แบกเป้ อเมริกาใต้ บราซิล เปรู เอกวาดอร์ 66 วัน ที่เปลี่ยนชีวิต ฉัน ไปตลอดกาล

นี่เป็นกระทู้รีวิว กระทู้แรกของเรา ที่รีวิวอย่างจริงจังในพันทิพนะคะ เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ การเดินทาง ไม่ใช่ คัมภีร์ การเดินทางนะคะ ..
เราเดินทางไปอมเริกาใต้ เมื่อ เดือน พย. ที่ผ่านมานี่เองค่ะ ..
เรารีวิว ทริป ที่เพจเฟสบุค ซึ่ง ไปติดตามกันได้ค่ะ https://www.facebook.com/backpackersfriend?fref=photo
ทริปที่รีวิว บางครั้งอาจเขียนช้า หน่อยถ้างานยุ่งๆต้องขออภัยนะคะ

ตอนที่1
เราออกเดินทางจากเมืองไทย วันที่ 26 พย. 2014 พร้อมกับน้องสาว ปลายทาง คือ เมือง Sao Paulo ประเทศบราซิล ที่เรานัดเพื่อนชาว บราซิล ชื่อแมน ซึ่งเราเคยเจอกัน เมื่อสองทริปก่อนหน้านี้. เราติดต่อแมนมา เพราะ การเดินทางในบราซิล เป็นการเดินทางที่ยากมาก เพราะ ด้วยอันตราย ประเทศนี้ขึ้นชื่อ ว่าเป็นอันดับต้นๆด้วยภาษา ประเทศนี้ ใช้ภาษาโปรตุเกส ซึ่งน้อยคนนัก ที่จะพูดได้ และด้วยผังเมือง และความใหญ่โตของเมืองแต่ละเมือง เราเป็นห่วงความปลอดภัยของทั้งตัวเราและน้องสาวเรา ไม่ใช่เพราะว่า แมน มันเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ล่ำ บึ๊ก พร้อมจะปกป้องเราทั้งสองคนได้. ตรงกันข้าม แมน เป็นผู้ชายชาวบราซิล ตัวสูงกว่าเราแค่ครึ่งคืบ ไว้ผมทรง เดรดลอค ผมยาวพันเกลียวที่ยึดกันด้วยกาวช้าง ระเบิดหูรูเท่านิ้วโป้ง เจาะลิ้น เจาะคิ้ว เจาะคาง ใส่แว่นตาสายตาสั้น หนาเตอะ เดินช้าอืดอาด ตัวผอม พุงโร เราเจอแมนสมัยที่เราเดินทางมาเอมริกาใต้ ครั้งแรก เมื่อสามปีที่แล้ว ที่พรมแดน ระหว่างอาร์เจนติน่า กับบราซิล กับผู้ชายรูปร่างสันทัด แบกเป้ใบใหญ่ กับแววตาใสซื่อ หลัง พรมแดนวันนั้น เราก็พบกันอีกครั้งที่ เมืองSantiago ประเทศชิลี หลังเราปฏิเสธแมน อย่างสุภาพว่า เราคิดกันแมน แค่เพื่อน. เราก็ดำรงความสัมพันธ์แค่เพื่อน กันตลอดมา
ก่อนถึงSao Paulo ไฟล์ทที่เราเดินทาง แวะพักเปลี่ยนเครื่อง ที่ Istanbul ตุรกี ช่วงพักรอเครื่อง เราครึ่งนั่ง ครึ่งนอนกดดูรูป ในกล้อง อยู่ที่เก้าอี้ ในสนามบิน จู่ๆ ก็มีเด็กชายฝรั่งตัวน้อย อายุราว 2-3ขวบ ปีนข้ามเก้าอี้มา เอามือจับกล้องเรา.
ลูกใครน่ะ พ่อแม่หายไปไหนแล้ว. No!! อย่าเล่นกล้อง. เจ้ไม่ชอบ เราเริ่มขยับตัวออกห่าง เรียกน้องสาวให้มาช่วย. เด็กน้อยน่ารัก ตาสีน้ำตาล แก้มใสสีชมพูเรื่อๆ ยังไม่ละความพยายาม พยายาม จับกล้องถ่ายรูป ในมือเรา แล้วจิ้มรัวๆ. หยุดนะ เดี๋ยวสอนคำหยาบภาษาไทยให้นะยะ. ไม่เอา.
เด็กน้อยเดินหลบ หายไปราวห้านาที แล้วเดินตรงกลับมา พร้อมกระเป๋าลากใบเล็กในมือ
เอาวางไว้ข้างกระเป๋าเรา แล้วลงนั่งข้างๆ.
เฮ่ย. จะอยู่ถาวรเลยเร้อ.
ชั่วอึดใจ เด็กน้อยหันไปเห็นใครบางคน. เจ้าหนูร้องไห้จ้า รีบพุ่งตัวเข้าไปหา.
หญิงสาว อายุ ราวสามสิบต้นๆ ผิวสองสี ผมยาว รูปร่างสูงโปร่ง มากับชายชาวยุโรป ศีรษะล้าน รูปร่างสูงใหญ่ ออกท้วม หญิงสาว หัวเราะ วิ่งหลบหลังเสา. ที่แท้เค้าเล่นซ่อนหากับลูก แบบ แอบดูแอบแกล้งอยู่หลังเสา. ค่อยโล่งอก
เราเข็นกระเป๋าล้อเข็นน้อยๆ ไปคืนให้หนุ่มน้อย.
แม่เด็กยิ้มให้เรา พร้อม ทักออกมาเป็นภาษาไทย. คนไทยใช่มั๊ยคะ.
คุณพระ ! เราได้แต่อุทานในใจ ได้แต่ย้อนคิดไปว่า เมื่อกี้เผลอสอนคำหยาบภาษาไทยออกไปรึเปล่า เด็กน้อย เป็นเด็กลูกครึ่งไทย. โชคดีที่ไม่ได้ทำ.
คุณแม่น้องเล่าให้ฟังว่า กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย กำลังจะบินไปเอกวาดอร์ เด็กน้อยไปเยี่ยมญาติคนไทยมา. พอหาคุณแม่ไม่เจอ. ด้วยสัญชาตญาน เห็นเรานั่งอยู่ ดูเป็นผู้หญิงไทยแน่ๆ เลยขนกระเป๋า ขอไปด้วยซะเลย.
สัญชาตญานเอาตัวรอดสูงมากแต่เด็ก
ช่วง รอเข้าแถวขึ้นเครื่อง เด็กน้อยไม่ยอมไปกับแม่ แต่มานั่งนัวเนียอยู่กับ เรา จนถึงเวลาขึ้นเครื่องแยกไป
ปรกติเราเป็นคนไม่ชอบเด็ก แต่เจ้าหนูเนี่ย น่ารักจนเราใจอ่อน บางที จิตใจที่แสนหยาบกระด้าง ก็อ่อนลงได้เหมือนกันในบางครั้งแฮะ
การเดินทางยาวนาน 12 ชั่วโมงในเครื่องบิน กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง จาก Istanbul ไปSao Paulo
ประเทศ บราซิล.
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่