กาลครั้งหนึ่งผมเป็นนักโทษใน USA

ผมเขียนเพิ่ม ที่ http://ppantip.com/topic/33238465  "กว่าจะได้เป็นแรงงานต่างด้าวใน USA"
ฝากติดตามด้วยนะครับ

คดีที่ผมเคยเจอแล้วเสียดายตอนนั้นสุดๆ
ลูกจ้างฟ้องแมค แล้วชนะคดีด้วย
http://www.dek-d.com/studyabroad/33695/



เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว นานมากกก แต่ไม่เคยลืมสักที ผมมีโอกาสออกนอกบ้านไปกินข้าวที่ USA (United States of America) เมืองในฝัน ของเด็กไทยหลายๆคน ดิสนีแลนด์ นิวยอร์ค เทพีเสรีภาพ สะพานโกลเด้นเกต แคริฟอร์เนีย ฯลฯ และอีกหลายๆที่ ที่ผมตั้งเป้าว่า การออกมากินข้าวนอกบ้านไกลๆครั้งนี้ ต้องพาสองเท้าคู่ใจไปเหยียบ ณ ดินแดนเหล่านั้นให้ได้ ผมสมัครไปเป็นแรงงานต่างด้าว โครงการ Work & Travel เลือกทำงาน McDonald งานหนักหน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคมากนักสำหรับ กระเหรี่ยง ออกเสียงสำเนียงพื้นเมืองอเมริกันไม่ชัดพูดอังกฤษไม่คล่องอย่างผม  เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นที่นี่ McDonald 2nd St, Williamsburg, VA  ทุกวันที่ McD หน้าที่ประจำของผมคือ Make Food and Grill บางทีเข้างานเย็นหน่อย ก็รอปิดร้านและคลีน ทุกสิ่งอย่าง อยู่ที่นี่เราต้องทำตามระเบียบของร้านอย่างเคร่งครัด จะทำเหมือนประเพณีบ้านเราไม่ได้เลย โดนด่า!!!! ปิดร้านวันแรก Boss said : xxx (ชื่อผม) can u clean baskets แน่นอน ผมไม่สามารถพูดคำอื่นได้นอกว่า Yes, Sir!!  กองถาดใส่เนื้อประมาณเกือบ 20 อัน นอนรออยู่ในซิงค์อย่างสงบ คราบเนื้อคราบไขมันเกาะติดอยู่เยอะมาก!!!!!!!!!  แต่ละวันไขมันมันติดเยอะขนาดนี้เลยหรอ Oh Jesus!!! คิดในใจ โอทีวันนี้ กูบวกถึงตีห้าแน่ มันเยอะมากจริงๆ ยิ่งเป็นตะแกรง มันจะมีคราบเกาะตามซี่ลวด จินตนาการยาวๆ กลับไป ใครจะขัดซอกเล็บ นวดแขนให้กูได้มั่งเนี่ย  หลังจากเริ่มขัดอันแรกเสร็จ สะอาด เอี่ยม ใส่ใจสุขภาพผู้บริโภคพรุ่งนี้สัดๆ กินเวลาไปเกือบครึง ชม. T^T พอเริ่มอันที่ 2 เท่านั้นแหละ Boss เข้ามา ถามว่า What r u doing???? + ทำหน้าสงสัย  It's time to close ผมก็บอกไปว่า กูก็คลีนไง  มันเลยบอกว่าให้ผมไป กดรหัสออกก่อน เด๋วเวลาทำงานจะ Overtime แล้วมันจะต้องจ่าย โอทีให้ พอกลับมา มันเลยสาธิต การล้างแบบ อเมริกันให้ดู แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มี 3 ซิงค์ อันที่ 1 วางไว้เอาน้ำร้อนๆ มาล้าง จากนั้น เอาไปแช่ น้ำยาสีแดงที่ซิงค์ 2 เสร็จปุ๊ป เอาไปแชร์ต่อซิงค์สามกับน้ำยาสีฟ้า แล้วผึ่ง จบ!!!! ตาค้างเลยดิกู ที่บ้านไม่ได้สอนให้ล้างจาน     เหลือๆแบบนี้ ถึงจะมีน้ำยาวิเศษ ฆ่าเชื้อโรค แต่ ไขมันเกาะค้างปีมันไม่หลุดไปไหน ปิด Job วันนั้นแบบสบายและอึ้งๆ ที่มันอร่อยๆ อาจเพราะมีคราบเกาะเหล่านี้เป็นส่วนผสมก็เป็นได้
         2 เดือนผ่านไปกับชีวิตพนักงาน McDonald เราสามารถซึมซับวัฒนธรมมอเมริกันต่างได้เยอะแยะ เพื่อนอเมริกันมักจะให้อาหารฟรีถ้าเพื่อนมากิน หรือทำแบบ Extra เพิ่มของเข้าเยอะๆ แบบว่า Nugget กล่องบรรจุ 8 ชิ้น จัดไปซะ 15 ชิ้น กล่องแทบแตก พอเห็นแบบนั้นก็ เอาบ้างดิ พนักงานอเมริกันทำ เมเนเจอร์ก็ทำ เราจะพลาดได้ไง วันนั้น ตารางงานของผมเริ่ม 4pm - 0.00am ง่ายๆ คือปิดร้าน วันนั้นผมจัด ฟรีไอศรีม ให้เพื่อนคนไทยไป 1 โคน กะ Grill Chicken ให้เพื่อนอีกคนนึงในราคา Meet (Grill Chicken จะแพงกว่า Meet)  ประมาณ 6 โมง ผมได้รับคำสั่งว่า Go home งงดิคับ พึงทำได้ 2 ชม เอง พอถามหาเหตุผล ก็ได้คำตอบมากับคำที่ฟังยากๆ เพราะน้ำเสียงเปลี่ยนไป รึเพราะผมไม่ชินกับศัพท์พวกนี้ ฟังออกแค่ I know u รู้อะไรกูวะ คิดในใจ  เมื่อรู้ว่าเถียงไม่ได้อะไร ก็กลับห้องดีกว่า ปาร์ตี้กันเถอะ เลิกงานไว สบายๆๆๆ
      ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเปิดประตูห้องออกไปรับ เพื่อนหน้าตาตื่นพร้อมกับพูดว่า ตำรวจมาหาผม งงดิ อำกูป่ะเนี่ย มองลอดไรผมเพื่อนไป เห็นตำรวจอเมริกัน 2 นาย นิโกร 1 ขาว 1 ยืนอยู่ข้างรถ เหมือนที่เห็นบ่อยๆในหนัง ก็เลยออกไปแสดงตัว ตำรวจถามไม่กี่คำถามก็กลับไป ถามแค่ว่า R u Xxx , Today u gift free Ice-cream to ur friend? ผมก็ตอบตามความจริง ในใจไม่ได้คิดว่าจะร้ายแรง ตำรวจก็จดๆ ๆๆ ๆ ๆ แล้วขับรถกลับไป หายไปสัก 30 min  พวกเขากลับมาใหม่ คราวนี้ ถามคำถามเดิม R u Xxx? พอตอบ Yes เท่านั้น ประโยคถัดมาคือ turn around and put ur hand on the door ผมงงดิคับ พอจะพูด ตร.จับปืน มือผมก็ยกโดยอัตโนมัติ (ไม่แน่ใจว่าปืนอัดลม หรือปืนไฟฟ้า ไม่ใช่กระสุนจริงแน่นอน) ตร ก็พูดซ้ำๆ    turn around and put ur hand on the door!!!!! จะพยายามแก้ตัวยังไงก็จะจับปืนอย่างเดียว  ผมเลยหันหน้าเข้าประตู ตร. เดินเข้ามาใส่กุญแจมือ ในใจคิดว่า เอาแบบเฉินหลงดีป่าวว่ะ หันไปกระแทก เตะ ต่อย แย่งปืน คิดในใจ กุสูงยังไม่ถึงไหลยิ้มเลย รีบมารัดข้อมือกุเถอะ
       นั่งรถตร. ครั้งแรก เป็นรถเก๋งแบบในหนังเลยย ข้างหน้า ตร. 2 นาย มีแก้วกาแฟ โดนัท มีกระจกรูๆกั้นระหว่างผู้ต้องหา กับ ตร. เบาะที่ผมนั่งเป็นเบาะพลาสติก รึเอาง่ายๆ ไม่มีเบาะ มีแต่แข็งๆ ถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังอยู่ มันนั่งลำบากพิลึก ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสถานีตำรวจของเมือง Williamsburg  และถูกสอบปากคำ สรุป พึ่งรู้ ณ ตอนนั้น ว่าถูกจับเพราะ ให้ไอครีมเพื่อนฟรี 1 แท่ง ราคา 1.1$ ข้อหาคือ ทุจริตไม่เกิน 200$ และนอนคุกรอสู้คดี  
หลังจากโดนจับ ช่วงระหว่างสอบสวน ด้วยข้อจำกัดทางภาษา ตร.กดโทรศัพท์สำหรับล่าม คือที่อเมริกา ด้วยความที่เสรี ทำให้มีคนหลายเชื้อชาติ เลยทำให้มีหน่วยงานสำหรับแปลและโต้ตอบทางโทรศัพท์ได้ทันที ตร. พยายามกดโทรศัพท์ เพื่อให้มันออกลำโพง กดยังไงก็ไม่ได้ คงถึงคราวที่ผมจะทำคุณไถ่โทษ อาจได้สิทธิ์พิเศษอะไรสักอย่าง แค่คิดในใจนะ ผมก็เปิด ให้ ง่ายมาก  ตอนนี้ล่ามของผมพร้อมแล้วในโทรศัพท์ คำแรกที่ล่ามพูดออกมา คือภาษาลาว !!!!!     ตายห่าแล้วกู นี่กูต้อง เว้าลาวคุยกะล่ามเพื่อล่ามจะพูดภาษาอังกฤษป่ะเนี่ย ผมก็บอกไปว่า ผมใช้ภาษาไทยครับ เหมือนล่ามจะหายไปจูนโหมด สักแปปก็พูดออกมาว่า สวัสดีค่ะ แต่ไม่ค่อยชัด ช่วงสอบสวน ล่ามเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากจริงๆ ด้วยภาษาทางกฎหมาย ซึ่งไม่คุ้นเอามากๆ แล้วอีล่ามก็จะแปลอย่างเดียว ถามอย่างอื่น ยิ้มด่ากลับ ด่าจริงจังด้วย (ดิชั้นแค่แปลให้คุณ คุณอย่าถามมาก) เลยพยายามทำตัวเป็นผู้ต้องหาที่ดี ตอบได้เท่าที่ถาม และไม่ถามอะไรให้มากความ นอกจากเมื่อไหร่ผมถึงจะได้ออก ตร.ตอบกลับมาว่า ต้องหลังจากคุยกับศาล แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะได้คุย พรุ่งนี้ ไม่ก็อีก 2 วันถัดไป หายรื่นเริงโดยเฉียบพลัน นี่กูต้องกลายเป็นขี้คุกแล้วหรอเนี่ย หลังจากโดนสอบสวน ผมได้รับสิทธิ์ให้ ทำอะไรก็ได้ ในอณาบริเวณนั้น 1 คืน ก่อนเจ้าหน้าที่ทะเบียนจะมาทำงาน มองดูนาฬิกาข้อมือ พึ่งจะ 10pm ทำไงดีกว่า หนาวมาก ตอนโดน ตร.จับ ใส่เสื้อยืดตราห่าน สีขาว กางเกงผ้าสีเทา รองเท้าแตะ  ตอนอยู่ที่โมเทล มันมีฮีตเตอร์นี่หว่า นั่งกอดอกนอนหลับบนเก้าอี้หน้าเค้าเตอร์ รอเช้า  พอหนาวจนทนไม่ไหว ผมพยายามลุกไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงคนนึง ซึ่งมีคนเดียว ณ ตอนนั้น พยายามขอผ้าผม ชีเซย์ โน งั้นขอแจ๊กเก็ต รึอะไรก้อได้ ผมหนาวมาก ผมมาจากปรเทศร้อน ที่นี่ไม่ใช่อุณหภูมิของผม พอถามมากๆเข้า ยิ้มทำเหมือน ตร. ที่มาจับ คือ จับปืน อีกแล้ว บ้าแล้ว คุยกะกูดีดีก็ได้ ไม่ดื้อ พอมันจับ คราวนี้ผมนั่งโดยอัตโนมัติ สักพักเจ้าหน้าทีก็เปิดห้องขังให้ผม เข้าไปขดตัวนอน มีเก้าอี้แบบบิ้วอินขนาดสัก 1.5x1.5 เมตรมั้ง เพราะผมนอนเหยียดไม่ได้ นึกถึงพวกฝรั่งตัวใหญ่ๆเลย ถัดไปเป็นผนังปูนกั้นครึ่งตัว เป็นโถอึ อยู่ จังหวะนั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่พยายามข่มตาหลับ ขดตัวรักษาความอบอุ่นเอาไว้ให้มากที่สุด หลับๆ ตื่นๆ สุดท้ายเช้าจนได้ ตื่นเพราะมีเสียงเจ้าหน้าที่เอาถาดอาหารมีเคาะ เบรกฟัสมือแรกในเจลเป็น ซีเรียว นม และ กล้วยหอม อิ่มอร่อยไปอีกแบบ ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่มาบอกว่าวันนี้ผู้พิพากษาไม่เข้า สถานะของผมวันนี้จึงชัดเจน ใกล้กับคำว่านักโทษเข้าไปทุกทีๆ นี่กูต้องนอนที่นี่อีก 1 คืนเพื่อรอคุยกับศาล สายๆ เจ้าหน้าที่มา ผมถูกเรียกตัวให้ไปทำประวัติ ถ่ายรูป และเปลี่ยนชุดผู้ต้องหา ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ต้องหาเต็มตัวแล้ว ได้สวัสดิการเป็นชุดสีส้ม เท่มาก (โคตรอยากถ่ายรูปตัวเองเลย ) อาหารสามมื้อฟรี และตร. รักษาความปลอดภัย 24 ชม T^T  ตอนที่ไปเปลี่ยนชุด ก็จะมีผู้ต้องหาคนอื่นๆด้วยไปพร้อมกัน  มีนิโกรคนนึงเข้ามาพร้อมผม เห็นผมใส่รองเท้าแตะ และเดินแบบหนาวๆ นิโกรคนนั้นยื่นถุงเท้าให้ผมหนึ่งคู่ น้ำใจดีมากอ่ะ ผมนี่รีบรับแบบเกือบลืมขอบคุณเลย ต้องขอบคุณถุงเท้าคู่นั้นมากจริงๆ เพราะการใส่รองเท้าแตะเดินชิว ตีนปล่าว มันไม่ไหวจริงๆ ด่านต่อไป เจ้าหน้าที่พาผมไปที่ห้องขัง ห้องที่เป็นห้องส่วนตัวของผมอย่างแท้จริง ที่ใครๆ จะเข้ามาไม่ได้ นอกจากเจ้าหน้าที่จะอนุญาต มีเตียงนอน 2 ชั้นส่วนตัว มาก และผมมีรูมเมทด้วย 1 คน ถ้าจะจินตนาการถึงเพื่อนร่วมห้องคนนี้ ขอให้นึกถึง นักบาส NBA โคบี้ ไบร์อั้น นิโกร ผิวดำ ตัวสูงเกือบ 2 เมตร ผมจำได้แค่ชื่อ ชาล์ล จำนามสกุลไม่ได้ ชาล์ล บอกว่าผมตัวเล็ก นอนชั้นล่างไป เขาจะนอนข้างบนเอง พูดจบ โดดทีเดียวถึงชั้น 2 เลย นั้นระดับหัวกูเลยนะ มีโอกาสได้คุยกับชาล์ล ชาล์ลติดคุกด้วยข้อหามียาเสพติด โคเคน ไว้ในครอบครอง มีลูกชายพึ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน และคิดถึงลูกมาก ผมมองดูแววตาชาล์ล เหมือนจะมีน้ำใสๆมาคลอ มื้อเที่ยงวันนี้ ผมทานอาหารในห้องพักส่วนตัว มีบริกร เอาอาหารมาเสริฟให้ถึงหน้าห้อง เป็นข้าว ไก่ทอด ผักต้ม ซอสมะเขือเทศ และขนมปัง (เป็นของหวาน) รสชาดค่อนข้างดี ยกเว้นข้าวที่แปลกๆ คล้ายๆข้าวนึ่ง
        เช้าวันที่ 2 ผมถูกปลุกด้วยเสียงเคาะถาดเหมือนเช่นเคย เช้าววันนี้เป็นข้าวโอ๊ตเหลวๆ ที่รสชาดเลวมาก ผมกินไปได้น้อยมาก วันนี้จะเป็นวันที่ผมจะถูกศาลเรียกตัวเข้าไปสอบสัมภาษณ์ว่ามีสิทธิ์นอนเรือนจำต่อไปอีกหรือเปล่า สายๆ ห้องขังของผมมีเสียงอ๊อดดัง แต่ประตูห้องถูกเปิดดดยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ไกลออกไป ผมถูกใส่กุญแจมือข้างหน้า ล่ามไว้กับกุญแจข้อเท้าที่เอว จังหวะนี้ถ้าคนข้างนอกมาเห็นผม คงคิดว่าผมเป็นนักโทษอุกฉกรรณ์ ฆ่าร้อยศพ ปล้นธนาคาร แน่ๆ ตอนนั่งรอเช็คชื่อ คนที่นี่หรือแม้กระทั้งตอนโดนสอบสวน ทุกคนเรียกผมด้วยชื่อเล่น ทุกครั้ง แต่ตอนเรียกชื่อ ดันเรียกชื่อ นามสกุลผมเต็มยศ ด้วยสำเนียงอเมริกัน ผมก็ไม่รู้เรื่องดิ รอเมื่อไหร่ว่าจะเรียกกูวะ สุดท้ายเหลือผมที่ยังไม่ได้ขึ้นรถ เข้าถามว่า What's ur name? ---- im Xxx, Sir เจ้าหน้าที่ก็ดูรายชื่อ  ไม่มี เปิดแล้วเปิดอีก  เหลือแต่ชื่อภาษาไทยที่อ่านด้วยคนอเมริกัน สุดท้าย ผมจึงเก็ตว่า ที่พยายามพูด คือชื่อกูเอง T^T ขอโทษ แล้วรถตู้ก็ถอยมารับ แบบว่าไม่ให้โอกาสเราเห็นโลกภายนอกเลย ทุกอย่างปิดดำมืด รถวิ่งไปไหน ไม่รู้เรื่อง รู้ตอนเจ้าหน้าที่มาเปิดประตูให้ลง  
ต่ออันถัดไปนะคับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่