เรามีกิจการเดิมหมุนเงินโดยมีเงินโอดีไว้หมุนและมีที่ดินที่ตั้งกิจการเป็นหลักทรัพย์ซึ่งที่ดินตรงนี้มีมูลค่ามากกว่าหนี้มากประมาณ3เท่าตัวเป็นอย่างน้อย
แต่เมื่อสองปีที่แล้วคุณพ่อได้กู้เงินมาโดยใช้เราเป็นผู้กู้ร่วม เพราะคุณพ่ออายุเยอะแล้ว เพื่อเอาเงินมาก่อสร้างโรงงาน โดยเอาที่ดินที่ก่อสร้างคำ้ประกัน
ทีนี้ระหว่างก่อสร้างงบบานปลาย โดนโกงด้วย แปลนไม่สมบูรณ์ มีปัญหาเรื่องแบบตลอด ทำให้ต้องสร้างโน่นนี่มากกว่าแปลน ซื้อเครื่องจักรผิดรุ่น แล้วคืนไม่ได้เพราะเป็นมือสอง ทุนจมไปเยอะ แต่ยังไม่ได้เริ่มกิจการใหม่นะคะ แต่พร้อมทำงานแล้ว 80% เหลือซื้อวัตถุดิบต่างๆ แต่เครื่องจักรยังไม่เต็มพื้นที่
สัญญากับธนาคารให้ผ่อนชำระทุกเดือน รวมประมาณสองแสน ต่อเดือน เป็นเวลาแปดปี
ระหว่างนี้จะหักเงินกู้จากบัญชีหมุนของกิจการเดิมชื่อคุณพ่อ
ปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้คู่แข่งเยอะขึ้น เศรษฐกิจแย่มาก ทำให้เราหมุนเงินไม่ทัน มีสินค้าที่รอการขายเยอะ
เราได้เข้าไปปรึกษาธนาคารให้ระงับการตัดบัญชีเพื่อให้เราหมุนเงินพยุงกิจการได้
ธนาคารรแนะนำให้เรากู้โอดีเพิ่ม เพราะการระงับการผ่อนจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะเป็นภาพลบต่อกิจการและมีผลต่อเครดิตบูโร
แต่เราคิดว่าถ้าได้โอดีมาจำนวนหนึ่ง ปลายเดือนเราก็ต้องเอาเงินจำนวนนี้ไปจ่ายหนี้เงินกู้ด้วยแน่ เหมือนกู้หนี้ไปจ่ายหนี้ ดอกเบี้ยสองทาง
เราเลยบอกธนาคารว่าขอปรับโรรงสร้มงหนี้ดีกว่า นั่นหมายถึงเราจะติดเครดิตบูโร รวมทั้งคุณพ่อ
ระหว่างนี้ เราคิดว่าจะขายบ้านที่โรงงานเดินค่ะ เพื่อปิดหนี้ทั้งหมด ตอนนี้กำลังทำเรื่องรังวัดที่ดินใหม่ เพราะที่ดินเพิ่มขึ้นจากโฉนดค่ะ (เนื่องจากที่ดินติดหน่วยงานราชการ) แล้วตอนนี้เค้าล้อมรั้วปักหมุดกันแล้วทุกด้าน)
ขอคำปรึกษาดังนี้ค่ะ
1. เราตัดสินใจถูกไหมคะว่าจะปรับโครงสร้างหนี้(ตอนนี้ยังเปลี่ยนแปลงได้ค่ะเพราะยังไม่ได้ทำการใดๆ) หรือเราควรกู้โอดีเพิ่มเพื่อพยุงกิจการแล้วซื้อวัตถุดิบมาเพื่อให้ต้นทุนถูกลง(ปัจจุบันต้นทุนแพงค่ะเพราะซื้อน้อย ทุนน้อย จากผู้ขายที่ให้เครดิต3เดือน) รอวันขายสินค้าได้(เชื่อว่าประมาณก่อนสงกรานต์)
2 แล้วถ้าเราติดเครดิตบูโร เมื่อย้ายโรงงานไปทำที่ใหม่ เราอาจต้องกู้เพื่อซื้อวัตถุดิบและหมุนในกิจการ (แต่ถ้าเป็นไปได้จะไม่กู้นะคะ ทีน้อยหมุนน้อย เข็ด) งี้เรากู้ไม่ได้ ต้องให้พี่ชายหรือคนอื่นๆกู้ ซึ่งมันอาจไม่สะดวกหลายๆอย่าง
3 ถ้าปรับโครงสร้างหนี้แล้วยอดผ่อนต่อเดือนลดลง เราอาจยังพอประคับประคองโรงงานเดิมต่อไปได้ แต่นั่นอาจหมายถึงเราต้องส่งเงินยาวขึ้น ดอกเบี้ยรวมคงเยอะขึ้นด้วย แต่นั่นหมายถึงเราก็ไม่มีเงินพอจะไปทำโรงงานใหม่เพราะดึงเงินจากที่นี่ไปไม่ได้แล้วจริงๆ เรายังควรขายบ้านมาปิดหนี้ทั้งหมดไหมคะ(เราเสียดายมากๆ เพราะเป็นบ้านเกิด) จริงๆหนี้ที่นี่ไม่เยอะมากแค่สี่ล้านกว่าและเป็นโอดี เสียดอกเบี้ยเดือนละสามหมื่น
แล้วถ้าปรับแล้วเรายังไม่ไหวอีก ธนาคารจะทำไงกับเราต่อคะ คงยังไม่ถึงกับยึดใช่ไหมคะ
4 ถ้าติดเครดิตบูโร หลุดใน3ปีใช่ไหมคะ นับจากวันไหนคะ บางที อนาคตเราอาจต้องซื้อบ้านซึ่งต้องกู้ร่วมกับแฟนค่ะ (คงต้องรออีกสามปีค่อยแต่ง
. )
เราอยากปรึกษาให้หมดทีเดียวนะคะเรื่องเยอะมากกก ไหนจะปัญหาในครอบครัวอีก สมองเรามึนมาก เราต้องช่วยคุณพ่อคิดอ่ะค่ะ ท่านแก่แล้ว คุณแม่ก็ไม่อยู่มาห้าม มาเป็นกำลังใจ คุณพ่อฟังคุณแม่คนเดียว เราสงสารท่านมากเพราะท่านคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะท่านดื้อจะไปลงทุนที่ใหม่ เพราะอยากให้ลูกๆสบาย แต่เราก็ผิดที่ไม่ยอมเด็ดขาด ใจอ่อนกับเค้าตลอด ไม่ว่าจะเรื่องลงทุนหรือก่อสร้าง ได้แต่ช่วยกันประคับประคอง
ขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ เราไม่มีใครจริงๆ เราคงยังเด็กเกินไป (หมายถึงสมองนะคะ)
ด่าเราได้เลยค่ะ เรายอมรับผิด เราว่าทุกอย่างเป็นเพราะเราเด็กไป
สุดท้าย อาจมีพิมผิดบ้าง เพราะรีบๆ มือสั่นๆ และพิมในมือถือ มีเวลตรวจทานน้อย ต้องขออภัยนะคะ ถ้ามีข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการตอบคำถามถามได้นะคะ อาจมีบางอย่างเล่าไม่หมด
ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาเรื่องการกู้เงิน ปัญหากิจการ ปรับโครงสร้างหนี้ค่ะ
แต่เมื่อสองปีที่แล้วคุณพ่อได้กู้เงินมาโดยใช้เราเป็นผู้กู้ร่วม เพราะคุณพ่ออายุเยอะแล้ว เพื่อเอาเงินมาก่อสร้างโรงงาน โดยเอาที่ดินที่ก่อสร้างคำ้ประกัน
ทีนี้ระหว่างก่อสร้างงบบานปลาย โดนโกงด้วย แปลนไม่สมบูรณ์ มีปัญหาเรื่องแบบตลอด ทำให้ต้องสร้างโน่นนี่มากกว่าแปลน ซื้อเครื่องจักรผิดรุ่น แล้วคืนไม่ได้เพราะเป็นมือสอง ทุนจมไปเยอะ แต่ยังไม่ได้เริ่มกิจการใหม่นะคะ แต่พร้อมทำงานแล้ว 80% เหลือซื้อวัตถุดิบต่างๆ แต่เครื่องจักรยังไม่เต็มพื้นที่
สัญญากับธนาคารให้ผ่อนชำระทุกเดือน รวมประมาณสองแสน ต่อเดือน เป็นเวลาแปดปี
ระหว่างนี้จะหักเงินกู้จากบัญชีหมุนของกิจการเดิมชื่อคุณพ่อ
ปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้คู่แข่งเยอะขึ้น เศรษฐกิจแย่มาก ทำให้เราหมุนเงินไม่ทัน มีสินค้าที่รอการขายเยอะ
เราได้เข้าไปปรึกษาธนาคารให้ระงับการตัดบัญชีเพื่อให้เราหมุนเงินพยุงกิจการได้
ธนาคารรแนะนำให้เรากู้โอดีเพิ่ม เพราะการระงับการผ่อนจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะเป็นภาพลบต่อกิจการและมีผลต่อเครดิตบูโร
แต่เราคิดว่าถ้าได้โอดีมาจำนวนหนึ่ง ปลายเดือนเราก็ต้องเอาเงินจำนวนนี้ไปจ่ายหนี้เงินกู้ด้วยแน่ เหมือนกู้หนี้ไปจ่ายหนี้ ดอกเบี้ยสองทาง
เราเลยบอกธนาคารว่าขอปรับโรรงสร้มงหนี้ดีกว่า นั่นหมายถึงเราจะติดเครดิตบูโร รวมทั้งคุณพ่อ
ระหว่างนี้ เราคิดว่าจะขายบ้านที่โรงงานเดินค่ะ เพื่อปิดหนี้ทั้งหมด ตอนนี้กำลังทำเรื่องรังวัดที่ดินใหม่ เพราะที่ดินเพิ่มขึ้นจากโฉนดค่ะ (เนื่องจากที่ดินติดหน่วยงานราชการ) แล้วตอนนี้เค้าล้อมรั้วปักหมุดกันแล้วทุกด้าน)
ขอคำปรึกษาดังนี้ค่ะ
1. เราตัดสินใจถูกไหมคะว่าจะปรับโครงสร้างหนี้(ตอนนี้ยังเปลี่ยนแปลงได้ค่ะเพราะยังไม่ได้ทำการใดๆ) หรือเราควรกู้โอดีเพิ่มเพื่อพยุงกิจการแล้วซื้อวัตถุดิบมาเพื่อให้ต้นทุนถูกลง(ปัจจุบันต้นทุนแพงค่ะเพราะซื้อน้อย ทุนน้อย จากผู้ขายที่ให้เครดิต3เดือน) รอวันขายสินค้าได้(เชื่อว่าประมาณก่อนสงกรานต์)
2 แล้วถ้าเราติดเครดิตบูโร เมื่อย้ายโรงงานไปทำที่ใหม่ เราอาจต้องกู้เพื่อซื้อวัตถุดิบและหมุนในกิจการ (แต่ถ้าเป็นไปได้จะไม่กู้นะคะ ทีน้อยหมุนน้อย เข็ด) งี้เรากู้ไม่ได้ ต้องให้พี่ชายหรือคนอื่นๆกู้ ซึ่งมันอาจไม่สะดวกหลายๆอย่าง
3 ถ้าปรับโครงสร้างหนี้แล้วยอดผ่อนต่อเดือนลดลง เราอาจยังพอประคับประคองโรงงานเดิมต่อไปได้ แต่นั่นอาจหมายถึงเราต้องส่งเงินยาวขึ้น ดอกเบี้ยรวมคงเยอะขึ้นด้วย แต่นั่นหมายถึงเราก็ไม่มีเงินพอจะไปทำโรงงานใหม่เพราะดึงเงินจากที่นี่ไปไม่ได้แล้วจริงๆ เรายังควรขายบ้านมาปิดหนี้ทั้งหมดไหมคะ(เราเสียดายมากๆ เพราะเป็นบ้านเกิด) จริงๆหนี้ที่นี่ไม่เยอะมากแค่สี่ล้านกว่าและเป็นโอดี เสียดอกเบี้ยเดือนละสามหมื่น
แล้วถ้าปรับแล้วเรายังไม่ไหวอีก ธนาคารจะทำไงกับเราต่อคะ คงยังไม่ถึงกับยึดใช่ไหมคะ
4 ถ้าติดเครดิตบูโร หลุดใน3ปีใช่ไหมคะ นับจากวันไหนคะ บางที อนาคตเราอาจต้องซื้อบ้านซึ่งต้องกู้ร่วมกับแฟนค่ะ (คงต้องรออีกสามปีค่อยแต่ง . )
เราอยากปรึกษาให้หมดทีเดียวนะคะเรื่องเยอะมากกก ไหนจะปัญหาในครอบครัวอีก สมองเรามึนมาก เราต้องช่วยคุณพ่อคิดอ่ะค่ะ ท่านแก่แล้ว คุณแม่ก็ไม่อยู่มาห้าม มาเป็นกำลังใจ คุณพ่อฟังคุณแม่คนเดียว เราสงสารท่านมากเพราะท่านคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะท่านดื้อจะไปลงทุนที่ใหม่ เพราะอยากให้ลูกๆสบาย แต่เราก็ผิดที่ไม่ยอมเด็ดขาด ใจอ่อนกับเค้าตลอด ไม่ว่าจะเรื่องลงทุนหรือก่อสร้าง ได้แต่ช่วยกันประคับประคอง
ขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ เราไม่มีใครจริงๆ เราคงยังเด็กเกินไป (หมายถึงสมองนะคะ)
ด่าเราได้เลยค่ะ เรายอมรับผิด เราว่าทุกอย่างเป็นเพราะเราเด็กไป
สุดท้าย อาจมีพิมผิดบ้าง เพราะรีบๆ มือสั่นๆ และพิมในมือถือ มีเวลตรวจทานน้อย ต้องขออภัยนะคะ ถ้ามีข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการตอบคำถามถามได้นะคะ อาจมีบางอย่างเล่าไม่หมด
ขอบคุณค่ะ