แชร์-ปรึกษา ขายของตลาดนัดมันยากกว่าที่ผมคิดจริงๆ

สวัสดีครับ วันนี้อยากแชร์+ปรึกษาจริงๆเลย ผมคิดว่าการเป็นพ่อค้าไม่ง่ายอย่างที่ผมคิดเลยครับ ผมพึ่งขายที่ตลาดเป็นครั้งแรกนะครับ อะไรที่ผมคิดผิดไปพลาดไป ก็ช่วยแนะนะติชมหน่อยนะครับ (ไม่ได้อวดว่าที่ผมคิดมันถูกนะ)

ต้องขอแจงก่อนว่า ของที่ผมขายเนี่ย เป็นสินค้าแฟชั่นผู้หญิงครับ สินค้าแน่นอนครับว่าสินค้าผมรับเขามาอีกทีนึง
แต่ตอนนั้นผมมั่นใจได้เลยว่า สินค้าตัวนี้มันต้องขายดีในตลาดนัดนี้แน่ ซึ่งผมคิดจาก
1. สินค้าแบรนด์นี้ขายดีมากใน FB และ IG มีพวกนักเรียนรับมาขายต่อให้ พ่อค้าแม่ค้าคนกลางช่วยขายต่อกระจายสินค้าให้จนเจ้าของแบรนด์ผลิตกันไม่ทันเลยทีเดียว
2. กว่าจะได้สินค้ามาขายเนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้แบบที่ต้องการ คนส่วนใหญ่ที่ไปซื้อเป็นแม่ค้าคนกลางทั้งนั้น ซื้อที่ 30 40 ใบ และเอาไปขายต่อใน fb, ig หรือหน้าร้านตัวเอง ต่อคิวแย่งกันซื้อยิ่งกว่าแจกฟรี คนไปช้าของก็หมด เป็นอย่างนี้ทุกอาทิตย์
3. ตลาดที่ผมไปขายไม่มีคู่แข่งที่ขายของแบรนด์นี้ครับไปสำรวจมาแล้ว (แต่ตอนนี้มีละ เหมือนกันเดะๆ ขายถูกกว่าผมด้วย จะเล่าต่อข้างล่าง)
4. ผมขายสินค้าแบรนด์นี้มา 3-4 เดือนแล้ว ขายดีและกำไรดีพอๆกับเงินเดือน ป.ตรีเลย แต่ส่วนใหญ่ขายในเว็ปต่างประเทศนะ (ร้านในเว็ปต่างประเทศเปิดมา 2 ปีละแต่ขายอย่างอื่น อันนี้พึ่งเอามาลงขาย) เพราะกำไรต่อชิ้นมันดีเวอร์ ขายฝรั่งคนเดียว เหมือนขายให้คนไทย 4 ชิ้น แต่คนไทยผมก็พอขายได้นะ แต่น้อยมาก เพราะเว็ปกับ IG ผมยังไม่ดังเท่าของคนอื่นๆเค้า

พูดถึงเรื่องตลาดที่ผมขายอยู่ เป็นตลาดใหม่แถวๆเอสพลานาด การจับฉลากให้ได้ล้อคนี่ คนแย่งกัน โอกาส 1:100 น่าจะได้ ดวงล้วนๆครับ ซึ่งแน่นอนผมจับไม่ได้ แต่ผมก็ดิ้นรนหามาจนได้ ยอมจ่ายแพงขึ้นอีกเพราะเช่าต่อจากคนอื่น หลายคนเชียร์ คนที่ผมรับของมาก็เชียร์ว่าถ้าเข้าไปขายที่นี่ได้นี่สบาย กำลังใจมาเต็ม

แต่พอเข้าไปมันก็ไม่ได้เป็นแบบที่ผมหวังซะทุกอย่าง
ราคาสินค้าของผมมาตรฐานที่เค้าขายกันเลยคือ 250 หาซื้อได้ใน ig ยังไม่รวมค่าขนส่ง กำไรประมาน 90 บาท ตลาดนัดที่อื่นเคยถามๆ เค้าก็ขาย 250 แต่ผมเป็นเจ้าเดียวในตลาดนี้เลยตั้งแพงกว่านิดหน่อยเอากำไร 120 ก็ยังถูกกว่าซื้อใน ig เมื่อรวมค่าส่งแถมได้ดูสินค้าจริง เผื่อลูกค้าต่อด้วย ซึ่งลูกค้าต่อทุกคน ขายจริงก็กำไร 100 บ้าง 110 บ้าง

ผมขายมา 4 วันละรู้สึกว่าผมเนี่ยขายดีพอตัวเลยแหละเมื่อเทียบกับร้านข้างๆหลายๆร้าน (สินค้าคนละชนิดกับผม) ยอดขาย 4200-4800 ทุกวัน ขายประมาน 16-18 ชิ้นต่อวัน สำหรับผมคิดว่าค่อนข้างเยอะสำหริบสินค้าแฟชั่นในราคานี้ ไม่รู้คนอื่นขายได้เท่าไรกันไม่กล้าถาม เนื่องจากตัวสินค้ามันเป็นที่นิยมอยู่แล้ว คนเห็นก็ชอบ (อ้างอิงจากที่ผมอธิบายไปด้านบนว่ามันขายดีแค่ไหน) แต่! มันก็เป็นแค่ความรู้สึกแหละครับ เพราะกำไรผมที่ได้จริงๆหลังหักนู้นนี่ fix cost ประมาน 650 บาทต่อวัน  (พวกค่าที่ ค่าไฟ ค่าฝากของ เอามาหารเป็นรายวันแล้ว) และหักทุนค่าของที่ขายได้ในวันนั้น ก็จะเหลือประมาน 1000 บาทต่อวันครับ กำไรล้วนๆนะ

บางคนอาจจะมองว่า 1000 ก็เยอะกว่างานประจำ ป.ตรีแล้ว ซึ่งจริงครับมันเยอะกว่า ตอนแรกผมพอใจมาก แต่หลังๆคิดดูดีๆมันไม่ใช่ ผมขาย 2 คน เพราะต้องผลัดกันกินบ้าง ผลัดกันเข้าห้องน้ำบ้าง ถ้าคิดค่าแรงคนละ 300 บาท 2 คน 600 เหลือกำไร 400 เข้าร้านครับ ค่ากินที่นู้นค่อนข้างแพงอีก จะเอามาม่าคัพ ข้าว 7-11 มากินทุกวันก็คงเบื่อ แล้วผมลงทุนชุดแรก 18000 (ไม่รวมค่าที่นะ เพราะผมหักไปกับ fix cost รายวันละ) กำไรเข้าร้าน 400 หารแล้วต้องใช้เวลาประมาน 45 วัน ถึงจะคืนทุนก้อนแรก ผมขายเดือนนึงประมาน 15 วัน รวมทั้งต้องรักษากำไรขนาดนี้ไว้เป็นเวลา 3 เดือน ถ้ามีวันฝนตกขายไม่ได้แถมขาดทุน fix cost ยิ่งไปกันใหญ่ หลังจากวันแรก ผมขายได้น้อยชิ้นลงเรื่อยๆ รู้สึกขายยากขึ้นเรื่อยq ต้องลดราคาช่วงจะปิดร้านเพื่อเอายอดให้ใกล้เคียงวันแรกๆ กำไร 1000 บาทต่อวันทำยากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไป 2 ชม. ขายไม่ออกสักชิ้นก็มี

แต่มันยังไม่จบเท่านั้นครับ เราไม่สามารถขายของทุกอย่างในร้านเราทีละชิ้นให้หมดเกลี้ยงได้ ถ้าเรามีแบบให้ลูกค้าเลือกเหลือน้อยเราต้องซื้อเพิ่มตลอด ร้านโล่งๆลูกค้าก็ไม่เข้า เราต้องมีสต๊อก บางชิ้นเลือกไม่ดีก็ค้างอยู่อย่างงั้น ทุนมันก็จะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเราสต๊อกของเพิ่ม เพราะฉะนั้น ผมคิดดูแล้วกำไร 1000 ผมว่ามันยังน้อยมากหลังจากหักค่าแรงและค่าสต๊อกของ

อุปสรรคผมยังไม่หมดครับ วันก่อน มีลูกค้าถือถุงใบนึง ในถุงมีสินค้าแบบเดียวกับผมเดะเลย รับมาจากที่เดียวกันแน่ เข้ามาดูร้านผม เนื่องจากผมมีแบบที่อีกร้านนึงไม่มี เลยจะเข้ามาซื้อ (คงมาเช็คราคาด้วยแหละเห็นสินค้ามันเหมือนกัน) แล้วลูกค้าเค้าซื้อในราคา 250 มาครับ (ราคาตั้งเลย ไม่ใช่ราคาต่อ) ผมจึงต้องจำใจลดให้เท่าคู่แข่งเค้า หลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าที่จะบอกราคาแรกที่ผมตั้งไว้เลย ป้ายที่ติดไว้ก็ต้องบอกว่าลดราคา เหลือเท่าร้านคู่แข่ง ผมเข้าใจความรู้สึกลูกค้าดี เวลาที่ผมซื้อร้านแรก พอเดินไปอีก 2-3 ล้อคดันเจอของที่เหมือนกันเดะทุกอย่างแต่ถูกกว่า ผมยิ้มจะว่าตัวเองโง่อีกละ แล้วจะลบไอ้ร้านแรกที่ผมซื้อไปจากสมองผมทันที

ผมไม่ทราบข้อมูลเค้ามาก พื้นที่ร้านขนาดเท่ากัน แต่ค่าที่ผมจ่ายแพงกว่าแน่ ของผมตอนนี้หลากหลายกว่าแต่ในอนาคตก็ไม่แน่ มันมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ครับ ไม่สามารถโชว์ให้เด่นทุกแบบได้ ตรงนี้ผมมองว่าใครจะจัดเรียงสินค้าที่คิดว่าเป็นตัวเอกของร้านให้เด่นและลูกค้าเห็นมากกว่ากัน การตกแต่งร้านก็ไม่ต่างกันมาก สไตล์การขายผมก็เรียกลูกค้าอย่างเดียว พอมาจับๆผมก็บอกให้เค้าลองใส่ลองสวมดูได้ จะไม่จู้จี้มากครับ

ในความคิดผมถ้าตั้งราคาถูกแบบนี้กะให้คนซื้อๆๆๆๆอย่างเดียว สักวัน Demand มันก็ต้องลดครับ ลูกค้าที่มาเดินๆก็ไม่ใช่ว่าจะหน้าใหม่ตลอดและเสมอไป

คู่แข่งก็คือคู่แข่ง ผมก็ไม่อยากที่จะแข่งด้านราคา อยากให้เค้าตั้งเท่าผมแล้วจะลดให้เท่าไรก็ลดไป มันเสียดายลูกค้าที่มีกำลังซื้อครับ วัยทำงาน แพงกว่า 20 บาทเค้าก็ซื้อได้ เด็กนักเรียนมาก็ลดๆให้น้องเค้าไป

ปัญหาตอนนี้ของผมอ่ะ วันละ 1000 มันยังไม่ถึงกับสาหัสหรอกครับ แต่ผมอาจจะกังวลถึงอนาคตมากไปเอง มโนไปเองว่ามันจะไม่รอดถ้าไม่ทำไรสักอย่าง ถ้าไม่รีบปรับตัวหรือเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆมันก็จะลำบากและเสียเวลา เพราะถ้ายอดมันตกหวบมาเมื่อไร กำลังใจยิ่งเสีย ถ้าเราเฉยๆไม่ทำอะไรสักวันมันก็ต้องตก หรือสักวันยอดอาจจะพุ่ง แต่ผมว่าถ้าเราอยู่เฉยๆแล้วยอดขายพุ่งเนี่ยเป็นไปได้ยาก การจะทำให้อยู่ๆยอดมันพุ่งขึ้นได้มันก็ต้องมีสาเหตุว่าเราทำอะไรให้มันดีขึ้น

ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะลงทุนแต่งร้านเพิ่มอีก ให้ดูหรูไปเลย ปูพรม ปูหญ้า ไรงี้ แบบราคาตลาดนัด แต่ร้านเหมือนในห้าง (จริงๆก็ไม่เวอร์ขนาดนั้นแค่ให้ดูดีน่าเข้ากว่าร้านอื่นๆในตลาดนัดทั่วไป) มันจะเพิ่มยอดขายได้ไหม ยังไงก็อยากให้ช่วยแนะนำกันหน่อย

ผมเล่ามายาวๆพิมไปก็งงๆมึนๆ เรียบเรียงมั่วๆ ไม่รู้คนอ่านจะงงไหม
ผมจะลองสรุปในตรรกกะมั่วๆของผมดู ใครมีอะไรเพิ่มเติมหรือท้วงตรงไหนยังไงช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
1. การขายของตลาดนัดเนี่ยการที่เราศึกษาก่อนว่าจะเอาอะไรมาขายมีผลมากครับ ของผมเลือกมาเนี่ย มี Case Study ค่อนข้างเยอะ คนจับคนหยุดดูบ่อยนะ ซื้อไม่ซื้ออีกเรื่อง แต่มันแปรผันตามกันอยู่แล้ว ยิ่งจับเยอะ หยุดดูเยอะ โอกาสซื้อยิ่งเยอะ
2. เริ่มขายของได้เนี่ยมันยังไม่ยากเท่า ทำให้ร้านเราอยู่ได้ละมีกำไรไปตลอด ข้อตรงเนี้ยผมอยากให้เข้ามาแชร์กันแนะนำผมหน่อย รับสินค้ามาเพิ่ม หาสินค้าใหม่ๆอยู่เสมอ ขยายร้าน ลงทุนตกแต่งให้โดดเด่น หรือโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ
3. ในปัญหาของผมที่ขายได้กำไรที่ยังไม่หักค่าแรงวันละ 1000 เนี่ย ในความคิดผมนะ แค่พอมีพอกินไปวันๆ หาค่ำกินเช้า ไม่สามารถไปผ่อนนู้นนี่ ซื้ออะไรที่มันสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ถ้าเป็นพนักงานเงินเดือน 15000-18000 ผมว่ามันยังมั่นคงกว่า (ซึ่งอาจจะมีบางคนที่ขายได้น้อยกว่าผมและตกที่นั่งลำบากกว่านี้ ผมไม่ได้ดูถูกหรืออวดนะ เผื่อมีบางคนบอกแค่นี้ก็ดีตาย@#$แล้วจะเอาไรมาก) ปัญหาตรงนี้เองที่ตอนแรกผมคิดว่า 1000 นี่ดีแล้ว แต่จริงๆคนเรามันก็ยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดถ้าจะยืนด้วยตัวเอง ผมก็ไม่ใช่คนที่คิดจะพัฒนาไรตัวเอง แต่ผมออกจากงานประจำมาทำนี่ก็ทรุดเหมือนกัน จากเมื่อก่อนทำแบบเดิมๆซ้ำๆมีเงินเดือน ไม่พัฒนาตัวเองเงินเดือนก็ไม่เพิ่มมาก แต่ก็ไม่ได้ลด
4. จุดที่จะก้าวกระโดดของการขายของที่ผมคิดคือทำแบรนด์ของตัวเอง ผมคิดว่า รับเค้าขายเองกำไรน้อย แข่งกันตัดราคา ขายได้ร้านเดียว ถ้าจ้างลูกน้องแล้วเพิ่มสาขาก็เป็นไปได้ยาก เดี๋ยวนี้คนมาขายของกันเยอะ ของที่เรารับมาขายได้ดี มันมักมีคู่แข่งเสมอ ถ้าทุนเราสูงกว่า โอกาสที่จะแข่งขันได้ก็ยากเช่นกัน แต่ผลิตเองมันก็ลงทุนสูง ความเสี่ยงก็สูง ประสบการณ์ต้องมากจริงๆ รู้ว่าลูกค้ามาเทรนไหน idea design ต้องใช้อีกหลายสกิล แต่ถ้าสินค้าโดนตลาด ผมว่าคนที่จะมาช่วยเราขายก็จะมาเอง เหมือนเจ้าของแบรนด์ที่ผมรับของเค้ามาขาย เค้าก็เริ่มจากการรับมาขายเก็บเงินละทำแบบของตัวเองในที่สุด

(คนที่ผมรับของเค้ามาขายเนี่ยเด็กกว่าผมอีกยังเรียน ป.ตรี อยู่เลย ซื้อบ้านเองได้แล้ว ตัวผมยังย่ำต๊อกอยู่ มันน่าอายจริงๆ แม่ค้าบางคนอาจจะพอเดาได้ว่าเป็นใคร ขอโทดที่ไม่ได้เอ่ยเพราะไม่อยากพาดพิงถึงโดยไม่ขออนุญาติ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่