พอดีว่าเราไปพิชิตยอดดอยผ้าห่มปกมา เลยอยากเล่าให้ใครหลายๆคนฟัง แต่ออกตัวก่อนเลยนะว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบออกกำลังกาย
จึงมีร่ายกายสมบูรณ์แต่ไม่แข็งแรง ฉะนั้นการไปเที่ยวครั้งนี้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเองมากกกกกกกกกกก
อ่ออออออออ อีกอย่างช่วงนี้เราหลงใหลพี่อาทิตย์เป็นพิเศษ เราเลยตามเก็บเช้า เย็น ทุ๊กวันเลยทีเดียว
อุปกรณ์: iPhone 5S แต่งรูปผ่าน VSCOcam ทุ๊กรูป
ทริปนี้เราเดินทางกะพี่สาว 2 คน เนื่องด้วยพี่สาวเราทำงานแล้ว แน่นอนว่านางคือผู้สนับสนุนหลัก
งั้นขอขอบคุณสำหรับของฟรีและที่สูงมา ณ ที่นี้เลยละกัน ส่วนเราอาสาขับรถตลอดเส้นทาง
เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ โดยเช่ารถ vios วันละ 1000 บาท > มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
> นอนลานกางเต็นท์กิ่วลม (ลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย)
> ตื่นเช้าดูพี่อาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอยผ้าห่มปก (ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย)
> ขึ้นดอยอ่างขาง > นอนรีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง > ตื่นเช้าดูพี่อาทิตย์ขึ้นที่หมู่บ้านขอบด้ง > ชมไร่สตอเบอรี
> เดินทางไปแม่ริม > นอนบ้านม่อนม่วน > ตื่นเช้าดูพี่อาทิตย์ขึ้นที่ม่อนล่อง (จุดชมวิวที่สูงที่สุดของอ.แม่ริม)
> กลับสนามบินเชียงใหม่ ตามแผนที่เลยจร้า
ขับรถผ่านหลายโค้ง แวะร้านกาแฟนั่งแช่ดื่มด่ำธรรมชาติ ไม่ชินเส้นทางขับช้าชิดซ้าย ขุ่นพระ!!! ออกจากสนามบิน 11 โมง
ถึงอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 4 โมงเย็น รีบติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อขึ้นรถของเจ้าหน้าที่อุทยานไปยังลานกางเต็นท์กิ่วลม
(ค่าบริการเที่ยวละ 1800 บาท/10 คน) ช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงเทศกาล โชคดีเจอเพื่อนร่วมทางอีก 2 สาว หารแล้วตกคนละ 450 บาท
เส้นทางขึ้นลงลานกางเต็นท์เป็นทางแคบ ถนนคอนกรีตสลับกับถนนดิน
ข้างทางมีจุดชมวิว
ถึงแล้วลานกางเต็นท์กิ่วลม ลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ณ ลานกางเต็นท์สามารถชมพี่อาทิตย์ลับขอบฟ้าได้
พอพี่อาทิตย์จากไปปุ๊บความเย็นก็มาเยือนปั๊บ และที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้แต่สามารถชาร์ตไฟได้ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวถึง 2 ทุ่ม
หลังจากนั้นจะตัดไฟ มืดสนิดถือเป็นการบังคับนอน แต่ด้วยอุณหภูมิประมาณ 10 อาศา บอกเลยว่านอนไม่หลับ
ทรมานอยู่นานก็ได้เวลาตี 4 ออกเดินทางขึ้นยอดดอยผ้าห่มปก โดยมีคนถิ่นเป็นผู้นำทาง
ระหว่างเดินทางอากาศเย็นนะแต่เหงื่อนี่ไหลย้อยเลยจร้า ถึงกับต้องถอดเสื้อกันหนาว ผ้าพันพอ ออกเลย
เดินไปยังไม่ถึงครึ่งทางก็รู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างเป็นภาระ นี่ขนาดเลือกเอาแต่ของที่จำเป็นขึ้นมาแล้วนะ
ส่วนพี่สาวเรานางก็บ่น บ่น บ่น หาว่าเราพานางมาสู่ความลำบาก ไม่เอาอีกแล้วนอนเต็นท์เดินป่า
ไกด์เห็นท่าไม่ดีเลยช่วยนางถือขาตั้งกล้องด้วย เดินๆหยุดๆในที่สุดก็ถึงยอดดอย ยังไม่ทันไม่ชมวิวใดๆ
คือข้างบนอากาศเย็นมากใส่เสื้อกันหนาวและผ้าพันคอแทบไม่ทัน
ไม่นานพี่อาทิตย์ก็โพล่พ้นของฟ้า นักท่องเที่ยวราว 10 กว่าคน (ตอนปีใหม่เห็นไกด์บอกว่ามี 100 กว่าคน) รัวๆชัตเตอร์ถ่ายรูป
วันนี้โชคดีเห็นทะเลหมอกด้วย แต่จะไม่หนาแน่นเท่าช่วงเดือนพฤจิกา ธันวา
จากนั้นก็เดินกลับลงมา ตอนเดินกลับลงมานี่สว่างแล้วเห็นทุกสิ่งอย่าง แล้วก็ถามตัวเองว่าเดินขึ้นไปได้ยังไงเนี้ย
คือทางค่อนข้างชันนะ เดินขึ้น-ลงสลับกันไป 3.5 กิโลไปกลับก็ 7 กิโลเมตร ฉะนั้นอย่าถามหาบรรยากาศระหว่างทางเดิน
แค่เอาร่างกายอันใหญ่โตขึ้นไปและลงมาอย่างปลอดภัยก็ปลื้มแล้ว
ลงมาถึงลานกางเต็น 10 โมง กินข้าว เก็บของเตรียมเดินทางกลับ อ่อลืมบอกไปที่ลานกางเต็นท์มีร้านขายอาหารด้วย 1 ร้าน
มีอาหารแบบกินเพื่ออยู่ แต่ไม่มีแบบกินเพื่อความบันเทิงนะ ร้านเปิด-เปิดวันไหนบ้างนี่ไม่รู้เหมือนกัน
เพราะเราลงมาจากลานกางเต็นท์วันอาทิตย์พ่อค้าเค้าก็ลงมาพร้อมกับเรา
แล้วเราก็มาเปลี่ยนรถอีกแล่ะ (คือเช่ารถมาจอดทิ้งไว้) เพื่อที่จะขึ้นดอยอ่างขาง
ค่าจ้างรถพร้อมคนขับพานำเที่ยว 2 วัน 1 คืน ราคา 2000 บาท
ระหว่างทางยังพอมีดอกนางพญาเสือโคร่งอยู่บ้าง
เราเข้าที่พักก่อนเลยจร้าเพราะไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน อาบน้ำเสร็จแล้วก็มาเดินชมสถานีเกษตรอ่างขาง
ที่นี่จัดสวนสวยดีนะแต่เราไม่ค่อยอินกับดอกไม้เลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งใจจะไปถ่ายกับแปลงบ๊วย ก็ไม่สวยเหมือนในละคร ใบเต็มต้นและดอกก็ล่วงหมดแล้ว
ขับย้อนมาเดิมชมวิวที่ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง
ดูถนนสิ ชันขนาดนั้นฝีมืออย่างเราไม่ขับขึ้นมาน่ะดีแล้ว
และมารอชมพี่อาทิตย์ลับขอบฟ้า ตรงข้ามกับด่านตรวจที่มีทหารหาญยืนๆอยู่
ที่ดอยอ่างขางเหมือนที่ดอยผ้าห่มปกเลย พอเริ่มค่ำอากาศก็เริ่มเย็น เรารีบเข้านอนด้วยความเหนื่อยล้า
จะบอกว่าที่รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขางนี้เตียงเค้าปรับอุณหภูมิให้อุ่นได้ ที่นอนคืนนี้ถูกใจพี่สาวเรามาก
ตอนเช้าเราเช็คเอ้าท์ตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีสอร์ทยังเตรียมอาหารเช้าไม่เสร็จ ได้กินแค่กาแฟและไข่ดาวแล้วรีบพุ่งตัวออกไป
หาพี่อาทิตย์ทันที เราไปรอพี่อาทิตย์ที่หมู่บ้านขอบด้ง
พี่อาทิตย์ขึ้นอยู่ไกล๊ ไกล
ไปชมชายแดนพม่าที่ฐานปฏิบัติการทหารบ้านอแล
และจุดพีคของอ่างขางเรายกให้ไร่สตอเบอรีนะ ไกด์จัดให้เรา 2 ไร่ ไร่นี้จะเห็นวิวข้างเป็นฐานพม่าด้วย
ส่วนไร่นี้ เป็นมุมมหาชนเลย มีสตอเบอรีขายนะแต่ห้ามเก็บเอง
สำหรับอ่างขางทริปนี้มีจบแล้ว แต่เราคาดว่าเร็วนี้ๆต้องมาอีกแน่นอนเลย
เพราะไกด์แนะนำว่าเมษา พฤษภา ผลไม้ออกเยอะมาก เราจะมากิน กิน กิน
ลาแล้วอำเภอฝาง อำเภอที่ปลูกส้มทุกทุกหย่อยหญ้าแต่เราไม่ได้แวะสวนส้มเลย
ระหว่างทางเราเห็นป้ายตามรอยละครกลกิโมโน ถามว่าเคยดูมั้ย? เอาน่าทางผ่านพอดี เราเลยจัดซะโหน่ยยย
จากนั้นเราขับรถไปเรื่อยๆเลี้ยวขวาไปอำเภอแม่ริม แล้วขับโค้งไปโค้งมาเลี้ยวขวาไปทางบ้านม่อนม่วน
ผ่านโค้งหักศอก 2 โค้ง ทางสบายมากเราขับมาเองได้ สังเกตป้ายดีๆ เพราะมีหลายม่อนมากๆ
ที่บ้านม่อนม่วน
[CR] เที่ยว ดอยผ้าห่มปก ดอยอ่างขาง ม่อนล่อง กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2558
พอดีว่าเราไปพิชิตยอดดอยผ้าห่มปกมา เลยอยากเล่าให้ใครหลายๆคนฟัง แต่ออกตัวก่อนเลยนะว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบออกกำลังกาย
จึงมีร่ายกายสมบูรณ์แต่ไม่แข็งแรง ฉะนั้นการไปเที่ยวครั้งนี้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเองมากกกกกกกกกกก
อ่ออออออออ อีกอย่างช่วงนี้เราหลงใหลพี่อาทิตย์เป็นพิเศษ เราเลยตามเก็บเช้า เย็น ทุ๊กวันเลยทีเดียว
อุปกรณ์: iPhone 5S แต่งรูปผ่าน VSCOcam ทุ๊กรูป
ทริปนี้เราเดินทางกะพี่สาว 2 คน เนื่องด้วยพี่สาวเราทำงานแล้ว แน่นอนว่านางคือผู้สนับสนุนหลัก
งั้นขอขอบคุณสำหรับของฟรีและที่สูงมา ณ ที่นี้เลยละกัน ส่วนเราอาสาขับรถตลอดเส้นทาง
เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่ โดยเช่ารถ vios วันละ 1000 บาท > มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
> นอนลานกางเต็นท์กิ่วลม (ลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย)
> ตื่นเช้าดูพี่อาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอยผ้าห่มปก (ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย)
> ขึ้นดอยอ่างขาง > นอนรีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง > ตื่นเช้าดูพี่อาทิตย์ขึ้นที่หมู่บ้านขอบด้ง > ชมไร่สตอเบอรี
> เดินทางไปแม่ริม > นอนบ้านม่อนม่วน > ตื่นเช้าดูพี่อาทิตย์ขึ้นที่ม่อนล่อง (จุดชมวิวที่สูงที่สุดของอ.แม่ริม)
> กลับสนามบินเชียงใหม่ ตามแผนที่เลยจร้า
ขับรถผ่านหลายโค้ง แวะร้านกาแฟนั่งแช่ดื่มด่ำธรรมชาติ ไม่ชินเส้นทางขับช้าชิดซ้าย ขุ่นพระ!!! ออกจากสนามบิน 11 โมง
ถึงอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 4 โมงเย็น รีบติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อขึ้นรถของเจ้าหน้าที่อุทยานไปยังลานกางเต็นท์กิ่วลม
(ค่าบริการเที่ยวละ 1800 บาท/10 คน) ช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงเทศกาล โชคดีเจอเพื่อนร่วมทางอีก 2 สาว หารแล้วตกคนละ 450 บาท
เส้นทางขึ้นลงลานกางเต็นท์เป็นทางแคบ ถนนคอนกรีตสลับกับถนนดิน
ข้างทางมีจุดชมวิว
ถึงแล้วลานกางเต็นท์กิ่วลม ลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ณ ลานกางเต็นท์สามารถชมพี่อาทิตย์ลับขอบฟ้าได้
พอพี่อาทิตย์จากไปปุ๊บความเย็นก็มาเยือนปั๊บ และที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้แต่สามารถชาร์ตไฟได้ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวถึง 2 ทุ่ม
หลังจากนั้นจะตัดไฟ มืดสนิดถือเป็นการบังคับนอน แต่ด้วยอุณหภูมิประมาณ 10 อาศา บอกเลยว่านอนไม่หลับ
ทรมานอยู่นานก็ได้เวลาตี 4 ออกเดินทางขึ้นยอดดอยผ้าห่มปก โดยมีคนถิ่นเป็นผู้นำทาง
ระหว่างเดินทางอากาศเย็นนะแต่เหงื่อนี่ไหลย้อยเลยจร้า ถึงกับต้องถอดเสื้อกันหนาว ผ้าพันพอ ออกเลย
เดินไปยังไม่ถึงครึ่งทางก็รู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างเป็นภาระ นี่ขนาดเลือกเอาแต่ของที่จำเป็นขึ้นมาแล้วนะ
ส่วนพี่สาวเรานางก็บ่น บ่น บ่น หาว่าเราพานางมาสู่ความลำบาก ไม่เอาอีกแล้วนอนเต็นท์เดินป่า
ไกด์เห็นท่าไม่ดีเลยช่วยนางถือขาตั้งกล้องด้วย เดินๆหยุดๆในที่สุดก็ถึงยอดดอย ยังไม่ทันไม่ชมวิวใดๆ
คือข้างบนอากาศเย็นมากใส่เสื้อกันหนาวและผ้าพันคอแทบไม่ทัน
ไม่นานพี่อาทิตย์ก็โพล่พ้นของฟ้า นักท่องเที่ยวราว 10 กว่าคน (ตอนปีใหม่เห็นไกด์บอกว่ามี 100 กว่าคน) รัวๆชัตเตอร์ถ่ายรูป
วันนี้โชคดีเห็นทะเลหมอกด้วย แต่จะไม่หนาแน่นเท่าช่วงเดือนพฤจิกา ธันวา
จากนั้นก็เดินกลับลงมา ตอนเดินกลับลงมานี่สว่างแล้วเห็นทุกสิ่งอย่าง แล้วก็ถามตัวเองว่าเดินขึ้นไปได้ยังไงเนี้ย
คือทางค่อนข้างชันนะ เดินขึ้น-ลงสลับกันไป 3.5 กิโลไปกลับก็ 7 กิโลเมตร ฉะนั้นอย่าถามหาบรรยากาศระหว่างทางเดิน
แค่เอาร่างกายอันใหญ่โตขึ้นไปและลงมาอย่างปลอดภัยก็ปลื้มแล้ว
ลงมาถึงลานกางเต็น 10 โมง กินข้าว เก็บของเตรียมเดินทางกลับ อ่อลืมบอกไปที่ลานกางเต็นท์มีร้านขายอาหารด้วย 1 ร้าน
มีอาหารแบบกินเพื่ออยู่ แต่ไม่มีแบบกินเพื่อความบันเทิงนะ ร้านเปิด-เปิดวันไหนบ้างนี่ไม่รู้เหมือนกัน
เพราะเราลงมาจากลานกางเต็นท์วันอาทิตย์พ่อค้าเค้าก็ลงมาพร้อมกับเรา
แล้วเราก็มาเปลี่ยนรถอีกแล่ะ (คือเช่ารถมาจอดทิ้งไว้) เพื่อที่จะขึ้นดอยอ่างขาง
ค่าจ้างรถพร้อมคนขับพานำเที่ยว 2 วัน 1 คืน ราคา 2000 บาท
ระหว่างทางยังพอมีดอกนางพญาเสือโคร่งอยู่บ้าง
เราเข้าที่พักก่อนเลยจร้าเพราะไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน อาบน้ำเสร็จแล้วก็มาเดินชมสถานีเกษตรอ่างขาง
ที่นี่จัดสวนสวยดีนะแต่เราไม่ค่อยอินกับดอกไม้เลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งใจจะไปถ่ายกับแปลงบ๊วย ก็ไม่สวยเหมือนในละคร ใบเต็มต้นและดอกก็ล่วงหมดแล้ว
ขับย้อนมาเดิมชมวิวที่ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง
ดูถนนสิ ชันขนาดนั้นฝีมืออย่างเราไม่ขับขึ้นมาน่ะดีแล้ว
และมารอชมพี่อาทิตย์ลับขอบฟ้า ตรงข้ามกับด่านตรวจที่มีทหารหาญยืนๆอยู่
ที่ดอยอ่างขางเหมือนที่ดอยผ้าห่มปกเลย พอเริ่มค่ำอากาศก็เริ่มเย็น เรารีบเข้านอนด้วยความเหนื่อยล้า
จะบอกว่าที่รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขางนี้เตียงเค้าปรับอุณหภูมิให้อุ่นได้ ที่นอนคืนนี้ถูกใจพี่สาวเรามาก
ตอนเช้าเราเช็คเอ้าท์ตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีสอร์ทยังเตรียมอาหารเช้าไม่เสร็จ ได้กินแค่กาแฟและไข่ดาวแล้วรีบพุ่งตัวออกไป
หาพี่อาทิตย์ทันที เราไปรอพี่อาทิตย์ที่หมู่บ้านขอบด้ง
พี่อาทิตย์ขึ้นอยู่ไกล๊ ไกล
ไปชมชายแดนพม่าที่ฐานปฏิบัติการทหารบ้านอแล
และจุดพีคของอ่างขางเรายกให้ไร่สตอเบอรีนะ ไกด์จัดให้เรา 2 ไร่ ไร่นี้จะเห็นวิวข้างเป็นฐานพม่าด้วย
ส่วนไร่นี้ เป็นมุมมหาชนเลย มีสตอเบอรีขายนะแต่ห้ามเก็บเอง
สำหรับอ่างขางทริปนี้มีจบแล้ว แต่เราคาดว่าเร็วนี้ๆต้องมาอีกแน่นอนเลย
เพราะไกด์แนะนำว่าเมษา พฤษภา ผลไม้ออกเยอะมาก เราจะมากิน กิน กิน
ลาแล้วอำเภอฝาง อำเภอที่ปลูกส้มทุกทุกหย่อยหญ้าแต่เราไม่ได้แวะสวนส้มเลย
ระหว่างทางเราเห็นป้ายตามรอยละครกลกิโมโน ถามว่าเคยดูมั้ย? เอาน่าทางผ่านพอดี เราเลยจัดซะโหน่ยยย
จากนั้นเราขับรถไปเรื่อยๆเลี้ยวขวาไปอำเภอแม่ริม แล้วขับโค้งไปโค้งมาเลี้ยวขวาไปทางบ้านม่อนม่วน
ผ่านโค้งหักศอก 2 โค้ง ทางสบายมากเราขับมาเองได้ สังเกตป้ายดีๆ เพราะมีหลายม่อนมากๆ
ที่บ้านม่อนม่วน