พระอภัยมณี ฉบับเร่งรัด ๘ ก.พ.๕๘

พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด

ชุดที่ ๒ นางมัจฉาผู้อาภัพ

ตอนที่ ๒ ดังฟ้าฟาดทรวงแยกให้แตกฉาน

ฑ.มณฑา

เมื่อ พระอภัยมณี ร่ำลา นางเงือกสาว ภรรยาคนที่สองเรียบร้อยแล้ว ก็พา สินสมุท บุตรชาย และบรรดาชาวเรือแตกทั้งหลาย
กราบลาพระอาจารย์แห่งเกาะแก้วพิศดาร ลงเรือสำเภาของ ท้าวสิลราช ไป นายท้ายก็ชักใบเรือขึ้นยอดเสากระโดง
ออกเรือตั้งเข็มบ่ายหน้าไปทางทิศอิสาน แล่นลับหายไปจากสายตาของนางเงือกน้อย
ซึ่งได้แต่ตั้งความหวังว่า สามีสุดที่รักคงจะหวนกลับมาในวันหนึ่งข้างหน้า
หารู้ไม่ว่า พอพระอภัยขึ้นไปอยู่บนเรือแล้วก็ปล่อยใจให้หลงรัก นางสุวรรณมาลี พระธิดาของท้าวสิลราช
จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวยาวยืด ระหกระเหินต่อไปอีกหลายสิบปี จนไม่มีเวลาที่จะนึกถึงนางเงือกน้อยผู้อาภัพนี้เลย

หลังจากที่พระอภัยได้เดินทาง ออกจากเกาะแก้วพิศดารไปแล้วประมาณเจ็ดเดือน นางเงือกก็ครบกำหนดจะคลอดบุตร
คืนหนึ่งจึงให้เจ็บครรภ์เป็นอันมาก ทั้งเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็น และทั้งหวาดกลัวที่ต้องอยู่แต่ผู้เดียว ไม่เห็นหน้าผู้ใด
ก็ได้แต่นอนกลิ้งเกลือกร่ำไห้อยู่บนแท่นชายน้ำนั้น แล้วก็คร่ำครวญถึงพระดาบสให้ช่วยด้วย จนถึงกับสลบไสลไปกับที่

พระมุนีกำลังนั่งกรรมฐานอยู่ที่ศาลา ก็แจ้งใจในทุกข์ร้อนของนางเงือก จึงหิ้วโคมไฟเดินมาดู
เห็นนางสลบอยู่ก็เป่าคาถาอาคมให้มีกำลังวังชา จนนางจึงค่อยฟื้นคืนสมประดีขึ้นมา นางก็กราบไหว้ขอให้ช่วยเหลือ
ทั้งที่กำลังครวญครางอยู่ด้วยความเจ็บปวด พระฤาษีอารมณ์ดีก็หัวเราะ

พระดาบสอดปากมิอยากได้
ใครใช้ให้รักกันหนักหนา
ส่วนลูกไม่ออกสิบอกตา
สมน้ำหน้าปวดท้องร้องเบยเบย
แล้วจับยามสามตาตำราปลอด
จวนจะคลอดแล้วละหวาสีกาเอ๋ย
กูถูกต้องท้องไส้ไม่ได้เลย
ยังไม่เคยพบเห็นเหมือนเช่นนี้ ฯ

ว่าแล้วพระมุนีก็ถอยห่างออกไปแอบเสียที่ข้างภูเขา พลางร่ายมนต์เสกเป่าปัดป้องขจัดผีร้าย ไม่ให้มีเภทภัยมาแผ้วพาน
นางเงือกจึงคลอดบุตรออกมาเป็นชาย มีกำลังกายแข็งแรงสามารถลุกนั่ง และคลานเข้ามากอดมารดาได้ทันที
นางเงือกก็พาลงอาบน้ำชำระร่างกาย ลูกน้อยก็ว่ายน้ำดำน้ำได้อย่างปลา เสร็จแล้วก็อุ้มขึ้นนั่งบนแท่น ให้ลูกกินนม

ฝ่ายโยคีนิ่งนั่งได้ฟังเสียง
จึงแอบเมียงมาชะโงกริมโกรกผา
เห็นกุมารคลานได้มิใช่ปลา
หัวร่อร่าร้องไม่เป็นไรแล้ว
เข้าอุ้มชูดูหลานสงสารนัก
ไม่รู้จักเจรจาตาแจ๋วแหวว
แต่ลักษณะจะฉลาดไม่คลาดแคล้ว
ดูผ่องแผ้วเหมือนพ่อหนอสีกา ฯ

นางเงือกจึงขอฝากพระฤาษีให้ช่วยเลี้ยงดูด้วย

นางเงือกน้ำคำรพอภิวาท
ข้าเป็นชาติเชื้อสัตว์เหมือนมัจฉา
จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมนุษย์สุดปัญญา
ขอฝากฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์
ช่วยเลี้ยงดูกุมารเหมือนหลานเถิด
เสียแรงเกิดกายมาจะอาสัญ
อันข้านี้วิสัยอยู่ไกลกัน
เช้ากลางวันเย็นลงจะส่งนม ฯ

พระฤาษีก็ยินดีรับไว้ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กและไม่มีสมบัติอะไรเลย
แต่ยังไงก็ต้องช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไปตามมีตามเกิด ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่รอดแน่
แล้วก็ตั้งชื่อให้

ฤกษ์วันนี้ตรีจันทร์เป็นวันโชค
ต้องโฉลกลัคนามหาอุด
จะให้นามตามอย่างข้างมนุษย์
ให้ชื่อ สุดสาคร อวยพรชัย ฯ

นางเงือกก็มอบของขวัญจากพระอภัยมณีผู้บิดา ซึ่งได้แอบซ่อนไว้ให้พระเจ้าตา เก็บเอาไว้ให้ลูกน้อยต่อไป

โอ้เกิดมาอาภัพอัปภาคย์
จะจำจากมารดานิจจาเอ๋ย
อย่าเศร้าสร้อยน้อยใจอาลัยเลย
บุญแม่เคยครองเลี้ยงเจ้าเพียงนั้น
ไปชาติหน้ามาเกิดกับอกแม่
อย่าห่างแหเสน่หาจนอาสัญ
ในชาตินี้วิบากจะจากกัน
เพราะต่างพันธุ์ผิดเพศสังเวชใจ ฯ

พระอาจารย์ก็อุ้มสุดสาคร พาไปเลี้ยงดูอยู่ที่อาศรมของท่าน แล้วก็เนรมิตรเครื่องใช้ในการเลี้ยงเด็กอ่อนเอาเอง

ถึงดึกดื่นตื่นนอนป้อนกล้วยน้ำ
กุมารกล้ำกลืนกินจนสิ้นหวี
ทั้งฟูกเบาะเมาะหมอนอ่อนอินทรีย์
พระโยคีคอยระวังเป็นกังวล
ครั้นรุ่งอุ้มดุ่มเดินไปเนินเขา
ให้ดื่มเต้ากษิราสี่ห้าหน
เป็นแถวเทือกเงือกบุรุษมนุษย์ปน
แรงกว่าคนเมืองเราชาวบุรี ฯ

พระดาบสได้เลี้ยงสุดสาครมาครบสิบเดือน ก็โตใหญ่ตัวอ้วนขาวมีกำลังแข็งแรงเหมือนเด็กสักสิบขวบ
วิ่งเล่นได้ไกลเที่ยวไล่ขี่วัวควายบนเกาะ และลงอาบน้ำปล้ำกับปลาเล่นทุกวัน
พอว่างพระเจ้าตาก็สอนให้หลาน อ่านเขียนเรียนวิชาการต่าง ๆ เหมือนที่ได้เคยสอนแก่ สินสมุท พี่ชายมาแล้ว
ทั้งหลวงตา นางเงือกผู้มารดาและสุดสาคร ก็อยู่ด้วยกันมาอย่างเป็นสุข จนเด็กน้อยอายุได้สามขวบ

วันหนึ่งสุดสาครลงเล่นน้ำ เกิดไปเจอม้ามังกร ซึ่งตัวเป็นม้า หน้าเป็นมังกร มีหาง อย่างนาค ก็ต่อสู้กันอยู่จนค่ำมืด
ม้ามังกรนั้นทั้งขบกัด แต่สุดสาครก็ไม่เป็นอันตราย จึงวิ่งกลับมาหาพระเจ้าตาและเล่าเรื่องให้ฟัง
พระฤาษีก็รู้ว่าเป็นสัตว์ลูกผสมมีฤทธิ์เดชมาก จึงบอกมนต์พระเวทวิเศษสำหรับปราบม้า
และเอาหวายมาเสกให้ใช้เป็นบังเหียน
เช้าวันรุ่งขึ้นสุดสาครก็ออกไปปราบม้ามังกร และจับตัวมาได้ ม้านั้นยอมให้ขับขี่ได้ตามใจไม่ดื้อดึงต่อสู้
สุดสาครจึงขี่ควบมาอวดพระเจ้าตาที่หน้ากุฏิ

พระนักสิทธิ์พิศดูเป็นครู่พัก
หัวร่อคักรูปร่างมันช่างขัน
เมื่อตัวเดียวเจียวกลายเป็นหลายพันธุ์
กำลังมันมากนักเหมือนยักษ์มาร
กินคนผู้ปูปลาหญ้าใบไม้
มันทำได้หลายเล่ห์อ้ายเดรัจฉาน
เขี้ยวเป็นเพชรเกล็ดเป็นนิลลิ้นเป็นปาน
ถึงเอาขวานฟันฟาดไม่ขาดรอน
เจ้าได้ม้าพาหนะตัวนี้ไว้
จะพ้นภัยภิญโญสโมสร
ให้ชื่อว่า ม้านิลมังกร
จงถาวรพูนสวัสดิ์แก่นัดดา ฯ

แล้วพระฤาษีก็เล่าเรื่องบิดาเมื่อสามปีที่แล้วให้ฟังว่า

บิดาเจ้าเหล่ากอหน่อกษัตริย์
บุรีรัตน์พลัดพรากจากสถาน
มาถึงกูอยู่ศาลานี่ช้านาน
พึ่งโดยสารไปบุรีเมื่อปีจอ
ประเดี๋ยวนี้ปีชวดฉศกแล้ว
เกิดหลานแก้วสามปีเข้านี่หนอ
แล้วบอกความนามกรทั้งเหล่ากอ
แต่ชื่อพ่อชื่อพระอภัยมณี
เจ้าจงคิดติดตามไต่ถามหา
พบบิดาได้บำรุงซึ่งกรุงศรี
สืบตระกูลพูลสวัสดิ์ปัถพี
อยู่ที่นี่นิ่งเปล่าไม่เข้าการ ฯ

สุดสาครก็คิดถึงบิดา จะขอลาไปตามหาพระอภัย พระฤาษีก็มอบไม้เท้าวิเศษให้ถือไว้เป็นอาวุธคู่มือ
ป้องกันภัยอันตรายได้ทุกอย่าง แล้วก็จัดแจงแต่งกายสุดสาครเป็นฤาษีน้อย และให้ไปลามารดา

พอนางเงือกเห็นบุตรน้อยแต่งกายเป็นเพศฤาษี ก็ทักว่าจะอดนมรักษาพรตจนเป็นสมภารหรือ
สุดสาครก็ค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่ได้ม้ามังกรและจะขอลา ไปตามหาบิดาที่ในเมือง
นางเงือกก็ต้องทุกข์โทมนัสใจ ที่จะต้องพลัดพรากจากลูกอีกครั้ง หลังจากที่สามีได้ลาจากไปเมื่อสามปีก่อน

นางดูหน้าอาลัยใจจะขาด
ดังฟ้าฟาดทรวงแยกให้แตกฉาน
สอื้นอั้นตันใจอาลัยลาน
แสนสงสารโศกาแล้วว่าพลาง
โอ้ทูนหัวตัวแม่นี้ไม่ห้าม
สุดแต่ตามใจปองอย่าหมองหมาง
แต่ปราณีที่ไม่แจ้งรู้แห่งทาง
จะอ้างว้างวิญญาในวารี
เคยกินนมชมชื่นระรื่นรส
พ่อจะอดนมหมองละอองศรี
ทั้งย่อมเยาว์เบาความได้สามปี
เล็กเท่านี้จะไปกระไรเลย ฯ

นางเงือกเป็นห่วงลูกว่าจะได้รับอันตรายกลางทาง แต่สุดสาครก็รับรองว่าไม่ต้องเป็นห่วง
เพราะมีม้ามังกร ไม้เท้ากายสิทธิ์ และวิชาอาคมที่พระเจ้าตาสอนให้ พอที่จะป้องกันตัวได้
นางเงือกน้อยจึงไม่สามารถจะขัดขวางหรือห้ามปรามได้ แต่สั่งไว้ว่า

พ่อไปปะบิดาแล้วอย่ากลับ
จงอยู่กับภูวนาทเหมือนมาดหมาย
แม้นลูกยาผาสุขสนุกสบาย
ถึงแม่ตายเสียก็ไม่อาลัยตัว
ถ้าเที่ยวไปไม่พบตลบหลัง
มาเหมือนสั่งอย่าสูญนะทูนหัว
แม่อยู่นี่มิเป็นไรดอกไม่กลัว
จะฝากตัวดาบสจนปลดปลง
พ่อไปถึงจึงทูลมูลเหตุ
ให้ทรงเดชทราบความตามประสงค์
ว่าชาตินี้มิได้ปะกับพระองค์
ขอดำรงรองบาททุกชาติไป ฯ

ฤาษีน้อยก็รับพรของแม่แล้วก็ยืนยันว่า จะไปไม่นานนัก เมื่อสำเร็จการที่คิดไว้แล้ว ก็จะกลับมาหามารดา
จากนั้นก็ควบพระยาม้านิลมังกร วิ่งไปบนผิวน้ำลับหายจากสายตาไปอีกคนหนึ่ง

นางเงือกมัจฉาวิลาวัลย์ ก็ได้แต่ตั้งความหวังเอาไว้อีกครั้งหนึ่งว่า คงจะมีโอกาสได้พบหน้าลูกสักครั้งก่อนจะตาย
แต่ปรากฎว่าสุดสาครได้จากแม่ไปนานถึงสี่สิบกว่าปี จึงได้กลับมาพบกันในตอนจบ
สิ้นชุดสมุดไท ของวรรณคดีเรื่องที่เด่นที่สุด ในยุครัตนโกสินทร์นี้.

##########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่