สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
สมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง การบริการอาหารในรถเสบียงดำเนินการโดยทีมงานจากโฮเต็ลรถไฟหัวหินซึ่งเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งของประเทศไทยในเวลานั้น โดยครัวของโรมแรมรถไฟมีคุณหญิงเบอร์ธา เดชานุชิต (เบอร์ธา บุนนาค) ภรรยาพระยาเดชานุชิต (หนา บุนนาค) เป็นผู้ดูแล
บริการรถไฟไทยในยุคนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศเลยทีเดียว ถึงขนาดมีนักเขียนชาวอังกฤษชื่อดังเขียนเผยแพร่ในคู่มือนำเที่ยวที่แร่หลายไปทั่วโลกว่า นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์ ตลอดเวลาที่รถไฟแล่นในดินแดนไทย น้ำที่รินไว้ในแก้วมีอาการกระฉอกเลย แต่พอเข่าเขตแดนมลายูซึ่งรถไฟบริหารงานดดยชาวอังกฤษ กลับเห็นได้ชัดว่าน้ำในแก้วมรอาการกระเพื่อมขึ้นลงตลอดเวลา
บริการรถไฟไทยในยุคนั้นได้ชื่อว่าเป็นเลิศเลยทีเดียว ถึงขนาดมีนักเขียนชาวอังกฤษชื่อดังเขียนเผยแพร่ในคู่มือนำเที่ยวที่แร่หลายไปทั่วโลกว่า นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์ ตลอดเวลาที่รถไฟแล่นในดินแดนไทย น้ำที่รินไว้ในแก้วมีอาการกระฉอกเลย แต่พอเข่าเขตแดนมลายูซึ่งรถไฟบริหารงานดดยชาวอังกฤษ กลับเห็นได้ชัดว่าน้ำในแก้วมรอาการกระเพื่อมขึ้นลงตลอดเวลา
ความคิดเห็นที่ 9
มาเสริมจากคุณ V_Mee ข้างบนค่ะ มีหนังสือหลายเล่มที่เขียนถึงความหรูหราของบริการอาหารในรถเสบียงสมัยก่อน จากหนังสือชื่อ รถไฟไทย เล่าไว้ว่ารถสายกรุงเทพหัวหินสมัยนั้นโต๊ะปูผ้าขาวนะคะ ช้อนส้อมเป็นเงิน บริกรแต่งเครื่องแบบแบบบริกรฝรั่ง สวมถุงมือขาว
พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้เปิดเส้นทางใหม่ๆ และเป็นผู้ปรับปรุงบริการบนรถไฟให้ทันสมัย รูปแบบการแต่งกาย การบริการทำให้รถไฟไทยดูดี หรูหรา เน้นเรื่องความสะอาด เรียบร้อย ความมีระเบียบวินัย อุปกรณ์จาน ชาม ช้อนส้อม มีด เป็นเงินหมด ถ้วยแก้วต้องสะอาดและหรู เครื่องพวงจะเป็นเครื่องพวงสำหรับอาหารฝรั่ง มีซ้อสมะเขือเทศ เกลือ พริกไทย มัสตาด พวกนี้จะเททิ้ง ทำความสะอาดและเติมใหม่ทุกมื้อ มีแม้กระทั่งแจกันปักดอกไม้ในรถเสบียง ว่ากันว่าบริการอาหารบนรถไฟสมัยนั้นหรูจนกลายเป็นมาตรฐานของโรงแรมเสียด้วยซ้ำ
เสริมนิดนึง ลืมบอกชื่อผู้เขียนหนังสือ รถไฟไทย ไปค่ะ เห็นข้างบนถามว่าไปเอาข่าวมาจากไหน หนังสือเล่มไหนเขียนว่าอย่างนั้น เล่มนี้เป็นของ ส. พลายน้อย ค่ะ ที่จริงยังมีอีกหลายเล่มนะคะที่เล่าถึงรถเสบียงของรถไฟในสมัยรัชกาลที่ 6 ถึง รัชกาลที่ 7
พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้เปิดเส้นทางใหม่ๆ และเป็นผู้ปรับปรุงบริการบนรถไฟให้ทันสมัย รูปแบบการแต่งกาย การบริการทำให้รถไฟไทยดูดี หรูหรา เน้นเรื่องความสะอาด เรียบร้อย ความมีระเบียบวินัย อุปกรณ์จาน ชาม ช้อนส้อม มีด เป็นเงินหมด ถ้วยแก้วต้องสะอาดและหรู เครื่องพวงจะเป็นเครื่องพวงสำหรับอาหารฝรั่ง มีซ้อสมะเขือเทศ เกลือ พริกไทย มัสตาด พวกนี้จะเททิ้ง ทำความสะอาดและเติมใหม่ทุกมื้อ มีแม้กระทั่งแจกันปักดอกไม้ในรถเสบียง ว่ากันว่าบริการอาหารบนรถไฟสมัยนั้นหรูจนกลายเป็นมาตรฐานของโรงแรมเสียด้วยซ้ำ
เสริมนิดนึง ลืมบอกชื่อผู้เขียนหนังสือ รถไฟไทย ไปค่ะ เห็นข้างบนถามว่าไปเอาข่าวมาจากไหน หนังสือเล่มไหนเขียนว่าอย่างนั้น เล่มนี้เป็นของ ส. พลายน้อย ค่ะ ที่จริงยังมีอีกหลายเล่มนะคะที่เล่าถึงรถเสบียงของรถไฟในสมัยรัชกาลที่ 6 ถึง รัชกาลที่ 7
ความคิดเห็นที่ 17
ที่บอกว่าหรูคงหมายถึงรถไฟแบบนี้มั้งคะ เครดิตเว็บ Mthai ตามลิงค์เลยค่ะ http://travel.mthai.com/world-travel/82964.html
Eastern & Oriental Express Eastern & Oriental Express เป็นรถไฟสุดหรู กรุงเทพ – สิงคโปร์ โดยมีความยาวทั้งขบวนถึง 500 เมตร ประกอบโดยตู้โบกี้โดยสารทั้งหมด 22 ตู้
โดยขบวนจะออกจากสถานีหัวลำโพง ไปสถานีกาญจนบุรีก่อนแล้วลงใต้ไปประเทศมาเลเซีย สิ้นสุดปลายทางที่สถานีสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ ร่วมระยะทาง 2,318 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 4 วัน 3 คืน
ห้องพักใน Eastern & Oriental Express แห่งนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ห้อง Pullman ค่าใช่จ่าย 73,000 บาทต่อท่าน
2. ห้อง Stateค่าใช่จ่าย 100,000 บาทต่อท่าน
3. ห้อง Presidential ค่าใช่จ่าย 140,000 บาทต่อท่าน
โดยค่าจ่ายจะร่วมในคอร์ดอาหารแต่ละมื้อและในแต่ละเที่ยวของการเดินทาง ซึ่งแต่ละห้องจะมีพนักงานดูแล อย่างดี ไม่ต่างกับโรงแรมระดับ 5 ดาวเลย
นอกจากนี้ ภายในตู้โดยสารก็จะมีจุดชมวิว ซึ่งอยู่ท้ายขบวน และมีห้องอาหาร ห้องนั้งเล่น ห้องดนตรี ห้องสมุด บาร์เปียโน โรงภาพยนตร์ ห้องฟิตเนส ห้องสปา และอื่นๆอีกมากมาย
ตารางเวลาคือออกจากสิงคโปร์วันพฤหัส ถึง หัวลำโพงวันเสาร์
หาตารางเวลาจากหัวลำโพงไม่เจอ
เราเคยแพลนว่าจะลองดูเหมือนกันแต่ก็แอบแพง
อันนี้รายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษ บอกละเอียดมาก มีหน้าตาอาหารที่เสิร์ฟด้วย พร้อมตารางรถไฟทั้งปี 2015 http://www.seat61.com/Eastern-and-Oriental-Express.htm#.VNn5SfmUfTE
Eastern & Oriental Express Eastern & Oriental Express เป็นรถไฟสุดหรู กรุงเทพ – สิงคโปร์ โดยมีความยาวทั้งขบวนถึง 500 เมตร ประกอบโดยตู้โบกี้โดยสารทั้งหมด 22 ตู้
โดยขบวนจะออกจากสถานีหัวลำโพง ไปสถานีกาญจนบุรีก่อนแล้วลงใต้ไปประเทศมาเลเซีย สิ้นสุดปลายทางที่สถานีสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ ร่วมระยะทาง 2,318 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 4 วัน 3 คืน
ห้องพักใน Eastern & Oriental Express แห่งนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ห้อง Pullman ค่าใช่จ่าย 73,000 บาทต่อท่าน
2. ห้อง Stateค่าใช่จ่าย 100,000 บาทต่อท่าน
3. ห้อง Presidential ค่าใช่จ่าย 140,000 บาทต่อท่าน
โดยค่าจ่ายจะร่วมในคอร์ดอาหารแต่ละมื้อและในแต่ละเที่ยวของการเดินทาง ซึ่งแต่ละห้องจะมีพนักงานดูแล อย่างดี ไม่ต่างกับโรงแรมระดับ 5 ดาวเลย
นอกจากนี้ ภายในตู้โดยสารก็จะมีจุดชมวิว ซึ่งอยู่ท้ายขบวน และมีห้องอาหาร ห้องนั้งเล่น ห้องดนตรี ห้องสมุด บาร์เปียโน โรงภาพยนตร์ ห้องฟิตเนส ห้องสปา และอื่นๆอีกมากมาย
ตารางเวลาคือออกจากสิงคโปร์วันพฤหัส ถึง หัวลำโพงวันเสาร์
หาตารางเวลาจากหัวลำโพงไม่เจอ
เราเคยแพลนว่าจะลองดูเหมือนกันแต่ก็แอบแพง
อันนี้รายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษ บอกละเอียดมาก มีหน้าตาอาหารที่เสิร์ฟด้วย พร้อมตารางรถไฟทั้งปี 2015 http://www.seat61.com/Eastern-and-Oriental-Express.htm#.VNn5SfmUfTE
แสดงความคิดเห็น
สมัยก่อนอาหารบนตู้เสบียงรถไฟเป็นของหรูเลยเหรอ