ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยนะคะว่าเรื่องที่หนูจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทุกประการ และเกิดขึ้นกับตัวหนูจริง ๆ ค่ะ ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องนี้มันไม่ได้ค้างคาใจหนูเลยเพราะคิดว่าไม่ได้มีอะไรมาก แต่สองสามวันที่ผ่านมานี้พอได้นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วหนูรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากลซะแล้ว และมันเป็นเหมือนเรื่องอะไรที่คาใจมากๆค่ะ อยากทราบความคิดเห็นของทุกคนค่ะ พิมพ์อะไรผิดพลาด สะกดไม่ถูกต้องขอโทษด้วยนะคะ
หนูขอย้อนอดีตไปสัก 12 – 13 ปีก่อนนะคะ ตอนนั้นหนูอยู่ ป.1 ค่ะ อาศัยอยู่ที่จังหวัดตราดค่ะ ที่บ้านมีกิจการร้านเนื้อย่างเกาหลี ซึ่งบริเวณใกล้เคียงร้านจะมีโรงพยาบาลตั้งอยู่ค่ะ หนูมีพี่ชายคนนึงค่ะ อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน มากกว่าหนูแค่ 1 ปี ที่สำคัญซนเหมือนกันด้วยค่ะ แถวๆบ้านก็จะมีเพื่อน ๆ ที่อายุไล่เลี่ยกันประมาณ 6 – 7 คน ชอบชวนกันไปเล่นอะไรแพลง ๆ ตามประสาเด็กดื้อค่ะ เช่น ไปแกล้ง ยามที่ทำงานอยู่ธนาคารแถว ๆ นั้น ไปขโมยลูกแมว ไปขโมยช็อคโกแล็ตจากมินิมาร์ตใกล้บ้าน ไปเล่นซ่อนแอบกันในร้านขายโลงศพ (ซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม) ซึ่งตอนนี้ถ้านึงย้อนกลับไปคงไม่กล้าไปเล่นอะไรแบบนั้นแน่ ๆ แต่ตอนเด็กตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องผีสางอะไรเลยค่ะ หนูเป็นแค่เด็กตาม พี่เค้าเล่นอะไรกันเราก็ไปเล่นด้วย เล่นกันไปตามประสาเด็กค่ะ
และยังมีอีกสถานที่หนึ่งค่ะ ที่พวกหนูนิยมไปเล่นกันมาก คือโรงพยาบาลค่ะ เหตุเพราะอยู่ใกล้บ้านเดินกันไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ ไปเล่นบ่อยจนพยาบาลจำหน้าจำชื่อได้ทุกคนค่ะ ที่โรงพยาบาลจะมีอยู่ชั้นนึง ปกติก็จะเล่นกันอยู่ที่ชั้น 1 กับชั้น 2 ค่ะ เพราะที่นั่นจะมีโซนคล้ายๆกับสนามเด็กเล็กน้อย ๆ อยู่ในโรงพยาบาลค่ะ มีพวกตุ๊กตา มีบ้านหลังเล็กๆ เครื่องเล่นต่าง ๆ ที่มันไม่มีอยู่บ้านเรา ถือเป็นที่ประจำของพวกหนูเลยค่ะ บางที่ก็จะทำตัวเป็นเด็กอันพาลนิดๆ เวลาเด็กคนอื่นจะมาเล่นด้วยเราก็จะหวง แบบว่าของเล่นชั้นนะ ช้ะนมาบ่อยมาก่อนอะไรประมาณนี้ อารมณ์เด็กๆอ่ะค่ะ (แห่ะ ๆ)
เวลาเล่นเบื่อ ๆ กันแล้ว ก็จะชอบไปทัวร์โรง’บาลกันค่ะ ขึ้นๆ ลงๆ ลิฟต์ อยู่อย่างนั้นทั้งวันค่ะ (ดื้อ) มีอยู่ครั้งหนึ่งขึ้นกันไปหลาย ๆ คนแล้วเล่นกันในลิฟต์ กระโดดโลดเต้นเล่นกันตึ่งตัง ๆ แล้วอยู่ดีๆเหมือนลิฟต์จะค้างค่ะ น่าจะเป็นเพราะกระโดดกันแรงไปหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไร แป๊บเดียวลิฟต์ก็เป็นปกติค่ะ
แต่เหตุการณ์ที่ตอนนี้เป็นเรื่องที่ค้างคาจาหนูไม่ใช่เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนั่นหรอกค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่ามีวันนึ่ง เวลาน่าจะประมาณค่ำ ๆ นะคะ น่าจะซัก 1-2 ทุ่ม ฟ้าเริ่มมืด ๆ แล้วแต่ยังไม่ได้ดึกอะไรค่ะ พ่อแม่หนูก็ง่วนอยู่กับการขายของที่ร้าน หนูกับพี่ก็ออกมาเล่นกันค่ะ แล้วก็ไปชวนเพื่อนบ้านข้าง ๆมาเล่นด้วยอีกคนนึง ชื่อ ตาล อายุเท่าหนู มุ่งหน้ากันไปเล่นที่โรงพยาบาล
เรื่องวันนั้นหนูยังพอจำได้นะคะ ทั้งๆที่ยังเด็ก เราไปกันที่โรงพยาบาล เล่นอะไรไปบ้างหนูจำไม่ได้ค่ะ แต่เรื่องที่เกิดกับหนูเนี่ยมันเกิดขึ้นตอนที่หนู พี่ชาย และตาล ไปเล่นลิฟต์กันค่ะ
จำได้ว่าพอเราเข้าลิฟต์ไป พี่ชายหนูก็กดปุ่มทุกชั้นเลยค่ะตั้งแต่ชั้นแรกไล่ไปจนชั้นสุดท้ายเลยค่ะ พอลิฟต์เริ่มขึ้นทีละชั้น ๆ ประตูก็เปิดทุกชั้น เวลาที่ลิฟต์เปิดเนี่ยภาพที่จะมองเห็นก็คือจะมีเคาน์เตอร์ประจำแต่ละชั้นค่ะและจะมีพยาบาลนั่งกันอยู่ประมาณคนสองคน ซึ่งเค้าก็เหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรพวกหนูเท่าไหร่แค่หันมามองเวลาลิฟต์เปิดแต่ก็ไม่ได้ด่าว่าอะไร
ลิฟต์ก็ขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะทีละชั้น ๆ พวกหนูก็หัวเราะกันสนุกสนาน คิกคัก ๆ ค่ะขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่พอมาเจอชั้นนึง ซึ่งถ้าความจำหนูไม่ผิดเพี้ยนนะคะ ชั้นนี้น่าจะเป็นชั้นที่ 4 ค่ะ ภาพที่เห็นในวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำของหนูอยู่เลยค่ะ คือพอลิฟต์เปิดเนี่ย ปกติเราก็จะเห็นเคาน์เตอร์แล้วก็มีพยาบาลนั่งเฝ้าประจำอยู่ใช่ไหมคะ แต่ชั้นนี้มันแปลกค่ะ ไม่เหมือนชั้นก่อน ๆ ที่ผ่านมา
พอลิฟต์เปิดมาที่ชั้นนี้ปุ๊บ ภาพที่เห็นข้างหน้าก็คือเคาน์เตอร์เหมือนกันค่ะ แต่มันไม่เหมือนกับชั้นอื่นๆที่ผ่านมาคือ ไม่มีพยาบาลค่ะ ไม่ใช่แค่ไม่มีพยาบาลนะคะ แต่มันไม่มีคนเลยซักคนเดียว ทั้งชั้นมืดตึ๊ดตื้อ มีเพียงแค่แสงไฟที่ส่องมาจากถนนข้างนอกเพราะพนังโรงพยาบาลฝั่งนั้นมันเป็นเหมือนกระจกทั้งแถบเลยค่ะแสงมันเลยส่องเข้ามาได้ค่ะพอให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ สภาพชั้น ๆ นั้น มันรกมากค่ะ ตรงเคาน์เตอร์ก็มีอะไรไม่รู้ รกๆ ตามพื้นก็จะมีเหมือนกับพวกกล่องกระดาษ เศษขยะอะไรเต็มพื้นไปหมดเลยค่ะ รกมาก ประกอบกับความมืด พวกหนูตกใจมากค่ะ พากันร้องอ๊า ๆๆ พี่หนูนี้กดปุ่มปิดลิฟต์แบบรัว ๆๆๆ เลยค่ะ เด็กสามคนมายืนกระดุกกันแน่นโดนอัตโนมัติ ร้องกันเสียงหลงเรยค่ะ กลัวก็กลัวค่ะ พอลงมาเสร็จ รีบวิ่งกลับบ้านกันแบบไม่คิดชีวิตเลยค่ะ
จากวันนั้น จนวันนี้ ผ่านมาสิปปีเศษ ๆ ค่ะ แต่เรื่องราวในวันนั้นหนูกับพี่ยังจำได้ทั้งคู่เลยค่ะ จนมาเมื่อวันก่อน หนูกับพี่ชายและแม่ นั่งทานอาหารเย็นด้วยกันอยู่ที่บ้าน ซึ่งปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นแล้วค่ะ ก็นั่งเล่ากันไปเรื่องวีรกรรมของตัวเองตอนเด็กค่ะ เล่าไปเล่ามา ก็มาจบที่เรื่องนี้ค่ะ ไม่เคยเล่าให้แม่ฟังเลยค่ะ พอมาวันนี้หนูกับพี่เล่าให้แม่ฟัง ตอนฟังวีรกรรมเรื่องอื่น ๆ แม่ก็ดูขำๆดีนะคะ แต่พอเล่ามาถึงเรื่องนี้แล้วหน้าแม่เหมือนขำไม่ออกยังไงไม่รู้ พอเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังเสร็จ แม่ก็ถามหนูกับพี่ใหญ่เลยว่าเรื่องจึงใช่ไหม ไม่ได้โกหก ไม่ได้ฝันมาเล่านะ หนูก็บอกแม่ หนูจะฝันมาเล่าได้ไง ในเมื่อหนูกับพี่ยังจำได้กันทั้งคู่
แม่ก็เริมพูดตามหลักความเป็นจริงล่ะค่ะ ว่าในโรงพยาบาลมันจะมีชั้นร้างได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก เค้าก็เปิดใช้บริการกันทุกชั้นนั่นแหละ ส่วนหนูกับพี่ก็แถไปว่าเค้าอาจจะปิดปรับปรุงหรือซ่อมแซมอะไรซักอย่างมั๊งมันเลยโดนปล่อยร้าง แม่ก็บอกไม่มีแน่ ไม่เชื่อแม่จะโทรไปถามที่โรงพยาบาลนั้นให้ ให้รู้กันไปเลย หนูกับพี่นี่หน้าซีดเลยค่ะ มองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย แม่ก็บอกมาว่าสงสัยมีใครบางคนเค้าอยากมาสนุกด้วยละมั๊งเห็นเด็กพวกนี้ดื้อ
ตั้งแต่วันที่เล่าให้แม่ฟังเมื่อวันก่อน จนวันนี้เหมือนเรื่องนี้มันค้างคาใจหนูมากๆค่ะ ว่าตกลงมันยังไงกันแน่ เรื่องแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ หรอคะ เด็กทั้งสามคนเห็นภาพเหมือนกันแบบนี้ หรือว่าเค้าอาจจะก่อสร้างปรับปรุงอะไรสักอย่างกันจริง ๆ คะ ทุกๆท่านมีความเห็นว่ายังไงกันบ้างคะ แต่ส่วนตัวหนูตอนนี้ขนลุกมากๆค่ะ ระยะนี้พอมานึกถึงเรื่องนี้ทีไรเป็นความรู้สึกเสียวๆข้างหลังทุกทีเลยค่ะ เหมือนมีใครนั่งอยู่ข้างหลัง บรื้ออออ….. ขอบคุณทุกคนนะคะที่อุตส่าห์อ่านกันมาจนจบ ยังไงอย่าลืมแสดงความคิดเห็นกันด้วยนะคะมาเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ไม่กล้าไปเล่าให้ใครฟังเลยค่ะกลัวเค้าจะหาว่ามโน = =’’
จะเป็นไปได้ไหมคะ? ที่ในโรงพยาบาลจะมีชั้นหนึ่งที่ร้างทั้งชั้น
หนูขอย้อนอดีตไปสัก 12 – 13 ปีก่อนนะคะ ตอนนั้นหนูอยู่ ป.1 ค่ะ อาศัยอยู่ที่จังหวัดตราดค่ะ ที่บ้านมีกิจการร้านเนื้อย่างเกาหลี ซึ่งบริเวณใกล้เคียงร้านจะมีโรงพยาบาลตั้งอยู่ค่ะ หนูมีพี่ชายคนนึงค่ะ อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน มากกว่าหนูแค่ 1 ปี ที่สำคัญซนเหมือนกันด้วยค่ะ แถวๆบ้านก็จะมีเพื่อน ๆ ที่อายุไล่เลี่ยกันประมาณ 6 – 7 คน ชอบชวนกันไปเล่นอะไรแพลง ๆ ตามประสาเด็กดื้อค่ะ เช่น ไปแกล้ง ยามที่ทำงานอยู่ธนาคารแถว ๆ นั้น ไปขโมยลูกแมว ไปขโมยช็อคโกแล็ตจากมินิมาร์ตใกล้บ้าน ไปเล่นซ่อนแอบกันในร้านขายโลงศพ (ซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม) ซึ่งตอนนี้ถ้านึงย้อนกลับไปคงไม่กล้าไปเล่นอะไรแบบนั้นแน่ ๆ แต่ตอนเด็กตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องผีสางอะไรเลยค่ะ หนูเป็นแค่เด็กตาม พี่เค้าเล่นอะไรกันเราก็ไปเล่นด้วย เล่นกันไปตามประสาเด็กค่ะ
และยังมีอีกสถานที่หนึ่งค่ะ ที่พวกหนูนิยมไปเล่นกันมาก คือโรงพยาบาลค่ะ เหตุเพราะอยู่ใกล้บ้านเดินกันไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ ไปเล่นบ่อยจนพยาบาลจำหน้าจำชื่อได้ทุกคนค่ะ ที่โรงพยาบาลจะมีอยู่ชั้นนึง ปกติก็จะเล่นกันอยู่ที่ชั้น 1 กับชั้น 2 ค่ะ เพราะที่นั่นจะมีโซนคล้ายๆกับสนามเด็กเล็กน้อย ๆ อยู่ในโรงพยาบาลค่ะ มีพวกตุ๊กตา มีบ้านหลังเล็กๆ เครื่องเล่นต่าง ๆ ที่มันไม่มีอยู่บ้านเรา ถือเป็นที่ประจำของพวกหนูเลยค่ะ บางที่ก็จะทำตัวเป็นเด็กอันพาลนิดๆ เวลาเด็กคนอื่นจะมาเล่นด้วยเราก็จะหวง แบบว่าของเล่นชั้นนะ ช้ะนมาบ่อยมาก่อนอะไรประมาณนี้ อารมณ์เด็กๆอ่ะค่ะ (แห่ะ ๆ)
เวลาเล่นเบื่อ ๆ กันแล้ว ก็จะชอบไปทัวร์โรง’บาลกันค่ะ ขึ้นๆ ลงๆ ลิฟต์ อยู่อย่างนั้นทั้งวันค่ะ (ดื้อ) มีอยู่ครั้งหนึ่งขึ้นกันไปหลาย ๆ คนแล้วเล่นกันในลิฟต์ กระโดดโลดเต้นเล่นกันตึ่งตัง ๆ แล้วอยู่ดีๆเหมือนลิฟต์จะค้างค่ะ น่าจะเป็นเพราะกระโดดกันแรงไปหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไร แป๊บเดียวลิฟต์ก็เป็นปกติค่ะ
แต่เหตุการณ์ที่ตอนนี้เป็นเรื่องที่ค้างคาจาหนูไม่ใช่เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนั่นหรอกค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่ามีวันนึ่ง เวลาน่าจะประมาณค่ำ ๆ นะคะ น่าจะซัก 1-2 ทุ่ม ฟ้าเริ่มมืด ๆ แล้วแต่ยังไม่ได้ดึกอะไรค่ะ พ่อแม่หนูก็ง่วนอยู่กับการขายของที่ร้าน หนูกับพี่ก็ออกมาเล่นกันค่ะ แล้วก็ไปชวนเพื่อนบ้านข้าง ๆมาเล่นด้วยอีกคนนึง ชื่อ ตาล อายุเท่าหนู มุ่งหน้ากันไปเล่นที่โรงพยาบาล
เรื่องวันนั้นหนูยังพอจำได้นะคะ ทั้งๆที่ยังเด็ก เราไปกันที่โรงพยาบาล เล่นอะไรไปบ้างหนูจำไม่ได้ค่ะ แต่เรื่องที่เกิดกับหนูเนี่ยมันเกิดขึ้นตอนที่หนู พี่ชาย และตาล ไปเล่นลิฟต์กันค่ะ
จำได้ว่าพอเราเข้าลิฟต์ไป พี่ชายหนูก็กดปุ่มทุกชั้นเลยค่ะตั้งแต่ชั้นแรกไล่ไปจนชั้นสุดท้ายเลยค่ะ พอลิฟต์เริ่มขึ้นทีละชั้น ๆ ประตูก็เปิดทุกชั้น เวลาที่ลิฟต์เปิดเนี่ยภาพที่จะมองเห็นก็คือจะมีเคาน์เตอร์ประจำแต่ละชั้นค่ะและจะมีพยาบาลนั่งกันอยู่ประมาณคนสองคน ซึ่งเค้าก็เหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรพวกหนูเท่าไหร่แค่หันมามองเวลาลิฟต์เปิดแต่ก็ไม่ได้ด่าว่าอะไร
ลิฟต์ก็ขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะทีละชั้น ๆ พวกหนูก็หัวเราะกันสนุกสนาน คิกคัก ๆ ค่ะขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่พอมาเจอชั้นนึง ซึ่งถ้าความจำหนูไม่ผิดเพี้ยนนะคะ ชั้นนี้น่าจะเป็นชั้นที่ 4 ค่ะ ภาพที่เห็นในวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำของหนูอยู่เลยค่ะ คือพอลิฟต์เปิดเนี่ย ปกติเราก็จะเห็นเคาน์เตอร์แล้วก็มีพยาบาลนั่งเฝ้าประจำอยู่ใช่ไหมคะ แต่ชั้นนี้มันแปลกค่ะ ไม่เหมือนชั้นก่อน ๆ ที่ผ่านมา
พอลิฟต์เปิดมาที่ชั้นนี้ปุ๊บ ภาพที่เห็นข้างหน้าก็คือเคาน์เตอร์เหมือนกันค่ะ แต่มันไม่เหมือนกับชั้นอื่นๆที่ผ่านมาคือ ไม่มีพยาบาลค่ะ ไม่ใช่แค่ไม่มีพยาบาลนะคะ แต่มันไม่มีคนเลยซักคนเดียว ทั้งชั้นมืดตึ๊ดตื้อ มีเพียงแค่แสงไฟที่ส่องมาจากถนนข้างนอกเพราะพนังโรงพยาบาลฝั่งนั้นมันเป็นเหมือนกระจกทั้งแถบเลยค่ะแสงมันเลยส่องเข้ามาได้ค่ะพอให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ สภาพชั้น ๆ นั้น มันรกมากค่ะ ตรงเคาน์เตอร์ก็มีอะไรไม่รู้ รกๆ ตามพื้นก็จะมีเหมือนกับพวกกล่องกระดาษ เศษขยะอะไรเต็มพื้นไปหมดเลยค่ะ รกมาก ประกอบกับความมืด พวกหนูตกใจมากค่ะ พากันร้องอ๊า ๆๆ พี่หนูนี้กดปุ่มปิดลิฟต์แบบรัว ๆๆๆ เลยค่ะ เด็กสามคนมายืนกระดุกกันแน่นโดนอัตโนมัติ ร้องกันเสียงหลงเรยค่ะ กลัวก็กลัวค่ะ พอลงมาเสร็จ รีบวิ่งกลับบ้านกันแบบไม่คิดชีวิตเลยค่ะ
จากวันนั้น จนวันนี้ ผ่านมาสิปปีเศษ ๆ ค่ะ แต่เรื่องราวในวันนั้นหนูกับพี่ยังจำได้ทั้งคู่เลยค่ะ จนมาเมื่อวันก่อน หนูกับพี่ชายและแม่ นั่งทานอาหารเย็นด้วยกันอยู่ที่บ้าน ซึ่งปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่จังหวัดขอนแก่นแล้วค่ะ ก็นั่งเล่ากันไปเรื่องวีรกรรมของตัวเองตอนเด็กค่ะ เล่าไปเล่ามา ก็มาจบที่เรื่องนี้ค่ะ ไม่เคยเล่าให้แม่ฟังเลยค่ะ พอมาวันนี้หนูกับพี่เล่าให้แม่ฟัง ตอนฟังวีรกรรมเรื่องอื่น ๆ แม่ก็ดูขำๆดีนะคะ แต่พอเล่ามาถึงเรื่องนี้แล้วหน้าแม่เหมือนขำไม่ออกยังไงไม่รู้ พอเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังเสร็จ แม่ก็ถามหนูกับพี่ใหญ่เลยว่าเรื่องจึงใช่ไหม ไม่ได้โกหก ไม่ได้ฝันมาเล่านะ หนูก็บอกแม่ หนูจะฝันมาเล่าได้ไง ในเมื่อหนูกับพี่ยังจำได้กันทั้งคู่
แม่ก็เริมพูดตามหลักความเป็นจริงล่ะค่ะ ว่าในโรงพยาบาลมันจะมีชั้นร้างได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก เค้าก็เปิดใช้บริการกันทุกชั้นนั่นแหละ ส่วนหนูกับพี่ก็แถไปว่าเค้าอาจจะปิดปรับปรุงหรือซ่อมแซมอะไรซักอย่างมั๊งมันเลยโดนปล่อยร้าง แม่ก็บอกไม่มีแน่ ไม่เชื่อแม่จะโทรไปถามที่โรงพยาบาลนั้นให้ ให้รู้กันไปเลย หนูกับพี่นี่หน้าซีดเลยค่ะ มองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย แม่ก็บอกมาว่าสงสัยมีใครบางคนเค้าอยากมาสนุกด้วยละมั๊งเห็นเด็กพวกนี้ดื้อ
ตั้งแต่วันที่เล่าให้แม่ฟังเมื่อวันก่อน จนวันนี้เหมือนเรื่องนี้มันค้างคาใจหนูมากๆค่ะ ว่าตกลงมันยังไงกันแน่ เรื่องแบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ หรอคะ เด็กทั้งสามคนเห็นภาพเหมือนกันแบบนี้ หรือว่าเค้าอาจจะก่อสร้างปรับปรุงอะไรสักอย่างกันจริง ๆ คะ ทุกๆท่านมีความเห็นว่ายังไงกันบ้างคะ แต่ส่วนตัวหนูตอนนี้ขนลุกมากๆค่ะ ระยะนี้พอมานึกถึงเรื่องนี้ทีไรเป็นความรู้สึกเสียวๆข้างหลังทุกทีเลยค่ะ เหมือนมีใครนั่งอยู่ข้างหลัง บรื้ออออ….. ขอบคุณทุกคนนะคะที่อุตส่าห์อ่านกันมาจนจบ ยังไงอย่าลืมแสดงความคิดเห็นกันด้วยนะคะมาเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ไม่กล้าไปเล่าให้ใครฟังเลยค่ะกลัวเค้าจะหาว่ามโน = =’’