จากรายงานของสำนักข่าวอาร์ที ชนพื้นเมืองอเมริกันได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากจากนโยบายใช้ "ชื่อจริง" ของเฟซบุ๊ค ทำให้ชนพื้นเมืองเหล่านี้ที่ใช้ "ชื่อจริง" ของตัวเองในการสร้างบัญชีผู้ใช้ของเฟซบุ๊กถูกแบน เนื่องจากระบบอัลกอริธึมของเฟซบุ๊กไม่เชื่อว่า "ชื่อจริง" ของชนพื้นเมืองเหล่านี้เช่น "Lone Hill" (เนินเขาโดดเดี่ยว) หรือ "Brown Eyes" (ดวงตาสีน้ำตาล) เป็น "ชื่อจริง" ของคนเหล่านี้จริงๆ
จากรายงานของคัลเลอร์ไลน์ผู้ใช้เหล่านี้ถูกล็อคการเข้าใช้บัญชีโดยระบบบังคับให้พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวตนก่อนที่จะสามารถเข้าใช้ระบบได้อีกครั้ง
Lone Hill ชาวอเมริกันเชื้อสายลาโกตากล่าวว่าเธอได้รับข้อความจากเฟซบุ๊คว่า "ดูเหมือนชื่อที่คุณใช้จะไม่ใช่ชื่อจริง" และยังบอกให้เธอส่งบัตรประจำตัวเพื่อพิสูจน์ตัวตนของเธอให้กับระบบอีกด้วย
หลังจากที่เธอส่งรูปและบัตรสมาชิกห้องสมุดไปให้ทางเฟซบุ๊กเธอได้ข้อความตอบกลับมาว่า ขอให้เธออดทนรอขณะที่เฟซบุ๊คกำลังตรวจสอบอัตลักษณ์ของเธอ ก่อนที่เธอจะสามารถกลับมาใช้บัญชีของเธอได้อีกครั้งในอีกราวหนึ่งสัปดาห์ถัดมา
ขณะที่ Brown Eyes อ้างว่าถูกระบบของเฟซบุ๊คบังคับเปลี่ยนชื่อเป็น Lance Brown ซึ่ง Lone Hill ได้ขู่ว่าจะรวมตัวกันฟ้องเฟซบุ๊คเพื่อให้เฟซบุ๊กยอมให้เขาใช้ชื่อจริงของตัวเองอีกครั้ง
ชนพื้นเมืองอเมริกันบางคนได้รับการอนุญาตเป็นการพิเศษเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำอีกเช่น Shane Creepingbear(เชน หมีอันน่าสะพรึง) ที่เคยถูกเฟซบุ๊คห้ามไม่ให้ใช้ชื่อนี้มาก่อน โดย Creepingbear มองว่า "การที่ใครสักคนตั้งตัวเองขึ้นมาตัดสินว่าชื่อใดเหมาะสมหรือไม่มันได้กลายเป็นปัญหาการเหยียดเชื้อชาติไปแล้ว"
ด้านโฆษกของเฟซบุ๊คได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพวกเขาได้พัฒนาระบบจากปัญหาที่เคยมีในอดีตและเพิ่มทางเลือกในการพิสูจน์ชื่อจริง
นโยบาย"ชื่อจริง"ของเฟซบุ๊คสร้างเสียงวิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนกลุ่มเพศทางเลือกก็ออกมาต่อต้านนโยบายนี้ที่ไม่ยอมให้กลุ่มเพศทางเลือกใช้ชื่อใน "วงการ" ของพวกเขา จนทำให้ คริสต์ ค็อก ผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊กต้องออกมาขอโทษด้วยตัวเอง
ส่อดราม่า! ชาวอินเดียนแดงได้รับผลกระทบจาก นโยบายบังคับใช้"ชื่อจริง"เฟซบุ๊ก
จากรายงานของคัลเลอร์ไลน์ผู้ใช้เหล่านี้ถูกล็อคการเข้าใช้บัญชีโดยระบบบังคับให้พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวตนก่อนที่จะสามารถเข้าใช้ระบบได้อีกครั้ง
Lone Hill ชาวอเมริกันเชื้อสายลาโกตากล่าวว่าเธอได้รับข้อความจากเฟซบุ๊คว่า "ดูเหมือนชื่อที่คุณใช้จะไม่ใช่ชื่อจริง" และยังบอกให้เธอส่งบัตรประจำตัวเพื่อพิสูจน์ตัวตนของเธอให้กับระบบอีกด้วย
หลังจากที่เธอส่งรูปและบัตรสมาชิกห้องสมุดไปให้ทางเฟซบุ๊กเธอได้ข้อความตอบกลับมาว่า ขอให้เธออดทนรอขณะที่เฟซบุ๊คกำลังตรวจสอบอัตลักษณ์ของเธอ ก่อนที่เธอจะสามารถกลับมาใช้บัญชีของเธอได้อีกครั้งในอีกราวหนึ่งสัปดาห์ถัดมา
ขณะที่ Brown Eyes อ้างว่าถูกระบบของเฟซบุ๊คบังคับเปลี่ยนชื่อเป็น Lance Brown ซึ่ง Lone Hill ได้ขู่ว่าจะรวมตัวกันฟ้องเฟซบุ๊คเพื่อให้เฟซบุ๊กยอมให้เขาใช้ชื่อจริงของตัวเองอีกครั้ง
ชนพื้นเมืองอเมริกันบางคนได้รับการอนุญาตเป็นการพิเศษเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำอีกเช่น Shane Creepingbear(เชน หมีอันน่าสะพรึง) ที่เคยถูกเฟซบุ๊คห้ามไม่ให้ใช้ชื่อนี้มาก่อน โดย Creepingbear มองว่า "การที่ใครสักคนตั้งตัวเองขึ้นมาตัดสินว่าชื่อใดเหมาะสมหรือไม่มันได้กลายเป็นปัญหาการเหยียดเชื้อชาติไปแล้ว"
ด้านโฆษกของเฟซบุ๊คได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพวกเขาได้พัฒนาระบบจากปัญหาที่เคยมีในอดีตและเพิ่มทางเลือกในการพิสูจน์ชื่อจริง
นโยบาย"ชื่อจริง"ของเฟซบุ๊คสร้างเสียงวิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนกลุ่มเพศทางเลือกก็ออกมาต่อต้านนโยบายนี้ที่ไม่ยอมให้กลุ่มเพศทางเลือกใช้ชื่อใน "วงการ" ของพวกเขา จนทำให้ คริสต์ ค็อก ผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊กต้องออกมาขอโทษด้วยตัวเอง