เรื่องจริงของผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่งที่อยากให้อ่าน ก่อนที่จะสายไป

++แก้ไข้เพิ่มเติม เรื่องนี้มีเนื้อหาที่ยาวมากถ้าเริ่มจะอ่านกรุณาอ่านให้จบ ถ้าขี้เกียจ กรุณาอย่าอ่านตั้งแต่แรก ขอบคุณครับ ++

ก่อนอื่นผมต้องขอกล่าวนำก่อนนะครับว่าเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของครั้งหนึ่งในชีวิตผมเลย ผมอยากให้เป็นข้อคิดสำหรับบางคนที่อาจจะเป็นเหมือนผมในตอนนั้นๆ หรือคิดว่าในสิ่งที่ผมเคยเป็นมาก่อนมันดี เพื่อปรับทัศนะคติก่อนที่มันจะสายไป
     
     ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในช่วง ม.ปลาย  ในช่วงเวลานั้นผมมีสาวๆ ที่จีบ ม่อ คุย ฯลฯ เยอะมาก สลับสายแทบไม่ทันชนกันตบกันยังมีเลย ในตอนนั้นผมรู้สึกตัวเอง โคตรเท่ ภูมิใจมาก ผมไม่ใช่พวกหล่ออะไรมากมายนะครับ คารม ก็ประมาณว่าไม่เคยจีบใครพลาด(ใครท่าทางจีบไม่ติดแน่จะไปจีบทำไม ช่ายมะ ก็เลยไม่เคยพลาด) เพื่อนๆมันก็แบบว่าชื่นชมความสามารถผมได้ด้านนี้มาก เลยพาผมแบบว่าหลงไปในทางนี้ไปใหญ่เลย จนกลายเป็นตัวเห้ไรไม่รู้ที่ไม่เคยนึกถึงจิตใจของคนที่เราเข้าไปจีบ ไปทำให้เขารักว่าเขาจะรู้สึกยังไง จะเสียใจอะไรไหม ไม่มีในความคิดครับ

    เข้าเรื่องเลยนะครับ ในช่วง ม.ปลายนั้นเอง ผมก็ทำตัวแบบที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผมไปเจอรุ่นน้องคนนึง น่ารักมาก ใสๆ สื่อๆ เหมือนเด็กเรียนทั่วไป น่ารักดี ชอบตามมาแอบมองผมในตอนที่ผมเล่นบาส ผมนั่งเล่นกีต้าร์ ร้องเพลง ผมรู้ตลอด ผมก็ชอบหันไปยิ้มให้น้องเขาบ่อยๆ อาการนี้ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ น้องเขาคงเริ่มคิดว่าผมมีใจแล้วล่ะ น้องเขาเลยซื้อน้ำให้ผมตอนที่ผมเล่นบาสเสร็จโดยการฝากเพื่อนมาให้ น้องเขาก็เขินอายไม่กล้ามาให้เองหรอกครับ สำหรับผมก็แบบว่าก็น้องเขาน่ารักดี เพื่อนมันก็แซวกัน ผมก็เหมือนเดิม - - รู้สึกดูดี เท่ไปเลยไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นหรอก แล้วผ่านไปน้องเขาก็ค่อยๆกล้ามาใกล้ๆผมมากขึ้น จากแอบมองห่างๆ อย่างเช่นปกติน้องเขาจะแอบมองในระยะ 100 เมตร+ ก็กล้ามานั่งดูผมเล่นบาสที่ข้างสนาม กล้ามานั่งเกาอี้หินอ่อน ถัดจากที่ผมนั่งเล่นกีต้าร์ร้องเพลงกับเพื่อนแล้วเขาก็อ่านหนังสือไป ทุกอย่างเหมือนไปได้สวย เหมือนไม่มีอะไรนะครับ เพราะผมไม่ได้กล่าวอะไรมาว่าผม แอบคุยกับสาวๆ ต่างห้อง สาวๆต่างโรงเรียนอีกไม่รู้เท่าไร - -  ต่อๆ วันนึงน้องเขาก็กล้าคุยด้วยประโยคที่แบบว่าผมนี่ขรรมไปเลย มาถามผม "พี่เหนื่อยไหม" ตอนหลังจากที่ผมเล่นบาส ผมจะตอบวิ่งหนีหายไปไหนเลยไม่รู้55+  แล้วต่อมาน้องเขาก็กล้ามาคุยกับผมแบบจิงๆ ดูน้องเขามีความสุขดี ผมก็เลยคุยไปด้วย น้องเขาก็คอยดูแลซื้อน้ำให้ผมตลอดในตอนเล่นบาส แต่ไม่กล้ามานั่งด้วยถ้าเพื่อนผมอยู่ จนวันนึง วันนั้นผมซ้อมหนักอยู่คนเดียวเพราะผมชูตไกลไม่ค่อยแม่นเลยมาฝึกคนเดียวจนเย็นมากเพื่อนกลับไปหมดแล้ว น้องเขาเลยมาขอคุยกับผม แล้วเขาก็รวมความกล้ามาจากไหนก็ไม่รู้มาขอคบกับผมเป็นแฟน (ในตอนนั้นผมไม่มีแฟนแต่มีคนที่จีบๆไว้เยอะ) ผมก็ตกลงไปเพราะน้องเขาน่ารักดี ไม่ได้คิดเรื่องแฟนจริงจังอะไรหรอก ชื่อน้องเขาผมบอกตรงๆ บางครั้งผมจะเรียกผมยังลืมเลยว่าชื่ออะไรด้วยเห่อๆ
  ถึงผมไปตกลงกับน้องเขาว่าเป็นแฟนผมก็ไม่เคยทำอะไรที่เหมือนแฟน พูดง่ายๆ ทุกอย่างเหมือนเดิมกับตอนก่อนคุยเลยครับ ผมก็ทำตัว ยิ้มๆ เหมือนเดิมเจอใครที่ผมรู้สึกชอบก็เข้าไปคุยไปจีบ ไม่เคยคิดเรื่องน้องเขาในหัวเลย  น้องเขาก็ทนนะไม่พูดอะไรทำทุกอย่างเหมือนเดิม  
จนสุดท้ายที่วันหนึ่งผมไปนั่งจีบผู้หญิงคนนึงที่ผมคิดว่าชอบ น่ารักมากผมก็ไปนั่งจีบ ผมจำสถานที่ได้ดีและไม่มีวันลืมเลย ผมนั่งที่โต๊ะหินอ่อนชุดที่ 2 กำลังคุยจีบๆกับคนนั้นอยู่ทุกอย่างไปได้ดี สวยงามมาก คุยกันกำลังสนุก แต่รู้อะไรไหมครับในเวลานั้นผมก็ไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่รู้ ยิ้มอะไรเลยดีกว่าผมขอโทษ ผมเกลียดตัวเองในตอนนั้นมาก น้องคนที่ผมกล่าวมาก่อนหน้านี้ เขานั่งอยู่โต๊หลังผม นั่งมานานแล้ว นานพอที่จะได้ยินทุกอย่างจากคน ยิ้มๆอย่างผม น้องเขานั่งร้องไห้น้ำตาเต็มหน้าแต่ไม่เคยมีเสียงออกมาให้ผมได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยมีเสียงเลย กว่าผมจะรู้ตัวก็ตอนที่เพื่อนผมมันผ่านมาโดยบังเอิญ แล้วทักผม แล้วบอกผม ผมนี่รีบหันไปมองโดยที่ไม่ได้คิดอะไรในตอนก่อนหันไป แต่แค่ผมหันไปมองหน้าที่มีแต่น้ำตาของน้องเขาเท่านั้นแระ เหมือนหัวใจผมนี่หยุดเต้นในตอนนั้นเลย ผมจำหน้านั้นได้มาทั้งชีวิตผม เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ที่พิมอยู่ น้ำตาผมยังคลอๆเลยถ้านึกถึง สายตาน้องเขาที่มองตาผมครั้งสุดท้ายนั้น ไม่มีความแค้นในสายตานั้นเลยผมจำได้ดี มีแต่สายตาของคนที่เสียใจมากคนนึง ผมคิดว่าน้องเขาต้องด่าผม ว่าผมแรงๆออกมาแน่ๆในตอนนั้น ไม่เลย ไม่มีอะไรออกมาจากปากน้องเขาเลย นั่นคือน้ำตาจากคนที่รักเรา ผมมึนไปหมดทำอะไรไม่ถูกในเวลานั้นเลย ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มมีความรู้สึกแบบนี้เลย ผมไม่คุยกับใครเลยในตอนนั้น เพื่อน หรือผู้หญิงคนที่ผมจีบ อยู่ ผมอึ้งอยู่ ผมสาบานได้เลยว่า ผมเพิ่งเริ่มคิดอะไรดีๆได้ในตอนนั้นเอง เริ่มรู้สึกว่าความจริงใจในความรักมันเป็นยังไงก็ตอนนั้นเลย ผมเลยไม่ได้คุยกับผู้หญิงคนไหนเลยหลังจากเหตุการณ์นั้นในช่วงวันนั้น ปิดมือถือเลย(แต่น้องเขาไม่มีเบอร์มือถือผมหรอกผมไม่เคยให้แล้วผมก็ไม่เคยขอ)ผมนั่งน้ำตาไหลทั้งคืนเลยวันนั้น คิดได้จริงๆ
   แต่ คน ยิ้มๆอย่างผม ทำอะไรดีๆไม่กล้าทำหรอก อยากไปขอโทษน้องคนนั้นมาก อยากจะไปจริงใจกับน้องเขามาก แต่ ไอ้เลวอย่างผม ไม่กล้าครับ เกลียดตัวเองในตอนนั้นมาก แล้วน้องเขาไม่มาเรียน 3 วัน น้องเขาไม่เคยพูดอะไรไม่ดีกับผมเลย พูดง่ายๆ เขาไม่มองหน้าผม ไม่สนผม เกลียดผม เกลียดทุกสิ่งที่น้องเขาเคยทำมา เกลียดการมาที่สนามบาส เกลียดโต๊ะหินอ่อนบริเวณนั้น น้องเขาไม่ร้องไห้อีกแล้ว แล้วเขาไม่เคยมองผมอีกเลยแม้แต่หางตาก็ตาม แต่ยังดีที่ผมรู้ว่าน้องเขาไม่เคยไปทำอะไรไม่ดีเพื่อประชดคนเลวๆอย่างผม
     ที่เล่ามาผมแค่อยากให้ใครสักคนที่เข้ามาอ่าน จะไม่ทำแบบที่ผมทำมานะครับ เวลามันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ หัวใจของคนอื่นก็ไม่ใช่ของเล่นเช่นกัน อย่าแค่เห็นแค่ตัวเอง สนุก หรือมีความสุขไปวันๆ โดยไม่คิดถึงคนอื่นนะครับ อย่าเป็นไอ้ ยิ้มคนนึงที่ผมเคยเป็นมาเลย ..

++ผมดีใจนะครับที่ผมยังไม่ได้มีอะไรกับน้องเขาน่ะ เห้อ... แต่กับคนอื่นที่ผ่านมา ต้องไปนั่งย้อนคิดใหม่อีก เห้อ......
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่