ฉันลงไปแล้วมันก็แค่ลิ้นนี่เอง อร่อยก็อยู่แค่ลิ้นนี้ มันอยู่ที่ไหน เคี้ยวกลืนลงไปแล้วลงไปถึงโน้นแล้ว
ปรากฏว่ามีรสชาติอะไรบ้าง ไม่เห็นมีอะไร แล้วก็ไปเป็นของปฏิกูลโสโครกด้วยกันหมดอยู่ในท้องของเรา
มันมีอะไรเป็นพิเศษ ไม่เห็นมี นี้เป็นพุงหวาน นี้เป็นพุงคาว นี้เป็นพุงแกง นี้เป็นพุงผัก ไม่เห็นว่านี่นะ
ไม่มีห้องมีหับด้วยถ้าพูดห้องหับก็ดี ถ้าว่ามีพุงหลายพุงก็เพื่อจะใส่โน้นใส่นี้หลายอย่างหลายประการคนละแง่ละมุม
คนละสัดละส่วน อันนี้มันไม่มีลงไปนั้นมันก็เป็นอันเดียวกัน แล้วอยู่ข้างนอกมันเป็นบ้าอะไรนักหนา
ลืมเนื้อลืมตัวเอานักหนาพระปฏิบัติเรานี่
พิจารณาให้เห็นอรรถเห็นธรรม อาหารชนิดใดเข้ามาคลุกเคล้ากันกับของสกปรก นับตั้งแต่น้ำลายอยู่ในปากนี้
เท่านั้นแหละลงไปเรื่อย ๆ มันไม่มีอะไรดีเลย หากเราจะคิดถึงเรื่องน้ำลายแล้วมันก็จะกลืนไม่ลงนั่นแหละจะว่าไง
แต่นี้เราไม่ได้คิด มันคลุกเคล้ากันกับอาหารนั้นเราก็ไม่ได้คิด ถือว่าเป็นความเอร็ดอร่อยถ้ามีน้ำลาย
ไม่มีน้ำลาย ไม่อร่อยไปเสีย ถ้าอยู่ข้างนอกแล้วเอาเข้ามาอยู่ในบาตรนั้นซึ่งไม่มีอะไรสกปรกเลย ทำไมจึงจะบ้าตื่นไปอย่างนั้น
มันต้องฝึก ต้องดัดจิตไม่ดัดไม่ได้นะ เอาให้แข็งแกร่งเชียว เราอย่าไปอนุโลมตามมันนะ
เคยกับอนุโลมตามมันมาพอแล้ว ไม่ใช่เคยอนุโลมตามมันนะ ไม่ได้อนุโลมคือคล้อยตามมัน หลงตามมันมานานแล้ว
ถ้าอนุโลมตามมันก็คล้ายว่าเรามีดีกรีอยู่บ้าง เหมือนกิเลสมาขอชนิดนั้นชนิดนี้ก็แบ่งให้บ้าง เราใหญ่กว่ามันแล้ว นี้เรียกว่าอนุโลม
นี่มันไม่ได้อนุโลม ถูกมันจูงจมูก จมูกขาดโน่นถ้าหากว่าเป็นแบบจูงสัตว์นะ กิเลสจูงคน
ต้องตระหนักในธรรมเสมอผู้ปฏิบัติ มีอะไรก็ฟาดมันลงไปเรียบวุธไปเลย ฉันพอยังชีวิตให้เป็นไปเท่านั้น ไม่ได้มุ่งอะไร
พอฉันเมื่อวานมาแล้วกับวันนี้มันต่างกันอะไร ก็เท่าเดิม เราฉันมาแล้วตั้งแต่วันบวช กินมาแล้วตั้งแต่วันเกิด
อาหารชนิดใด ๆ ก็เคยผ่านชิวหาประสาทเข้าไปในท้องในปาก ผ่านออกไปในทุกสิ่งทุกอย่าง มันอะไรวิเศษวิโส
ถ้าไม่มีธรรมให้วิเศษ สิ่งเหล่านี้มันวิเศษไปไม่ได้ มันก็เหมือนกับโลกทั่ว ๆ ไปที่เขารับประทานกัน
ต้องคิดอย่างนั้นซินักปฏิบัติธรรม
-----------------------------
ซดซ้ายซดขวา โลกามิสทำลายกรรมฐาน - พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๒
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=863&CatID=3
อร่อยก็อยู่แค่ลิ้นนี้ มันอยู่ที่ไหน เคี้ยวกลืนลงไปแล้วลงไปถึงโน้นแล้ว ปรากฏว่ามีรสชาติอะไรบ้าง ไม่เห็นมีอะไร
ฉันลงไปแล้วมันก็แค่ลิ้นนี่เอง อร่อยก็อยู่แค่ลิ้นนี้ มันอยู่ที่ไหน เคี้ยวกลืนลงไปแล้วลงไปถึงโน้นแล้ว
ปรากฏว่ามีรสชาติอะไรบ้าง ไม่เห็นมีอะไร แล้วก็ไปเป็นของปฏิกูลโสโครกด้วยกันหมดอยู่ในท้องของเรา
มันมีอะไรเป็นพิเศษ ไม่เห็นมี นี้เป็นพุงหวาน นี้เป็นพุงคาว นี้เป็นพุงแกง นี้เป็นพุงผัก ไม่เห็นว่านี่นะ
ไม่มีห้องมีหับด้วยถ้าพูดห้องหับก็ดี ถ้าว่ามีพุงหลายพุงก็เพื่อจะใส่โน้นใส่นี้หลายอย่างหลายประการคนละแง่ละมุม
คนละสัดละส่วน อันนี้มันไม่มีลงไปนั้นมันก็เป็นอันเดียวกัน แล้วอยู่ข้างนอกมันเป็นบ้าอะไรนักหนา
ลืมเนื้อลืมตัวเอานักหนาพระปฏิบัติเรานี่
พิจารณาให้เห็นอรรถเห็นธรรม อาหารชนิดใดเข้ามาคลุกเคล้ากันกับของสกปรก นับตั้งแต่น้ำลายอยู่ในปากนี้
เท่านั้นแหละลงไปเรื่อย ๆ มันไม่มีอะไรดีเลย หากเราจะคิดถึงเรื่องน้ำลายแล้วมันก็จะกลืนไม่ลงนั่นแหละจะว่าไง
แต่นี้เราไม่ได้คิด มันคลุกเคล้ากันกับอาหารนั้นเราก็ไม่ได้คิด ถือว่าเป็นความเอร็ดอร่อยถ้ามีน้ำลาย
ไม่มีน้ำลาย ไม่อร่อยไปเสีย ถ้าอยู่ข้างนอกแล้วเอาเข้ามาอยู่ในบาตรนั้นซึ่งไม่มีอะไรสกปรกเลย ทำไมจึงจะบ้าตื่นไปอย่างนั้น
มันต้องฝึก ต้องดัดจิตไม่ดัดไม่ได้นะ เอาให้แข็งแกร่งเชียว เราอย่าไปอนุโลมตามมันนะ
เคยกับอนุโลมตามมันมาพอแล้ว ไม่ใช่เคยอนุโลมตามมันนะ ไม่ได้อนุโลมคือคล้อยตามมัน หลงตามมันมานานแล้ว
ถ้าอนุโลมตามมันก็คล้ายว่าเรามีดีกรีอยู่บ้าง เหมือนกิเลสมาขอชนิดนั้นชนิดนี้ก็แบ่งให้บ้าง เราใหญ่กว่ามันแล้ว นี้เรียกว่าอนุโลม
นี่มันไม่ได้อนุโลม ถูกมันจูงจมูก จมูกขาดโน่นถ้าหากว่าเป็นแบบจูงสัตว์นะ กิเลสจูงคน
ต้องตระหนักในธรรมเสมอผู้ปฏิบัติ มีอะไรก็ฟาดมันลงไปเรียบวุธไปเลย ฉันพอยังชีวิตให้เป็นไปเท่านั้น ไม่ได้มุ่งอะไร
พอฉันเมื่อวานมาแล้วกับวันนี้มันต่างกันอะไร ก็เท่าเดิม เราฉันมาแล้วตั้งแต่วันบวช กินมาแล้วตั้งแต่วันเกิด
อาหารชนิดใด ๆ ก็เคยผ่านชิวหาประสาทเข้าไปในท้องในปาก ผ่านออกไปในทุกสิ่งทุกอย่าง มันอะไรวิเศษวิโส
ถ้าไม่มีธรรมให้วิเศษ สิ่งเหล่านี้มันวิเศษไปไม่ได้ มันก็เหมือนกับโลกทั่ว ๆ ไปที่เขารับประทานกัน
ต้องคิดอย่างนั้นซินักปฏิบัติธรรม
-----------------------------
ซดซ้ายซดขวา โลกามิสทำลายกรรมฐาน - พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๒
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=863&CatID=3