เริ่มเกริ่นสักนิดเผื่อใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 รีวิว การเดินทางไปเยือนปารีส ฉบับ ผู้หญิงตัวคนเดียวก็ไปได้ ซึ่งเกริ่นถีงการเตรียมตัวและการรีวิวโรงแรมทั้งสามแห่ง
ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ
http://ppantip.com/topic/33205046
ครั้งนี้มีโอกาสได้มาเยือนปารีสช่วงวันที่ 21-26 มกราคม 2015 โดยที่มีเวลาเที่ยวเต็มวันแค่วันที่ 22 และ 25 ส่วน 23-24 ไปเข้าร่วมงานประชุมวิชาการอาจแว็บๆได้บางช่วง และวันที่ 26 เดินทางกลับ
เริ่มเช้าวันที่ 22/01/15
มาที่นี่ตื่นเช้ามากประมาณ 5.30 น. ที่เมืองไทยก็คงใกล้เที่ยง ใช้เวลาในห้องน้ำอีกเกือบชั่วโมง แต่ก็นะมาเที่ยวหน้าหนาวไม่ต้องรีบ แปดโมงฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง ตื่นเช้ามาก็เลยทำโจ๊กกิน พกมาจากกรุงเทพด้วยห้าห่อ กะกินทุกวัน 5555
อาหารเช้าของเรา ต้องขอบคุณคุณแม่ที่เตรียมถ้วยเตรียมช้อนให้เสร็จสรรพ เราพกแบบซองมาเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ในกระเป๋า
ทานอาหารเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทาง วันนี้เราเลือกใส่กระเป๋าคาดเอวแบบผ้าร่ม มีช่องหลายช่องเลยใส่ได้หลายอย่าง เอาเงินพกติดตัวไป ห้าสิบยูโร พกพลาสปอร์ต ใส่โทรศัพท์มืถือ เราคาดกระเป๋าที่เอวก่อนแล้วใส่กระโปรงทับอีกที เราเอาเข็มกลัด กลัดกระเป๋าไว้กับกระโปรงด้วย แล้วใส่โคช้ทับ เราไม่รู้ว่าโจรที่นี่วรยุทธขั้นไหน ก็กันไว้ก่อนเผื้อเจอพวกมาตัดดึงกระเป๋าไป จะได้เอาไปทั้งกระโปรงนี่แหละ
วันนี้เราวางแผนจะไป มหาวิหารนอเตรอดาม, Palais de justic & Sainte-Chapelle
นั่งท่องชื่อสถานีก่อนออกเดินทางแปป
Metro6 เส้นไป nation ไปลง Denfert ต่อ Metro สาย 4 เส้นไป port de ci....ลงสถานี cite ถึงที่หมาย ที่จริงมีแอฟด้วยนะ ลองหาโหลดดู การขึ้นรถไฟเมโทรไม่ได้ยากมาก แค่ต้องจำสถานีปลายทาง ก็เหมือนๆบีทีเอสบ้านเรานี่แหละ เราเลือกไปเปลี่ยนขบวนที่ denfert เพราะไม่อยากไปลง monparnass ซึ่งเป็นสถานีใหญ่อาจจะงงและสถานีใหญ่ๆทางเดินกว่าจะเปลี่ยนขบวนได้ก็ไกลอยู่ แถมสถานี monparnass มีรีวิวเตือนอยู่ด้วย
ตัวอย่าง จาก dupliex ไปที่ denfert เราต้องขึ้นเมโทร6ฝั่งที่ไป nation
เวลา 9.30 ออกจากโรงแรม เท่านั้นแหละ หนาวใช่ย่อยเลยน้า -2 องศา แต่ชอบ
ออกมาหน้าโรงแรมเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งเดินหยอกล้อกัน น่ารักมากๆ เลยขอคุณแม่ถ่ายรูปน้องซะหน่อย คุณแม่ถามน้องก่อนด้วยว่า พี่เค้าขอถ่ายรูปหนูให้ถ่ายไหม น่าจะประมาณนั้นม้าง เดา น้องก็เงยหน้ายิ้มให้ถ่ายแบบอารมณ์ดี
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าเดินทางไปตามเป้าหมาย พอเดินขึ้นจากสถานีรถไฟ cite เดินขึ้นมาก็เจอเลย Palais de justic
แต่คนต่อแถวเยอะก็เลยเดินเล่นไปทางอื่น สรุปแล้วทั้งทริปนี้สุดท้ายก็ไม่ได้แวะทั้ง Palais de justic & Sainte-Chapelle วันสุดท้ายจะแวะมาก็คนต่อแถวเยอะกว่าอีก
เราก็เดินมาตามทางเดินเรื่อยก็มาเจอแม่น้ำเซน
หันไปทางซ้ายก็เห็นตำรวจถือปืนซะใหญ่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่ สงสัยผลมาจากเหตุการก่อการร้าย ได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะ ได้มาเจอตำรวจ ได้เจอทหารฝรั่งเศสเดินลาดตระเวนไปมา เราว่ามันดูปลอดภัยดีนะ พวกมิจฉาชีพไม่ค่อยออกมา ตามสถานีรถไปเมโทร RER สายใหญ่ๆก็มีตำรวจเดินคอยตรวจตรา เราว่ามันปลอดภัยนะมาช่วงนี้ทำให้เราไม่เจอพวกแก็งฉกมือถือ หรือพวกแก็งเด็กโรมาเนียที่ล้วงกระเป๋าจากที่หลายคนเคยรีวิว
แนบลิ้งค์ที่เคยดูมาให้ด้วย
เข้าเรื่องต่อ เปลี่ยนโหมด นึกภาพใหม่ ตอนนี้เดินเลียบแม่น้ำเซนมาเรื่อยๆ ในใจก็คิดว่ามาคนเดียวนี่คงจะถ่ายรูปเห็นแต่หน้าตัวเองละม้าง ไม้เซลฟี่ก็ไม่ได้พกมากลัวมันรุงรังแล้วก็กลัวว่าคนที่นี่เค้าจะแบบว่าเห้ยใช้อะไร แต่เปล่าเลยคนที่นี่เดินถือใช้ไม่เซลฟี่กันนะจร้า อย่างฮา ฝรั่งก็ใช้ไม่เซลฟี่ 555 เดินไปเรื่อยๆข้างทางมีร้านขายของที่ระลึกคุณลุงเปิดอยู่ร้านเดียว สงสัยมันเช้าเกินม้าง ถ้ามาบ่ายๆร้านเปิดกันเต็ม เลยแวะซื้อสักหน่อย ได้ซื้อพวงกุญแจหอไอเฟลมา 10 อันราคา 4 ยูโรตกอันละ 15.1 บาท แล้วก็ซื้อตลับกระจกมาสามอันอันละ 3 ยูโร คุณลุงใจดีมาก ลุงก็ถามว่ามาจากไหน I come from Thailand ตอบทันที เรื่องดีๆเราตอบว่ามาจากThailand แต่ถ้าเราทำหน้าแตกเราควรทำมึนไป 555 ลุงแกรู้จักนะ แต่ไม่เคยไป เคยไปแต่เกาหลีแล้วก็ญี่ปุ่น แกบอกมีโอกาศอยากไป People is nice and you are nice ....แอบปลื้ม Mexi Mexi ทันที 555 ไม่รู้แกชมจริงหรือชมที่เราซื้อของแก แล้วเราก็ขอให้ลุงถ่ายรูปให้
เดินต่อไปอีกข้างหน้านี้ก็จะถึง สะพานแห่งรัก Pont des Arts ที่นักท่องเที่ยวมาคล้องกุญแจกัน ความเชื่อของนักท่องเที่ยว หากคู่รักคู่ใด นำแม่กุญแจที่สลักชื่อคู่รักมาคล้องล็อกติดไว้กับสะพาน แล้วโยนลูกกุญแจทิ้งลงแม่น้ำเบื้องล่างไปนั้น จะเป็นเครื่องหมายแสดงแทนความรักและการอยู่ร่วมกัน โดยไม่มีใครมาไขปลดล็อก พรากความรักออกจากกันได้ แต่ถามว่าคนปารีสเค้าเชื่อด้วยไหม ป่าวเลย ตอนนี้ก็เลยปิดไปแล้วเพราะราวสะพานพังถล่มเพราะรับน้ำหนักกุญแจรักไม่ไหว ตอนนี้ก็เลยมีการเอาไม้กระดานมาปิด แต่จริงๆแล้วแทบทุกสะพานเหล็กที่ปารีสมีกุญแจคล้องทั้งนั้น
พอเดินต้นสะพานก็เอาแล้วไง เจอพวกมาขอลายเซนต์ ขอให้ตอบแบบสอบถามพวกนี้จะรีดเงินเวลาเราเซ็นต์เสร็จ นางเดินเข้ามาหาเรา เราก็ ตอบ No No อย่างเดียว ไม่สบตาไม่สนใจ แล้วพวกเค้าก็เดินจากไป
ไม่ได้ตั้งใจถ่ายนะ จะถ่ายวิวติดนางพอดี ดูสภาพสะพานไม่ต่างอะไรกับบ้านเราเลยเนาะ ถ้าไม่มีไม้กระดานปิดคงจะสวย
ด้านหลังก็เป็นสะพาน Pont Neuf
เราก็เดินต่อไปถึงกลางสะพาน ก็เห็นผุ้หญิงหม๋วยๆคนหนึ่ง ดูน่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ก็อยากได้รูปแบบเต็มๆบ้างก็เลยตัดสินใจขอให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้ เทอน่ารักมากเลยนะ เทอก็ยิ้มและเต็มใจถ่ายให้อย่างดี
รูปแรก
รูปที่สอง
เราก็บอกเค้าว่าให้เราถ่ายให้ไหม เราก็ผลัดกันถ่าย ยังไม่พอใจอยากได้มุมแบบนั่งกับเก้าอี้กลางสะพานบ้าง
ก็เลยขอเทออีกรูป
จากนั้นเราก็ได้คุยกัน จนรู้ว่าเทอชื่อ Amanda สาวชาวจีน มาคนเดียว เราเลยชวนเค้าเที่ยวด้วยกันเลย นี่ละม้างที่บอกว่า การไปหาเอาข้างหน้า
เราคุยกันถูกคอมาก สบายๆๆ ชิวๆ คราวนี้เราได้เพื่อนเที่ยวแล้ว โชว์ภาพเพื่อนใหม่หน่อยละกันนะ
ถือว่าโชคดีมากทำให้สนุกขึ้นเยอะเลย มีเพื่อนเม้าท์ เพื่อนถ่ายรูป เพื่อนกิน แถมเทอยังพาเราขึ้นแท็กซี่ตลอด สบายเลยละ เราคุยทุกอย่างแบบสนิทกันมาก เรื่องแฟนก็รู้หมดจร้าที่เทอต้องมาคนเดียวเพราะแฟนเทอติดงาน เป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกง เริดเนาะ ชีก็บ่นๆแฟนชีให้ฟัง ว่าวันๆก็คิดถึงแต่ เงินๆๆ เป็นนักธุรกิจจำพวกคิดอยู่แค่จะทำอย่างไรให้ได้เงินมา อายุ46 แล้ว ส่วนตัวAmandaอายุไร่เลี่ยกันกับเรา ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่นำพาให้เรามาเจอกัน ขอบคุณตัวเองที่กล้าเข้าไปขอให้เค้าถ่ายรูปให้แล้วก็เอ่ยปากชวนอแมนดาเที่ยวด้วยกัน "Nice to meet you Amanda"
จุดไคแมกไม่หยุดแค่นั้น เราเดินต่อกันไปที่ปลายสะพานเพื่อมุ่งตรงยัง Notre dame เจอพวกขอลายเซนต์อีก คราวนี้เราตอบ No ไปแบบชัดเจนและเสียงดัง สงสัยชีไม่พอใจจัด ชีคราก
ใส่ด้วยจร้า ดีนะไม่โดน ตรงตามพันทิปว่า น่าเกลียดมาก Amanda งงว่าเค้าทำแบบนั้นทำไม คนพวกนี้ไม่ใช่คนฝรั่งเศส อาจเป็นพวกยิปซีที่มาหากินที่นี่ เข้ามาทำให้ปารีสดูเป็นเมืองที่อันตรายและไร้อารยธรรมเลย ทั้งที่คนฝรั่งเศสจริงๆน่ารักนะ มีน้ำใจ ผู้หญิงก็สวย หน้าตาดี ผู้ชายมีหนวดเครา คมเข้ม ในตามีเสน่ห์ มากไปป่าวเรา 555 "It's very nice"
Next station Notre dame ................
[CR] การเดินทางไปเยือนปารีส แบบฉบับผู้หญิงตัวคนเดียว ตอนที่ 2 มาคนเดียวแต่ไม่เดียวดาย เพราะ....
ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ http://ppantip.com/topic/33205046
ครั้งนี้มีโอกาสได้มาเยือนปารีสช่วงวันที่ 21-26 มกราคม 2015 โดยที่มีเวลาเที่ยวเต็มวันแค่วันที่ 22 และ 25 ส่วน 23-24 ไปเข้าร่วมงานประชุมวิชาการอาจแว็บๆได้บางช่วง และวันที่ 26 เดินทางกลับ
เริ่มเช้าวันที่ 22/01/15
มาที่นี่ตื่นเช้ามากประมาณ 5.30 น. ที่เมืองไทยก็คงใกล้เที่ยง ใช้เวลาในห้องน้ำอีกเกือบชั่วโมง แต่ก็นะมาเที่ยวหน้าหนาวไม่ต้องรีบ แปดโมงฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง ตื่นเช้ามาก็เลยทำโจ๊กกิน พกมาจากกรุงเทพด้วยห้าห่อ กะกินทุกวัน 5555
ทานอาหารเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทาง วันนี้เราเลือกใส่กระเป๋าคาดเอวแบบผ้าร่ม มีช่องหลายช่องเลยใส่ได้หลายอย่าง เอาเงินพกติดตัวไป ห้าสิบยูโร พกพลาสปอร์ต ใส่โทรศัพท์มืถือ เราคาดกระเป๋าที่เอวก่อนแล้วใส่กระโปรงทับอีกที เราเอาเข็มกลัด กลัดกระเป๋าไว้กับกระโปรงด้วย แล้วใส่โคช้ทับ เราไม่รู้ว่าโจรที่นี่วรยุทธขั้นไหน ก็กันไว้ก่อนเผื้อเจอพวกมาตัดดึงกระเป๋าไป จะได้เอาไปทั้งกระโปรงนี่แหละ
วันนี้เราวางแผนจะไป มหาวิหารนอเตรอดาม, Palais de justic & Sainte-Chapelle
นั่งท่องชื่อสถานีก่อนออกเดินทางแปป
Metro6 เส้นไป nation ไปลง Denfert ต่อ Metro สาย 4 เส้นไป port de ci....ลงสถานี cite ถึงที่หมาย ที่จริงมีแอฟด้วยนะ ลองหาโหลดดู การขึ้นรถไฟเมโทรไม่ได้ยากมาก แค่ต้องจำสถานีปลายทาง ก็เหมือนๆบีทีเอสบ้านเรานี่แหละ เราเลือกไปเปลี่ยนขบวนที่ denfert เพราะไม่อยากไปลง monparnass ซึ่งเป็นสถานีใหญ่อาจจะงงและสถานีใหญ่ๆทางเดินกว่าจะเปลี่ยนขบวนได้ก็ไกลอยู่ แถมสถานี monparnass มีรีวิวเตือนอยู่ด้วย
ตัวอย่าง จาก dupliex ไปที่ denfert เราต้องขึ้นเมโทร6ฝั่งที่ไป nation
เวลา 9.30 ออกจากโรงแรม เท่านั้นแหละ หนาวใช่ย่อยเลยน้า -2 องศา แต่ชอบ
ออกมาหน้าโรงแรมเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งเดินหยอกล้อกัน น่ารักมากๆ เลยขอคุณแม่ถ่ายรูปน้องซะหน่อย คุณแม่ถามน้องก่อนด้วยว่า พี่เค้าขอถ่ายรูปหนูให้ถ่ายไหม น่าจะประมาณนั้นม้าง เดา น้องก็เงยหน้ายิ้มให้ถ่ายแบบอารมณ์ดี
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าเดินทางไปตามเป้าหมาย พอเดินขึ้นจากสถานีรถไฟ cite เดินขึ้นมาก็เจอเลย Palais de justic
เราก็เดินมาตามทางเดินเรื่อยก็มาเจอแม่น้ำเซน
หันไปทางซ้ายก็เห็นตำรวจถือปืนซะใหญ่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่ สงสัยผลมาจากเหตุการก่อการร้าย ได้บรรยากาศดีเหมือนกันนะ ได้มาเจอตำรวจ ได้เจอทหารฝรั่งเศสเดินลาดตระเวนไปมา เราว่ามันดูปลอดภัยดีนะ พวกมิจฉาชีพไม่ค่อยออกมา ตามสถานีรถไปเมโทร RER สายใหญ่ๆก็มีตำรวจเดินคอยตรวจตรา เราว่ามันปลอดภัยนะมาช่วงนี้ทำให้เราไม่เจอพวกแก็งฉกมือถือ หรือพวกแก็งเด็กโรมาเนียที่ล้วงกระเป๋าจากที่หลายคนเคยรีวิว
แนบลิ้งค์ที่เคยดูมาให้ด้วย
เข้าเรื่องต่อ เปลี่ยนโหมด นึกภาพใหม่ ตอนนี้เดินเลียบแม่น้ำเซนมาเรื่อยๆ ในใจก็คิดว่ามาคนเดียวนี่คงจะถ่ายรูปเห็นแต่หน้าตัวเองละม้าง ไม้เซลฟี่ก็ไม่ได้พกมากลัวมันรุงรังแล้วก็กลัวว่าคนที่นี่เค้าจะแบบว่าเห้ยใช้อะไร แต่เปล่าเลยคนที่นี่เดินถือใช้ไม่เซลฟี่กันนะจร้า อย่างฮา ฝรั่งก็ใช้ไม่เซลฟี่ 555 เดินไปเรื่อยๆข้างทางมีร้านขายของที่ระลึกคุณลุงเปิดอยู่ร้านเดียว สงสัยมันเช้าเกินม้าง ถ้ามาบ่ายๆร้านเปิดกันเต็ม เลยแวะซื้อสักหน่อย ได้ซื้อพวงกุญแจหอไอเฟลมา 10 อันราคา 4 ยูโรตกอันละ 15.1 บาท แล้วก็ซื้อตลับกระจกมาสามอันอันละ 3 ยูโร คุณลุงใจดีมาก ลุงก็ถามว่ามาจากไหน I come from Thailand ตอบทันที เรื่องดีๆเราตอบว่ามาจากThailand แต่ถ้าเราทำหน้าแตกเราควรทำมึนไป 555 ลุงแกรู้จักนะ แต่ไม่เคยไป เคยไปแต่เกาหลีแล้วก็ญี่ปุ่น แกบอกมีโอกาศอยากไป People is nice and you are nice ....แอบปลื้ม Mexi Mexi ทันที 555 ไม่รู้แกชมจริงหรือชมที่เราซื้อของแก แล้วเราก็ขอให้ลุงถ่ายรูปให้
เดินต่อไปอีกข้างหน้านี้ก็จะถึง สะพานแห่งรัก Pont des Arts ที่นักท่องเที่ยวมาคล้องกุญแจกัน ความเชื่อของนักท่องเที่ยว หากคู่รักคู่ใด นำแม่กุญแจที่สลักชื่อคู่รักมาคล้องล็อกติดไว้กับสะพาน แล้วโยนลูกกุญแจทิ้งลงแม่น้ำเบื้องล่างไปนั้น จะเป็นเครื่องหมายแสดงแทนความรักและการอยู่ร่วมกัน โดยไม่มีใครมาไขปลดล็อก พรากความรักออกจากกันได้ แต่ถามว่าคนปารีสเค้าเชื่อด้วยไหม ป่าวเลย ตอนนี้ก็เลยปิดไปแล้วเพราะราวสะพานพังถล่มเพราะรับน้ำหนักกุญแจรักไม่ไหว ตอนนี้ก็เลยมีการเอาไม้กระดานมาปิด แต่จริงๆแล้วแทบทุกสะพานเหล็กที่ปารีสมีกุญแจคล้องทั้งนั้น
พอเดินต้นสะพานก็เอาแล้วไง เจอพวกมาขอลายเซนต์ ขอให้ตอบแบบสอบถามพวกนี้จะรีดเงินเวลาเราเซ็นต์เสร็จ นางเดินเข้ามาหาเรา เราก็ ตอบ No No อย่างเดียว ไม่สบตาไม่สนใจ แล้วพวกเค้าก็เดินจากไป
ไม่ได้ตั้งใจถ่ายนะ จะถ่ายวิวติดนางพอดี ดูสภาพสะพานไม่ต่างอะไรกับบ้านเราเลยเนาะ ถ้าไม่มีไม้กระดานปิดคงจะสวย
ด้านหลังก็เป็นสะพาน Pont Neuf
เราก็เดินต่อไปถึงกลางสะพาน ก็เห็นผุ้หญิงหม๋วยๆคนหนึ่ง ดูน่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ก็อยากได้รูปแบบเต็มๆบ้างก็เลยตัดสินใจขอให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้ เทอน่ารักมากเลยนะ เทอก็ยิ้มและเต็มใจถ่ายให้อย่างดี
รูปแรก
รูปที่สอง
เราก็บอกเค้าว่าให้เราถ่ายให้ไหม เราก็ผลัดกันถ่าย ยังไม่พอใจอยากได้มุมแบบนั่งกับเก้าอี้กลางสะพานบ้าง
ก็เลยขอเทออีกรูป
จากนั้นเราก็ได้คุยกัน จนรู้ว่าเทอชื่อ Amanda สาวชาวจีน มาคนเดียว เราเลยชวนเค้าเที่ยวด้วยกันเลย นี่ละม้างที่บอกว่า การไปหาเอาข้างหน้า
เราคุยกันถูกคอมาก สบายๆๆ ชิวๆ คราวนี้เราได้เพื่อนเที่ยวแล้ว โชว์ภาพเพื่อนใหม่หน่อยละกันนะ
ถือว่าโชคดีมากทำให้สนุกขึ้นเยอะเลย มีเพื่อนเม้าท์ เพื่อนถ่ายรูป เพื่อนกิน แถมเทอยังพาเราขึ้นแท็กซี่ตลอด สบายเลยละ เราคุยทุกอย่างแบบสนิทกันมาก เรื่องแฟนก็รู้หมดจร้าที่เทอต้องมาคนเดียวเพราะแฟนเทอติดงาน เป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกง เริดเนาะ ชีก็บ่นๆแฟนชีให้ฟัง ว่าวันๆก็คิดถึงแต่ เงินๆๆ เป็นนักธุรกิจจำพวกคิดอยู่แค่จะทำอย่างไรให้ได้เงินมา อายุ46 แล้ว ส่วนตัวAmandaอายุไร่เลี่ยกันกับเรา ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่นำพาให้เรามาเจอกัน ขอบคุณตัวเองที่กล้าเข้าไปขอให้เค้าถ่ายรูปให้แล้วก็เอ่ยปากชวนอแมนดาเที่ยวด้วยกัน "Nice to meet you Amanda"
จุดไคแมกไม่หยุดแค่นั้น เราเดินต่อกันไปที่ปลายสะพานเพื่อมุ่งตรงยัง Notre dame เจอพวกขอลายเซนต์อีก คราวนี้เราตอบ No ไปแบบชัดเจนและเสียงดัง สงสัยชีไม่พอใจจัด ชีคราก
Next station Notre dame ................