เนื่องจากกระทู้นี้ได้จั่วหัวไว้แล้วว่า ฉบับรั่ว บางประโยคอาจมีอาการรั่วเสื่อมบ้าง รักเจ้หรอกถึงหยอกเล่น ดังนั้นขอความกรุณาอย่าดราม่านะคะ เพราะใจจริง จขกท. ชอบลูเคียคู่กับใครก็ได้ อิจิก็ได้ ท่านเบียก็ได้ เร็นจิก็ได้ เจ้เราเข้าวินกับใครก็ฟินทั้งนั้น ดังนั้นใครที่จะท้วงว่า “วางถุงกาวก่อนแล้วตั้งสติ” จขกท. วางแล้วค่ะ หันมากินน้ำแข็งเล่นอยู่เนี่ย (ฮา)
และเพื่อความสะดวกในการเม้ามอย ขอเรียงลำดับการพบหนุ่มๆในเรื่องตั้งแต่เด็กจนโตเลยก็แล้วกัน อาจจะไม่ครอบคลุมหมดเพราะอาศัยความจำล้วนๆ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วย
เนื่องจากกระทู้ที่แล้วตีตกหายไป ขอนำมาไว้ข้างบนอีกทีนะคะ แล้วส่วนที่ทำสีเหลืองไว้จะเป็นส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาทีหลัง
คนแรก – อาบาราอิ เร็นจิ
ชายหนุ่มผมแดงหน้าตาดุดันและเจ้าของรอยสักที่ลามเถิกไปจนถึงคิ้ว เจ้าของตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นตำแหน่งอาถรรพ์จริงๆ เป็นเพื่อนสมัยเด็กทีไรแห้วทุกที แถมชื่อยังเป็นลางอีกว่าเฟรนด์โซนตลอดชีพ (เร็นจิ – ความรักที่รองลงมา)
พวกเขามาเจอกันได้อย่างไร?
มังงะ - ลูเคียได้พบเขาครั้งแรกตอนที่ช่วยพวกเร็นจิไว้ขณะที่พวกเขากำลังขโมยน้ำ และกลายเป็นเพื่อนร่วมแก๊งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แทบทุกคนในแก๊งชอบลูเคียกันหมด ยกเว้นเร็นจิ เพราะว่าเขาเคยเป็นดาวเด่นเดอะสตาร์ในกลุ่มเพื่อนเพราะมีพลังวิญญาณ แต่เจ้ลูเคียกลับมาซะงั้น แถมหน้าตาก็น่ารักกว่า เร็นจิเลยรู้สึกเหมือนโดนแย่งพวกพ้องไป
เวลาสนุกสนานผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆที่ไร้แรงดันวิญญาณต่างล้มหายตายจากกันไปหมด เหลือเพียงลูเคียกับเร็นจิที่บัดนี้เติบโตเป็นวัยรุ่นแล้วจ้องมองป้ายหลุมศพของเพื่อนที่เพิ่งจากไป
ตรงนี้ล่ะค่ะ ต่อมจิ้นเร็นลูเริ่มทำงานแล้ว
เขตที่ลูเคียกับเร็นจิอยู่คือเขต อินุซึริ ซึ่งเร็นจิออกปากเองว่า “เด็กๆคือหมาข้างถนน ผู้ใหญ่ไม่ขโมยก็ฆ่าคน” พูดง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับแหล่งสลัมในโลกของเรา ที่เด็กๆพร้อมจะซึมซับอาชญากรรมได้ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร...
คำถามคือ เร็นจิกับลูเคียรอดพ้นจากภาวะนั้นมาได้อย่างไร?
ถ้าจะมองอย่างสวยหรู พวกเขาอาจมีวุฒิภาวะพอที่จะไม่หวั่นไหวกันและกัน...แต่ในความเป็นจริงถ้าเทียบอายุกัน ลูเคียกับเร็นจิก็แค่ 14-15 นะ (อ้างอิงหลักสูตร 6 ปี ของโรงเรียนยมทูต) ทั้งสองยังเด็กมาก ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีใครที่จะมาบอกว่าเรื่องใดผิดถูก โลกทั้งใบในขณะนั้นมีแค่เราสองคนที่เหลืออยู่ นี่ถ้านังหมาน้อยไม่คิดเล็กคิดน้อยล่ะก็ หมาจรจัดคงได้สอยดวงดารามาเคี้ยวเล่นเป็นฮันนี่สตาร์ไปแล้ว
เสียดายที่เร็นจิเป็นคนดี เมื่อเป็นคนดีจงไร้แฟนต่อไปนะจ๊ะ นะจ๊ะ
ในขณะที่เร็นจิเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแอบชอบเธอ ลูเคียล่ะ? ตอนที่เธอเข้าเรียนโรงเรียนยมทูตพร้อมเร็นจิ เร็นจิที่พื้นฐานพลังดีกว่าได้ไปอยู่ห้องคิง ขณะที่ลูเคียต้องอยู่ห้องเกือบบ๊วย และไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว ดังนั้นเมื่อเธอเห็นเร็นจิดูมีความสุขกับเพื่อนใหม่ เธอจึงรู้สึกเหงาจับใจ
ความสัมพันธ์ของเร็นจิกับลูเคียสะบั้นลงเพราะมือที่สาม เอ้ย ท่านพี่เบียคุยะรับเธอไปเลี้ยงดูในฐานะน้องสาวบุญธรรม ระยะห่างของเขากับเธอมีมากขึ้น ลูเคียเห็นเร็นจิเป็นฟางเส้นสุดท้าย เพราะเธอไม่อยากตัดสัมพันธ์กับเขา พยายามใช้คำพูดอ้อมๆพยายามบอกว่าเธอไม่อยากได้ แต่แทนที่เร็นจิจะรั้งเธอไว้ เขากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม...
เขาปล่อยเธอไป..
และคิดแทนลูเคียว่าเธอต้องมีความสุขเมื่ออยู่กับคนรวยๆ มีข้าวของเงินทองพร้อมพรั่ง ทั้งๆที่ความจริงลูเคียต้องการสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น นั่นคือ สายสัมพันธ์...แทนที่เธอจะต่อว่า เธอกลับมองเขาด้วยสายตาผิดหวังเพราะรู้ว่า ฟางเส้นสุดท้ายนั้นได้ขาดสะบั้นลงแล้ว เธอดึงมือเร็นจิออกจากไหล่เธอ แล้วเดินออกไป
ซึ่งในมังงะไม่ได้เห็นหน้าว่าลูเคียรู้สึกยังไง แต่ในอนิเมะทำให้เห็นว่า เธอหลั่งน้ำตา...แม้เพียงหยดเดียวก็สั่นสะเทือนคนที่นั่งดูได้อย่างมากมาย ซึ่งตอนนั้นเร็นจิไม่ได้เห็น แต่เขาเองก็รู้สึกแย่ที่พูดแบบนี้ออกไปเหมือนกัน
กว่าเร็นจิจะรู้ตัวก็นู่นนน ปาไป 50 ปี ตอนที่เธอกำลังจะถูกตัดสินประหาร พี่ชายบุญธรรมที่เขาหวังจะให้ช่วยลูเคียก็ไม่ช่วย ต้องรอให้เรียวกะมาผ่าซีกเรียกสตินั่นแหละ ถึงจะยอมฝึกบังไคเพื่อช่วยเธอ ยอมสู้กับคนทั้งหน่วยที่พยายามขัดขวางเขาเพื่อเธอ ยอมสู้กับพี่ชายหัวดื้อที่พยายามขัดขวางเขาไม่ให้ช่วยเหลือลูเคีย จนตัวเองต้องบาดเจ็บปางตาย แม้แต่ปล้องดาบบังไคของฮีฮีโอซาบิมารุก็ถูกทำให้เสียหายไม่อาจซ่อมคืนได้จนกระทั่ง หลวงพ่อลวงตา ฮัตสึเบย์ ช่วยซ่อมแซมให้ หาญกล้าต่อกรกับไอเซ็น อดีตหัวหน้าหน่วยที่ตนเคยสังกัดอยู่ เพื่อปกป้องลูเคีย จนตัวเองที่บาดเจ็บจากเบียคุยะไม่หายดี ต้องบาดเจ็บซ้ำสอง หมดสภาพต่อสู้ต่อได้
เห็นได้ว่าเขาก็ทุ่มเทเพื่อลูเคียไม่แพ้หนุ่มๆคนไหนเช่นกัน
ซึ่งสำหรับ จขกท. ถือว่ามันยังไม่สายเกินไปนะ เพราะสุดท้ายเร็นจิก็ได้โอกาสกลับมาแก้ตัว พร้อมกับฐานะรองหัวหน้าหน่วยที่จะสามารถเดินเคียงข้างคุณหนูคุจิกิอย่างเธอได้อย่างภาคภูมิ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างลูเคียกับเร็นจิ ถือว่าอยู่ในขั้นฟื้นตัว แต่ก็มีโอกาสได้อยู่กับลูเคียสูงมาก ทั้งสองมีเวลาที่จะเปลี่ยนสถานะตัวเองจากเพื่อนเป็นอย่างอื่นได้อีกหลายร้อยปี แถมยังได้ไปฝึกด้วยกันที่วังราชันย์ด้วยกันอีก ดังนั้นเร็นจิในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยทีเดียวค่ะ
อนิเมะ – บทบาทในภาคอนิเมะ เร็นจิมีบทบาทมากพอสมควรค่ะ และส่วนใหญ่จะออกคู่กับลูเคียโดยตลอด เรียกว่าแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็เป็นได้ แต่ออกมาก็ถูกฉีกแยกไปจิ้มนม เอ้ย มีบทบาทกับคนอื่นๆซะแล้ว ก็เลยรู้สึกเสียดายนิดๆเหมือนกัน แต่ก็มีบางตอนที่ทำให้เราเห็นว่าเร็นจินี่แคร์ความรู้สึกของลูเคียมากเลย อย่าง มีอยู่ตอนหนึ่งที่ลูเคียได้รับมอบหมายจากเบียคุยะให้ร่ายรำในงานเดียวกับที่ฮิซานะเคยร่ายรำ แถมการันตีจากพี่เขยว่าฮิซานะรำได้อย่างสวยงามด้วย โดนกดดันมาขนาดนี้เป็นเรื่องที่ลูเคียจะต้องประหม่าและตื่นเต้น เร็นจิเห็นแบบนั้นเลยพยายามทำให้ลูเคียมั่นใจค่ะด้วยการพาไปก๊งเบียร์ ไปซ้อมดาบกับเคมปาจิ (อันนี้ตั้งใจพาไปผ่อนคลายหรือพาไปฆ่าวะคะ?) สุดท้ายคือให้คัดอักษร แต่ไม่ได้ผลค่ะ ยิ่งทำเธอยิ่งเครียด ก็เลยไล่เร็นจิไป แต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ เร็นจิเกิดสะดุดล้ม ทำเอาถาดหมึกที่วางไว้กระเซ็นไปถูกกิโมโนที่จะใช้ในงาน ลูเคียโกรธมาก ตะเพิดนังหมาน้อยออกจากบ้าน แต่สุดท้ายท่านพี่เบียก็มาแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน และให้เธอเห็นความดีเร็นจิที่ทำเพื่อเธอ สุดท้ายเร็นจิก็ได้จดหมายจากลูเคียที่ขอบคุณเขาและเชิญเขาให้ไปดูเธอร่ายรำค่ะ ซึ่งอนิเมตอนนี้เราชอบนะ น่ารักดี
อ้อ มีอีกตอนหนึ่งเป็นการ์ตูนแถมในภาคดาบฟันวิญญาณ ลูเคียที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้กับ โซเดะโนะชิรายูกิ เข้าพักรักษาตัวในหน่วย 4 เร็นจิที่เห็นลูเคียบาดเจ็บจึงคิดซื้อจั๊ปปี้ไปเป็นของเยี่ยมไข้เธอ แต่ด้วยความเบี้ยน้อยหอยน้อย (เพราะเอาเงินส่วนใหญ่ไปถลุงกับแว่นตาหมดนี่น้า ใช้เงินมือเติบแบบนี้สาวไหนจะกล้าร่วมชีวิตด้วย) ก็เลยได้เป็นตุ๊กตาพวงกุญแจตัวเล็กๆมา เมื่อไปถึงหน่วย 4 ก็เห็นลูเคียนั่งมองหน้าต่างยิ้มแป้นอยู่ เร็นจิก็เลยถาม ลูเคียบอกว่า อุคิทาเกะเอาจั๊ปปี้มาเป็นของเยี่ยมเธอ เร็นจิมองตามก็ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะว่ามันคือบอลลูนจั๊ปปี้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่เหนือโซเคียคุ พร้อมป้ายขนาดใหญ่เขียน “หายไวๆนะ คุจิกิ”
“น่ารักใช่ม้า เร็นจิ?” เสียงลูเคียยังเต็มไปด้วยความฟิน
เร็นจิยิ้มแหย เขารีบเอาจั๊ปปี้ที่อุตส่าห์ซื้อมาซ่อนไว้ข้างหลัง เมื่อเธอถามเขาว่ามีอะไรเขาก็ได้แต่ตอบว่า
“เปล๊า ไม่มีอะไร”
จขกท.สงสารนายมาก ณ จุดนี้ ที่จริงนายให้ไปเถอะนะ ลูเคียเค้าก็ดีใจเหมือนกันแหละ
ฉบับนิยาย – เนื่องจากนิยายบลีชก็มีอยู่หลายเล่ม แต่ขอยกมา 2 เล่มคือ Honey Dish Rhapsody กับ The Death Save The Strawberry ของ คุณ มัตสึบาระ มาโคโตะ นะคะ เพราะคนเขียนท่านนี้จะเขียนนิยายที่เน้นมุมมองของลูเคียเป็นพิเศษค่ะ ในเล่มแรกนั้น เร็นจิ มีบทบาทในการกินของกินที่เจ้ทำให้ท่านพี่แต่ท่านพี่กินไม่ได้ค่ะ ซึ่งของกินนั้นคือ เซนไซ (แป้งต้มราดถั่วแดงกวน) ซึ่งเขาโผล่ออกมาชิมซะพูนถ้วยและออกปากชมว่า “อร่อย” ด้วย แถมทำให้เราได้รับข้อมูลเพิ่มว่า สมัยเด็กฝีมือทำอาหารของเจ้ลูเคียไม่ได้เรื่องแค่ไหน และเริ่มสงสัยว่าไปหัดทำกับข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ส่วนเล่มต่อมา เขาจะมีบทบาทในการช่วยลูเคียนำพลังยมทูตคืนให้อิจิโกะ โดยที่ลูเคียเป็นคนโทรหาเร็นจิเป็นคนแรกค่ะ
สำหรับความสัมพันธ์ของลูเคียกับเร็นจิเท่าที่จำได้ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะค่ะ ต่อไปก็จะเป็น พี่ชายบุญธรรม อย่าง คุจิกิ เบียคุยะ
ปล. ชอบรูปนี้ แสดงให้เห็นว่า ชายหน้าเถื่อนๆก็พ่อบ้านพ่อเรื่อนนะ (เหมือนกับชูเฮย์เลย)
[Bleach] ความสัมพันธ์ระหว่างคุจิกิ ลูเคียกับหนุ่มๆในเรื่อง bleach (ฉบับแก้ตัว)
และเพื่อความสะดวกในการเม้ามอย ขอเรียงลำดับการพบหนุ่มๆในเรื่องตั้งแต่เด็กจนโตเลยก็แล้วกัน อาจจะไม่ครอบคลุมหมดเพราะอาศัยความจำล้วนๆ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วย
เนื่องจากกระทู้ที่แล้วตีตกหายไป ขอนำมาไว้ข้างบนอีกทีนะคะ แล้วส่วนที่ทำสีเหลืองไว้จะเป็นส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาทีหลัง
คนแรก – อาบาราอิ เร็นจิ
ชายหนุ่มผมแดงหน้าตาดุดันและเจ้าของรอยสักที่ลามเถิกไปจนถึงคิ้ว เจ้าของตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นตำแหน่งอาถรรพ์จริงๆ เป็นเพื่อนสมัยเด็กทีไรแห้วทุกที แถมชื่อยังเป็นลางอีกว่าเฟรนด์โซนตลอดชีพ (เร็นจิ – ความรักที่รองลงมา)
พวกเขามาเจอกันได้อย่างไร?
มังงะ - ลูเคียได้พบเขาครั้งแรกตอนที่ช่วยพวกเร็นจิไว้ขณะที่พวกเขากำลังขโมยน้ำ และกลายเป็นเพื่อนร่วมแก๊งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แทบทุกคนในแก๊งชอบลูเคียกันหมด ยกเว้นเร็นจิ เพราะว่าเขาเคยเป็นดาวเด่นเดอะสตาร์ในกลุ่มเพื่อนเพราะมีพลังวิญญาณ แต่เจ้ลูเคียกลับมาซะงั้น แถมหน้าตาก็น่ารักกว่า เร็นจิเลยรู้สึกเหมือนโดนแย่งพวกพ้องไป
เวลาสนุกสนานผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆที่ไร้แรงดันวิญญาณต่างล้มหายตายจากกันไปหมด เหลือเพียงลูเคียกับเร็นจิที่บัดนี้เติบโตเป็นวัยรุ่นแล้วจ้องมองป้ายหลุมศพของเพื่อนที่เพิ่งจากไป
ตรงนี้ล่ะค่ะ ต่อมจิ้นเร็นลูเริ่มทำงานแล้ว
เขตที่ลูเคียกับเร็นจิอยู่คือเขต อินุซึริ ซึ่งเร็นจิออกปากเองว่า “เด็กๆคือหมาข้างถนน ผู้ใหญ่ไม่ขโมยก็ฆ่าคน” พูดง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับแหล่งสลัมในโลกของเรา ที่เด็กๆพร้อมจะซึมซับอาชญากรรมได้ทุกรูปแบบ รวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร...
คำถามคือ เร็นจิกับลูเคียรอดพ้นจากภาวะนั้นมาได้อย่างไร?
ถ้าจะมองอย่างสวยหรู พวกเขาอาจมีวุฒิภาวะพอที่จะไม่หวั่นไหวกันและกัน...แต่ในความเป็นจริงถ้าเทียบอายุกัน ลูเคียกับเร็นจิก็แค่ 14-15 นะ (อ้างอิงหลักสูตร 6 ปี ของโรงเรียนยมทูต) ทั้งสองยังเด็กมาก ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีใครที่จะมาบอกว่าเรื่องใดผิดถูก โลกทั้งใบในขณะนั้นมีแค่เราสองคนที่เหลืออยู่ นี่ถ้านังหมาน้อยไม่คิดเล็กคิดน้อยล่ะก็ หมาจรจัดคงได้สอยดวงดารามาเคี้ยวเล่นเป็นฮันนี่สตาร์ไปแล้ว
เสียดายที่เร็นจิเป็นคนดี เมื่อเป็นคนดีจงไร้แฟนต่อไปนะจ๊ะ นะจ๊ะ
ในขณะที่เร็นจิเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อแอบชอบเธอ ลูเคียล่ะ? ตอนที่เธอเข้าเรียนโรงเรียนยมทูตพร้อมเร็นจิ เร็นจิที่พื้นฐานพลังดีกว่าได้ไปอยู่ห้องคิง ขณะที่ลูเคียต้องอยู่ห้องเกือบบ๊วย และไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว ดังนั้นเมื่อเธอเห็นเร็นจิดูมีความสุขกับเพื่อนใหม่ เธอจึงรู้สึกเหงาจับใจ
ความสัมพันธ์ของเร็นจิกับลูเคียสะบั้นลงเพราะมือที่สาม เอ้ย ท่านพี่เบียคุยะรับเธอไปเลี้ยงดูในฐานะน้องสาวบุญธรรม ระยะห่างของเขากับเธอมีมากขึ้น ลูเคียเห็นเร็นจิเป็นฟางเส้นสุดท้าย เพราะเธอไม่อยากตัดสัมพันธ์กับเขา พยายามใช้คำพูดอ้อมๆพยายามบอกว่าเธอไม่อยากได้ แต่แทนที่เร็นจิจะรั้งเธอไว้ เขากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม...
เขาปล่อยเธอไป..
และคิดแทนลูเคียว่าเธอต้องมีความสุขเมื่ออยู่กับคนรวยๆ มีข้าวของเงินทองพร้อมพรั่ง ทั้งๆที่ความจริงลูเคียต้องการสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น นั่นคือ สายสัมพันธ์...แทนที่เธอจะต่อว่า เธอกลับมองเขาด้วยสายตาผิดหวังเพราะรู้ว่า ฟางเส้นสุดท้ายนั้นได้ขาดสะบั้นลงแล้ว เธอดึงมือเร็นจิออกจากไหล่เธอ แล้วเดินออกไป
ซึ่งในมังงะไม่ได้เห็นหน้าว่าลูเคียรู้สึกยังไง แต่ในอนิเมะทำให้เห็นว่า เธอหลั่งน้ำตา...แม้เพียงหยดเดียวก็สั่นสะเทือนคนที่นั่งดูได้อย่างมากมาย ซึ่งตอนนั้นเร็นจิไม่ได้เห็น แต่เขาเองก็รู้สึกแย่ที่พูดแบบนี้ออกไปเหมือนกัน
กว่าเร็นจิจะรู้ตัวก็นู่นนน ปาไป 50 ปี ตอนที่เธอกำลังจะถูกตัดสินประหาร พี่ชายบุญธรรมที่เขาหวังจะให้ช่วยลูเคียก็ไม่ช่วย ต้องรอให้เรียวกะมาผ่าซีกเรียกสตินั่นแหละ ถึงจะยอมฝึกบังไคเพื่อช่วยเธอ ยอมสู้กับคนทั้งหน่วยที่พยายามขัดขวางเขาเพื่อเธอ ยอมสู้กับพี่ชายหัวดื้อที่พยายามขัดขวางเขาไม่ให้ช่วยเหลือลูเคีย จนตัวเองต้องบาดเจ็บปางตาย แม้แต่ปล้องดาบบังไคของฮีฮีโอซาบิมารุก็ถูกทำให้เสียหายไม่อาจซ่อมคืนได้จนกระทั่ง หลวงพ่อลวงตา ฮัตสึเบย์ ช่วยซ่อมแซมให้ หาญกล้าต่อกรกับไอเซ็น อดีตหัวหน้าหน่วยที่ตนเคยสังกัดอยู่ เพื่อปกป้องลูเคีย จนตัวเองที่บาดเจ็บจากเบียคุยะไม่หายดี ต้องบาดเจ็บซ้ำสอง หมดสภาพต่อสู้ต่อได้
เห็นได้ว่าเขาก็ทุ่มเทเพื่อลูเคียไม่แพ้หนุ่มๆคนไหนเช่นกัน
ซึ่งสำหรับ จขกท. ถือว่ามันยังไม่สายเกินไปนะ เพราะสุดท้ายเร็นจิก็ได้โอกาสกลับมาแก้ตัว พร้อมกับฐานะรองหัวหน้าหน่วยที่จะสามารถเดินเคียงข้างคุณหนูคุจิกิอย่างเธอได้อย่างภาคภูมิ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างลูเคียกับเร็นจิ ถือว่าอยู่ในขั้นฟื้นตัว แต่ก็มีโอกาสได้อยู่กับลูเคียสูงมาก ทั้งสองมีเวลาที่จะเปลี่ยนสถานะตัวเองจากเพื่อนเป็นอย่างอื่นได้อีกหลายร้อยปี แถมยังได้ไปฝึกด้วยกันที่วังราชันย์ด้วยกันอีก ดังนั้นเร็นจิในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นคนที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยทีเดียวค่ะ
อนิเมะ – บทบาทในภาคอนิเมะ เร็นจิมีบทบาทมากพอสมควรค่ะ และส่วนใหญ่จะออกคู่กับลูเคียโดยตลอด เรียกว่าแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็เป็นได้ แต่ออกมาก็ถูกฉีกแยกไปจิ้มนม เอ้ย มีบทบาทกับคนอื่นๆซะแล้ว ก็เลยรู้สึกเสียดายนิดๆเหมือนกัน แต่ก็มีบางตอนที่ทำให้เราเห็นว่าเร็นจินี่แคร์ความรู้สึกของลูเคียมากเลย อย่าง มีอยู่ตอนหนึ่งที่ลูเคียได้รับมอบหมายจากเบียคุยะให้ร่ายรำในงานเดียวกับที่ฮิซานะเคยร่ายรำ แถมการันตีจากพี่เขยว่าฮิซานะรำได้อย่างสวยงามด้วย โดนกดดันมาขนาดนี้เป็นเรื่องที่ลูเคียจะต้องประหม่าและตื่นเต้น เร็นจิเห็นแบบนั้นเลยพยายามทำให้ลูเคียมั่นใจค่ะด้วยการพาไปก๊งเบียร์ ไปซ้อมดาบกับเคมปาจิ (อันนี้ตั้งใจพาไปผ่อนคลายหรือพาไปฆ่าวะคะ?) สุดท้ายคือให้คัดอักษร แต่ไม่ได้ผลค่ะ ยิ่งทำเธอยิ่งเครียด ก็เลยไล่เร็นจิไป แต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ เร็นจิเกิดสะดุดล้ม ทำเอาถาดหมึกที่วางไว้กระเซ็นไปถูกกิโมโนที่จะใช้ในงาน ลูเคียโกรธมาก ตะเพิดนังหมาน้อยออกจากบ้าน แต่สุดท้ายท่านพี่เบียก็มาแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน และให้เธอเห็นความดีเร็นจิที่ทำเพื่อเธอ สุดท้ายเร็นจิก็ได้จดหมายจากลูเคียที่ขอบคุณเขาและเชิญเขาให้ไปดูเธอร่ายรำค่ะ ซึ่งอนิเมตอนนี้เราชอบนะ น่ารักดี อ้อ มีอีกตอนหนึ่งเป็นการ์ตูนแถมในภาคดาบฟันวิญญาณ ลูเคียที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้กับ โซเดะโนะชิรายูกิ เข้าพักรักษาตัวในหน่วย 4 เร็นจิที่เห็นลูเคียบาดเจ็บจึงคิดซื้อจั๊ปปี้ไปเป็นของเยี่ยมไข้เธอ แต่ด้วยความเบี้ยน้อยหอยน้อย (เพราะเอาเงินส่วนใหญ่ไปถลุงกับแว่นตาหมดนี่น้า ใช้เงินมือเติบแบบนี้สาวไหนจะกล้าร่วมชีวิตด้วย) ก็เลยได้เป็นตุ๊กตาพวงกุญแจตัวเล็กๆมา เมื่อไปถึงหน่วย 4 ก็เห็นลูเคียนั่งมองหน้าต่างยิ้มแป้นอยู่ เร็นจิก็เลยถาม ลูเคียบอกว่า อุคิทาเกะเอาจั๊ปปี้มาเป็นของเยี่ยมเธอ เร็นจิมองตามก็ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะว่ามันคือบอลลูนจั๊ปปี้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่เหนือโซเคียคุ พร้อมป้ายขนาดใหญ่เขียน “หายไวๆนะ คุจิกิ”
“น่ารักใช่ม้า เร็นจิ?” เสียงลูเคียยังเต็มไปด้วยความฟิน
เร็นจิยิ้มแหย เขารีบเอาจั๊ปปี้ที่อุตส่าห์ซื้อมาซ่อนไว้ข้างหลัง เมื่อเธอถามเขาว่ามีอะไรเขาก็ได้แต่ตอบว่า
“เปล๊า ไม่มีอะไร”
จขกท.สงสารนายมาก ณ จุดนี้ ที่จริงนายให้ไปเถอะนะ ลูเคียเค้าก็ดีใจเหมือนกันแหละ
ฉบับนิยาย – เนื่องจากนิยายบลีชก็มีอยู่หลายเล่ม แต่ขอยกมา 2 เล่มคือ Honey Dish Rhapsody กับ The Death Save The Strawberry ของ คุณ มัตสึบาระ มาโคโตะ นะคะ เพราะคนเขียนท่านนี้จะเขียนนิยายที่เน้นมุมมองของลูเคียเป็นพิเศษค่ะ ในเล่มแรกนั้น เร็นจิ มีบทบาทในการกินของกินที่เจ้ทำให้ท่านพี่แต่ท่านพี่กินไม่ได้ค่ะ ซึ่งของกินนั้นคือ เซนไซ (แป้งต้มราดถั่วแดงกวน) ซึ่งเขาโผล่ออกมาชิมซะพูนถ้วยและออกปากชมว่า “อร่อย” ด้วย แถมทำให้เราได้รับข้อมูลเพิ่มว่า สมัยเด็กฝีมือทำอาหารของเจ้ลูเคียไม่ได้เรื่องแค่ไหน และเริ่มสงสัยว่าไปหัดทำกับข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ส่วนเล่มต่อมา เขาจะมีบทบาทในการช่วยลูเคียนำพลังยมทูตคืนให้อิจิโกะ โดยที่ลูเคียเป็นคนโทรหาเร็นจิเป็นคนแรกค่ะ
สำหรับความสัมพันธ์ของลูเคียกับเร็นจิเท่าที่จำได้ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะค่ะ ต่อไปก็จะเป็น พี่ชายบุญธรรม อย่าง คุจิกิ เบียคุยะ
ปล. ชอบรูปนี้ แสดงให้เห็นว่า ชายหน้าเถื่อนๆก็พ่อบ้านพ่อเรื่อนนะ (เหมือนกับชูเฮย์เลย)