ถ้ารุ่นพี่รู้สึกกับรุ่นน้องมากกว่าแค่น้องสาว?

กระทู้คำถาม
ไอดีเพื่อน เรื่องของเพื่อน แต่นางให้เรามาลงให้นะคะ นางเป็นคนขี้กลัว

คือเพื่อนเราอยู่ ปี 1 ค่ะ ขอเรียกนางว่า “วา” นะคะ นางเป็นคนที่เรียนอ่อนมาก มากจนไม่รู้ว่าเข้ามหาลัยมาได้ไง (ขออนุญาตไม่บอกคณะและมหาลัยที่นางเรียนอยู่นะคะ) อันที่จริงจะบอกว่านางเรียนอ่อนก็ไม่ได้ วาเรียนเก่งนะคะ เก่งแต่วิชาที่คณะของนางไม่ได้สอนกัน

ตอนเทอมที่แล้ว ครึ่งเทอมแรก ก็สไตล์เฟรชชี่หลงตัวเองค่ะ คิดว่าตัวเองเรียนเก่ง วาก็แข่งกีฬาเฟรชชี่เพลินเลยค่ะ เพลินจนไม่สนใจจะอ่านหนังสืออะไรทั้งนั้น เข้าห้องเรียนไปก็นั่งหลับเพราะเหนื่อยจากการแข่งกีฬา แล้วพอไม่รู้เรื่องคาบหนึ่ง คาบต่อๆ ไปก็ไม่รู้เรื่องตามไปด้วย หลังๆ วาก็เลยไม่เข้าเลคเชอร์เลยสักวิชา เข้าอยู่วิชาเดียว (พอผ่านช่วงกีฬาเฟรชชี่ วาก็ตัดสินใจลดรายวิชาออกไปหนึ่งวิชาค่ะ เพราะรู้ว่าเรียนยังไงก็ไม่ไหว ไม่รอด เอฟแน่นอน)

ชั่วอึดใจ การสอบกลางภาคก็มาถึง วาเครียดมากค่ะ อ่านอะไรก็ไม่เข้าหัว หน้าตานางดูเป็นเด็กเรียนมากๆ ค่ะ ถ้าบอกว่านางเรียนแพทย์ก็เชื่อค่ะ เพราะงั้น เวลาวาอ่านหนังสือ ทุกคนก็เชื่อว่านางรู้เรื่อง เก่ง และเกือบทั้งภาคเชื่อว่านางจะได้ท็อปภาคแน่นอน และนี่ยิ่งทำให้นางเครียดค่ะ เพราะวาเรียนอ่อนมากกกก

ไม่นาน คะแนนสอบก็ทยอยออกค่ะ ปรากฏว่า วาตกมีนทุกวิชา ยกเว้นภาษาอังกฤษ บางวิชาวาได้คะแนนเกือบจะต่ำสุดของคณะแล้ว (เช่น min อยู่ที่ 6.00 จาก 50 วาได้ 6.50 ประมาณนี้) วาก็เริ่มเครียดแล้วค่ะ นอกจากตัวนางจะเครียดแล้ว ยังทำให้แม่นางเครียดตามไปด้วย แม่ของวาก็เลยโทรไปหาเพื่อน เพื่อนแม่ของวามีลูกชายเรียนอยู่คณะเดียวกันกับวาค่ะ อยู่ ปี 4 เรียนเก่งมาก แม่วาขอให้ลูกเพื่อนมาช่วยติวให้วาหน่อย เผื่อควายจะได้เป็นคนบ้าง (จบกระทู้นี้ วาด่าเราเละแน่ค่ะ ไม่เป็นไร นานๆ จะมีโอกาสด่านางจริงๆ จังๆ สักที)

พี่ปี 4 คนนั้น ขออนุญาตเรียกว่า “พี่กิจ” นะคะ พี่กิจนัดวามาติวหลังเลิกเรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไม่วันจันทร์ก็วันศุกร์ (ถ้าเป็นวันจันทร์ร ก็จะเริ่มติวตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงห้าหกโมง แต่ถ้าวันศุกร์ก็จะเริ่มตั้งแต่สี่โมงนิดๆ ถึงทุ่มกว่า ติวเสร็จก็จะไปหาอะไรกินกัน) เป็นอย่างนั้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาจนถึงช่วงสอบปลายภาคค่ะ

เราไม่เคยเห็นวาตั้งใจเรียนมากขนาดนี้เลยนะคะ ตอนเรียน ม.ปลาย นางชอบอ่านนิยายตอนอาจารย์สอน ลอกการบ้าน(ที่เป็นวิชาหลักของคณะที่วาเรียนอยู่ตอนนี้)ทุกวิชา ไม่เคยคิดเองเลย กลับบ้านก็ไม่อ่านหนังสือค่ะ นางจะเข้าเว็บบอร์ด เล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่หลังจากคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยยอดหญ้า เราก็เห็นว่าวาตั้งใจมากๆ เลยค่ะ เพื่อนชวนไปไหนหลังเลิกเรียน นางก็ไม่ไป กลับบ้านอ่านหนังสือทำแบบฝึกหัดตลอด (ขอโทษค่ะ เราลืมบอกไปว่า วาถอนรายวิชาอีกวิชาหนึ่งออกไป) วิชาที่วาถอนแล้ว นางก็ไปเข้าเรียนนะคะ ไปฟังๆ ให้เข้าหัวนิดหน่อย ตอนมาเรียนครั้งต่อไปจะได้ไม่ยากมากนัก (เราถามวาว่าทำไมถึงเข้าวิชาที่ถอน นางบอกว่า แค่ชั่วโมงเดียว ยังไม่ทันจะมีสมาธิทำการบ้านวิชาอื่นเลย นางก็เลยไปเข้าเลคเชอร์ดีกว่า)

เราเริ่มเอะใจตรงนี้แล้วค่ะ ว่าแค่คะแนนห่วยๆ จะเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้เลยหรือ (มันก็เป็นไปได้แหละค่ะ แต่ตงิดๆ ว่ามันต้องมีเหตุผลอื่นด้วย ไม่งั้น คนขี้เกียจสันหลังยาวอย่าวาไม่เปลี่ยนตัวเองได้เยอะขนาดนี้หรอก) เราเลยไปคะยั้นคะยอถามนางจนนางยอมบอกค่ะ ว่าตังเองชอบพี่กิจ ไม่รู้ว่าชอบตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที พี่กิจก็อยู่ในหัวไปแล้ว

ตอนที่เรารู้ว่าวาชอบพี่กิจ ก็ผ่านไปหลายสัปดาห์หลังจากที่วารู้จักพี่เขาแล้วนะคะ วาเล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกที่พี่กิจมาติวให้ หลังติวเสร็จ นางก็พาพี่กิจไปกินเกาเหลาหลังมหาลัยค่ะ พี่กิจอยู่ปีสี่ แต่ไม่รู้ว่ามีร้านนี้ด้วย วาก็หัวเราะค่ำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่หลังกินเสร็จค่ะ เหมือนหนังไทยเป๊ะ ฝนตก และมีร่มคันเดียว ซึ่งเป็นร่มของวา วากับพี่กิจรอให้ฝนซาลงอีกเล็กน้อยก่อนจะกางร่มเดินไปด้วยกัน (ขอเพิ่มเติมนิดว่า วาเป็นผู้หญิงที่สูงมากค่ะ 178 cm ส่วนพี่กิจเตี้ยกว่าวาค่ะ) พี่กิจเอาร่มไปกางให้วาค่ะ แต่ก็น่าจะเข้าใจอารมณ์นะคะว่า วามันสูงกว่า เรานึกภาพแล้วมันขัดใจไงก็ไม่รู้ 555 แต่เราก็ฟินแทนนางนะคะ ร่มคันเล็กๆ แล้วเดินเปียกคนละครึ่งตัวไปด้วยกัน หูยยย ฟินแทน >///<

อ้อ วันนั้นก่อนจะติวเสร็จ วาเล่าว่านางได้พับแขนเสื้อให้พี่กิจด้วยค่ะ พี่กิจมือเลอะหมึกไวท์บอร์ด เลยพับแขนเสื้อไม่ได้

หลังๆ วาเล่าให้เรื่องฟินๆ ให้เราฟังตลอดค่ะ มีครั้งหนึ่ง นางเครียดแบบว่า เรียนไม่ไหวแล้วววว จะลาออกกก ใบลาออกอยู่ไหนนน ประมาณนี้ แล้วพี่กิจก็เข้ามาช่วยค่ะ วามารู้ตอนหลังว่าพี่กิจเตรียมแผนสำรองไว้ให้นางถึง 4 แผน นางยิ่งใจละลายเลยค่ะ

โอย ยาวไปละ ไม่จบสักที ขอตัดไปที่เหตุการณ์สำคัญเลยนะคะ ที่วาเล่าให้เราฟังมาสามสี่เดือน มันเยอะและยาวเกินค่ะ ปล่อยให้เป็นเรื่องฟินๆ ของนางคนเดียวละกัน

เอาละ ทีนี้ก็มาถึงช่วงใกล้สอบปลายภาค วาทุ่มให้วิชา 4 หน่วยกิตมากๆ ค่ะ เพราะถ้าเอฟวิชานั้นนี่ ซวยมหาซวย สัปดาห์นั้น นางไปสิงอยู่ที่หอสมุดของมหาลัยกับเพื่อนภาคของนางค่ะ แล้วนางก็เริ่มสติแตก เครียด ทำแบบฝึกหัดข้อนั้นไม่ได้ ข้อนี้ก็ทำไม่ได้ แล้ววาก็เริ่มระบายด้วยการฌพสต์ลงในเฟสบุ๊คค่ะ

ขอพูดถึงนิสัยอันเป็นปกติของนาง (แต่ไม่ปกติสำหรับคนอื่น) วาเป็นคนที่ไม่คุยแชทอะไรกับใครค่ะ ถ้าไม่มีเรื่องจริงๆ นางไม่ใช่คนติดแชทหรือโซเชียลเลยค่ะ นางแค่ชอบอ่านเงียบๆ ไลค์ แต่นานๆ จะเม้นสักที แล้วการไลค์ของนาง มีความหมายอยู่สามอย่างค่ะ หนึ่งคือเห็นด้วย สองคือชอบจริงๆ และสามคือ เออ ฉันรับรู้แล้วนะ

กลับมาที่วาสติแตก เพื่อนต่างภาคของนางเม้นสเตตัสนางว่า สู้ๆ นะ มีอะไรถามได้ แล้วนางก็ระบายเลยค่ะ ยาวเลย จากนั้น พี่กิจก็ทักไลน์วามาเลยค่ะ รู้ว่ายายเด็กนี่คุมสติไม่อยู่แล้ว พี่กิจบอกให้วาใจเย็นๆ วางทุกวิชาลง แล้วกลับบ้านไปนอน (นางแคปหน้าจอไลน์ที่คุยมาให้เราดูค่ะ แต่นางเซนเซอร์รูปและชื่อไลน์ของพี่กิจออกหมด รวมถึงชื่อจริงๆ ของพี่เขาที่นางเรียกด้วย) มีประโยคหนึ่งที่เราอ่านแล้วติดว่า ถ้าเราเป็นวา เราโคตรรักพี่กิจเลยค่ะ

พี่กิจ : ถ้าไม่ติดว่าพี่จะสอบอยู่พรุ่งนี้ พี่จะไปหาวาแล้ว
วา : พี่กิจอ่านของพี่กิจไปเถอะค่ะ วาปัญหาเยอะ แค่นี้ วาก็ทำให้พี่กิจวุ่นวายจะตายแล้ว
พี่กิจ : พี่น่ะ ไหวอยู่แล้ว

อะไรต่อไม่รู้ค่ะ เราไม่ได้เซฟมาอ่าน แต่จำได้ประมาณนี้ แล้วคืนวันก่อนสอบ นางก็เริ่มกลัวค่ะ นางโพสต์ว่า “พรุ่งนี้ อยากออกจากห้อง...(เลขห้องสอบ) ตึก... เวลา... ด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าตอนนี้” แล้วเราก็ได้คุยกับวาหลังนางสอบเสร็จเลยค่ะ นางบอกว่าเมื่อคืนพี่กิจไลน์มาบอกว่าให้รีบๆ นอน พรุ่งนี้สอบเช้า นางดีใจค่ะ อย่างน้อยพี่กิจก็ยังนึกถึงนาง (ไม่รู้อันนี้นางมโนไปเองหรือเปล่า) เราถามวาว่าสอบเป็นไง ถ้าส่งน้ำตาผ่านหน้าจอมาได้ นางคงทำแล้วละค่ะ นางทำไม่ได้ (อันที่จริงเราว่าวาน่าจะทำได้ ถ้านางไม่กลัวไม่กังวลไปเสียก่อน) นางบอกว่า นางหวังว่าจะเห็นพี่กิจอยู่หน้าห้องสอบตอนที่นางก้าวเท้าออกจากประตูมา (เราเข้าใจเลยค่ะว่าวาโพสต์ห้องสอบ ตึกสอบ เวลาสอบทำไม) วาบอกเราว่า นางอยากขอโทษพี่กิจมากๆ ตอนทำข้อสอบ ในหัวมีแต่คำว่า “วาขอโทษค่ะ พี่กิจ วาขอโทษ”

แล้ววันสอบก็ผ่านไป ไชโย ปิดเทอมแล้ว...ปิดเทอมก็แสดงว่าใกล้ปีใหม่ ใกล้ปีใหม่คือช่วงเวลาที่ต้องหาของขวัญให้คนสำคัญของเรา วาวางแผนจะถักเสื้อให้พี่กิจเป็นของขวัญปีใหม่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกาฯ แล้วค่ะ วาถักนิตติ้งเก่งนะคะ น้ำหนักมือเท่ากันเป๊ะ ถักสวยมาก เราเคยเห็นรูปที่นางถ่ายมาให้ดู สวยจริงๆ ค่ะ หลังจากสอบเสร็จ วาก็ไปถักเสื้อกั๊กให้กิจเลยค่ะ (บังคับให้พี่กิจมาวัดตัว แต่ไม่บอกว่าจะถักเสื้อแบบไหน ลายอะไร หรือใช้ไหมพรมสีอะไร)(งบค่าไหมพรม แม่ของวาเป็นสปอนเซอร์ให้ค่ะ)

เรากับวาคุยกันบ่อยมากค่ะ และบ่อยมากๆๆๆๆ ด้วยตั้งแต่นางเพ้อเรื่องพี่กิจให้เราฟัง (พี่กิจเป็นผู้ชายคนแรกที่นางพูดให้เราฟังค่ะ) ช่วงนั้น เราทักไป นางก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ นางถักเสื้ออยู่ เป็นอย่างนี้หลายวันมากค่ะ จนวันนึง เราทักนางไป นางตอบกลับช้ามากค่ะ เพราะวันนั้น เกรดออก นางได้ F มาสองตัว หนึ่งในนั้น คือวิชาที่นางพยายามมากค่ะ วิชาที่พี่กิจพยายามลากนางมาให้ห่างๆ จากเอฟ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด วาบอกว่า วาเข้าใจว่าทำไมวิชานี้ถึงเอฟ เพราะกลางภาคมันห่วยแตก ดึงให้ตายก็ไม่รอด แต่เอฟอีกตัว คือสิ่งที่นางไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อยากจะรู้อะไรอีกแล้ว เกรดเฉลี่ยของนาง มันต่ำกว่าวิทยาทัณฑ์อีกค่ะ เรียกว่าถ้ามหาลัยคิดเกรดตั้งแต่ปี 1 เทอม 1 วาคงโดนรีไทร์ไปแล้วละค่ะ

นางไลน์ไปบอกพี่กิจ แล้วก็ขอโทษ พี่กิจไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แค่พูดสิ่งที่บาดใจวามากที่สุดคือ “ซิ่วไหม” วารักคณะและมหาลัยมากๆ ค่ะ นางสู้มาเยอะกว่าจะมีที่เรียน เรารู้ว่านางเกลียดคำถามนี้มากๆ เพราะนางโคตรพยายามกว่าจะติดที่นั่น และไม่อยากเสียมันไปเพราะตัวเอง เรารู้ดีเลยค่ะว่าทำไมนางถึงไม่อยากซิ่ว ตอนจะเข้ามหาลัย เรากับวาคุยกันมาตลอดค่ะ ปรึกษากันและกันตลอด เรารู้ดีว่าวาผ่านอะไรมา กว่าจะมีที่เรียน

นางงอนพี่กิจไปเลยค่ะ เสื้อกั๊กที่นางถักไว้เกือบจะเสร็จแล้ว นางไม่ถักต่อเลยค่ะ (วาบอกเราทีหลังว่าตอนที่หยุดถัก เหลือแค่สาบตรงวงแขนกับคอเสื้อค่ะ ภาษานิตติ้งเรียกอะไร เราไม่ทราบนะคะ เย็บปักถักร้อยนี่ เราไม่เป็นเลยค่ะ) ถึงกับเก็บเข้าตู้ไปเลย จะไม่ถักต่อแล้ว แล้วแม่นางก็ถามว่า ถักมาขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ถักให้เสร็จๆ ไป (แม่ของวาไม่รู้นะคะ ว่าวาชอบพี่กิจ) วาก็เลยจำใจหยิบมาถักต่อจนเสร็จค่ะ

หลังจากเกรดออก วาไม่กินไม่ดื่มอะไรเลยมากกว่า 24 ชั่วโมงเลยค่ะ นางไม่ทำอะไรเลย เอาแต่นอน แล้วก็ร้องไห้ แต่หลังจากวันนั้น นางก็เอาวิชาที่ติดเอฟมาอ่านมาทำแบบฝึกหัดต่อเลยค่ะ (ที่นางหยิบมาอ่านเพราะรายวิชานั้นมีเปิดในเทอมสองค่ะ)

กลับไปที่เสื้อนิตติ้ง นางก็ถักจนเสร็จเลยค่ะ แล้วก็ไลน์ไปบอกพี่กิจว่าถักเสร็จแล้วนะ พี่กิจอึ้งไปเลยค่ะ เพราะรวมๆ แล้ว วาถักไปแค่ 11 วันเอง (ถักจริงๆ 7 วัน แต่นับวันที่มันงอนจนไม่ยอมถักแล้วก็วันที่ไม่ว่างถักด้วยนะคะ) วาบอกเราว่า วันที่มันไม่ทำอะไรเลย มันได้คิดนะคะว่า พี่กิจสละเวลามาให้นางตั้งเยอะ ติวทั้งหมดก็ตั้ง 8 ครั้ง เป็นแปดครั้งที่พี่กิจต้องกลับบ้านช้า นางก็เลยเลิกงอนพี่กิจค่ะ กลับมาโกรธตัวเองแทน เลยตั้งใจถักให้เสร็จอย่างสวยงาม เราขอดู นางก็ไม่ยอมค่ะ บอกว่าต้องให้พี่กิจเห็นก่อน เออ ก็ตลกดี ความรักทำให้เพื่อนสนิทสำคัญน้อยลงไปนิดนึงเลย

นอกจากเสื้อกั๊กแล้ว นางก็มีของขวัญจะเซอร์ไพรส์พี่กิจค่ะ เป็นแพลนเนอร์ค่ะ นางวาดเลยกระหนก แล้วก็ลงสีด้วยปากกามาร์กเกอร์กับปากกาหัวเล็กมากๆ ค่ะ นางส่งรูปมาให้ดูสวยมากกก (นางไม่ยอมให้เราเอารูปลงนะคะ)(เรานี่ อยากเอาลงมากๆ ค่ะ เพราะเขียนอธิบายยังไงก็ไม่พอจะบอกว่าที่วาทำ มันโคตรละเอียดเลย) แล้วข้างใน นางก็นั่งตีตารางทำปฏิทินค่ะ เดือนละหนึ่งแผ่น วัดความกว้างความยาววัดทุกอย่างเอง ตีเส้นเอง เขียนวันที่เขียนเดือนเอง ตัดกระดาษเองด้วยค่ะ (ขนาดเล็กกว่า A4)

แล้วนางก็เอาไปเข้าเล่มค่ะ นางส่งรูปมาให้ดู แบบ โหยยย เราอ้าปากค้างอยู่หลังหน้าจอคอม โคตรสวย เรางี้ อิจฉาพี่กิจเลย นางทำให้ขนาดนั้น เรารู้จักกับนางมาสองสามปี ไม่เค้ยไม่เคยจะได้อะไรแบบนี้ (วา ถ้าแกอ่านอยู่ เราน้อยใจนะเว้ย!)

เดี๋ยวต่อนะคะ รวดเดียวจบค่ะ แต่มันเกินตัวอักษรละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่