใจแล้วจริงๆหรือยัง
“ก็ไม่คิดอะไร ชีวิตคนมีขึ้นมีลง เขาเคยดัง แต่ตอนนี้ก็ดับแล้วก็อาจจะกลับมามีชื่อเสียง
ถ้าเขาเข้มแข็ง เขาก็พร้อมจะยืนหยัดด้วยความมั่นใจ แต่ก็สงสารนะคนเคยรู้จัก”
วุฒิมีอาการเรียบเฉย แต่ก็ยังสงสารคนที่เขาเคยรัก แน่นอนว่าตอนนี้เขาตัดใจจากเธอได้สิ้นเชิง
สิ่งนี้เองทำให้วุฒิเขียนบทความหนึ่ง ลงในนิตยสารเกี่ยวกับสุภาพสตรี ที่เขาได้ลงตีพิมพ์เป็นประจำ
บทความเรื่อง ความรัก
จำได้ว่าในสมัยที่ผมยังเป็นหนุ่มวัยรุ่นวัยเรียน ความรักในความหมายของผมเป็นเพียงความต้องการเติมเต็มของใจ
และความต้องการได้มาซึ่งคู่ครองเท่านั้น มิอาจใช่ความปรารถนาดีโดยมีความต้องการให้สิ่งดีดีแก่ผู้อื่น
ฟังดูค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว จนถึงเมื่อตอนที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วผ่านการศึกษาทั้งในมหาวิทยาลัยและระบบการศึกษาด้วยตัวเอง
จึงพบว่าในทางพระพุทธศาสนานั้นความรักคือความเมตตา คือความสงสารอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์
พระพุทธเจ้าอธิบายความรักไว้ในพรหมวิหาร4 มิใช่ความต้องการในสิ่งที่ตนขาด
ดังนั้นความรักในความคิดของผมคือการให้ไม่ใช่การรับ มีหลายคนที่ผมรู้จักดำเนินชีวิตรักในทางที่ยังไม่เข้าใจถ่องแท้
เพราะเขาเหล่านั้นมีเพียงความต้องการทางอารมณ์ ความรักของเขาจึงเป็นของร้อนที่อาจจะทำลายความสุขได้ทุกเมื่อ
หากไม่ได้ในสิ่งที่ขาดคือตัณหาไม่ได้ถูกสนองจึงเป็นทุกข์ ผมจึงเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าหากครั้งไหนที่ตัวเองรักโดยต้องการคู่ครอง
ที่ไม่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นก็อย่าเพิ่งสรุปว่านั่นคือรักแท้ เพราะสิ่งนั้นเป็นเพียงอารมณ์ใคร่เท่านั้นเอง
บทความที่ผมเขียนในฉบับนี้เป็นความรักที่หมายถึงการให้โดยใจจริง จึงทำให้ความรักที่มีเป็นสิ่งสวยงามที่ควรเป็น
หากคุณผู้อ่านเข้าใจก็จะพบว่า การให้โดยไม่เสียดายคือสิ่งดีที่สามารถสร้างความสุข
ส่วนความต้องการได้รับเป็นความทุกข์จากสิ่งที่ตนยังขาด ซึ่งทั้งสองอย่างจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นเมื่อใดที่เรามีความรักให้สังเกตุให้ดีว่านั่นเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความเมตตาสงสารหวังดีอยากเห็นคนอื่นมีความสุข
พ้นจากความทุกข์ใจหรือไม่ ถ้ามีดังนั้นแล้ว ก็หมายถึงคุณมีรักที่บริสุทธิ์บังเกิดขึ้นในใจแล้ว
ความรักในทัศนคติของผมจึงเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่รังสรรค์สิ่งดีให้แก่จิตและวิญญาณ
เป็นทั้งการให้และการรับโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว
ความรักมีหลายประเภท เช่น แม่รักลูก ชายหญิงรักกัน ญาติพี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน เพื่อนรักกัน
หรือแม้กระทั่งคนรักสัตว์เลี้ยงรักธรรมชาติ เหล่านี้ล้วนมีที่มาจาก ความต้องการอย่างมีความสุขโดยหวังดีต่อสิ่งนั้น
หากแม่รักลูก แม่ย่อมต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดี มีอิสระที่จะเลือกอนาคตของตัวเองด้วยการเป็นคนดีของสังคมรอดพ้นจากการติดยาเสพติด
มีคนรักใคร่ชื่นชม เหล่านี้ล้วนเป็นความต้องการให้ผู้อื่นมีสุขโดยหวังดีอยากเห็นเขาเป็นไปตามอุดมคติที่ตนนิยม
แต่หากเมื่อความรักเป็นแบบชายหญิงรักกันผู้มีความรักก็ย่อมต้องการให้อีกฝ่ายเห็นคุณค่าในการทำดีให้คนรักของตน
โดยหวังให้อีกฝ่ายมีความรักให้ตัวเองเป็นการตอบแทน ทั้งยังเป็นความต้องการได้มาซึ่งความอบอุ่นทดแทนความเหงาบ้างเป็นบางครั้ง
ความรักจึงเรียกได้หลายอย่างโดยอนุมานได้ดังนี้ ความรักคือการเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อความสุขของผู้อื่น
ความรักคือความหวงแหนสิ่งมีค่าอย่างหนึ่งที่สร้างความสุขใจให้แก่ผู้ให้ หลายคนประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจากความรัก
เมื่อความรักเข้ามาสร้างความสุขใจแต่กลับสลายไปในคืนและวัน เหมือนดอกไม้สดที่ค่อยๆคายน้ำที่ค่อยๆระเหยไปอย่างช้าๆตามกาลและเวลา
ดังนั้นการรักษาสภาพสิ่งดีงามจากความรักที่ควรเป็น คือการถนอมรักษาซึ่งความชุ่มฉ่ำใจของทั้งผู้รักและผู้ถูกรักให้คงอยู่เสมอ
สิ่งนั้นจะเป็นเครื่องเยียวยาความเห็นแก่ตัวได้ดีเยี่ยม
อุบัติเหตุรักเกิดขึ้นได้เสมอเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลย การที่คนสองคนได้พบกันแล้วความสัมพันธ์แน่นแฟ้นไ
ได้
จนถึงขั้นปรารถนาที่จะให้ในกันและกันด้วยความสุขอิ่มเอม มีได้เสมอทุกเมื่อทุกโอกาสหากจิตใจของเราหวังดีพร้อมกันกับอีกฝ่าย
ก็ย่อมหมายถึงมีใจที่ดีต่อกัน
ผมเคยดูภาพยนตร์เรื่องเกี่ยวกับความรัก ในบทภาพยนต์มีฉากหนึ่งที่นางเอกได้เข้าพบกับนักเขียนนิยายรักรุ่นลายครามที่เธอชื่นชอบ
นักเขียนในหนังอธิบายว่า
เมื่อชายหญิงคู่หนึ่งเดินไปเลือกซื้อเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าเดียวกัน ฝ่ายชายบอกว่าต้องการเสื้อในขณะที่ฝ่ายหญิงนั้นบอกว่าตนต้องการกางเกง ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน นั่นแหละคือ “พรหมลิขิต” มองดูแล้วจะเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีทั้งการให้และความต้องการได้รับพร้อมกัน
เมื่อคิดถึงสรุปนิยามความรักสำหรับผมแล้ว ความรักคือ
การประสานในความต้องการเติมเต็มและการเผื่อแผ่ความสุขในหัวใจมนุษย์ในเวลาเดียวกัน
เทียรวุฒิ
งานเขียนบทความของวุฒิ ทำให้เขาได้พัฒนาทัศนคติ บทความเรื่อง ความรัก ของเขาถูกตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดัง
“อ้าว คุณวุฒิ ตอนนี้ดูหน้าสดใสมากเลยนะครับ เรื่องอาการเป็นยังไงบ้างครับ ยังฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิทำงาน
เหมือนก่อนมั้ย ครั้งที่แล้วหมอให้ยาไปทานเหลือเม็ดเดียว เพราะเห็นว่าคุณดีขึ้นมาก แล้วเรื่องงานเขียนตอนนี้ผมเองก็กลายเป็นแล้วแฟนนักอ่านของคุณแล้วนะ เขียนได้ดีมากเลย ผมชื่นชอบมาก”
จิตแพทย์กล่าว
“ครับหมอ ผมมีอาการดีขึ้น ไม่ค่อยกังวลและตอนนี้มีสมาธิทำงานเขียนของตัวเองมาก และมีความหวังเรื่องในอดีตนั้นผมตัดใจได้ครับ”
วุฒิเล่าความรู้สึกนึกคิดให้หมอใหญ่ฟัง
“อืม ดีมาก หมอว่าคุณเป็นคนมีการศึกษาการเป็นคนมีเหตุผล จะทำให้คุณมีสติคิดได้ เมื่อใจคุณพร้อมไม่ว่างานอะไรคุณก็ทำได้ และตอนนี้คุณก็ทำให้ผมเห็นแล้ว คุณคือศิลปินนักเขียน และตอนนี้ในเคมีสมองของคุณถูกปรับให้อยู่ในภาวะสมดุลดีแล้ว ไม่ต้องห่วงหมอจะดูแลเอง”
หมอพูดทิ้งท้ายก่อนการตรวจโรคจะเสร็จ
ทั้งเยาว์และวุฒิต่างมีความสุขที่หมอก็เป็นแฟนคลับประจำของวุฒิ และอาการของวุฒิหายดีแล้ว
บางครั้งวุฒิเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดคนเดียวด้วยรถเก๋งคันเก่ง
ด้วยความรู้สึกคิดถึงบ้านและต้องการเปิดโลกทัศน์ เพื่อนฝูงเก่ามีทั้งทินและไก่ต่างดีใจที่ได้เห็นหน้าวุฒิ
รวมถึงพ่อกับแม่ทุกคนต่างให้การต้อนรับอบอุ่นเมื่อเห็นหน้าลูกชายผู้เป็นที่รักมาเยี่ยม
แม่ของวุฒิถึงกับน้ำตาไหลด้วยความเป็นห่วงและคิดถึง เมื่อได้เวลาที่วุฒิจะต้องจากบ้านเกิดไปเผชิญชีวิตต่อในเมืองกรุง
“พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมอยู่ทางนั้นสบายดี ผมไม่ทำตัวเกเรอะไร
ผมรักครอบครัวและไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง ผมมีกำลังใจมากครับ ตอนนี้ผมได้รางวัลจากงานเขียนแล้วนะแม่”
วุฒิเล่าให้พ่อกับแม่ฟังด้วยความภาคภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
การกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดทำให้วุฒิมีแรงบันดาลใจที่จะเขียนเรื่องสั้นอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องราวของคนชนบท
เรื่องสั้น เพื่อนต่างตำบล
ณ บึงใหญ่ในตำบลหนองน้ำใส ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งราวสามสิบคน
กำลังพากันทอดแหหาปลาในหนองน้ำ ที่ตอนนี้ระดับปริมาณน้าแห้งขอด
น้ำสูงท่วมเอวผู้คนที่กำลังลงทอดแหในบึงใหญ่ของตำบลแห่งนี้
“เอาละเว้ยพวกเรา นานๆทีน้ำในบึงใหญ่จะแห้งขอด นี่ถ้าไม่ได้ความอนุเคราะห์จากท่านกำนันอนุญาตให้จับปลาฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าลงแห
เราก็คงไม่ได้มาจับปลาที่นี่เป็นแน่ ปลาก็เยอะเสียจริงเลยเว้ย สงสัยคงเพราะพวกเราช่วยกันอนุรักษ์
หาปลาตามวิธีธรรมชาติไม่เอาไฟฟ้าช๊อตให้ลูกปลาสูญพันธุ์ ปีนี้ล่ะฉันจะเอาเงินขายปลาไปดาวน์รถไถนาเดินตามสมใจอยาก”
สุทินร้องตะโกนลั่นพูดคุยกับเพื่อนฝูงอีกฟากด้วยความดีใจ
“ เออ ไอ้ทินเอ็งมันคนหาปลาเก่ง ยังไงปีนี้อย่าเหมาคนเดียวล่ะ ให้พวกข้าได้กินด้วยเว้ย ”
ชาวบ้านหนองน้ำใสคนหนึ่งตะโกนคุยกับสุทิน ปกติคนในตำบลนี้ค่อนข้างหวงถิ่นมาก
โดยเฉพาะหากคนตำบลอื่นเข้ามาหากินที่บึงแห่งนี้ พวกเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับสุทิน
ที่เป็นเพียงเขยที่มาจากตำบลอื่น เขาจึงถูกแขวะจากคนหนองน้ำใส
“ซวบ!!! “
เสียงแหของสุทินถูกทอดลงไปกลางบึงกว้าง เขาเลือกที่เหมาะเพื่อที่จะหาปลาได้ถนัดและหวังจะได้ปลาจำนวนมาก ลูกแหที่ทำด้วยโซ่เหล็กหนักอึ้งจมลงไปในน้ำ สุทินรอสักพักแล้วค่อยๆ ดึงจอมแหเข้าหาตัว
“โอโฮ มีปลาอะไรติดมาด้วยเนี่ย ตัวเบ้อเริ่มเลย นี่พวกเอ็งมาช่วยข้าดูหน่อย”
ปลาติดร่างแหของสุทินมาฝูงใหญ่ที่มีทั้งปลาช่อนตัวขนาดเขื่อง2ตัว ปลานิลยักษ์4ตัว
ปลาดุกอุยตัวเหลืองอีกเกือบสิบ ปลาตะเพียนตัวเล็กๆอีกคอกและอีกตัวที่สุทินยังไม่เคยเห็น ตัวใหญ่เบ้อเริ่มกะน้ำหนักดูตัวนี้คงไม่น้อยกว่าห้ากิโลกรัม
“นั่นมันปลาจาระเม็ดเว้ยไอ้ทิน เฮ้อแกนี่มันมือทองจริงๆทอดแหลงครั้งแรกก็ได้ปลาจาระเม็ดติดแหมาด้วยเลย
พวกข้ายังได้แค่ปลาช่อนปลาดุก”เสียงชาวบ้านตะโกนบอกจากอีกฟาก
“ไอ้ชิดเอ้ย ไปดูน้าเอ็งทางนั้นสิ มันทอดแหทีเดียวได้ปลาเต็มเลย”
ชาวบ้านที่หาปลา บอกชิดที่มือเปล่านั่งสมหมายและคนอื่นๆกำลังทอดแหบนคูบึง ส่วนหมายเพื่อนซี้เตรียม
แหผืนเล็กของตัวเอง หมายทอดแหหลายรอบแต่ได้เพียงปลาช่อนตัวเดียว
ชิดซึ่งเป็นเพื่อนซี้ต่างตำบลที่มาเที่ยวเล่นที่ตำบลของหมายและเมียของน้าสุทิน
“เป็นไงบ้างวะไอ้หมาย แหปากเล็กของแกดูท่าทางจะไม่ได้เรื่อง” ชิดพูดหยามหมายที่ตอนนี้เริ่มเหนื่อยกับการทอดแห
“เออ ข้ามันคนฝีมือไม่ดีไม่เหมือนน้าทินเอ็ง นี่ว่าจะทอดอีกสักทีสองที อุตสาห์มาตั้งแต่เช้ามืดแล้วได้ตัวเดียวเอง
เอาวะแค่นี้ก็พอกินแล้วว่ะ” หมายพูดกระแนะกระแหนชิดบ้าง
“ซวบ!!!
เสียงแหของหมายถูกทอดลงในหนองน้ำ เขาดึงจอมแห คราวนี้เขาได้ปลาจาระเม็ดตัวขนาดกลาง
ประมาณน้ำหนักดูคิดว่าคงสักสองกิโลกรัม
“เอาล่ะ พอแล้ววันนี้ ข้าเหนื่อยแล้วว่ะไอ้ชิด ได้อีกตัวโชคดีแท้”
ฝันคืนทิศ บทที่7
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/33226042
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/33228150
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/33230643
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/33232859
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/33237275
“เป็นข่าวใหญ่ครับ ช๊อควงการบันเทิงเลยทีเดียว เมื่อดาราสาวคนดัง แวว วัชรา ที่กำลังจะมีลูก
ได้ตัดสินใจอำลาวงการเนื่องจากไม่สามารถรับความกดดันจากปัญหาหย่าร้างได้
เมื่อคุณวิทย์รัตน์สามีหนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจหมื่นล้านขอจดทะเบีนหย่าเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนดาราสาวตอนนี้ตัดสินใจบินไปต่างประเทศแล้ว”
วุฒิชะงักเมื่อเห็นข่าวของแวว วัชรา อดีตหวานใจสมัยเรียนที่เคยปฏิเสธวุฒิต้องถึงคราวตกอับ
“เยาว์ ดูข่าวนั่นสิเพื่อนคุณตอนนี้กำลังแย่ เห็นว่าหย่ากับคุณวิทย์แล้ว”
“เห็นข่าวนี้ แล้วคุณล่ะว่ายังไง”
เยาว์พูดกับวุฒิด้วยความอยากรู้ว่าวุฒิตัดใจแล้วจริงๆหรือยัง
“ก็ไม่คิดอะไร ชีวิตคนมีขึ้นมีลง เขาเคยดัง แต่ตอนนี้ก็ดับแล้วก็อาจจะกลับมามีชื่อเสียง
ถ้าเขาเข้มแข็ง เขาก็พร้อมจะยืนหยัดด้วยความมั่นใจ แต่ก็สงสารนะคนเคยรู้จัก”
วุฒิมีอาการเรียบเฉย แต่ก็ยังสงสารคนที่เขาเคยรัก แน่นอนว่าตอนนี้เขาตัดใจจากเธอได้สิ้นเชิง
สิ่งนี้เองทำให้วุฒิเขียนบทความหนึ่ง ลงในนิตยสารเกี่ยวกับสุภาพสตรี ที่เขาได้ลงตีพิมพ์เป็นประจำ
บทความเรื่อง ความรัก
จำได้ว่าในสมัยที่ผมยังเป็นหนุ่มวัยรุ่นวัยเรียน ความรักในความหมายของผมเป็นเพียงความต้องการเติมเต็มของใจ
และความต้องการได้มาซึ่งคู่ครองเท่านั้น มิอาจใช่ความปรารถนาดีโดยมีความต้องการให้สิ่งดีดีแก่ผู้อื่น
ฟังดูค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว จนถึงเมื่อตอนที่ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้วผ่านการศึกษาทั้งในมหาวิทยาลัยและระบบการศึกษาด้วยตัวเอง
จึงพบว่าในทางพระพุทธศาสนานั้นความรักคือความเมตตา คือความสงสารอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์
พระพุทธเจ้าอธิบายความรักไว้ในพรหมวิหาร4 มิใช่ความต้องการในสิ่งที่ตนขาด
ดังนั้นความรักในความคิดของผมคือการให้ไม่ใช่การรับ มีหลายคนที่ผมรู้จักดำเนินชีวิตรักในทางที่ยังไม่เข้าใจถ่องแท้
เพราะเขาเหล่านั้นมีเพียงความต้องการทางอารมณ์ ความรักของเขาจึงเป็นของร้อนที่อาจจะทำลายความสุขได้ทุกเมื่อ
หากไม่ได้ในสิ่งที่ขาดคือตัณหาไม่ได้ถูกสนองจึงเป็นทุกข์ ผมจึงเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าหากครั้งไหนที่ตัวเองรักโดยต้องการคู่ครอง
ที่ไม่มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นก็อย่าเพิ่งสรุปว่านั่นคือรักแท้ เพราะสิ่งนั้นเป็นเพียงอารมณ์ใคร่เท่านั้นเอง
บทความที่ผมเขียนในฉบับนี้เป็นความรักที่หมายถึงการให้โดยใจจริง จึงทำให้ความรักที่มีเป็นสิ่งสวยงามที่ควรเป็น
หากคุณผู้อ่านเข้าใจก็จะพบว่า การให้โดยไม่เสียดายคือสิ่งดีที่สามารถสร้างความสุข
ส่วนความต้องการได้รับเป็นความทุกข์จากสิ่งที่ตนยังขาด ซึ่งทั้งสองอย่างจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นเมื่อใดที่เรามีความรักให้สังเกตุให้ดีว่านั่นเป็นความรักที่เต็มไปด้วยความเมตตาสงสารหวังดีอยากเห็นคนอื่นมีความสุข
พ้นจากความทุกข์ใจหรือไม่ ถ้ามีดังนั้นแล้ว ก็หมายถึงคุณมีรักที่บริสุทธิ์บังเกิดขึ้นในใจแล้ว
ความรักในทัศนคติของผมจึงเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่รังสรรค์สิ่งดีให้แก่จิตและวิญญาณ
เป็นทั้งการให้และการรับโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว
ความรักมีหลายประเภท เช่น แม่รักลูก ชายหญิงรักกัน ญาติพี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน เพื่อนรักกัน
หรือแม้กระทั่งคนรักสัตว์เลี้ยงรักธรรมชาติ เหล่านี้ล้วนมีที่มาจาก ความต้องการอย่างมีความสุขโดยหวังดีต่อสิ่งนั้น
หากแม่รักลูก แม่ย่อมต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดี มีอิสระที่จะเลือกอนาคตของตัวเองด้วยการเป็นคนดีของสังคมรอดพ้นจากการติดยาเสพติด
มีคนรักใคร่ชื่นชม เหล่านี้ล้วนเป็นความต้องการให้ผู้อื่นมีสุขโดยหวังดีอยากเห็นเขาเป็นไปตามอุดมคติที่ตนนิยม
แต่หากเมื่อความรักเป็นแบบชายหญิงรักกันผู้มีความรักก็ย่อมต้องการให้อีกฝ่ายเห็นคุณค่าในการทำดีให้คนรักของตน
โดยหวังให้อีกฝ่ายมีความรักให้ตัวเองเป็นการตอบแทน ทั้งยังเป็นความต้องการได้มาซึ่งความอบอุ่นทดแทนความเหงาบ้างเป็นบางครั้ง
ความรักจึงเรียกได้หลายอย่างโดยอนุมานได้ดังนี้ ความรักคือการเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อความสุขของผู้อื่น
ความรักคือความหวงแหนสิ่งมีค่าอย่างหนึ่งที่สร้างความสุขใจให้แก่ผู้ให้ หลายคนประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจากความรัก
เมื่อความรักเข้ามาสร้างความสุขใจแต่กลับสลายไปในคืนและวัน เหมือนดอกไม้สดที่ค่อยๆคายน้ำที่ค่อยๆระเหยไปอย่างช้าๆตามกาลและเวลา
ดังนั้นการรักษาสภาพสิ่งดีงามจากความรักที่ควรเป็น คือการถนอมรักษาซึ่งความชุ่มฉ่ำใจของทั้งผู้รักและผู้ถูกรักให้คงอยู่เสมอ
สิ่งนั้นจะเป็นเครื่องเยียวยาความเห็นแก่ตัวได้ดีเยี่ยม
อุบัติเหตุรักเกิดขึ้นได้เสมอเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลย การที่คนสองคนได้พบกันแล้วความสัมพันธ์แน่นแฟ้นไ
ได้
จนถึงขั้นปรารถนาที่จะให้ในกันและกันด้วยความสุขอิ่มเอม มีได้เสมอทุกเมื่อทุกโอกาสหากจิตใจของเราหวังดีพร้อมกันกับอีกฝ่าย
ก็ย่อมหมายถึงมีใจที่ดีต่อกัน
ผมเคยดูภาพยนตร์เรื่องเกี่ยวกับความรัก ในบทภาพยนต์มีฉากหนึ่งที่นางเอกได้เข้าพบกับนักเขียนนิยายรักรุ่นลายครามที่เธอชื่นชอบ
นักเขียนในหนังอธิบายว่า
เมื่อชายหญิงคู่หนึ่งเดินไปเลือกซื้อเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าเดียวกัน ฝ่ายชายบอกว่าต้องการเสื้อในขณะที่ฝ่ายหญิงนั้นบอกว่าตนต้องการกางเกง ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน นั่นแหละคือ “พรหมลิขิต” มองดูแล้วจะเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีทั้งการให้และความต้องการได้รับพร้อมกัน
เมื่อคิดถึงสรุปนิยามความรักสำหรับผมแล้ว ความรักคือ
การประสานในความต้องการเติมเต็มและการเผื่อแผ่ความสุขในหัวใจมนุษย์ในเวลาเดียวกัน
เทียรวุฒิ
งานเขียนบทความของวุฒิ ทำให้เขาได้พัฒนาทัศนคติ บทความเรื่อง ความรัก ของเขาถูกตีพิมพ์ในนิตยสารชื่อดัง
“อ้าว คุณวุฒิ ตอนนี้ดูหน้าสดใสมากเลยนะครับ เรื่องอาการเป็นยังไงบ้างครับ ยังฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิทำงาน
เหมือนก่อนมั้ย ครั้งที่แล้วหมอให้ยาไปทานเหลือเม็ดเดียว เพราะเห็นว่าคุณดีขึ้นมาก แล้วเรื่องงานเขียนตอนนี้ผมเองก็กลายเป็นแล้วแฟนนักอ่านของคุณแล้วนะ เขียนได้ดีมากเลย ผมชื่นชอบมาก”
จิตแพทย์กล่าว
“ครับหมอ ผมมีอาการดีขึ้น ไม่ค่อยกังวลและตอนนี้มีสมาธิทำงานเขียนของตัวเองมาก และมีความหวังเรื่องในอดีตนั้นผมตัดใจได้ครับ”
วุฒิเล่าความรู้สึกนึกคิดให้หมอใหญ่ฟัง
“อืม ดีมาก หมอว่าคุณเป็นคนมีการศึกษาการเป็นคนมีเหตุผล จะทำให้คุณมีสติคิดได้ เมื่อใจคุณพร้อมไม่ว่างานอะไรคุณก็ทำได้ และตอนนี้คุณก็ทำให้ผมเห็นแล้ว คุณคือศิลปินนักเขียน และตอนนี้ในเคมีสมองของคุณถูกปรับให้อยู่ในภาวะสมดุลดีแล้ว ไม่ต้องห่วงหมอจะดูแลเอง”
หมอพูดทิ้งท้ายก่อนการตรวจโรคจะเสร็จ
ทั้งเยาว์และวุฒิต่างมีความสุขที่หมอก็เป็นแฟนคลับประจำของวุฒิ และอาการของวุฒิหายดีแล้ว
บางครั้งวุฒิเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดคนเดียวด้วยรถเก๋งคันเก่ง
ด้วยความรู้สึกคิดถึงบ้านและต้องการเปิดโลกทัศน์ เพื่อนฝูงเก่ามีทั้งทินและไก่ต่างดีใจที่ได้เห็นหน้าวุฒิ
รวมถึงพ่อกับแม่ทุกคนต่างให้การต้อนรับอบอุ่นเมื่อเห็นหน้าลูกชายผู้เป็นที่รักมาเยี่ยม
แม่ของวุฒิถึงกับน้ำตาไหลด้วยความเป็นห่วงและคิดถึง เมื่อได้เวลาที่วุฒิจะต้องจากบ้านเกิดไปเผชิญชีวิตต่อในเมืองกรุง
“พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมอยู่ทางนั้นสบายดี ผมไม่ทำตัวเกเรอะไร
ผมรักครอบครัวและไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง ผมมีกำลังใจมากครับ ตอนนี้ผมได้รางวัลจากงานเขียนแล้วนะแม่”
วุฒิเล่าให้พ่อกับแม่ฟังด้วยความภาคภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
การกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดทำให้วุฒิมีแรงบันดาลใจที่จะเขียนเรื่องสั้นอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องราวของคนชนบท
เรื่องสั้น เพื่อนต่างตำบล
ณ บึงใหญ่ในตำบลหนองน้ำใส ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งราวสามสิบคน
กำลังพากันทอดแหหาปลาในหนองน้ำ ที่ตอนนี้ระดับปริมาณน้าแห้งขอด
น้ำสูงท่วมเอวผู้คนที่กำลังลงทอดแหในบึงใหญ่ของตำบลแห่งนี้
“เอาละเว้ยพวกเรา นานๆทีน้ำในบึงใหญ่จะแห้งขอด นี่ถ้าไม่ได้ความอนุเคราะห์จากท่านกำนันอนุญาตให้จับปลาฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าลงแห
เราก็คงไม่ได้มาจับปลาที่นี่เป็นแน่ ปลาก็เยอะเสียจริงเลยเว้ย สงสัยคงเพราะพวกเราช่วยกันอนุรักษ์
หาปลาตามวิธีธรรมชาติไม่เอาไฟฟ้าช๊อตให้ลูกปลาสูญพันธุ์ ปีนี้ล่ะฉันจะเอาเงินขายปลาไปดาวน์รถไถนาเดินตามสมใจอยาก”
สุทินร้องตะโกนลั่นพูดคุยกับเพื่อนฝูงอีกฟากด้วยความดีใจ
“ เออ ไอ้ทินเอ็งมันคนหาปลาเก่ง ยังไงปีนี้อย่าเหมาคนเดียวล่ะ ให้พวกข้าได้กินด้วยเว้ย ”
ชาวบ้านหนองน้ำใสคนหนึ่งตะโกนคุยกับสุทิน ปกติคนในตำบลนี้ค่อนข้างหวงถิ่นมาก
โดยเฉพาะหากคนตำบลอื่นเข้ามาหากินที่บึงแห่งนี้ พวกเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับสุทิน
ที่เป็นเพียงเขยที่มาจากตำบลอื่น เขาจึงถูกแขวะจากคนหนองน้ำใส
“ซวบ!!! “
เสียงแหของสุทินถูกทอดลงไปกลางบึงกว้าง เขาเลือกที่เหมาะเพื่อที่จะหาปลาได้ถนัดและหวังจะได้ปลาจำนวนมาก ลูกแหที่ทำด้วยโซ่เหล็กหนักอึ้งจมลงไปในน้ำ สุทินรอสักพักแล้วค่อยๆ ดึงจอมแหเข้าหาตัว
“โอโฮ มีปลาอะไรติดมาด้วยเนี่ย ตัวเบ้อเริ่มเลย นี่พวกเอ็งมาช่วยข้าดูหน่อย”
ปลาติดร่างแหของสุทินมาฝูงใหญ่ที่มีทั้งปลาช่อนตัวขนาดเขื่อง2ตัว ปลานิลยักษ์4ตัว
ปลาดุกอุยตัวเหลืองอีกเกือบสิบ ปลาตะเพียนตัวเล็กๆอีกคอกและอีกตัวที่สุทินยังไม่เคยเห็น ตัวใหญ่เบ้อเริ่มกะน้ำหนักดูตัวนี้คงไม่น้อยกว่าห้ากิโลกรัม
“นั่นมันปลาจาระเม็ดเว้ยไอ้ทิน เฮ้อแกนี่มันมือทองจริงๆทอดแหลงครั้งแรกก็ได้ปลาจาระเม็ดติดแหมาด้วยเลย
พวกข้ายังได้แค่ปลาช่อนปลาดุก”เสียงชาวบ้านตะโกนบอกจากอีกฟาก
“ไอ้ชิดเอ้ย ไปดูน้าเอ็งทางนั้นสิ มันทอดแหทีเดียวได้ปลาเต็มเลย”
ชาวบ้านที่หาปลา บอกชิดที่มือเปล่านั่งสมหมายและคนอื่นๆกำลังทอดแหบนคูบึง ส่วนหมายเพื่อนซี้เตรียม
แหผืนเล็กของตัวเอง หมายทอดแหหลายรอบแต่ได้เพียงปลาช่อนตัวเดียว
ชิดซึ่งเป็นเพื่อนซี้ต่างตำบลที่มาเที่ยวเล่นที่ตำบลของหมายและเมียของน้าสุทิน
“เป็นไงบ้างวะไอ้หมาย แหปากเล็กของแกดูท่าทางจะไม่ได้เรื่อง” ชิดพูดหยามหมายที่ตอนนี้เริ่มเหนื่อยกับการทอดแห
“เออ ข้ามันคนฝีมือไม่ดีไม่เหมือนน้าทินเอ็ง นี่ว่าจะทอดอีกสักทีสองที อุตสาห์มาตั้งแต่เช้ามืดแล้วได้ตัวเดียวเอง
เอาวะแค่นี้ก็พอกินแล้วว่ะ” หมายพูดกระแนะกระแหนชิดบ้าง
“ซวบ!!!
เสียงแหของหมายถูกทอดลงในหนองน้ำ เขาดึงจอมแห คราวนี้เขาได้ปลาจาระเม็ดตัวขนาดกลาง
ประมาณน้ำหนักดูคิดว่าคงสักสองกิโลกรัม
“เอาล่ะ พอแล้ววันนี้ ข้าเหนื่อยแล้วว่ะไอ้ชิด ได้อีกตัวโชคดีแท้”