ลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนรัก ไม่แนะนำให้ใครทำนะคะ ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์คะ

สวัสดีคะเพื่อน ๆ
เราและเพื่อนๆ กลุ่มนึงที่สนิทกันมากได้ตัดสินใจทำร้านอาหารกันและหุ้นกันเท่า ๆ กันทุกคนเป็นจำนวน 6 หุ้น
และพวกเราไม่จ้างพนักงานเลยคะ ใช้แรงงานของทุก ๆ คนในการทำงานเพื่อหวังว่าจะได้นำค่าจ้างพนักงานมาแบ่งเป็นเงินปันผลกัน  ใครถนัดด้านไหนก็ทำด้านนั้น เช่น คนนึงถนัดเสริฟก็เสริฟ คนนึงทำน้ำก็ทำน้ำ คนนึงทำอาหารก็ทำอาหาร คนนึงทำของหวานก็ทำของหวาน แต่ก็ให้ทุก ๆ คนได้ผลัดเวียนเรียนรู้งานในแต่ล่ะด้านไปด้วยเผื่อว่าบางวันคนใดคนนึงไม่มาก็จะได้มีคนช่วยทำแทนในส่วนนั้น ๆ ไป
สมมุติชื่อผู้ร่วมลงทุนนะคะ
A B C D E F
ความสัมพันธ์คือ  B C D E F เป็นเพื่อนรู้จักกัน ส่วน A เป็นเพื่อนของ B ซึ่งตอนนั้นพวกเราก็ไม่คิดอะไร คิดว่าช่วยๆ กันแบ่งงานกันทำคนล่ะด้านร้านจะได้ลงตัว เมื่อร้านเริ่มเปิดกิจการจริง ๆ มาได้สักพัก A ก็ทะเลาะกับ C เรื่องปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ การทำงานที่ไม่เข้าใจกัน A หาว่า C ไม่ให้ความเคารพ ข้ามหัว พูดจาไม่ดี พูดจากระแทกไม่ให้ความเคารพ จนคืนนั้น A ตัดสินใจว่าจะออกไม่มาทำงานอีกเลยทั้งที่ B D E F ช่วยกันเจรจาแล้วว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องออกจากการทำงานไปเลย แต่ A ก็ไม่ยอม ส่วน B ซึ่งเป็นเพื่อนของทั้งสองฝ่ายก็แล้วแต่ A สบายใจ ไม่ว่าอะไร

จนกระทั้งวันรุ่งขึ้น A ไม่มา และไม่มาทำงานอีกเลย หลังจากวันนั้นประมาณ 1 เดือน A ได้พูดกับ B ว่าให้มาพูดกับ C D E F เรื่องเงินลงทุน ให้เอาส่วนของ A ที่ลงทุนไปคืนกลับให้ A โดยให้ B C D E F ลงขันโดยใช้เงินของตัวเองคืนก่อน ทั้งๆ ที่ร้านยังไม่ได้ทุนคืน ซึ่งตอนนั้น C D E F คิดเรยว่ามันไม่แฟร์กับพวกเรา เพราะว่าพวกเราทำงานกันเอง ทุนก็ยังไม่ได้คืนแล้วจะต้องงัดเงินตัวเองคืนเค้าอีกเพื่ออะไรกัน A เค้าทำเหมือนเค้าไม่ผิดส่วน B ก็เอออ่อห่อหมกตาม A ไปหมดไม่ว่า A ใช้ให้มาพูดอะไรก็พูดตาม A ทุกอย่างโดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า  C D E F จะรู้สึกยังไง สรุปคือเราไม่ให้เงินคืน A เพราะเราพูดกับ B ว่าทุนเรายังไม่ได้เลย แล้วจะเอาเงินจากไหนไปให้เค้า หลังจากคำพูดวันนั้น B ก็เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน เหมือนหาว่า C D E F ไม่ให้เงิน A เค้าไม่เคยมองเลยว่าการที่ A ออกจากร้านไปแบบนั้นมันผิด

หลังจากเรื่องเงินวันนั้นที่เราไม่ให้ A คืน ทุก ๆ วันในการทำงาน B ก็เปลี่ยนไป ปลีกวิเวก อยู่แต่กับตัวเองไม่ค่อยยุ่งกับพวกเรา ทำหน้าเฉยๆ ชาๆ จนเป็นที่คุ้นชิน และช่วงหลัง ๆ จะมีลับลมคมใน B จะชอบพา A มาที่ร้านแบบแอบๆ ซ่อนๆ เช่นหลังเวลาร้านปิดหรือก่อนเวลาร้านเปิด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร A ยังจะมาวนเวียนที่ร้านทั้ง ๆ ที่ไม่มีหน้าจะกลับมาสู้แล้ว ตอนนั้นในใจเราคิดนะว่าถ้าเค้ากลับมาทำงานเหมือนเดิม พวกเราก็ยินดีต้อนรับและปรับความเข้าใจ แต่ผลคือไม่คะ เค้าไม่กลับมา หายไปเลย

ร้านของเราดำเนินการมาได้สักพักเริ่มไม่คุ้มทุนเพราะว่าค่าเช่าแพง และทำเลไม่ค่อยดี เลยตัดสินใจที่จะปิดกิจการ แผนแรกที่เราคิดคือเซ้งร้าน ก็ได้ประกาศเซ้งร้านไปเรื่อยๆ จนเหมือนว่าจะเซ้งได้แล้ว เรื่องถึงหู A ว่าร้านปล่อยได้แล้ว A ก็ไลน์มาหาเราเลยคะประมาณว่าร้านเซ้งได้แล้วหรอ มีอะไรให้ช่วยมั้ย ? ในใจเราปรี๊ดมากคะ เพราะว่าตอนที่เราลำบากทำงานกันแค่ 5 คน เค้าหายไปสบายใจ เพราะรู้จาก B ว่าร้านเซ้งได้เหมือนประมาณว่าทักเรามาเพื่อจะถวงถึงเรื่องส่วนแบ่งตัวเอง มาหวังดีกับเราว่าจะให้ช่วยขายอะไรมั้ย อย่างนั้นอย่างนี้ แล้วทำไมไม่ไลน์เข้าไลน์กลุ่มร้านล่ะถ้าแน่จริงๆ จะกลัวอะไร
สุดท้ายเจ้าของบ้านไม่ให้เซ้ง บอกว่าเราไม่มีสิทธิ์จะหาคนมาเซ้งต่อ พวกเราเงิบคะ งานนี้แผนสองซึ่งวิกฤตสุด ๆ คือขายแยกชิ้น ซึ่งช่วงนั้น B ก็ไม่สนใจที่จะช่วยไปเที่ยวบ้าง ไม่ว่างบ้าง มีแต่ C D E F ที่ต้องทำกันเอง ขายของแยกชิ้น ล้างบ้าน เคลียบ้าน แต่ที่น่าเจ็บใจคือพอ A กับ B รู้ว่าต้องขายของแยกชิ้นพวกเค้า 2 คนก็แอบเข้ามาเอาของตัวเองกลับไป โดยไม่มีจิตสำนึกที่จะช่วยเราเคลียร้านเลย สักแต่ว่าเก็บของตัวเองกลับก็จบ
วันสุดท้ายของสัญญาบ้าน C D E F เคลียของที่บ้านเพื่อที่จะให้เจ้าของบ้านมาตรวจบ้านในวันถัดไปเพื่อรับเงินมัดจำบ้านคืน B ก็โทรมาบอกว่าเคลียบ้านด้วยนะ พรุ่งนี้เจ้าของบ้านจะมาตรวจ เราก็ถามมว่าแล้วเทออยู่ไหน ได้มาช่วยมั้ย นางตอบว่าอยู่ต่างจังหวัดซึ่งในเฟสเห็นเตมๆ ตาว่าไปเที่ยวกันชิว ๆ ชิคๆ แต่ไม่คิดจะช่วยเหลือร้านเลย

วันถัดมาเจ้าของบ้านมาตรวจบ้านเพื่อจะคืนเงินมัดจำ แต่เค้าไม่ให้เงินเราเพราะว่า A เป็นคู่สัญญา แต่ C D เป็นพยาน เราก็เงิบคะ เราพูดประมาณว่า A ออกไปนานแล้ว คนที่ดูแลบ้านเคลียบ้านคือพวกเราให้ C กับ D ไม่ได้หรอคะ เจ้าของบ้านควรให้พวกเรา แต่เค้าไม่ให้คะ (เจ้าของบ้านเค้าสนิทกับ A และ B)
วันถัดมา C โทหาเจ้าของบ้านเจ้าของบ้านบอกว่าโทรไปหา A ให้มาเอาเงินมันจำแล้วโดยที่ C D E F ไม่รู้เรื่องเลย  A B ไปเอาเงินมัดจำด้วยกันและก็เงียบไปเลย
เราทยอยขายของแยกชิ้นก็ยังขายไม่หมดแต่พอมารู้สุดท้ายว่าเค้าเอามัดจำบ้านไปแล้วเลยคำนวณเงินทั้งหมดและเฉลี่ยคืนซึ่งเราให้คือกลับเป็นตามวันทำงานไป ใครทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย เพราะการทำธุรกิจนี้มันเจ้ง จึงทำให้ B ไม่พอใจพวกเราหาว่าเราไปโกง A ทำไมไม่ให้เงิน A เท่าๆ กับคนอื่น ซึ่งเราคิดว่า A ไม่ควรได้ด้วยซ้ำเพราะเล่นออกจากร้านไปเลย การลงทุนไม่ใช่การเล่นขายของที่คิดจะเข้าก็เข้าออกก็ออก เพื่อน ๆ คิดว่าไงคะ หลังจากนั้น B ก็มองว่า C D E F โกงและไม่คุยกันอีกเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เค้าไม่มายุ่งเอง ไม่คิดจะช่วยเรื่องร้านเลย เราขายอะไรเท่าไหร่ก็แจกแจงชัดเจนแต่ยังไม่พอใจ เราปลงจริง ๆ คะเมื่อเจอกับคนแบบนี้ B เล่นฟังแต่ A ไม่ฟังพวกเราเลย เราพูดอะไรก็ผิดหมด ส่วนแฟน B บางครั้งมีอินกับเรื่องชอบโพสเฟสด่าพวกเราทั้งๆ ที่แฟน B ไม่ได้รู้อะไรจริง ๆ เลย

ส่วน B เราก็งงเค้าจนมาถึงวันนี้เค้ามองว่าเค้ากับ A รู้จักกันมานานแสนนานตั้งแต่วัยเด็ก แต่เค้าไม่มองพวกเรา C D E F เป็นเพื่อนเลยหรอคะ ทั้งๆ ที่ว่าเรื่องนี้คนที่ทำให้มันเกิดเรื่องคือ A แต่เค้ามอง A ไม่ผิดเลย เรางงจริง ๆ ค่า

หลังจากเคลียเรื่องร้านเสร็จ B ก็หายไปเลยคะ คบแต่กับ A ไม่คบ C D E F อีกเลย ซึ่งถามว่าเราแคร์ B มั้ย ตอนแรกก็แคร์นะคะ แต่ตอนนี้ไม่แล้วคะ ถ้าคิดไม่ได้ แยกแยะไม่ได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ก็เชิญไปอยู่กับ A สองคนตามสบายจ้าาาาา

สำหรับเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อน ๆ ทุกคนนะคะว่าการลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนและมีคนนอกเข้ามามันก็มักจะทำให้เกิดปัญหาจริง ๆ คะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่